โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  138.03K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

75) ชัยชนะที่ขมขื่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เจ้าชายเอลานอสได้ยินดังนั้นก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก   เขารู้ดีว่าทหารคุ้มกันของกษัตริย์แฮโรดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือ   แต่กับคู่ต่อสู้ที่เป็นอสูรกายฆ่าไม่ตายผลแพ้ชนะนั้นสามารถทำนายได้ตั้งแต่การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มขึ้น   เจ้าชายน้อยผู้หยิ่งทระนงจึงก้มลงหยิบดาบและลูกธนูสีดำขึ้นมาอีกครั้ง
 
“ บอกทีว่าเจ้าจะคิดถึงข้า   เมื่อข้าได้ตายไปแล้ว ”
 
เขาหันไปพูดกับกาเอล
 
“ เจ้าไม่ตายหรอก   หากข้าไม่เฝ้าดูอยู่เจ้าจะวิ่งฝ่าวงล้อมออกมาอย่างปรอดภัยได้อย่างไร   เมื่อวันนี้จบลงเจ้าจะเข้มแข็งขึ้น   และนอกจากนั้นยังจะได้รู้ซึ้งถึงน้ำใจของคนที่เจ้ารักอีกด้วย   เพราะฉะนั้นจงกลับไปยังที่ๆ เจ้าควรอยู่เสียในตอนนี้ ”
 
เอลานอสพยักหน้ารับ
แล้ววิ่งกลับไปในทิศทางเดิมที่เขาได้จากมา
 
เจ้าชายไว้ใจกาเอลมากนัก
แม้การกระทำของคนผู้นี้จะแปลกประหลาดเพียงใด
นั่นเป็นเพราะมีเพียงกาเอลเท่านั้นที่คอยรับฟังและเอาใจใส่ต่อเขาเรื่อยมา
 
เมื่อวิ่งมาถึงลานกว้างที่เต็มไปด้วยไอหมอก
การต่อสู้ยังดำเนินไปอย่างดุเดือด
แต่ฝ่ายทหารล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
 
เจ้าตัวประหลาดที่กำเนิดจากองครักษ์สองคนที่ถูกบูชายันต์ไปก่อนหน้า
ยืนจังก้าอยู่กลางวงล้อม
ทุกครั้งที่มันส่งเสียงคำราม
เงาสีดำที่ถูกฟันล้มลงไปก็จะฟื้นกลับคืนมา
 
เจ้าชายเอลานอสชักดาบออกจากฝักเป็นครั้งแรก
เขาฟาดฟันเข้าใส่ปีศาจร้ายทั้งหลาย
แต่มันก็ล้มลงและลุกขึ้นใหม่ได้ทุกครั้ง
 
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่เห็นหนทางที่จะชนะ
ในที่สุดกษัตริย์แฮโรดก็ล้มลง
 
เงาสีดำกำลังกางกรงเล็บเข้าใส่
เจ้าชายเอลานอสจึงตัดสินใจพุ่งเข้าไปขวาง
 
เขาฟันปีศาจร้ายขาดกระเด็นเป็นสองท่อน
จากนั้นจึงลากพระราชบิดาออกมาจากตรงนั้น
 
ในตอนนี้ทุกคนต่างเหนื่อยล้า
เจ้าชายเอลานอสมั่นใจแล้วว่าสู้ต่อไปก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่
 
แต่กาเอลไม่น่าจะวางแผนมาแบบนั้น
มันจะต้องมีทางออกอื่น
 
แล้วเขาก็นึกขึ้นได้
เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่อสูรกายไม่อยากเข้าใกล้
เพียงเขาคนเดียวที่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้
 
สิ่งที่เขามีแตกต่างจากคนอื่นคือคือลูกธนูสีดำของกาเอล
มันมีกลิ่นกำยานที่ฉุนเฉียว
กลิ่นเดียวกับกระถางไฟเผากำยานที่พ่อมดสายมืดคนนั้นถือไว้เมื่อครู่
และเขาได้ถือมันติดตัวไว้ตลอด
เพื่อหวังใช้เป็นเครื่องราง
 
ทันใดเจ้าชายก็นึกถึงภาพกาเอลฟาดอสูรกายด้วยกระถางนั้น
เขาจำได้ว่าร่างของมันแหลกสลายไปต่อหน้า
ไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้อีก
 
เขาแน่ใจแล้วว่าต้องใช้สิ่งนี้
แต่เพียงดอกเดียวจะสามารถกำจัดพวกมันทั้งหมดได้อย่างไร
 
เสียงคำรามของตัวประหลาดร่างติดกันที่ยืนอยู่กลางวง
เรียกสติเข้าชายเอลานอสกลับมาอีกครั้ง
 
ทุกการคำรามของมันจะเรียกอสูรกายที่ล้มอยู่ให้ลุกขึ้นมา
เจ้าชายผู้สิ้นหวังได้ตัดสินใจที่จะเสี่ยงอีกครั้ง
 
เขาคว้าเอาธนูจากทหารที่อยู่ใกล้ๆ
แล้วยิงออกไปทันที
 
ทันทีที่ลูกธนูสีดำพุ่งทะลุอกของอสูรกายแฝดร่างติดกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างได้ชะงักงัน
ผืนป่าเงียบกริบในบัลดล
 
จากนั้นอีกาที่อยู่ด้านบนเริ่มส่งเสียงร้องประหลาดก่อนจะทะยานหนีไป
ไอหมอกครึ้มที่เคยปกคลุมอยู่ก็จางหายไปพร้อมกับอสูรกายตัวนั้นล้มลง
 
แสงแดดยามบ่ายได้ลอดผ่านแมกไม้ลงมาอีกครั้ง
ส่องให้เห็นร่างทหารมากมายที่นอนตายเกลื่อนกลาด
 
แต่ไร้เงาซึ่งยมทูตที่ได้คร่าชีวิตของพวกเขาไป
ไม่มีแม้ร่อยรอยว่าสิ่งใดเคยมาเยือน
 
ผู้รอดชีวิตทั้งหลายต่างทรุดกายลงนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน
สภาพศพของเพื่อนร่วมรบนั้นสยดสยองจนต้องเบือนหน้าหนี
 
เจ้าชายเอลานอสหันไปมองพระราชบิดา
เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
 
ราชินีวิเวียร่าปราดเข้ามาประคองกษัตริย์แฮโรดผู้เป็นสวามี
พระนางก็เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต
 
“ เจ้าชายน้อยคือผู้ช่วยชีวิตพวกเราทุกคนไว้ ”
 
ทหารเจ้าของคันธนูที่เอลานอสฉวยมาบอกเสียงดัง
 
“ เขาสังหารปีศาจร้ายที่เป็นนายแห่งปีศาจทั้งปวง ”
 
กษัตริย์แฮโรดได้เดินเข้ามาใกล้พระราชโอรส
และโดยไม่มีใครคาดคิดพระองค์ได้ฟาดเปรี้ยงใส่บุตรชายจนล้มลงคลุกฝุ่น
 
“ เสด็จพ่อนี่มันเรื่องอะไรกัน ”
 
เจ้าชานเอลานอสคลานลุกขึ้นด้วยอาการงุนงง
 
“ ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม   เจ้าทำอะไรลงไป   ปีศาจพวกนั้นเกิดจากมนต์ดำ   ถ้าเจ้าไม่ใช่คนเรียกมันมา   แล้วเจ้าไล่มันไปได้อย่างไร ”
 
“ ข้าไม่รู้ ”
 
เอลาลอสตอบ
ซึ่งนั่นทำให้กษัตริย์ทรงกริ้วหนักว่าเดิม
พระองค์ก้มลงบีบคอบุตรชายอย่างแรง
 
ราชินีวิเวียร่ารีบเข้ามาห้าม
 
“ ทรงพระทัยเย็นก่อนฝ่าบาท   ผู้ที่สามารถทำสิ่งนี้ได้มีเพียงผู้ใช้เวทมนต์เท่านั้น   และเราทุกคนรู้ดีว่าเจ้าชายเอลานอสไม่ใช่   อย่าเพิ่งโทษกันเองเลย   สถานการณ์ตอนนี้ยังวางใจไม่ได้   พวกเรารีบไปจากตรงนี้ดีกว่า   เพราะหากคนร้ายยังอยู่แถวนี้ไม่แน่อาจมีการโจมตีเกิดขึ้นอีกครั้งก็ได้ ” 
 
กษัตริย์จึงทรงยืดพระวรกายขึ้น
แต่ก็ยังไม่วายกล่าวตำหนิว่า
 
“ เจ้ามันตัวอัปรีย์อยู่ที่ไหนก็ก่อความเดือดร้อน   คิดดูสิตอนข้ามาไม่เห็นมีเรื่องอะไร   แต่ตอนกลับมีเจ้ามาด้วยก็มีเหตุร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด   ให้เจ้าปกครองบ้านเมือง   โอรีออนคงมีอันต้องล่มจมแบบไม่ต้องสงสัย ”
 
ตรัสเสร็จก็รีบเสด็จกลับไปยังรถม้าที่ประทับ
ปล่อยให้เจ้าชายตัวน้อยนั่งอึ้งอยู่กับที่
 
“ เจ้าชายเอลานอส   ท่านบอกข้าได้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
 
ราชินีวิเวียร่าถามด้วยเสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความเสแสร้ง
 
เอลานอสไม่ตอบได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บแค้น
 
“ อย่าห่วงเลยพระบิดาทรงกริ้วไม่นานหรอก   ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง   เพียงแต่เจ้ารู้อะไรก็บอกข้ามาเถิด ”
 
“ รู้อะไรอย่างนั้นหรือ ”
 
เจ้าชายเอลานอสว่า
 
“ ใช่ข้าคือผู้ใช้มนต์ดำ   นี่ใช่ไหมที่เจ้าอยากฟัง   และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเสด็จแม่ของข้าคงไม่ตาย   แต่มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก   บางสิ่งที่ท่านพ่อกล่าวมาต้องมีเรื่องจริงผสมอยู่   ข้าอาจพาหายนะมาสู่พวกเจ้าทุกคนก็ได้ ”
 
เมื่อกล่าวดังนั้นแล้วเจ้าชายผู้ขมขื่นก็เดินก้มหน้าออกมาจากลานกว้าง
ในหัวได้ยินแต่เสียงของกาเอล
 
ที่คอยย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็จะไม่มีใครเห็นค่า
เพราะเขาเหล่านั้นมีแต่ความเกลียดชัง
 
ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด
เขาต้องเลือกว่าจะเป็นผู้ล่าหรือถูกล่าเสียเอง
 
ราชินีวิเวียร่าคงไม่ปล่อยเขาไว้
และกษัตริย์แฮโรดก็ไม่เคยเข้าข้างเขา
 
บางทียาพิษของกาเอลอาจเป็นทางเลือกที่ดี
แต่เขาควรใช้มันกับใครล่ะ
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา