โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
69) ชั้นเรียนประวัติศาสตร์ยุคกลาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ่ายแก่ๆ ของวันนั้นเด็กๆ จึงเดินออกจากห้องสมุดกลับไปยังชั้นเรียน อีเลียสเลือกยืมหนังสือเกี่ยวกับเอลฟ์สโนว์ที่สำคัญไปถึงห้าเล่ม เจ้าเด็กร่างอ้วนโลธอร์อาสาช่วยถือเพราะเขารับปากจะสอนการบ้านให้ในคืนนี้ แต่ถึงไม่มีการบ้านโลธอร์ก็บอกว่าเขาเต็มใจช่วยอยู่แล้ว
“ ประวัติศาสตร์ยุคกลางนี่ประมาณช่วงเวลาไหนนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ ยุคที่ซาเหวจลอร์ดเรืองอำนาจ ”
อีเลียสตอบ
“ จริงดิ ข้านึกว่าเป็นช่วงสงครามที่กลุ่มพันธมิตรร่วมกันถล่มเมืองคาเลเสียอีก แล้วยุคแรกล่ะ ”
โลธอร์ถามบ้าง
“ สงครามแห่งพันธมิตรนี่มันสิบปีที่แล้วเองอยู่ในยุคปลายต่างหาก ถ้ายุคแรกก็โน่นเลยสงครามระหว่างเทพกับซาตาน แต่ก็ไม่มีใครที่รู้แจ้งพอที่จะสอนได้ เว้นแต่พวกผู้ใช้เวทมนตร์ ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจมาสอนอยู่แล้ว ”
“ แล้วเราจะเรียนเรื่องพวกนี้ไปเพื่ออะไรกัน เอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟังอย่างนั้นหรือ ”
เด็กร่างอ้วนบ่นต่อ
“ ความผิดพลาดในอดีตเป็นตัวอย่างที่ดีในอนาคต เจ้าในฐานะบุตรชายคนเดียวของหัวหน้าเผ่า ก็ควรเรียนรู้เอาไว้มิใช่หรือ ”
“ ข้าเป็นลูกชาวไร่ชาวนาแต่รู้เอาไว้บางก็ดีไม่ถือว่าเสียเวลาเปล่า ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่าบ้าง
“ ได้ยินมาว่าอาจารย์โดเฮเกนเคยร่วมรบในสงครามแห่งพันธมิตรด้วย เขามีรางวัลที่การันตีความกล้าหาญมากมาย เห็นว่าหลายหน่วยต้องการตัวเขาไปร่วมงาน แต่เขาก็เลือกผันตัวเองมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือซะอย่างนั้น ”
เลโอน่าว่า
“ ทำไมถึงเลิกเป็นทหารเสียล่ะ ”
โลธอร์สงสัย
“ ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเองแก่เกินไป หรือบางทีอาจมีอะไรรบกวนใจเขา จนไม่อยากยุ่งกับการสงคราม แต่ก็ยังตัดใจจากมันไม่ได้ ยังไงก็ต้องวนเวียนอยู่กับอะไรที่เกี่ยวข้องกันอยู่ ”
“ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ข้าคิดว่าคนๆ นี้คงรู้อะไรลึกๆ เกี่ยวกับสงครามในครั้งนั้นแน่ๆ เราจะได้เรียนรู้จากเขา ”
อีเลียสว่า
ฟีไลร่าเร่งเร้าให้รีบเข้าห้องเรียน แต่กระนั้นก็ยังช้ากว่าอาจารย์สอนผู้มีใบหน้ายับย่นเกินอายุ ผมด้านหน้าหงอกขาวไปกว่าครึ่งหนึ่ง เขาเป็นอาจารย์คนเดียวกับที่ฟิโลโซเฟอร์พบในระหว่างที่ทำการทดสอบเพื่อเข้าโรงเรียน อาจารย์คนนั้นยังคงนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ปล่อยให้นักเรียนคุยกันตามสบาย ในห้องเรียนนั้นมีนักเรียนรุ่นพี่เข้ามานั่งปะปนอยู่หลายคนฟิโลโซเฟอร์จึงหันไปถามฟีไลร่าด้วยความสงสัย ว่าเหตุใดวิชานี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ
“ นั่นสินะข้าก็สงสัยเหมือนกัน ความจริงแล้ววิชานี้เป็นพื้นฐานที่จะปูทางไปสู่วิชาการสงครามว่าด้วยมหาสงครามโค่นซาเหวจลอร์ดซึ่งมีความซับซ้อนมาก เคยมีรุ่นพี่ย้อนกลับมาเรียนซ้ำอยู่บ่อยๆ แต่คราวนี้มากเกินไปจริงๆ บางทีอาจจะมีปริศนาอะไรซ่อนอยู่ในวิชานี้ก็ได้ ”
นางบอก
“ ปริศนาอะไรล่าสมบัติหรือ ”
โลธอร์ยื่นหน้าอวบๆ เข้ามาแทรก
“ ก็ปริศนาเกี่ยวกับคำสาบมรณะนั่นไง ใช่ว่าจะมีแค่เราเสียที่ไหนที่สนใจเรื่องนี้ โดยเฉพาะอาจารย์โดเฮเกนที่เคยบุกเข้าไปจนถึงตัวควอซาร์กษัตริย์แห่งคาเล หลายคนเชื่อว่าเขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ๆ เลยแห่กันมาเรียน ”
ร่างสูงสง่าในชุดคลุมดำร่างหนึ่งมาปรากฏขึ้นที่หน้าประตู เสียงพูดคุยกันของเด็กนักเรียนทั้งห้องก็เงียบลงทันที สายตาทุกคู่จ้องมองไปทางเดียวกันด้วยความประหลาดใจ อาจารย์โดเฮเกนเงยหน้าขึ้นมองคนผู้นั้นแล้วเอ่ยทักเสียงราบเรียบ
“ มาแล้วรึ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามีศิษย์เป็นพวกนักเวทย์ ยิ่งเป็นเจ้าด้วยแล้วดารีล เห็นทีโรงเรียนนี้คงมีเรื่องต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์แล้วสิ ”
ดารีลไม่ตอบโต้อะไรเขาก้าวเท้ายาวๆ อย่างว่องไวผ่านกลางห้องเรื่อยไปจนถึงโต๊ะตัวสุดท้าย แล้วหมุนตัวกลับรวดเร็วจนชายเสื้อคลุมสะบัดพลิ้ว เด็กนักเรียนหลายคนลอบมองเขาโดยตลอดจากทางหางตา พวกเด็กๆ ต่างอยู่ในอาการตกตะสึงราวกับต้องมนตร์
“ บอกตามตรง ตอนข้าได้รับหนังสือแจ้งว่าจะมีผู้ใช้เวทมนตร์คนหนึ่งเข้าห้องเรียน ข้าไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะเป็นเจ้า บอกเหตุผลได้หรือไม่เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ ”
“ ข้าได้รับคำสั่งให้มาสังเกตท่าน แต่อย่าห่วงไปเลยอย่างน้อยข้าก็ชอบศึกษาหาความรู้ ท่านจงสอนตามแบบของท่าน ส่วนเรื่องอื่นถ้ามีปัญหาอะไรข้าจะแจ้งทีหลัง และข้าจะเตือนท่านว่าแม้ข้าไม่ได้เข้าเรียนทุกวันแต่วันที่ข้าไม่อยู่ วันนั้นสายของจอมเวทวาลานจะมาเอง ”
ดารีลตอบเสียงราบเรียบ
เขาหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมาวางบนโต๊ะ
ทำตัวสงบนิ่งเหมือนเป็นนักเรียนคนหนึ่ง
“ วาลานอีกแล้วหรือเขาต้องการอะไรกันแน่จึงต้องมาวุ่นวายกับข้า ”
อาจารย์โดเฮเกนว่า
น้ำเสียงเริ่มขุ่นมัว
หนุ่มน้อยนักเวทไม่ตอบ
เขานั่งหลังตรงมือสองข้างประสานกันบนปกหนังสือ
แต่ปรากฏรอยยิ้มจางๆ ที่ริมฝีปากหนาหยักได้รูป
โดเฮเกนลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปกลางห้อง
สายตาจ้องมองดารีลไม่ลดละ
นักเรียนทั้งห้องต่างกระสับกระส่ายไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
หนุ่มน้อยนักเวทจึงส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
น่าแปลกที่เพียงเท่านี้ก็ทำให้บรรยากาศลดความตึงเครียดลง
“ ช่วงนี้มีข่าวลือประหลาดมากมาย ข้าเพียงแต่อยากให้มั่นใจว่ามันไม่ได้หลุดออกมาจากคนในของปราสาทขาว ส่วนความประสงค์ของจอมเวทวาลานนั้น ไม่มีผู้ใดตอบคำถามนี้แทนได้ แต่หากท่านอยากรู้ ข้าสามารถพาท่านไปพบและพูดคุยกับเขาได้โดยตรง ”
อาจารย์โดเฮเกนถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
เขาเดินกลับไปที่โต๊ะและเริ่มสอนตำราต่อไป
ฟิโลโซเฟอร์คลี่ม้วนกระดาษออก
เตรียมจดย่อเกร็ดข้อมูลใหม่
เขาสังเกตเห็นฟีไลร่าชำเลืองไปด้านหลังบ่อยๆ จึงเอ่ยถาม
“ มีอะไรหรือ ”
“ เปล่า ”
เด็กหญิงผมสีเงินตอบพลางก้มหน้าหงุด
วันนี้ดูนางเสียสมาธิไม่น้อย
เด็กชายชาวซีนาร์ยจึงหันหลังกลับบ้าง
เขาพบดารีลที่จ้องเขม็งไปยังหน้ากระดาน
ปากกาขนนกปลายเหล็กแหลมในมือขวาตวัดลากบนกระดาษม้วนอย่างลื่นไหล
โดยที่เจ้าตัวไม่เสียเวลาแม้แต่จะชำเลืองมอง
ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกทึ่งกับความสามารถนั้นเป็นอย่างมาก
พ่อมดน้อยเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังถูกจับจ้อง
เขาทำหน้าตึงโต้ตอบกลับมา
และส่งสัญญาณให้เด็กชายกลับไปจดตำราต่อ
“ ยอดมากเลย อาจารย์โดเฮเกนได้หนังสือปริศนาแห่งคำสาบที่เขียนโดยมิรากลอสมาจากไหน ข้าเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะของเขา ”
อีเลียสว่า
ขณะนี้เด็กๆ กำลังเดินออกจากห้องเรียน
ส่วนฟิโลโซเฟอร์ต้องไปรับน้องสาวก่อนจึงจะกลับบ้านได้
“ นั่นสิข้าไม่เคยเห็นหนังสือพวกนี้ในตลาดหนังสือเลย ”
เลโอน่าว่าบ้าง
“ ก็เพราะมันถูกเก็บออกจากตลาดตั้งแต่วันแรกที่วางขายเลยน่ะสิ แม้แต่คนที่ซื้อไปแล้วทางสภาพ่อมดยังสั่งให้ส่งคืนเลย ”
“ ทำไมจึงห้ามขายล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ เพราะสภาพ่อมดมีความเห็นร่วมกันว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นอันตรายต่อสังคมโดยรวม ”
“ หืม เป็นภัย มันเป็นหนังสือลามกหรืออย่างไร ”
โลธอร์ทำตาโต
“ ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย แต่ได้ยินว่ามันคือบันทึกคืนสุดท้ายก่อนที่เมืองคาเลจะล่มสลาย ”
เลโอน่าเสียงดุ
“ นั่นแหละยิ่งทำให้อยากรู้ แล้วบ้านของคนๆ นั้นอยู่ที่ไหนมิรากลอสอะไรนั่นน่ะ เขาอยู่ในเมืองนี้หรือเปล่าเขาคงเป็นคนเดียวที่รู้ว่าหนังสือนั่นเขียนว่าอะไร เราไปถามถึงที่เลยก็ได้นี่นา ”
เด็กชายร่างอ้วนว่า
“ เราตามหาคนเขียนไม่ได้หรอก เพราะว่าเขาถูกฆาตกรรมหลังจากเขียนเสร็จไม่นาน ”
“ อยากรู้จริงเขาเขียนอะไรไว้ในหนังสือเล่มนั้น ”
โลธอร์หันมาทางฟิโลโซเฟอร์
“ มันร้ายแรงพอที่จะทำให้คนๆ หนึ่งต้องตายเลยหรือ ”
“ นั่นอาจไม่ใช่สาเหตุจริงๆ ที่ทำไห้เขาต้องตายก็ได้นะ บางทีอาจมีเรื่องขัดแย้งอื่น ”
ฟิไลร่าว่า
“ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะที่ทำให้ถูกตามล่า ”
โลธอร์ถาม
“ ก็คงต้องถามเอากับคนที่ลงมือฆ่าเขาเท่านั้นแหละ ”
“ ประวัติศาสตร์ยุคกลางนี่ประมาณช่วงเวลาไหนนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ ยุคที่ซาเหวจลอร์ดเรืองอำนาจ ”
อีเลียสตอบ
“ จริงดิ ข้านึกว่าเป็นช่วงสงครามที่กลุ่มพันธมิตรร่วมกันถล่มเมืองคาเลเสียอีก แล้วยุคแรกล่ะ ”
โลธอร์ถามบ้าง
“ สงครามแห่งพันธมิตรนี่มันสิบปีที่แล้วเองอยู่ในยุคปลายต่างหาก ถ้ายุคแรกก็โน่นเลยสงครามระหว่างเทพกับซาตาน แต่ก็ไม่มีใครที่รู้แจ้งพอที่จะสอนได้ เว้นแต่พวกผู้ใช้เวทมนตร์ ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจมาสอนอยู่แล้ว ”
“ แล้วเราจะเรียนเรื่องพวกนี้ไปเพื่ออะไรกัน เอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟังอย่างนั้นหรือ ”
เด็กร่างอ้วนบ่นต่อ
“ ความผิดพลาดในอดีตเป็นตัวอย่างที่ดีในอนาคต เจ้าในฐานะบุตรชายคนเดียวของหัวหน้าเผ่า ก็ควรเรียนรู้เอาไว้มิใช่หรือ ”
“ ข้าเป็นลูกชาวไร่ชาวนาแต่รู้เอาไว้บางก็ดีไม่ถือว่าเสียเวลาเปล่า ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่าบ้าง
“ ได้ยินมาว่าอาจารย์โดเฮเกนเคยร่วมรบในสงครามแห่งพันธมิตรด้วย เขามีรางวัลที่การันตีความกล้าหาญมากมาย เห็นว่าหลายหน่วยต้องการตัวเขาไปร่วมงาน แต่เขาก็เลือกผันตัวเองมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือซะอย่างนั้น ”
เลโอน่าว่า
“ ทำไมถึงเลิกเป็นทหารเสียล่ะ ”
โลธอร์สงสัย
“ ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเองแก่เกินไป หรือบางทีอาจมีอะไรรบกวนใจเขา จนไม่อยากยุ่งกับการสงคราม แต่ก็ยังตัดใจจากมันไม่ได้ ยังไงก็ต้องวนเวียนอยู่กับอะไรที่เกี่ยวข้องกันอยู่ ”
“ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ข้าคิดว่าคนๆ นี้คงรู้อะไรลึกๆ เกี่ยวกับสงครามในครั้งนั้นแน่ๆ เราจะได้เรียนรู้จากเขา ”
อีเลียสว่า
ฟีไลร่าเร่งเร้าให้รีบเข้าห้องเรียน แต่กระนั้นก็ยังช้ากว่าอาจารย์สอนผู้มีใบหน้ายับย่นเกินอายุ ผมด้านหน้าหงอกขาวไปกว่าครึ่งหนึ่ง เขาเป็นอาจารย์คนเดียวกับที่ฟิโลโซเฟอร์พบในระหว่างที่ทำการทดสอบเพื่อเข้าโรงเรียน อาจารย์คนนั้นยังคงนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ปล่อยให้นักเรียนคุยกันตามสบาย ในห้องเรียนนั้นมีนักเรียนรุ่นพี่เข้ามานั่งปะปนอยู่หลายคนฟิโลโซเฟอร์จึงหันไปถามฟีไลร่าด้วยความสงสัย ว่าเหตุใดวิชานี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ
“ นั่นสินะข้าก็สงสัยเหมือนกัน ความจริงแล้ววิชานี้เป็นพื้นฐานที่จะปูทางไปสู่วิชาการสงครามว่าด้วยมหาสงครามโค่นซาเหวจลอร์ดซึ่งมีความซับซ้อนมาก เคยมีรุ่นพี่ย้อนกลับมาเรียนซ้ำอยู่บ่อยๆ แต่คราวนี้มากเกินไปจริงๆ บางทีอาจจะมีปริศนาอะไรซ่อนอยู่ในวิชานี้ก็ได้ ”
นางบอก
“ ปริศนาอะไรล่าสมบัติหรือ ”
โลธอร์ยื่นหน้าอวบๆ เข้ามาแทรก
“ ก็ปริศนาเกี่ยวกับคำสาบมรณะนั่นไง ใช่ว่าจะมีแค่เราเสียที่ไหนที่สนใจเรื่องนี้ โดยเฉพาะอาจารย์โดเฮเกนที่เคยบุกเข้าไปจนถึงตัวควอซาร์กษัตริย์แห่งคาเล หลายคนเชื่อว่าเขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ๆ เลยแห่กันมาเรียน ”
ร่างสูงสง่าในชุดคลุมดำร่างหนึ่งมาปรากฏขึ้นที่หน้าประตู เสียงพูดคุยกันของเด็กนักเรียนทั้งห้องก็เงียบลงทันที สายตาทุกคู่จ้องมองไปทางเดียวกันด้วยความประหลาดใจ อาจารย์โดเฮเกนเงยหน้าขึ้นมองคนผู้นั้นแล้วเอ่ยทักเสียงราบเรียบ
“ มาแล้วรึ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามีศิษย์เป็นพวกนักเวทย์ ยิ่งเป็นเจ้าด้วยแล้วดารีล เห็นทีโรงเรียนนี้คงมีเรื่องต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์แล้วสิ ”
ดารีลไม่ตอบโต้อะไรเขาก้าวเท้ายาวๆ อย่างว่องไวผ่านกลางห้องเรื่อยไปจนถึงโต๊ะตัวสุดท้าย แล้วหมุนตัวกลับรวดเร็วจนชายเสื้อคลุมสะบัดพลิ้ว เด็กนักเรียนหลายคนลอบมองเขาโดยตลอดจากทางหางตา พวกเด็กๆ ต่างอยู่ในอาการตกตะสึงราวกับต้องมนตร์
“ บอกตามตรง ตอนข้าได้รับหนังสือแจ้งว่าจะมีผู้ใช้เวทมนตร์คนหนึ่งเข้าห้องเรียน ข้าไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะเป็นเจ้า บอกเหตุผลได้หรือไม่เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ ”
“ ข้าได้รับคำสั่งให้มาสังเกตท่าน แต่อย่าห่วงไปเลยอย่างน้อยข้าก็ชอบศึกษาหาความรู้ ท่านจงสอนตามแบบของท่าน ส่วนเรื่องอื่นถ้ามีปัญหาอะไรข้าจะแจ้งทีหลัง และข้าจะเตือนท่านว่าแม้ข้าไม่ได้เข้าเรียนทุกวันแต่วันที่ข้าไม่อยู่ วันนั้นสายของจอมเวทวาลานจะมาเอง ”
ดารีลตอบเสียงราบเรียบ
เขาหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมาวางบนโต๊ะ
ทำตัวสงบนิ่งเหมือนเป็นนักเรียนคนหนึ่ง
“ วาลานอีกแล้วหรือเขาต้องการอะไรกันแน่จึงต้องมาวุ่นวายกับข้า ”
อาจารย์โดเฮเกนว่า
น้ำเสียงเริ่มขุ่นมัว
หนุ่มน้อยนักเวทไม่ตอบ
เขานั่งหลังตรงมือสองข้างประสานกันบนปกหนังสือ
แต่ปรากฏรอยยิ้มจางๆ ที่ริมฝีปากหนาหยักได้รูป
โดเฮเกนลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปกลางห้อง
สายตาจ้องมองดารีลไม่ลดละ
นักเรียนทั้งห้องต่างกระสับกระส่ายไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
หนุ่มน้อยนักเวทจึงส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
น่าแปลกที่เพียงเท่านี้ก็ทำให้บรรยากาศลดความตึงเครียดลง
“ ช่วงนี้มีข่าวลือประหลาดมากมาย ข้าเพียงแต่อยากให้มั่นใจว่ามันไม่ได้หลุดออกมาจากคนในของปราสาทขาว ส่วนความประสงค์ของจอมเวทวาลานนั้น ไม่มีผู้ใดตอบคำถามนี้แทนได้ แต่หากท่านอยากรู้ ข้าสามารถพาท่านไปพบและพูดคุยกับเขาได้โดยตรง ”
อาจารย์โดเฮเกนถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
เขาเดินกลับไปที่โต๊ะและเริ่มสอนตำราต่อไป
ฟิโลโซเฟอร์คลี่ม้วนกระดาษออก
เตรียมจดย่อเกร็ดข้อมูลใหม่
เขาสังเกตเห็นฟีไลร่าชำเลืองไปด้านหลังบ่อยๆ จึงเอ่ยถาม
“ มีอะไรหรือ ”
“ เปล่า ”
เด็กหญิงผมสีเงินตอบพลางก้มหน้าหงุด
วันนี้ดูนางเสียสมาธิไม่น้อย
เด็กชายชาวซีนาร์ยจึงหันหลังกลับบ้าง
เขาพบดารีลที่จ้องเขม็งไปยังหน้ากระดาน
ปากกาขนนกปลายเหล็กแหลมในมือขวาตวัดลากบนกระดาษม้วนอย่างลื่นไหล
โดยที่เจ้าตัวไม่เสียเวลาแม้แต่จะชำเลืองมอง
ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกทึ่งกับความสามารถนั้นเป็นอย่างมาก
พ่อมดน้อยเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังถูกจับจ้อง
เขาทำหน้าตึงโต้ตอบกลับมา
และส่งสัญญาณให้เด็กชายกลับไปจดตำราต่อ
“ ยอดมากเลย อาจารย์โดเฮเกนได้หนังสือปริศนาแห่งคำสาบที่เขียนโดยมิรากลอสมาจากไหน ข้าเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะของเขา ”
อีเลียสว่า
ขณะนี้เด็กๆ กำลังเดินออกจากห้องเรียน
ส่วนฟิโลโซเฟอร์ต้องไปรับน้องสาวก่อนจึงจะกลับบ้านได้
“ นั่นสิข้าไม่เคยเห็นหนังสือพวกนี้ในตลาดหนังสือเลย ”
เลโอน่าว่าบ้าง
“ ก็เพราะมันถูกเก็บออกจากตลาดตั้งแต่วันแรกที่วางขายเลยน่ะสิ แม้แต่คนที่ซื้อไปแล้วทางสภาพ่อมดยังสั่งให้ส่งคืนเลย ”
“ ทำไมจึงห้ามขายล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ เพราะสภาพ่อมดมีความเห็นร่วมกันว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นอันตรายต่อสังคมโดยรวม ”
“ หืม เป็นภัย มันเป็นหนังสือลามกหรืออย่างไร ”
โลธอร์ทำตาโต
“ ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย แต่ได้ยินว่ามันคือบันทึกคืนสุดท้ายก่อนที่เมืองคาเลจะล่มสลาย ”
เลโอน่าเสียงดุ
“ นั่นแหละยิ่งทำให้อยากรู้ แล้วบ้านของคนๆ นั้นอยู่ที่ไหนมิรากลอสอะไรนั่นน่ะ เขาอยู่ในเมืองนี้หรือเปล่าเขาคงเป็นคนเดียวที่รู้ว่าหนังสือนั่นเขียนว่าอะไร เราไปถามถึงที่เลยก็ได้นี่นา ”
เด็กชายร่างอ้วนว่า
“ เราตามหาคนเขียนไม่ได้หรอก เพราะว่าเขาถูกฆาตกรรมหลังจากเขียนเสร็จไม่นาน ”
“ อยากรู้จริงเขาเขียนอะไรไว้ในหนังสือเล่มนั้น ”
โลธอร์หันมาทางฟิโลโซเฟอร์
“ มันร้ายแรงพอที่จะทำให้คนๆ หนึ่งต้องตายเลยหรือ ”
“ นั่นอาจไม่ใช่สาเหตุจริงๆ ที่ทำไห้เขาต้องตายก็ได้นะ บางทีอาจมีเรื่องขัดแย้งอื่น ”
ฟิไลร่าว่า
“ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะที่ทำให้ถูกตามล่า ”
โลธอร์ถาม
“ ก็คงต้องถามเอากับคนที่ลงมือฆ่าเขาเท่านั้นแหละ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ