โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
71) มงกุฎสีดำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความท่ามกลางความมืดมิดของวันที่น่าหดหู่ กลิ่นกำยานหอมฉุนเฉียวที่คุ้นเคยลอยฟุ้งเข้ามาในห้อง เจ้าชายเอลานอสแม้จะเสียพระทัยอย่างหนักแต่พระองค์ก็ยังมือใจเอื้อมมือไปเลื่อนเก้าอี้ที่พังเสียหายให้บุรุษผู้นั้น แล้วฟุบกายลงร่ำให้ต่อ เจ้าของร่างในชุดคลุมยาวสีดำเคลื่อนใกล้เข้ามามือข้างหนึ่งถือโซ่แขวนกระถางหินแกว่งไปมาอย่างเบามือ เขานั่งลงด้วยอาการอันสงบมือเท้าคางกับโต๊ะใบหน้าที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังหน้ากากเอียงเล็กน้อยเมื่อเขาจับจ้องมองไปยังเจ้าชาย ทั้งสองนั่งอยู่เงียบๆ ปล่อยให้เวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ ทุกสิ่งดูสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด จนถึงยามเที่ยงคืนเจ้าชายเอลานอสจึงได้เอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดมิด แสงสว่างเดียวในห้องคือจากกระถางเผากำยานที่พ่นไอสีเขียวน่าพิศวงออกมาตลอดเวลา
“ แท้จริงแล้วเจ้ามาถึงที่นี่นานหรือยัง ”
“ ก่อนบิดาของเจ้าจะมาถึง ”
เสียงตอบกลับมาราบเรียบ
“ เช่นนั้นเจ้าคงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วสิ ”
เมื่อไร้การตอบกลับเจ้าชายเอลานอสจึงเอ่ยต่อ
“ ข้าคิดว่าต้องเข้มแข็งให้เจ้าภูมิใจ แต่ตอนนี้กลับต้องร้องให้ต่อหน้าเจ้า คงผิดหวังสินะ ท้ายที่สุดข้าก็เป็นเหมือนที่คนอื่นๆ กล่าวหา ไร้น้ำยาที่สุด ”
“ ข้าไม่ตำหนิเจ้าหรอก ครั้งหนึ่งข้าก็เคยวิ่งหนีจำได้ว่าร้องให้อยู่สามวันสามคืน สุดท้ายก็นึกได้ว่ามันไม่มีประโยชน์อันใด ข้าจึงได้ลุกขึ้นสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันที่ต้องเสียน้ำตาอีก และจะไม่หันหลังกลับแม้ต้องยืนอยู่ต่อหน้าความตายก็ตาม สุดท้ายข้าก็ได้เรียนรู้ ของที่พังทลายไปแล้วสามารถกลับคืนมาได้ แม้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่จะเป็นไรไปล่ะในเมื่อข้าต้องการให้เป็นเช่นนั้น ”
บุรุษหน้ากากเหล็กกล่าวพลางดีดนิ้ว
เกิดเสียงและความเคลื่อนไหวประหลาดดังไปทั่วห้อง
เมื่อเขาดีดนิ้วเป็นครั้งที่สองไฟก็ติดพรึบขึ้นที่ตะเกียงและตามเชิงเทียน
แสงสว่างส่องให้เห็นว่าห้องกลับมาอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมือนเดิม
ราวกับว่าไม่ได้ผ่านความรุนแรงใดๆ เลย
“ ตอนนี้เราสองคนต่างก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันคือสูญสิ้นแล้วทุกอย่าง ”
เจ้าชายเอลานอสลุกจากพื้นขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
“ พูดแบบนี้ก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย เพราะแท้จริงแล้วเจ้ายังมีข้า ตำแหน่งรัชทายาทของเจ้าก็ยังคงอยู่ เพียงแต่นับจากนี้ไปเจ้าต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ ”
“ ข้ายังมีความหวังอยู่หรือ ”
“ แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่นับจากนี้ไปเจ้าต้องเชื่อฟังข้าอย่างเคร่งครัด ราชินีวิเวียร่าได้เผยธาตุแท้ออกมาอย่างชัดแจ้ง หากเจ้ายังทำตัวเปล่าประโยชน์แบบนี้ต่อไป เกรงว่าไม่ใช่แค่ตำแหน่งรัชทายาทเท่านั้นที่จะต้องเสีย ชีวิตของเจ้าเองก็จะตกอยู่ในอันตราย ”
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรต่อไป ”
เจ้าชายว่าพลางมองหาของกินที่อาจมีเหลือในห้อง
“ กลับไปโอรีออนเสียแล้วก็ทำตัวดีๆ ให้สมกับฐานันดรของเจ้า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ”
บุรุษหน้ากากเหล็กบอก
“ ข้าไม่อยากไป ที่นั่นข้าไม่มีใครเลย พวกนั้นต้องรวมหัวกันขยี้ข้าแน่เจ้าเศษสวะสองตัวนั่นก็หวังพึ่งอะไรไม่ได้ ป่านนี้เตลิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ”
เอลานอสบ่นพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยแรง
เขาคิดถึงบริวาลสองคนที่ได้ไล่ไปแล้ว
“ เจ้าต้องอยู่ในที่แจ้ง ถ้าใครคิดจะลงมือก็ต้องลำบากหน่อย เรื่องใครคิดร้ายอย่ากลัวไปข้าจะส่งคนตามประกบเจ้าเอง ส่วนเศษสวะที่พูดถึง พวกเขาเป็นคู่แฝดนักฆ่าฝีมืออันดับต้นๆ ของยุคนี้ ตอนนี้อยู่กับราชินีวิเวียร่าเรียบร้อยแล้ว ”
“ อะไรนะ ”
เจ้าชายผู้เย่อหยิ่งดีดตัวผึงขึ้นนั่งหลังตรง
“ กาเอลเจ้ารู้อยู่แล้วแต่ไม่คิดเตือนข้าแม้แต่นิดเดียวแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ”
คนในชุดคลุมดำแกว่งโซ่แขวนกระถางกำยานเป็นวงกลมด้วยท่าทีเกียจคร้าน
“ เพราะเจตนาของพวกเขาแค่มาสอดแนมเท่านั้น มันจะดีกว่าถ้าเจ้าไม่รู้อะไร ไม่อย่างนั้นคงได้หวาดระแวงเปล่าๆ และราชินีเองก็จะชะล่าใจคิดว่าสามารถจัดการเจ้าได้ง่ายๆ ”
“ แบบนี้ไม่ดีแน่พวกเขากำลังวางแผนอะไรอยู่หรือไม่ ”
เอลานอสเริ่มหวาดวิตก
“ จะมีการโจมตีขบวนเสด็จกลางทางแถวป่าแดง ข้ารับประกันได้เลยว่างานนี้ไม่มีใครตาย แต่โฉมหน้าของผู้ก่อเหตุก็คือบริวารทั้งสองของเจ้า เมื่อรวมกับเหตุวิวาทระหว่างกษัตริย์แฮโรดกับเจ้าเมื่อครู่ ข้าว่าถ้าเรื่องไม่แกว่งกลับมาหาเจ้าได้นี่คงประหลาดนัก ”
“ ข้าจะไปเตือนท่านพ่อ ”
เจ้าชายลุกพรวดขึ้น
แต่กาเอลคว้าไหล่ไว้แล้วผลักให้นั่งลงไปเหมือนเดิม
“ เปล่าประโยชน์ไม่มีใครเชื่อเจ้าหรอก ”
“ จะให้ทำอย่างไรนั่งเฉยๆ อยู่อย่างนี้หรือ แล้วเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีคนตาย ”
เอลานอสเริ่มหงุดหงิด
“ ความตายของกษัตริย์ในเวลานี้ก่อประโยชน์สูงสุดให้แก่เจ้า ราชินีเองก็รู้ดีเช่นกัน ดังนั้นเป้าหมายของการโจมตีจึงไม่ได้หมายชีวิตผู้ใด แต่เป็นการโยนบาปมาที่เจ้า ด้วยความหวังว่ากษัตริย์แฮโรดจะทรงกริ้วมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ”
“ เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรดี ”
“ ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไรล่ะ พรุ่งนี้ให้กลับไปพร้อมขบวนเสด็จ ”
กาเอลพูดอย่างใจเย็น
“ แต่คนที่จะโจมตีขบวนเสด็จก็คือคนของข้า แล้วแบบนี้เราจะรับมือกับแผนการของราชินีวิเวียร่าได้อย่างไร ”
“ แผนการของนางจะต้องดำเนินไป เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าจะได้แสดงฝีมือต่อหน้ากษัตริย์ ”
“ ให้ข้าสู้กับยอดฝีมือสองคนพร้อมกันน่ะหรือ ดีที่สุดก็คงได้ตายอย่างสมเกียรติถูกฝังไปพร้อมกับคำยกย่องสรรเสริญ ร้ายที่สุดก็ตายอย่างหมาข้างถนน ”
เอลานอสว่า
“ อย่ากลัวไปเลยข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องเดินเพียงลำพังแน่ เรื่องของวันพรุ่งนี้สามารถผ่านไปอย่างเรียบร้อย และราชินีวิเวียร่าจะเริ่มรู้ตัวว่ากำลังต่อสู้กับสิ่งใด หลังจากนั้นนางก็คงระมัดระวังตัวขึ้นหากต้องการเล่นงานเจ้าอีก ”
“ แล้วข้าต้องทำสิ่งใดบ้าง ”
“ ไม่ว่าจะทำอะไรขอให้เจ้าแน่ใจว่าดาบของเจ้านั้นคมกริบและวางอยู่ไม่ห่างกาย เมื่อกลับไปถึงโอรีออนแล้วจงทำตัวเสียใหม่ องค์รัชทายาทที่ดีควรมีกิริยาเช่นไรอย่าให้ข้าต้องสอน และว่างๆ ก็หาเวลาไปพบลอร์ดอาเทมิสบ้าง อย่าถือตัวว่าสูงส่งเกินไปรู้จักก้มหัวให้ผู้อื่นเป็นบางเวลาแล้วชีวิตก็จะดีขึ้น ”
“ ลอร์ดอาเทมิส ที่ปรึกษาบิดาของข้าน่ะหรือเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นเกลียดข้าจะตาย ”
เจ้าชายเอลานอสท้วง
“ เขาไม่ได้เกลียดเจ้าแบบจริงจังนักหรอก อย่างน้อยลอร์ดอาเทมิสก็รักความถูกต้อง ในสายตาของเขาตอนนี้เจ้าดูดีกว่าราชินีวิเวียร่าอย่างแน่นอน ฉะนั้นเมื่อกลับไปถึงโอรีออนจงมุ่งหน้าไปพบเขาเป็นคนแรก หาของกำนัลที่เหมาะสมไปมอบให้ด้วย และจงมั่นเข้าไปขอความรู้จากเขา ไม่ว่าเรื่องนั้นจะสำคัญหรือไม่ให้คิดถึงลอร์ดอาเทมิสเป็นคนแรก เขาเป็นปราชญ์ที่เลื่องลือชื่ออีกคนในยุคนี้ เขาช่วยเหลือเจ้าได้อย่างแน่นอน ”
กาเอลลุกขึ้นยืนวางของในมือทั้งหมดลงบนโต๊ะ
ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมยาวระพื้นก้าวเดินไปหยุดตรงที่มงกุฎสีทองของเจ้าชายเอลานอสตกอยู่
เขาโน้มกายลงหยิบมงกุฎที่บิดเบี้ยวนั้นมาไว้ในมือทั้งสองข้าง
เกิดไอสีดำค่อยๆ หลอมรวมมงกุฎนั้นเกิดเป็นรูปร่างใหม่
มงกุฎโลหะสีดำปรากฏขึ้นในมือของเขา
มันดูแข็งแกร่งงดงามแต่ทว่าแฝงไว้ด้วยอันตรายที่ลึกลับ
“ เจ้าชายเอลานอสที่ไร้เดียงสาได้จากไปแล้ว ตอนนี้เจ้าคือกษัตริย์ที่แม้แต่จอมเวทวาลานยังต้องเกรงกลัว ”
กาเอลว่าพลางวางสิ่งนั้นลงบนโต๊ะต่อหน้าเจ้าชายน้อยผู้เศร้าโศก
“ ข้าจะเอากองกำลังที่ไหนไปต่อสู้กับวาลาน ”
เอลานอสแย้ง
เขามองมงกุฎตรงหน้าอย่างหดหู่
อำนาจนั้นควรเป็นของเขาแท้ๆ แต่บัดนี้ต้องใช้กำลังแก่งแย่งจึงจะได้มา
“ เรื่องนั้นไว้เป็นหน้าที่ของข้าเอง โอรีเวียเข้มแข็งเพราะมีกองกำลังพันธมิตรคอยปกป้อง ถ้าหากสามารถทำให้เมืองต่างๆ สู้รบกันเองได้ งานของเราก็จะง่ายขึ้น ”
เจ้าชายเอลานอสได้ลุกขึ้นเดินไปหยิบเหยือกน้ำและขนมขบเคียว
นำมาวางลงตรงหน้ากาเอลผู้ซึ่งสวมหน้ากากเหล็กปิดบังทั้งใบหน้า
“ น้ำร้อนคงไม่มีแล้ว แต่ขนมนี่อร่อยใช้ได้ข้ารับประกัน กินเสียหน่อยสิข้าไม่วางยาเจ้าหรอก ”
หนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ตอบโต้ว่าอะไร
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นท้าวขมับ
ส่วนอีกข้างเอื้อมไปหมุนกระถางหินเผากำยานเล่น
“ นี่เจ้าจะไม่กินจริงๆ หรือ ”
เอลานอสท้วง
“ อย่ามาล้อเล่นกับข้า ”
อีกฝ่ายตอบเสียงขรึม
“ พูดตามตรงข้ายังไม่แน่ใจในตัวเจ้า บนโลกนี้ผู้ใดบ้างที่จะสามารถเชื่อใจได้ สุดท้ายแล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่กาเอล ข้าได้เปิดใจกับเจ้าทุกอย่าง เชื่อใจเจ้ามาตลอดแต่จนกระทั่งบัดนี้ ข้ายังไม่เคยได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าเลย ”
“ ในขณะที่ทุกคนเชื่อว่าชาวเมืองคาเลสูญได้สิ้นไปในไฟสงครามจนหมดแล้ว เจ้าเพียงผู้เดียวที่รู้ว่าข้ามาจากที่นั่น ในขณะที่ผู้คนไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของข้า เจ้าเพียงผู้เดียวที่สามารถเอ่ยนามข้าได้ เพียงเท่านี้ยังไม่ยืนยันว่าข้าไว้ใจเจ้าอีกหรือ ”
“ แต่นั่นคือทั้งหมดที่ข้ารู้ เจ้าไม่เคยบอกอะไรข้ามากไปกว่านั้น ”
“ เพราะนั่นคือทั้งหมดที่ข้าจำได้ อดีตที่ขมขื่นข้าได้ละทิ้งไปแล้วลืมเลือนมันไปกับกาลเวลา นับจากนี้ข้าจะวาดอนาคตจากสิ่งที่เหลืออยู่ สานต่อปณิธานด้วยเลือดทุกหยดที่มี ”
กาเอลลากนิ้วเรียวยาวในถุงมือหนังสีดำไปบนพื้นโต๊ะ
เป็นลวดลายที่สลับซับซ้อน
“ แล้วต้องสวมหน้ากากไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่มีผู้ใดรู้จักเจ้าอยู่แล้ว ”
เจ้าชายเอลานอสสงสัย
“ ในวันหนึ่งข้าต้องก้าวออกมาสู่ที่โล่งแจ้ง เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าอยากให้ผู้คนจดจำข้าในรูปแบบที่ข้าต้องการให้จำเพียงเท่านั้น ”
กาเอลตอบ
“ แล้วอะไรทำให้จอมเวทวาลานถล่มเมืองคาเล ที่นั่นมีสัตว์ปีศาจจริงหรือ ”
คำถามนี้ทำให้กาเอลถึงกับต้องถอนหายใจ
เป็นครั้งแรกที่แสดงออกถึงความเศร้าหมองหลังจากที่ทนกล้ำกลืนอยู่นาน
“ สัตว์ปีศาจมีอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่โบราณแล้ว และแน่นอนพวกเราใช้ศาสตร์มืดเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้ศาสตร์มืดจะต้องทำสิ่งชั่วร้ายเสมอ ในขณะเดียวกันผู้ใช้มนต์ขาวก็อาจทำในสิ่งที่เป็นอันตรายได้เช่นกัน นับจากนี้ข้าจะแสดงให้เห็นว่ามนต์ดำเวลาที่มุ่งร้ายผลจะเป็นเช่นไร จะได้เลิกกล่าวหาผิดๆ เสียที ”
“ ถ้าอย่างนั้นจอมเวทวาลานคงเข้าใจอะไรผิดไป ”
เจ้าชายเอลานอสว่า
“ เขาเข้าใจไม่ผิดหรอก เป้าหมายของวาลานหาใช่การทำลายเหล่าผู้ใช้มนต์ดำไม่ หากแต่กำลังค้นหาอัญมณีจากอดีตกาลเพื่อที่เขาจะยิ่งใหญ่และเป็นอมตะ ”
“ เป็นความจริงหรือนี่ แล้วเขาได้ไปสักชิ้นหรือยัง ”
“ วาลานพลาดไป เพราะสิ่งมี่เขาต้องการอยู่ไม่ไกลจากสายตาของเขาเลย แต่เขากลับมองออกไปในความมืดมิดที่ไกลแสนไกล ”
กาเอลว่าพลางหยิบขวดกระเบื้องอันเล็กๆ ขึ้นมาวางตรงหน้าเจ้าชายเอลานอส
“ ข้าให้ทางเลือกแก่เจ้า ”
“ มันคืออะไร ”
เจ้าชายน้อยถาม
เขาหยิบขวดนั้นขึ้นมาถือไว้ในมือ
“ ยาพิษ ”
คำตอบนั้นทำเอาเจ้าชายสะดุ้ง
“ เป็นพิษที่ตรวจสอบไม่ได้ เพียงแค่หยดไม่จำเป็นต้องดื่มกิน แต่เจ้าใช้ได้ครั้งเดียวต่อคนผู้เดียว เพราะฉะนั้นเลือกให้ดีว่าความตายของผู้ใดก่อประโยชน์สูงสุด ”
เอลานอสถึงกับมือสั่น
“ แต่ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ จะใช้มันกับตัวของเจ้าเองข้าก็จะไม่ว่าอะไร ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ