โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  141.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

96) ข้าติดสินบนเจ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เด็กผู้หญิงที่อยู่ในรถม้าเริ่มส่งเสียงกรี๊ด

อีเลียสก็เอาแต่ตะโกนว่าหยุดมันๆ

แล้วมุดผ่านหน้าต่างเข้าไปหมอบอยู่กับเด็กผู้หญิง

 

โลธอร์กับฟิโซเฟอร์ลุกขึ้นช่วยกันกระตุกบังเหียนม้า

แทนที่พวกมันจะหยุดกลับวิ่งเร็วขึ้น

 

ม้าทั้งคู่พาพวกเขาวิ่งฉวัดเฉวียนไปบนพื้นหญ้าหนานุ่ม

เด็กร่างอ้วนเงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องตกตะลึง

แนวป่าที่มีใบสีแดงปรากฏชัดตรงหน้า

 

“ เหวอ ”

 

เขาร้องอุทาน

 

อีเลียสนั้นแม้จะหวาดกลัว

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน

เขาก็ปีนกลับมาช่วยเพื่อน

แต่ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยมองเห็นเส้นสีขาวพุ่งผ่านไปบนพื้นหญ้า

รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว

 

มันคือม้าสีขาวปราดเปรียวตัวหนึ่ง

เจ้าของร่างบนหลังม้าชี้ปลายคทามายังเบ็ตตี้กับเบ็ตเต้อร์

แล้วพาวิ่งวนเป็นวงกลม

 

ม้าทั้งสองของเขาหมุนหัววิ่งตามไปทันที

ทั้งหมดค่อยๆ ลดความเร็วลง

จนหยุดนิ่งในที่สุด

 

ดารีลหมุนคทาในมือด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย

ดวงตาคมกริบจับจ้องเด็กๆ ทีละคน

สุดท้ายก็มาหยุดที่ฟิโลโซเฟอร์

 

“ เจ้าอีกแล้วหรือ ”

 

น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความเหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด

 

“ ข้าทำไม ”

 

เด็กชายก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

 

พ่อมดน้อยเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วจึงว่า

 

“ ม้าตัวเดียวหากได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็สามารถใช้วิ่งในป่ารกได้    แต่ม้าสองตัวพร้อมกับรถม้าคันใหญ่เจ้าจะพาวิ่งฝ่าเข้ากลางป่าไม่ได้   เว้นแต่ป่านั่นจะมีถนนตัดผ่าน   เจ้าน่ะจะทำตัวซุกซนก็ควรมีขอบเขต   ไม่คิดว่าที่ทำมันมากเกินไปหรือ   แบบนี้พวกเจ้ากำลังพยายามฆ่าตัวตายหมู่ชัดๆ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์กำลังจะเถียง

ก็มีม้ากลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึง

 

“ นายน้อย   เหตุใดพรวดพราดออกมาแบบนี้   แล้วพวกนี้เป็นใคร ”

 

นายทหารคนหนึ่งกล่าว

เขาสวมหน้ากากสีขาวแต่ดูคุ้นตามาก

 

ในกลุ่มของพวกเขามีผู้ใช้เวทมนต์รวมอยู่ด้วยสองคน

ดารีลแกะห่อผ้าที่ผูกบนอานม้าแล้วโยนให้หนึ่งในนั้น

 

“ เจ้ามาทำอะไรแถวนี้ล่ะดารีล ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถามบ้าง

 

“ เก็บสมุนไพรให้ท่านจอมวาลาน ”

 

หนุ่มน้อยรูปงามตอบเรื่อยๆ

 

“ เป็นหน้าที่ของเจ้าด้วยหรือ ”

 

“ ไม่ใช่หรอก   แต่เป็นเพราะมีดารีลเท่านั้นที่สามารถแยกประเภทพืชที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกันได้   ยากลุ่มนี้มีความสำคัญจึงต้องขอให้เขามาช่วย ”

 

พ่อมดคนหนึ่งในคณะเป็นคนให้คำตอบ

 

“ อ้อ   เด็กคนนั้นนี่เอง ”

 

นายทหารคนหนึ่งจำฟิโลโซเฟอร์ได้

 

“ มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ   หรือเจ้าอยู่หมู่บ้านนอกกำแพงนั่น ”

 

คนพูดแสดงอาการรังเกียจออกมาอย่างเปิดเผย

 

“ เด็กคนนี้เป็นบุตรของอาเธอร์   สหายคนหนึ่งของท่านดาเรน   เชื่อว่าพวกเจ้าต้องเคยรู้จักบิดาของเขามาก่อนอย่างแน่นอน   ดังนั้นจะพูดจาอะไรโปรดระวังกิริยาด้วย ”

 

ดารีลเตือนด้วยท่าทีเคร่งขรึม

เหล่าทหารอารักขาจึงสงบนิ่งลง

แต่ก็ยังไม่วายแอบกระซิบกระซาบต่อกัน

 

“ ดารีล   เราต้องไปกันแล้ว ”

 

พ่อมดคนเดิมเตือน

 

“ พวกท่านไปก่อนเถอะ   ของข้าก็ให้ไปหมดแล้ว   ที่เหลือท่านจัดการกันเองได้มิใช่หรือ   ข้ายังมีธุระอื่นอีกนิดหน่อย ”

 

“ แต่ท่านควรไปรับความดีความชอบด้วย ”

 

นายทหารของเขาท้วง

 

“ ท่านจอมเวทวาลานปราดเปรื่องพอน่า   เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก ”  

 

ดารีลตอบ

 

“ แต่เรายังมีเรื่องสำคัญอื่นอีกนะ   อย่าเสียเวลาเลย ”

 

ดารีลโยนคทาในมือไปให้นายทหารคนนั้น

 

“ เอาล่ะ   ทีนี้พอใจหรือยัง   พวกเจ้าไปกันได้แล้ว   รีบมากมิใช่หรือ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์เห็นดังนั้นก็ใจหายวาบ

เขารู้ว่าถ้าอยู่นอกกำแพงเมืองดารีลต้องถือคทาเสมอ

 

สิ่งที่เขาได้ทำลงไปเมื่อครู่

เป็นเครื่องหมายว่าเขาจะอยู่ที่นี่ไม่นานนัก

 

และก็เป็นจริงดังนั้น

เหล่าทหารคุ้มกันดูพึงพอใจ

และได้ขี่ม้ากลับเข้าเมืองไปก่อน

 

“ เอาล่ะ   ทีนี้มาต่อเรื่องของเราให้จบๆ ไป ”

 

เขาหันมาทางกลุ่มเด็กๆ บนรถม้า

 

“ ข้าไม่ได้จะพาม้าวิ่งเข้าป่าเสียหน่อย   แต่เป็นเพราะม้ามันตกใจเลยเตลิดไปแบบนี้ ”

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยว่า

อีเลียสก็อยากช่วยแก้ตัวเหมือนกัน

แต่เมื่อเห็นดารีลอยู่ในอารมณ์ขุ่นเขาก็นั่งตัวลีบไม่กล้าพูดอะไร

 

“ จริงอยู่   ถ้าม้าตื่นก็ต้องเกิดเหตุแบบนี้   แต่พวกเจ้ามีตั้งสามคนถ้าช่วยกันดึงบังเหียนยันม้าไว้   ยังไงมันก็หยุด   ยิ่งม้าเชื่องๆ แบบนี้   ต่อให้ตื่นตกใจอย่างไรมันก็ฟังคำสั่ง ”

 

เด็กชายสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

 

“ หรือว่าพวกเจ้าไม่ได้ทำแบบนั้น   นี่ถามจริงขี่ม้ากันเป็นหรือเปล่า ”

 

ถึงเด็กๆ จะไม่ตอบอะไร

แต่สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาทำให้พ่อมดน้อยคาดเดาได้

 

“ บ้าจริง   อีเลียสข้าอุตส่าห์เชื่อว่าเจ้าฉลาดที่สุด   ในเวลานี้กลับไม่คิดเตือนเพื่อนเลยหรือ ”

 

เมื่อถูกกล่าวถึงตรงๆ เจ้าเด็กร่างผอมซีดก็ก้มหน้า

 

“ ข้ารู้   เจ้าเคยบอกว่าก่อนจะลงเรือข้าต้องว่ายน้ำเป็นเสียก่อน   แต่นี่ข้ากำลังฝึกขี่ม้า   ถ้าข้าไม่ขึ้นหลังม้าแล้วจะขี่ได้อย่างไร ”

 

ฟิโลโซเฟอร์เถียง

 

“ อ้อ   ใช้ได้นี่   ทุกวันนี้กล้าย้อนข้าด้วย ” 

 

ดารีลว่าพลางทิ้งตัวลงจากหลังม้า

 

“ ข้าเคยเตือนเจ้าว่า   แท้จริงข้านั้นชั่วร้ายมากและวันนี้เจ้าจะได้เห็น ”

 

หนุ่มน้อยรูปงามเดินตรงไปที่รถม้า

กระชากประตูเปิดออก

แล้วก้าวขึ้นไปบนนั้น

 

“ คาโอเรีย   ข้ารู้เจ้าอยู่ที่นี่ ”  

 

ดารีลเรียกนางด้วยเสียงอ่อนละมุน

เด็กหญิงแก้มร้อนผ่าวขึ้นทันที

แต่ตรงนี้ไม่มีที่ให้นางหลบ

 

พ่อมดน้อยหยิบถุงผ้าบรรจุขนมหวานส่งให้

มันเป็นถุงแบบเดียวกับของเจ้าหญิงลูเซียน่า

 

“ ข้าติดสินบนเจ้า   ฟิโลโซเฟอร์สมควรได้รับโทษเพราะเขาเกือบทำทุกคนบาดเจ็บ   เพราะฉะนั้นจงบอกวีรกรรมนี้แก่มารดาของเจ้า ”

 

คาโอเรียพยักหน้าและรับขนมมาแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด

 

“ เด็กบ้า   เห็นของกินดีกว่าข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน   แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน   ถ้าข้าไม่เอาเรื่องเจ้าคงไม่ได้แล้ว ”

 

คนเป็นพี่เดือดจัด

 

“ อย่าไปกลัวข้ายืนข้างเจ้า   หมอนั่นทำอะไรไม่ได้หรอก ”

 

เมื่อมีคนให้ท้าย

คาโอเรียก็ทำหน้ายียวนกลับมาทันที

 

 

            ดารีลสั่งให้เรเวนม้าสีขาวของเขาวิ่งนำไปก่อน   จากนั้นจึงปีนขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ   ทำให้คู่หูอ้วนผอมต้องย้ายไปนั่งด้านในกับเด็กผู้หญิง   มีเพียงเด็กชายชาวซีนาร์ยที่ยังกล้านั่งเฉยอยู่ 

 

“ นี่พวกเจ้าขี่รถม้าจากในเมืองมาถึงที่นี่เลยหรือ   ข้าว่ามันไกลไปหน่อยนะ ” 

 

ฟิโลโซเฟอร์ชี้ให้ดูบ้านหลังน้อยของเขา

 

“ พวกเราย้ายออกมานอกเมืองแล้ว   ตั้งใจจะทำฟาร์มที่นี่   ข้ายังไม่มีโอกาสได้บอกแต่ตั้งใจว่าจะชวนเจ้ามาเที่ยวสักวันหนึ่ง ”

 

ดารีลไม่ว่าอะไร

แต่เขาส่งบังเหียนม้าให้เด็กที่นั่งข้างๆ

 

“ เจ้าคิดว่าอย่างไร ”   

 

เด็กชายถามความเห็น

 

“ ให้ข้าตอบเรื่องอะไรล่ะ   ระหว่างเรื่องบ้านกับเรื่องเที่ยว ”

 

“ ต้องเรื่องบ้านสิ   คิดว่าคับแคบไปหรือเปล่า   ถ้านอนค้างคืนจะไหวไหม ”

 

“ ข้าไม่นอนห้องใต้หลังคากับเจ้าแน่ ”

 

ดารีลตอบแบบไร้เยื่อใย

 

“ บางทีเจ้าอาจชอบก็ได้ใครจะรู้   หรืออยากจะนอนกลางทุ่งโล่งถ้าชอบกว้างๆ ”

 

หนุ่มน้อยรูปงามส่ายหน้า

 

“ เจ้านี่ไร้สาระเสียจริง   ตั้งใจบังคับม้าหน่อย   ไม่อย่างนั้นข้าจะแกล้งให้มันเตลิด ”

 

“ ก็ลองดูสิ   ข้าจะได้โยนบังเหียนคืนให้ ”

 

เด็กชายว่า

พวกเขาเดินทางผ่านบึงสีเขียวที่อยู่หลังบ้าน

ก่อนจะพาม้าเข้าไปเก็บในโรงนา

 

ดารีลสนใจบึงนั้นมาก

 

“ สวยใช่ไหมล่ะ   ถ้าเจ้าอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลย   ข้าน่ะพร้อมต้อนรับเสมอ ”

 

พ่อมดน้อยไม่ตอบอะไร

เขาผิวปากเรียกม้า

แล้วจากไปโดยไม่ล่ำลา

 

ฟีไลร่ามองตามหลังม้าตัวนั้น

ในใจก็ได้แต่สงสัย

 

นางเคยคิดว่าดารีลสนใจแค่คนชั้นสูงจึงเลือกเจ้าหญิงลูเซียน่า

แต่คราวนี้เขากลับยอมรับครอบครัวของฟิโลโซเฟอร์

ทั้งที่ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงแต่อย่างใด

 

บุคคลผู้นี้

ใช้หลักอะไรในการเลือกผู้ที่เขาจะไว้วางใจกันนะ

 

นางผู้ซึ่งทำได้แค่เฝ้ามอง

จะต้องทำอย่างไรบ้าง

เพื่อได้ใกล้ชิดมากกว่านี้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา