โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.68K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
96) ข้าติดสินบนเจ้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเด็กผู้หญิงที่อยู่ในรถม้าเริ่มส่งเสียงกรี๊ด
อีเลียสก็เอาแต่ตะโกนว่าหยุดมันๆ
แล้วมุดผ่านหน้าต่างเข้าไปหมอบอยู่กับเด็กผู้หญิง
โลธอร์กับฟิโซเฟอร์ลุกขึ้นช่วยกันกระตุกบังเหียนม้า
แทนที่พวกมันจะหยุดกลับวิ่งเร็วขึ้น
ม้าทั้งคู่พาพวกเขาวิ่งฉวัดเฉวียนไปบนพื้นหญ้าหนานุ่ม
เด็กร่างอ้วนเงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องตกตะลึง
แนวป่าที่มีใบสีแดงปรากฏชัดตรงหน้า
“ เหวอ ”
เขาร้องอุทาน
อีเลียสนั้นแม้จะหวาดกลัว
เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
เขาก็ปีนกลับมาช่วยเพื่อน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
เด็กชายชาวซีนาร์ยมองเห็นเส้นสีขาวพุ่งผ่านไปบนพื้นหญ้า
รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
มันคือม้าสีขาวปราดเปรียวตัวหนึ่ง
เจ้าของร่างบนหลังม้าชี้ปลายคทามายังเบ็ตตี้กับเบ็ตเต้อร์
แล้วพาวิ่งวนเป็นวงกลม
ม้าทั้งสองของเขาหมุนหัววิ่งตามไปทันที
ทั้งหมดค่อยๆ ลดความเร็วลง
จนหยุดนิ่งในที่สุด
ดารีลหมุนคทาในมือด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย
ดวงตาคมกริบจับจ้องเด็กๆ ทีละคน
สุดท้ายก็มาหยุดที่ฟิโลโซเฟอร์
“ เจ้าอีกแล้วหรือ ”
น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความเหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“ ข้าทำไม ”
เด็กชายก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
พ่อมดน้อยเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วจึงว่า
“ ม้าตัวเดียวหากได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็สามารถใช้วิ่งในป่ารกได้ แต่ม้าสองตัวพร้อมกับรถม้าคันใหญ่เจ้าจะพาวิ่งฝ่าเข้ากลางป่าไม่ได้ เว้นแต่ป่านั่นจะมีถนนตัดผ่าน เจ้าน่ะจะทำตัวซุกซนก็ควรมีขอบเขต ไม่คิดว่าที่ทำมันมากเกินไปหรือ แบบนี้พวกเจ้ากำลังพยายามฆ่าตัวตายหมู่ชัดๆ ”
ฟิโลโซเฟอร์กำลังจะเถียง
ก็มีม้ากลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึง
“ นายน้อย เหตุใดพรวดพราดออกมาแบบนี้ แล้วพวกนี้เป็นใคร ”
นายทหารคนหนึ่งกล่าว
เขาสวมหน้ากากสีขาวแต่ดูคุ้นตามาก
ในกลุ่มของพวกเขามีผู้ใช้เวทมนต์รวมอยู่ด้วยสองคน
ดารีลแกะห่อผ้าที่ผูกบนอานม้าแล้วโยนให้หนึ่งในนั้น
“ เจ้ามาทำอะไรแถวนี้ล่ะดารีล ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามบ้าง
“ เก็บสมุนไพรให้ท่านจอมวาลาน ”
หนุ่มน้อยรูปงามตอบเรื่อยๆ
“ เป็นหน้าที่ของเจ้าด้วยหรือ ”
“ ไม่ใช่หรอก แต่เป็นเพราะมีดารีลเท่านั้นที่สามารถแยกประเภทพืชที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกันได้ ยากลุ่มนี้มีความสำคัญจึงต้องขอให้เขามาช่วย ”
พ่อมดคนหนึ่งในคณะเป็นคนให้คำตอบ
“ อ้อ เด็กคนนั้นนี่เอง ”
นายทหารคนหนึ่งจำฟิโลโซเฟอร์ได้
“ มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ หรือเจ้าอยู่หมู่บ้านนอกกำแพงนั่น ”
คนพูดแสดงอาการรังเกียจออกมาอย่างเปิดเผย
“ เด็กคนนี้เป็นบุตรของอาเธอร์ สหายคนหนึ่งของท่านดาเรน เชื่อว่าพวกเจ้าต้องเคยรู้จักบิดาของเขามาก่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นจะพูดจาอะไรโปรดระวังกิริยาด้วย ”
ดารีลเตือนด้วยท่าทีเคร่งขรึม
เหล่าทหารอารักขาจึงสงบนิ่งลง
แต่ก็ยังไม่วายแอบกระซิบกระซาบต่อกัน
“ ดารีล เราต้องไปกันแล้ว ”
พ่อมดคนเดิมเตือน
“ พวกท่านไปก่อนเถอะ ของข้าก็ให้ไปหมดแล้ว ที่เหลือท่านจัดการกันเองได้มิใช่หรือ ข้ายังมีธุระอื่นอีกนิดหน่อย ”
“ แต่ท่านควรไปรับความดีความชอบด้วย ”
นายทหารของเขาท้วง
“ ท่านจอมเวทวาลานปราดเปรื่องพอน่า เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก ”
ดารีลตอบ
“ แต่เรายังมีเรื่องสำคัญอื่นอีกนะ อย่าเสียเวลาเลย ”
ดารีลโยนคทาในมือไปให้นายทหารคนนั้น
“ เอาล่ะ ทีนี้พอใจหรือยัง พวกเจ้าไปกันได้แล้ว รีบมากมิใช่หรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์เห็นดังนั้นก็ใจหายวาบ
เขารู้ว่าถ้าอยู่นอกกำแพงเมืองดารีลต้องถือคทาเสมอ
สิ่งที่เขาได้ทำลงไปเมื่อครู่
เป็นเครื่องหมายว่าเขาจะอยู่ที่นี่ไม่นานนัก
และก็เป็นจริงดังนั้น
เหล่าทหารคุ้มกันดูพึงพอใจ
และได้ขี่ม้ากลับเข้าเมืองไปก่อน
“ เอาล่ะ ทีนี้มาต่อเรื่องของเราให้จบๆ ไป ”
เขาหันมาทางกลุ่มเด็กๆ บนรถม้า
“ ข้าไม่ได้จะพาม้าวิ่งเข้าป่าเสียหน่อย แต่เป็นเพราะม้ามันตกใจเลยเตลิดไปแบบนี้ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยว่า
อีเลียสก็อยากช่วยแก้ตัวเหมือนกัน
แต่เมื่อเห็นดารีลอยู่ในอารมณ์ขุ่นเขาก็นั่งตัวลีบไม่กล้าพูดอะไร
“ จริงอยู่ ถ้าม้าตื่นก็ต้องเกิดเหตุแบบนี้ แต่พวกเจ้ามีตั้งสามคนถ้าช่วยกันดึงบังเหียนยันม้าไว้ ยังไงมันก็หยุด ยิ่งม้าเชื่องๆ แบบนี้ ต่อให้ตื่นตกใจอย่างไรมันก็ฟังคำสั่ง ”
เด็กชายสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ หรือว่าพวกเจ้าไม่ได้ทำแบบนั้น นี่ถามจริงขี่ม้ากันเป็นหรือเปล่า ”
ถึงเด็กๆ จะไม่ตอบอะไร
แต่สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาทำให้พ่อมดน้อยคาดเดาได้
“ บ้าจริง อีเลียสข้าอุตส่าห์เชื่อว่าเจ้าฉลาดที่สุด ในเวลานี้กลับไม่คิดเตือนเพื่อนเลยหรือ ”
เมื่อถูกกล่าวถึงตรงๆ เจ้าเด็กร่างผอมซีดก็ก้มหน้า
“ ข้ารู้ เจ้าเคยบอกว่าก่อนจะลงเรือข้าต้องว่ายน้ำเป็นเสียก่อน แต่นี่ข้ากำลังฝึกขี่ม้า ถ้าข้าไม่ขึ้นหลังม้าแล้วจะขี่ได้อย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์เถียง
“ อ้อ ใช้ได้นี่ ทุกวันนี้กล้าย้อนข้าด้วย ”
ดารีลว่าพลางทิ้งตัวลงจากหลังม้า
“ ข้าเคยเตือนเจ้าว่า แท้จริงข้านั้นชั่วร้ายมากและวันนี้เจ้าจะได้เห็น ”
หนุ่มน้อยรูปงามเดินตรงไปที่รถม้า
กระชากประตูเปิดออก
แล้วก้าวขึ้นไปบนนั้น
“ คาโอเรีย ข้ารู้เจ้าอยู่ที่นี่ ”
ดารีลเรียกนางด้วยเสียงอ่อนละมุน
เด็กหญิงแก้มร้อนผ่าวขึ้นทันที
แต่ตรงนี้ไม่มีที่ให้นางหลบ
พ่อมดน้อยหยิบถุงผ้าบรรจุขนมหวานส่งให้
มันเป็นถุงแบบเดียวกับของเจ้าหญิงลูเซียน่า
“ ข้าติดสินบนเจ้า ฟิโลโซเฟอร์สมควรได้รับโทษเพราะเขาเกือบทำทุกคนบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นจงบอกวีรกรรมนี้แก่มารดาของเจ้า ”
คาโอเรียพยักหน้าและรับขนมมาแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ เด็กบ้า เห็นของกินดีกว่าข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ถ้าข้าไม่เอาเรื่องเจ้าคงไม่ได้แล้ว ”
คนเป็นพี่เดือดจัด
“ อย่าไปกลัวข้ายืนข้างเจ้า หมอนั่นทำอะไรไม่ได้หรอก ”
เมื่อมีคนให้ท้าย
คาโอเรียก็ทำหน้ายียวนกลับมาทันที
ดารีลสั่งให้เรเวนม้าสีขาวของเขาวิ่งนำไปก่อน จากนั้นจึงปีนขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ ทำให้คู่หูอ้วนผอมต้องย้ายไปนั่งด้านในกับเด็กผู้หญิง มีเพียงเด็กชายชาวซีนาร์ยที่ยังกล้านั่งเฉยอยู่
“ นี่พวกเจ้าขี่รถม้าจากในเมืองมาถึงที่นี่เลยหรือ ข้าว่ามันไกลไปหน่อยนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ชี้ให้ดูบ้านหลังน้อยของเขา
“ พวกเราย้ายออกมานอกเมืองแล้ว ตั้งใจจะทำฟาร์มที่นี่ ข้ายังไม่มีโอกาสได้บอกแต่ตั้งใจว่าจะชวนเจ้ามาเที่ยวสักวันหนึ่ง ”
ดารีลไม่ว่าอะไร
แต่เขาส่งบังเหียนม้าให้เด็กที่นั่งข้างๆ
“ เจ้าคิดว่าอย่างไร ”
เด็กชายถามความเห็น
“ ให้ข้าตอบเรื่องอะไรล่ะ ระหว่างเรื่องบ้านกับเรื่องเที่ยว ”
“ ต้องเรื่องบ้านสิ คิดว่าคับแคบไปหรือเปล่า ถ้านอนค้างคืนจะไหวไหม ”
“ ข้าไม่นอนห้องใต้หลังคากับเจ้าแน่ ”
ดารีลตอบแบบไร้เยื่อใย
“ บางทีเจ้าอาจชอบก็ได้ใครจะรู้ หรืออยากจะนอนกลางทุ่งโล่งถ้าชอบกว้างๆ ”
หนุ่มน้อยรูปงามส่ายหน้า
“ เจ้านี่ไร้สาระเสียจริง ตั้งใจบังคับม้าหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะแกล้งให้มันเตลิด ”
“ ก็ลองดูสิ ข้าจะได้โยนบังเหียนคืนให้ ”
เด็กชายว่า
พวกเขาเดินทางผ่านบึงสีเขียวที่อยู่หลังบ้าน
ก่อนจะพาม้าเข้าไปเก็บในโรงนา
ดารีลสนใจบึงนั้นมาก
“ สวยใช่ไหมล่ะ ถ้าเจ้าอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลย ข้าน่ะพร้อมต้อนรับเสมอ ”
พ่อมดน้อยไม่ตอบอะไร
เขาผิวปากเรียกม้า
แล้วจากไปโดยไม่ล่ำลา
ฟีไลร่ามองตามหลังม้าตัวนั้น
ในใจก็ได้แต่สงสัย
นางเคยคิดว่าดารีลสนใจแค่คนชั้นสูงจึงเลือกเจ้าหญิงลูเซียน่า
แต่คราวนี้เขากลับยอมรับครอบครัวของฟิโลโซเฟอร์
ทั้งที่ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงแต่อย่างใด
บุคคลผู้นี้
ใช้หลักอะไรในการเลือกผู้ที่เขาจะไว้วางใจกันนะ
นางผู้ซึ่งทำได้แค่เฝ้ามอง
จะต้องทำอย่างไรบ้าง
เพื่อได้ใกล้ชิดมากกว่านี้
อีเลียสก็เอาแต่ตะโกนว่าหยุดมันๆ
แล้วมุดผ่านหน้าต่างเข้าไปหมอบอยู่กับเด็กผู้หญิง
โลธอร์กับฟิโซเฟอร์ลุกขึ้นช่วยกันกระตุกบังเหียนม้า
แทนที่พวกมันจะหยุดกลับวิ่งเร็วขึ้น
ม้าทั้งคู่พาพวกเขาวิ่งฉวัดเฉวียนไปบนพื้นหญ้าหนานุ่ม
เด็กร่างอ้วนเงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องตกตะลึง
แนวป่าที่มีใบสีแดงปรากฏชัดตรงหน้า
“ เหวอ ”
เขาร้องอุทาน
อีเลียสนั้นแม้จะหวาดกลัว
เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
เขาก็ปีนกลับมาช่วยเพื่อน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
เด็กชายชาวซีนาร์ยมองเห็นเส้นสีขาวพุ่งผ่านไปบนพื้นหญ้า
รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
มันคือม้าสีขาวปราดเปรียวตัวหนึ่ง
เจ้าของร่างบนหลังม้าชี้ปลายคทามายังเบ็ตตี้กับเบ็ตเต้อร์
แล้วพาวิ่งวนเป็นวงกลม
ม้าทั้งสองของเขาหมุนหัววิ่งตามไปทันที
ทั้งหมดค่อยๆ ลดความเร็วลง
จนหยุดนิ่งในที่สุด
ดารีลหมุนคทาในมือด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย
ดวงตาคมกริบจับจ้องเด็กๆ ทีละคน
สุดท้ายก็มาหยุดที่ฟิโลโซเฟอร์
“ เจ้าอีกแล้วหรือ ”
น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความเหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“ ข้าทำไม ”
เด็กชายก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
พ่อมดน้อยเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วจึงว่า
“ ม้าตัวเดียวหากได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็สามารถใช้วิ่งในป่ารกได้ แต่ม้าสองตัวพร้อมกับรถม้าคันใหญ่เจ้าจะพาวิ่งฝ่าเข้ากลางป่าไม่ได้ เว้นแต่ป่านั่นจะมีถนนตัดผ่าน เจ้าน่ะจะทำตัวซุกซนก็ควรมีขอบเขต ไม่คิดว่าที่ทำมันมากเกินไปหรือ แบบนี้พวกเจ้ากำลังพยายามฆ่าตัวตายหมู่ชัดๆ ”
ฟิโลโซเฟอร์กำลังจะเถียง
ก็มีม้ากลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึง
“ นายน้อย เหตุใดพรวดพราดออกมาแบบนี้ แล้วพวกนี้เป็นใคร ”
นายทหารคนหนึ่งกล่าว
เขาสวมหน้ากากสีขาวแต่ดูคุ้นตามาก
ในกลุ่มของพวกเขามีผู้ใช้เวทมนต์รวมอยู่ด้วยสองคน
ดารีลแกะห่อผ้าที่ผูกบนอานม้าแล้วโยนให้หนึ่งในนั้น
“ เจ้ามาทำอะไรแถวนี้ล่ะดารีล ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามบ้าง
“ เก็บสมุนไพรให้ท่านจอมวาลาน ”
หนุ่มน้อยรูปงามตอบเรื่อยๆ
“ เป็นหน้าที่ของเจ้าด้วยหรือ ”
“ ไม่ใช่หรอก แต่เป็นเพราะมีดารีลเท่านั้นที่สามารถแยกประเภทพืชที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกันได้ ยากลุ่มนี้มีความสำคัญจึงต้องขอให้เขามาช่วย ”
พ่อมดคนหนึ่งในคณะเป็นคนให้คำตอบ
“ อ้อ เด็กคนนั้นนี่เอง ”
นายทหารคนหนึ่งจำฟิโลโซเฟอร์ได้
“ มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ หรือเจ้าอยู่หมู่บ้านนอกกำแพงนั่น ”
คนพูดแสดงอาการรังเกียจออกมาอย่างเปิดเผย
“ เด็กคนนี้เป็นบุตรของอาเธอร์ สหายคนหนึ่งของท่านดาเรน เชื่อว่าพวกเจ้าต้องเคยรู้จักบิดาของเขามาก่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นจะพูดจาอะไรโปรดระวังกิริยาด้วย ”
ดารีลเตือนด้วยท่าทีเคร่งขรึม
เหล่าทหารอารักขาจึงสงบนิ่งลง
แต่ก็ยังไม่วายแอบกระซิบกระซาบต่อกัน
“ ดารีล เราต้องไปกันแล้ว ”
พ่อมดคนเดิมเตือน
“ พวกท่านไปก่อนเถอะ ของข้าก็ให้ไปหมดแล้ว ที่เหลือท่านจัดการกันเองได้มิใช่หรือ ข้ายังมีธุระอื่นอีกนิดหน่อย ”
“ แต่ท่านควรไปรับความดีความชอบด้วย ”
นายทหารของเขาท้วง
“ ท่านจอมเวทวาลานปราดเปรื่องพอน่า เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก ”
ดารีลตอบ
“ แต่เรายังมีเรื่องสำคัญอื่นอีกนะ อย่าเสียเวลาเลย ”
ดารีลโยนคทาในมือไปให้นายทหารคนนั้น
“ เอาล่ะ ทีนี้พอใจหรือยัง พวกเจ้าไปกันได้แล้ว รีบมากมิใช่หรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์เห็นดังนั้นก็ใจหายวาบ
เขารู้ว่าถ้าอยู่นอกกำแพงเมืองดารีลต้องถือคทาเสมอ
สิ่งที่เขาได้ทำลงไปเมื่อครู่
เป็นเครื่องหมายว่าเขาจะอยู่ที่นี่ไม่นานนัก
และก็เป็นจริงดังนั้น
เหล่าทหารคุ้มกันดูพึงพอใจ
และได้ขี่ม้ากลับเข้าเมืองไปก่อน
“ เอาล่ะ ทีนี้มาต่อเรื่องของเราให้จบๆ ไป ”
เขาหันมาทางกลุ่มเด็กๆ บนรถม้า
“ ข้าไม่ได้จะพาม้าวิ่งเข้าป่าเสียหน่อย แต่เป็นเพราะม้ามันตกใจเลยเตลิดไปแบบนี้ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยว่า
อีเลียสก็อยากช่วยแก้ตัวเหมือนกัน
แต่เมื่อเห็นดารีลอยู่ในอารมณ์ขุ่นเขาก็นั่งตัวลีบไม่กล้าพูดอะไร
“ จริงอยู่ ถ้าม้าตื่นก็ต้องเกิดเหตุแบบนี้ แต่พวกเจ้ามีตั้งสามคนถ้าช่วยกันดึงบังเหียนยันม้าไว้ ยังไงมันก็หยุด ยิ่งม้าเชื่องๆ แบบนี้ ต่อให้ตื่นตกใจอย่างไรมันก็ฟังคำสั่ง ”
เด็กชายสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ หรือว่าพวกเจ้าไม่ได้ทำแบบนั้น นี่ถามจริงขี่ม้ากันเป็นหรือเปล่า ”
ถึงเด็กๆ จะไม่ตอบอะไร
แต่สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาทำให้พ่อมดน้อยคาดเดาได้
“ บ้าจริง อีเลียสข้าอุตส่าห์เชื่อว่าเจ้าฉลาดที่สุด ในเวลานี้กลับไม่คิดเตือนเพื่อนเลยหรือ ”
เมื่อถูกกล่าวถึงตรงๆ เจ้าเด็กร่างผอมซีดก็ก้มหน้า
“ ข้ารู้ เจ้าเคยบอกว่าก่อนจะลงเรือข้าต้องว่ายน้ำเป็นเสียก่อน แต่นี่ข้ากำลังฝึกขี่ม้า ถ้าข้าไม่ขึ้นหลังม้าแล้วจะขี่ได้อย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์เถียง
“ อ้อ ใช้ได้นี่ ทุกวันนี้กล้าย้อนข้าด้วย ”
ดารีลว่าพลางทิ้งตัวลงจากหลังม้า
“ ข้าเคยเตือนเจ้าว่า แท้จริงข้านั้นชั่วร้ายมากและวันนี้เจ้าจะได้เห็น ”
หนุ่มน้อยรูปงามเดินตรงไปที่รถม้า
กระชากประตูเปิดออก
แล้วก้าวขึ้นไปบนนั้น
“ คาโอเรีย ข้ารู้เจ้าอยู่ที่นี่ ”
ดารีลเรียกนางด้วยเสียงอ่อนละมุน
เด็กหญิงแก้มร้อนผ่าวขึ้นทันที
แต่ตรงนี้ไม่มีที่ให้นางหลบ
พ่อมดน้อยหยิบถุงผ้าบรรจุขนมหวานส่งให้
มันเป็นถุงแบบเดียวกับของเจ้าหญิงลูเซียน่า
“ ข้าติดสินบนเจ้า ฟิโลโซเฟอร์สมควรได้รับโทษเพราะเขาเกือบทำทุกคนบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นจงบอกวีรกรรมนี้แก่มารดาของเจ้า ”
คาโอเรียพยักหน้าและรับขนมมาแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ เด็กบ้า เห็นของกินดีกว่าข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ถ้าข้าไม่เอาเรื่องเจ้าคงไม่ได้แล้ว ”
คนเป็นพี่เดือดจัด
“ อย่าไปกลัวข้ายืนข้างเจ้า หมอนั่นทำอะไรไม่ได้หรอก ”
เมื่อมีคนให้ท้าย
คาโอเรียก็ทำหน้ายียวนกลับมาทันที
ดารีลสั่งให้เรเวนม้าสีขาวของเขาวิ่งนำไปก่อน จากนั้นจึงปีนขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ ทำให้คู่หูอ้วนผอมต้องย้ายไปนั่งด้านในกับเด็กผู้หญิง มีเพียงเด็กชายชาวซีนาร์ยที่ยังกล้านั่งเฉยอยู่
“ นี่พวกเจ้าขี่รถม้าจากในเมืองมาถึงที่นี่เลยหรือ ข้าว่ามันไกลไปหน่อยนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ชี้ให้ดูบ้านหลังน้อยของเขา
“ พวกเราย้ายออกมานอกเมืองแล้ว ตั้งใจจะทำฟาร์มที่นี่ ข้ายังไม่มีโอกาสได้บอกแต่ตั้งใจว่าจะชวนเจ้ามาเที่ยวสักวันหนึ่ง ”
ดารีลไม่ว่าอะไร
แต่เขาส่งบังเหียนม้าให้เด็กที่นั่งข้างๆ
“ เจ้าคิดว่าอย่างไร ”
เด็กชายถามความเห็น
“ ให้ข้าตอบเรื่องอะไรล่ะ ระหว่างเรื่องบ้านกับเรื่องเที่ยว ”
“ ต้องเรื่องบ้านสิ คิดว่าคับแคบไปหรือเปล่า ถ้านอนค้างคืนจะไหวไหม ”
“ ข้าไม่นอนห้องใต้หลังคากับเจ้าแน่ ”
ดารีลตอบแบบไร้เยื่อใย
“ บางทีเจ้าอาจชอบก็ได้ใครจะรู้ หรืออยากจะนอนกลางทุ่งโล่งถ้าชอบกว้างๆ ”
หนุ่มน้อยรูปงามส่ายหน้า
“ เจ้านี่ไร้สาระเสียจริง ตั้งใจบังคับม้าหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะแกล้งให้มันเตลิด ”
“ ก็ลองดูสิ ข้าจะได้โยนบังเหียนคืนให้ ”
เด็กชายว่า
พวกเขาเดินทางผ่านบึงสีเขียวที่อยู่หลังบ้าน
ก่อนจะพาม้าเข้าไปเก็บในโรงนา
ดารีลสนใจบึงนั้นมาก
“ สวยใช่ไหมล่ะ ถ้าเจ้าอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลย ข้าน่ะพร้อมต้อนรับเสมอ ”
พ่อมดน้อยไม่ตอบอะไร
เขาผิวปากเรียกม้า
แล้วจากไปโดยไม่ล่ำลา
ฟีไลร่ามองตามหลังม้าตัวนั้น
ในใจก็ได้แต่สงสัย
นางเคยคิดว่าดารีลสนใจแค่คนชั้นสูงจึงเลือกเจ้าหญิงลูเซียน่า
แต่คราวนี้เขากลับยอมรับครอบครัวของฟิโลโซเฟอร์
ทั้งที่ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงแต่อย่างใด
บุคคลผู้นี้
ใช้หลักอะไรในการเลือกผู้ที่เขาจะไว้วางใจกันนะ
นางผู้ซึ่งทำได้แค่เฝ้ามอง
จะต้องทำอย่างไรบ้าง
เพื่อได้ใกล้ชิดมากกว่านี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ