โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
62) ที่ห้องใต้หลังคา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังมื้ออาหารคาโลไรน์จัดผลไม้แห้งและน้ำอุ่นให้
“ จะเป็นไรไหมถ้าจะถามว่า พวกท่านไม่ดื่มชาหลังอาหารเย็นกันหรือ ข้าอายุน้อยความรู้ก็น้อยตาม แต่พอจะเดาได้ว่า แต่ละเมืองมีธรรมเนียมไม่เหมือนกัน ”
ดารีลถาม
“ อันที่จริงชาวซีนาร์ยชื่นชอบการดื่มชา แต่พอดีว่าพวกเราเพิ่งย้ายบ้านมา หลายอย่างยังไม่เข้าที่และชาก็หมดลงโดยที่เราไม่รู้ตัว ”
อาเธอร์ตอบ
ดารีลล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อคลุม
หยิบห่อกระดาษห่อเล็กๆ ขึ้นมาวางบนโต๊ะก่อนจะเลื่อนต่อไปให้คาโลไรน์
“ ข้ามีติดตัวมานิดหน่อย ท่านมีวิธีต้มชาอย่างไรข้าไม่รู้ แต่เมื่อต้มให้ข้ากรุณาต้มด้วยน้ำเดือด ”
เขากำชับ
“ เข้าใจแล้ว”
นางว่าแล้วหยิบห่อชาไปต้ม
กลิ่นชาหอมอ่อนๆฟุ้งกระจายเต็มห้อง น้ำชาปรากฏเป็นริ้วสีม่วงจางๆ
อาเธอร์ยกชาขึ้นจิบแล้วถอนหายใจด้วยความรู้สึกอิ่มเอมและผ่อนคลาย
“ ชาชั้นเลิศนี้ท่านซื้อจากแหล่งใดคงมีราคาสูงมากเลยสินะ ”
เขาถาม
“ เรื่องตลกคือบ้านข้าขายน้ำชา และชาปรุงพวกนี้ข้าเป็นคนคิดสูตรเอง แต่เชื่อหรือไม่ข้าไม่เคยรู้ราคาเลย ”
ดารีลตอบพลางเทผงสีดำอย่างหนึ่งลงในถ้วยชาของตัวเอง
ทำให้สีและกลิ่นแปลกออกไป
จากนั้นก็เทลงในถ้วยของฟิโลโซเฟอร์ด้วย
ความจริงคาโลไรน์ยังไม่อยากให้เด็กๆ ดื่มชา
แต่เมื่อดารีลเป็นคนอนุญาต
นางก็ไม่กล้าขัด
เด็กชายยกขึ้นจิบแล้วสะดุ้งโหยง
“ เหตุใดขมขนาดนี้ ”
“ ข้าเทผงโกโก้ลงไปน่ะ ”
พ่อมดน้อยตอบหน้าตาเฉย
“ ทำแบบนี้ก็เสียรสแย่สิ ”
เขาท้วง
“ ดื่มเป็นยาเจ้าอย่าเรื่องมากนักได้มั้ย หรือขมแค่นี้ก็ทำให้ใจเสาะเสียแล้ว ”
ดารีลกระซิบ
“ ถ้าข้าสามารถดื่มให้หมดในคราวเดียวเจ้าจะยอมค้างคืนที่บ้านข้าหรือไม่ ”
คนถูกท้าไม่ตอบแต่ยกมือขึ้นกุมขมับแทน
แล้วเด็กชายฟิโลโซเฟอร์ก็ยกถ้วยชานั้นขึ้นดื่มจนหมด
สายตาจ้องมองดารีลแบบผู้กำชัยเหนือกว่า
คืนนั้นฟิโลโซเฟอร์บอกบิดามารดาว่าดารีลจะค้างที่นี่
ซึ่งคาโลไรน์ก็ยินดีเป็นอย่างมาก
เด็กชายส่งเพื่อนขึ้นบันไดไปก่อน
ส่วนตัวเขาถูกอาเธอร์ลากตัวไปที่ห้องด้านหลัง
“ เจ้ามีอะไรปิดบังพวกเราหรือเปล่า ”
คนเป็นพ่อคาดคั้น
“ อย่างเช่นอะไรล่ะฮะ ”
เด็กชายถามกลับด้วยแววตาใสซื่อ
“ ข้ารู้ว่าเจ้าสองคนบาดเจ็บ ตกลงพวกเจ้าแอบไปทำอะไรกันแน่ ”
“ ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ”
เด็กชายตอบ
“ ข้าเผลอทำมีดของดารีลบาดมือ โชคร้ายที่มีดนั้นอาบยาพิษ เขาพยายามช่วยเหลือก็เลยพลอยติดพิษไปด้วย โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับท่านแม่นะ ข้าไม่อยากให้นางเป็นห่วง ”
อาเธอร์ถอนหายใจดังเฮือก
“ ข้าต้องเตือนเจ้าแล้วว่าพวกผู้ใช้เวทมนตร์ไม่ใช่เพื่อน เจ้าจะไปล้อเล่นกับเขาเหล่านั้นไม่ได้ ผิดพลาดนิดเดียวอาจถึงขั้นต้องขุดหลุมฝังกันเลย ”
“ ไม่ต้องห่วง ดารีลก็เคยเตือนข้าแบบนี้เหมือนกัน ”
เมื่อเขากลับขึ้นไปยังห้องนอนซึ่งมันก็คือห้องใต้หลังคา
เขาก็พบว่าดารีลนั่งอ่านหนังสือคอยอยู่
โดยอาศัยแสงสว่างจากเทียนไขเล่มหนึ่ง
“ มีห้องว่างมากมายเหตุใดเจ้าจึงเลือกนอนที่ห้องนี้ล่ะไม่รู้สึกว่าน่าอึดอัดหรือ ”
ดารีลถามโดยไม่ยอมเงยหน้าจากหนังสือ
“ ตอนอยู่ที่ซีนาร์ยก็อาศัยอยู่ในห้องใต้หลังคามาตลอด ข้าคุ้นชินกับที่แบบนี้ แต่ดูสิเพดานห้องนี้สูงกว่าที่บ้านเดิมเป็นไหนๆ อยู่ห้องสูงที่สุดก็สามารถมองเห็นทิวทัศได้ไกลสุดเจ้าว่าไหม ”
เด็กชายว่า
พลางเดินไปเปิดหน้าต่างเล็กๆ ข้างเตียง
แสงจันทร์สีขาวลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทาบเงาบนพื้นห้อง
“ แต่ข้าคิดว่าบนหลังคาคือที่ๆ ดีที่สุดหากอยากชมเมือง ”
“ เป็นความคิดที่น่าสนใจวันหลังข้าจะลองดูบ้าง ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ แต่ถ้าเกิดพลัดตกลงไปคอหักตายแล้วก็ อย่าบอกใครล่ะว่าข้าเป็นคนแนะนำ ”
ดารีลพูดหน้าตาเฉย
เด็กชายไม่ว่าอะไร
แต่เขาได้หยิบดาบโบราณเล่มนั้นออกมาอวด
พ่อมดน้อยเพียงแค่ปรายตามองแล้วกล่าวตำหนิ
“ นั่นไม่ใช่ของที่เจ้าจะเอาออกมาให้ใครดูก็ได้ เก็บให้มิดชิดกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร ”
“ ข้าให้เจ้าดูคนเดียวเท่านั้น ”
เด็กชายบอก
แต่ดารีลก็หันไปสนใจกองหนังสือต่อเขาถามว่า
“ หนังสือพวกนี้เป็นของใคร ตระกูลของเจ้าแท้จริงแล้วทำงานอะไรแน่ เหตุใดมีของพวกนี้ ”
“ พ่อของข้าเคยเป็นทหาร ส่วนหนังสือพวกนี้คงเป็นของผู้เช่าคนก่อน ท่านพ่อเคยเล่าว่าตึกนี้เปิดไว้ให้เช่าเท่านั้น ส่วนครอบครัวเดิมของพวกเราอยู่บ้านอีกหลัง ของที่เห็นในบ้านส่วนใหญ่จึงเป็นของผู้เช่าที่ทิ้งเอาไว้ ทำไมล่ะมันสำคัญหรือเปล่า เคยคิดจะทำลายมันทิ้ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร เพราะตัวหนังสือในนั้นบางส่วนข้าอ่านไม่ออกก็เลยเก็บเอาไว้ก่อน ”
“ มันเป็นรายงานเก่าๆ ของเมืองโอรีเวีย รวมทั้งบันทึกรายรับรายจ่ายของงบประมาณประจำปี ที่เจ้าอ่านไม่ออกอาจเป็นเพราะบางส่วนถูกบันทึกด้วยอักษรพิเศษ ที่รู้กันเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น ”
ดารีลว่าพลางรื้อดูหนังสือเล่มอื่นๆ
“ ไม่รู้ทำไมจึงถูกเก็บไว้ที่นี่แต่ข้าดูผ่านๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรผิดปรกติ ”
“ ดารีลเจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับบุตรแห่งควอซาร์ ”
อยู่ๆ เด็กชายก็เปลี่ยนเรื่อง
คนถูกถามชะงักกึกมือกำค้างบนหนังสือเล่มหนึ่ง
ในหน้าที่ซ่อนอยู่ในเงามืดนั้นดูลึกลับขึ้นทันที
“ อะไรคืออย่างไร คำถามของเจ้าไม่กว้างไปหน่อยหรือ ”
เขาถามกลับหลังจากนิ่งไปชั่วครู่
“ ข้าได้ยินมาว่าคนที่โจมตีปราสาทขาวเป็นชาวเมืองคาเล และเขาอาจกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ เจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปได้หรือไม่ ”
“ เป็นความจริงที่ว่าคืนนั้นมีผู้ใช้มนตร์ดำปรากฏ ”
ดารีลตอบ
“ และเพียงเชื้อสายของชาวคาเลเท่านั้นที่สามารถใช้มนตร์ดำได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ลงมือจะต้องเป็นบุตรแห่งควอซาร์ ส่วนเขาต้องการอะไรนั้นพวกเราทำได้แค่คาดเดาเท่านั้น ”
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าช่วยเดาหน่อยสิ เขาต้องการทำลายอนุสาวรีย์ไปเพื่ออะไร ”
เด็กชายรบเร้าด้วยความอยากรู้
“ มีความเป็นไปได้สองอย่างแต่ข้าควรจะเล่าให้เจ้าฟังหรือเปล่า ”
เด็กชายชูนิ้วขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ข้าขอสาบานถ้าเจ้าไม่ให้ข้าพูดข้าก็จะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ”
“ เอาล่ะข้าเล่าก็ได้ ”
ดารีลหัวเราะ
“ ก่อนอื่นขอถามว่าเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของซาเวจลอร์ดกับของวิเศษทั้งเจ็ดหรือไม่ ”
ฟิโลโซเฟอร์พยักหน้ารับ
“ ข้าได้ยินมาบ้าง ”
“ ก็ดีข้าจะได้เล่าสั้นๆ แต่ทั้งหมดเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของข้าเท่านั้น ซึ่งอาจไม่จริงก็ได้ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ