โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
138.18K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
92) หรือเจ้าคิดจะขอข้าแต่งงาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพวกเขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการชมนกชมไม้ เก็บผลไม้สุกงอมจากต้นมารับประทาน ในตะกร้าหวายมีขนมปังและน้ำดื่ม ดารีลเก็บดอกไม้สีขาวและสีแดงสดมาร้อยเรียงกันกลายเป็นมงกุฎ เขาสวมมันให้กับเจ้าหญิงแสนสวยที่นั่งอยู่ตรงหน้า คอยรับฟังเรื่องราวมากมายที่พระนางบรรยายให้ฟังอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย ตลอดชีวิตอันเงียบเหงาที่ผ่านมาของเขานั้น มีเพียงเจ้าหญิงลูเซียน่าที่เป็นดังแสงสว่างหนึ่งเดียว
“ ข้าอยากมีบุตรสักสองสามคน ”
พระนางตรัสขึ้นมาในตอนหนึ่ง
ดารีลหัวเราะชอบใจแล้วล้มกายลงไปด้านหลัง
กลิ้งไปบนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม
ทำตัวเหมือนเด็กน้อยแสนซน
“ ข้าทำไม่ได้ ”
น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นสุดเจ้าเล่ห์
“ เว้นแต่ท่านจะกลับมามีพลานามัยที่สมบูรณ์ ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าคลานตามไปบนพื้นหญ้า
กิริยาเหมือนหมาป่าจ้องจับเหยื่อ
“ แท้จริงข้าแข็งแรงมากเลยนะ ”
พระนางว่าพลางตะปบร่างของเขาเอาไว้
แล้วทำท่าจะปีนขึ้นไปคร่อม
ดารีลคว้าไหล่ของเจ้าหญิง
แล้วพลิกให้พระนางลงไปด้านล่าง
“ แต่ข้าว่องไวกว่า เพราะฉะนั้นมาตรงนี้เถอะ ”
เขาได้ช้อนร่างของเจ้าหญิงลูเซียน่าขึ้นมาไว้ในวงแขนอีกครั้ง
แล้วพาไปนั่งลงบนชิงช้า
มันทำมาจากเถาวัลย์ห้อยระย้าลงมาจากกิ่งต้นแจกกาแรนด้า
ประดับประดาด้วยหมู่มวลดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม
ดารีลแกวงชิงช้าเบาๆ
แลเจ้าหญิงดูมีความสุขมาก
“ รู้หรือไม่ชิงช้าแบบนี้ที่เมืองอันดอรีสใช้ในพิธีแต่งงานเท่านั้น ”
พระนางตรัสถามเบาๆ
“ ก็พอรู้มาบ้าง ”
ดารีลยอมรับหน้าตาเฉย
แต่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
“ ไม่รู้ทำไมเจ้ามักทำให้ข้าตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ”
“ พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงมากแล้ว ประเดี๋ยวท่านก็จะได้ฝันจริงๆ ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าผินพักตร์ไปทางทิศตะวันตก
เป็นจริงดังว่า
เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
“ วันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไรนะ ”
เสียงของพระนางนั้นเศร้าหมอง
เจ้าของร่างสูงสง่าจึงเดินอ้อมมาด้านหน้า
คว้าเถาวัลย์ที่ใช้แขวนแขวนชิงช้าเอาไว้
ให้มันหยุดแกว่งไกว
“ อย่าเพิ่งเอ่ยถึงมันเลย ”
เขากล่าว
“ ในเวลานี้ข้าได้แสร้งว่ามันไม่มีอยู่จริง ทำเป็นหลงลืมว่าต้องทำอะไรบ้าง อย่างน้อยข้าก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ย่อมปรารถนาที่จะมีช่วงเวลาดีๆ เช่นคนอื่นบ้าง แม้เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตามที ข้าอยากจดจำเอาไว้ ในกาลข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะได้ไม่ต้องนึกเสียใจทีหลัง ว่าได้พลาดสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปแล้ว ”
“ ไม่จำเป็นต้องฝืนหรอกดารีล โลกนี้ไม่ใช่ของเจ้า ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวเหตุใดไม่ถอยเสีย ปล่อยให้ผู้อื่นทำหน้าที่เสียบ้าง อย่าแบกรับทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียวเลย ในบางครั้งการเห็นแก่ตัวก็ไม่ใช่เรื่องผิด ทิ้งมันไปเถิดกับสิ่งที่เฝ้าเก็บไว้ เจ้าสมควรต้องมีความสุข ปล่อยวางแล้วหันกลับมารักตัวเอง ทำเพื่อตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ใครจะล่มจมหรือรุ่งเรืองก็ปล่อยเขาไป ทำเพียงเท่านี้เพื่อข้าได้หรือไม่ ”
“ เมื่อตะวันลับขอบฟ้าไป ความมืดย่อมเข้ามาเยือนไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ เส้นทางข้างหน้าถูกขีดขึ้นแล้วยากที่จะหลบพ้น ข้าหวังโลกใบใหม่ที่สวยงามเพื่อมอบแด่ท่าน คนที่คู่ควรกับท่านย่อมสามารถปกป้องและมอบความสุขทั้งปวงแก่ท่านได้ แต่เกรงว่าข้าจะไม่มีสิ่งเหล่านั้นเลย ”
พ่อมดน้อยบอกความในใจแก่เจ้าหญิง
“ เมื่อเจ้าอยู่ตรงนี้แล้วข้าก็ไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใดอีก ”
ดารีลได้คุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าหญิงลูเซียน่า
ท่ามกลางความงดงามของสายลมแสงแดดและหมู่มวลบุปผาทั้งปวง
“ ทำอะไรอย่างนั้นล่ะ หรือเจ้ากำลังคิดจะขอข้าแต่งงาน ”
ถึงจะกล่าวไปทีเล่นทีจริง
แต่ในดวงหทัยกลับเต้นระรัว
ด้วยหนุ่มน้อยคนนี้ไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้ให้ได้เห็น
บุรุษในชุดคลุมขาวได้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเจ้าหญิง
ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วกล่าวว่า
“ ข้าปรารถนาของสองสิ่งจากท่านและหวังว่าท่านจะเมตตา ”
“ ว่ามาสิ ”
พระนางกล่าว
สองหัตถ์ขาวเนียนประคองใบหน้าของคนรักไว้
ด้วยอาการอันสั่นเทา
“ สิ่งแรกคือหัวใจของท่าน ”
“ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของข้า ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือแม้แต่วิญญาณ ได้เป็นของเจ้าแล้วนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ข้าพบเจ้าในงานเต้นรำคืนนั้น ”
“ สิ่งต่อมาคือความไว้วางใจจากท่าน ”
ดวงเนตรของเจ้าหญิงเบิกกว้างขึ้น
พระพักตร์ได้ซีดเผือดลง
“ เจ้ากำลังจะทำอะไรกันแน่ ”
น้ำเสียงของพระนางนั้นหวั่นไหวยิ่งนัก
“ ถึงแม้ข้าจะมิได้มีอำนาจด้านการทำนาย แต่ก็ยังสามารถมองเห็นเงามืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา และโลกใบนี้จะไม่อาจเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ท่านหญิงไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด แน่นอนว่าข้าจะยังรำลึกถึงท่านเสมอ ”
ดารีลได้กล่าวถ้อยคำทั้งปวงอย่างมั่นคง
“ ข้าอยากขอร้องเจ้า ”
หนุ่มน้อยรูปงามได้ยกมือขึ้นปิดปากพระนางเอาไว้เสียก่อน
เขาส่ายหน้า
“ ข้าได้ทบทวนมาเป็นเวลานานแล้ว ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าค่อยๆ ดึงมือของเขาออกอย่างทะนุถนอม
“ หรือที่เจ้าทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อจะล่ำลาข้า ”
ดารีลเลือกที่จะก้มหน้าแทนคำตอบ
เจ้าหญิงจึงต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อประคองใบหน้านั้น
ให้หันกลับมาสบเนตรกับพระนาง
“ ยอดดวงใจของข้าอย่าทำเช่นนี้ ทั้งชีวิตของข้าเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว เมื่อเจ้าวางมือจากข้าแล้ว ชีวิตของข้าจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร ”
เขาวางแขนทั้งสองข้างลงบนส่วนที่นั่งของชิงช้า
จ้องมองเจ้าหญิงตรงหน้า
ราวกับจะสลักทุกส่วนเอาไว้ในทุกห้วงแห่งความทรงจำ
แล้วกล่าวว่า
“ ข้าเองก็ปรารถนาอยากให้ท่านเป็นสุข เพราะฉะนั้นลืมทุกสิ่งที่ทำให้ตัวท่านต้องเศร้าหมองไปเสียเถอะนะ ”
ดารีลค่อยๆ หลับตาลง
เพื่อหลบหนีจากความระทมของสตรีตรงหน้า
นางผู้เป็นดังแสงสว่างเดียวของเขา
แต่เงามืดที่น่ากลัวนั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน
เจ้าหญิงร่างน้อยเฝ้ามองใบหน้าที่งดงามสมบูรณ์แบบนั้น
พระนางไม่ปรารถนาการล่ำลาใดๆ
ความตายหาใช่สิ่งที่สมควรต้องหวาดหวั่น
เมื่อได้ครอบครองของล้ำค่าแล้ว
ยากนักที่จะทำใจปล่อยให้หลุดมือ
ดังนั้นพระนางจึงโน้มกายลงมอบจุมพิตแด่เขา
ดารีลสะดุ้งน้อยๆ กับการจู่โจมแบบทันควันนั้น
แต่ก็ไม่ได้ทำการขัดขืนประการใด
หนุ่มน้อยตอบสนองความปรารถนาทั้งปวงของเจ้าหญิงอย่างละมุนละไม
แม้ไม่ใช่จูบแรกแต่มันก็สามารถทำให้หัวใจเต้นแรงได้เสมอ
หนุ่มสาวปลดปล่อยอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงไปดังกลีบดอกไม้ที่ต้องแรงลม
“ ข้าอยากมีบุตรสักสองสามคน ”
พระนางตรัสขึ้นมาในตอนหนึ่ง
ดารีลหัวเราะชอบใจแล้วล้มกายลงไปด้านหลัง
กลิ้งไปบนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม
ทำตัวเหมือนเด็กน้อยแสนซน
“ ข้าทำไม่ได้ ”
น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นสุดเจ้าเล่ห์
“ เว้นแต่ท่านจะกลับมามีพลานามัยที่สมบูรณ์ ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าคลานตามไปบนพื้นหญ้า
กิริยาเหมือนหมาป่าจ้องจับเหยื่อ
“ แท้จริงข้าแข็งแรงมากเลยนะ ”
พระนางว่าพลางตะปบร่างของเขาเอาไว้
แล้วทำท่าจะปีนขึ้นไปคร่อม
ดารีลคว้าไหล่ของเจ้าหญิง
แล้วพลิกให้พระนางลงไปด้านล่าง
“ แต่ข้าว่องไวกว่า เพราะฉะนั้นมาตรงนี้เถอะ ”
เขาได้ช้อนร่างของเจ้าหญิงลูเซียน่าขึ้นมาไว้ในวงแขนอีกครั้ง
แล้วพาไปนั่งลงบนชิงช้า
มันทำมาจากเถาวัลย์ห้อยระย้าลงมาจากกิ่งต้นแจกกาแรนด้า
ประดับประดาด้วยหมู่มวลดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม
ดารีลแกวงชิงช้าเบาๆ
แลเจ้าหญิงดูมีความสุขมาก
“ รู้หรือไม่ชิงช้าแบบนี้ที่เมืองอันดอรีสใช้ในพิธีแต่งงานเท่านั้น ”
พระนางตรัสถามเบาๆ
“ ก็พอรู้มาบ้าง ”
ดารีลยอมรับหน้าตาเฉย
แต่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
“ ไม่รู้ทำไมเจ้ามักทำให้ข้าตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ”
“ พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงมากแล้ว ประเดี๋ยวท่านก็จะได้ฝันจริงๆ ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าผินพักตร์ไปทางทิศตะวันตก
เป็นจริงดังว่า
เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
“ วันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไรนะ ”
เสียงของพระนางนั้นเศร้าหมอง
เจ้าของร่างสูงสง่าจึงเดินอ้อมมาด้านหน้า
คว้าเถาวัลย์ที่ใช้แขวนแขวนชิงช้าเอาไว้
ให้มันหยุดแกว่งไกว
“ อย่าเพิ่งเอ่ยถึงมันเลย ”
เขากล่าว
“ ในเวลานี้ข้าได้แสร้งว่ามันไม่มีอยู่จริง ทำเป็นหลงลืมว่าต้องทำอะไรบ้าง อย่างน้อยข้าก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ย่อมปรารถนาที่จะมีช่วงเวลาดีๆ เช่นคนอื่นบ้าง แม้เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตามที ข้าอยากจดจำเอาไว้ ในกาลข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะได้ไม่ต้องนึกเสียใจทีหลัง ว่าได้พลาดสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปแล้ว ”
“ ไม่จำเป็นต้องฝืนหรอกดารีล โลกนี้ไม่ใช่ของเจ้า ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวเหตุใดไม่ถอยเสีย ปล่อยให้ผู้อื่นทำหน้าที่เสียบ้าง อย่าแบกรับทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียวเลย ในบางครั้งการเห็นแก่ตัวก็ไม่ใช่เรื่องผิด ทิ้งมันไปเถิดกับสิ่งที่เฝ้าเก็บไว้ เจ้าสมควรต้องมีความสุข ปล่อยวางแล้วหันกลับมารักตัวเอง ทำเพื่อตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ใครจะล่มจมหรือรุ่งเรืองก็ปล่อยเขาไป ทำเพียงเท่านี้เพื่อข้าได้หรือไม่ ”
“ เมื่อตะวันลับขอบฟ้าไป ความมืดย่อมเข้ามาเยือนไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ เส้นทางข้างหน้าถูกขีดขึ้นแล้วยากที่จะหลบพ้น ข้าหวังโลกใบใหม่ที่สวยงามเพื่อมอบแด่ท่าน คนที่คู่ควรกับท่านย่อมสามารถปกป้องและมอบความสุขทั้งปวงแก่ท่านได้ แต่เกรงว่าข้าจะไม่มีสิ่งเหล่านั้นเลย ”
พ่อมดน้อยบอกความในใจแก่เจ้าหญิง
“ เมื่อเจ้าอยู่ตรงนี้แล้วข้าก็ไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใดอีก ”
ดารีลได้คุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าหญิงลูเซียน่า
ท่ามกลางความงดงามของสายลมแสงแดดและหมู่มวลบุปผาทั้งปวง
“ ทำอะไรอย่างนั้นล่ะ หรือเจ้ากำลังคิดจะขอข้าแต่งงาน ”
ถึงจะกล่าวไปทีเล่นทีจริง
แต่ในดวงหทัยกลับเต้นระรัว
ด้วยหนุ่มน้อยคนนี้ไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้ให้ได้เห็น
บุรุษในชุดคลุมขาวได้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเจ้าหญิง
ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วกล่าวว่า
“ ข้าปรารถนาของสองสิ่งจากท่านและหวังว่าท่านจะเมตตา ”
“ ว่ามาสิ ”
พระนางกล่าว
สองหัตถ์ขาวเนียนประคองใบหน้าของคนรักไว้
ด้วยอาการอันสั่นเทา
“ สิ่งแรกคือหัวใจของท่าน ”
“ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของข้า ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือแม้แต่วิญญาณ ได้เป็นของเจ้าแล้วนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ข้าพบเจ้าในงานเต้นรำคืนนั้น ”
“ สิ่งต่อมาคือความไว้วางใจจากท่าน ”
ดวงเนตรของเจ้าหญิงเบิกกว้างขึ้น
พระพักตร์ได้ซีดเผือดลง
“ เจ้ากำลังจะทำอะไรกันแน่ ”
น้ำเสียงของพระนางนั้นหวั่นไหวยิ่งนัก
“ ถึงแม้ข้าจะมิได้มีอำนาจด้านการทำนาย แต่ก็ยังสามารถมองเห็นเงามืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา และโลกใบนี้จะไม่อาจเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ท่านหญิงไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด แน่นอนว่าข้าจะยังรำลึกถึงท่านเสมอ ”
ดารีลได้กล่าวถ้อยคำทั้งปวงอย่างมั่นคง
“ ข้าอยากขอร้องเจ้า ”
หนุ่มน้อยรูปงามได้ยกมือขึ้นปิดปากพระนางเอาไว้เสียก่อน
เขาส่ายหน้า
“ ข้าได้ทบทวนมาเป็นเวลานานแล้ว ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าค่อยๆ ดึงมือของเขาออกอย่างทะนุถนอม
“ หรือที่เจ้าทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อจะล่ำลาข้า ”
ดารีลเลือกที่จะก้มหน้าแทนคำตอบ
เจ้าหญิงจึงต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อประคองใบหน้านั้น
ให้หันกลับมาสบเนตรกับพระนาง
“ ยอดดวงใจของข้าอย่าทำเช่นนี้ ทั้งชีวิตของข้าเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว เมื่อเจ้าวางมือจากข้าแล้ว ชีวิตของข้าจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร ”
เขาวางแขนทั้งสองข้างลงบนส่วนที่นั่งของชิงช้า
จ้องมองเจ้าหญิงตรงหน้า
ราวกับจะสลักทุกส่วนเอาไว้ในทุกห้วงแห่งความทรงจำ
แล้วกล่าวว่า
“ ข้าเองก็ปรารถนาอยากให้ท่านเป็นสุข เพราะฉะนั้นลืมทุกสิ่งที่ทำให้ตัวท่านต้องเศร้าหมองไปเสียเถอะนะ ”
ดารีลค่อยๆ หลับตาลง
เพื่อหลบหนีจากความระทมของสตรีตรงหน้า
นางผู้เป็นดังแสงสว่างเดียวของเขา
แต่เงามืดที่น่ากลัวนั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน
เจ้าหญิงร่างน้อยเฝ้ามองใบหน้าที่งดงามสมบูรณ์แบบนั้น
พระนางไม่ปรารถนาการล่ำลาใดๆ
ความตายหาใช่สิ่งที่สมควรต้องหวาดหวั่น
เมื่อได้ครอบครองของล้ำค่าแล้ว
ยากนักที่จะทำใจปล่อยให้หลุดมือ
ดังนั้นพระนางจึงโน้มกายลงมอบจุมพิตแด่เขา
ดารีลสะดุ้งน้อยๆ กับการจู่โจมแบบทันควันนั้น
แต่ก็ไม่ได้ทำการขัดขืนประการใด
หนุ่มน้อยตอบสนองความปรารถนาทั้งปวงของเจ้าหญิงอย่างละมุนละไม
แม้ไม่ใช่จูบแรกแต่มันก็สามารถทำให้หัวใจเต้นแรงได้เสมอ
หนุ่มสาวปลดปล่อยอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงไปดังกลีบดอกไม้ที่ต้องแรงลม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ