โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  138.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

61) แขกพิเศษ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เมื่อพวกเขาทั้งสองตัดสินใจว่าสมควรแก่เวลาต้องกลับบ้านกันแล้ว   ดารีลก็ดีดนิ้วให้นกเรเวนตัวนั้นมันกระพือปีกรับ   แล้วโผเข้าไปในกองไฟที่กำลังลุกโชนท่ามกลางความตกตะลึงของเด็กชายตัวน้อย   เปลวไฟสีฟ้ากับนกสีดำเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นควันม้วนตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ   สุดท้ายก็ปรากฏเป็นม้าอาชาไนยขาวพิสุทธิ์ตัวเดียวกันกับที่ดารีลเคยขี่ในทุ่งหญ้า   ในคราวที่พบกันครั้งแรก

 

มันสูงสง่าร่างกำยำดุจม้าศึก   ขนละเอียดเนียนนุ่มดังกำมะหยี่   แต่ดวงตานั้นกลับแดงฉานสะท้อนในความมืดมิด   ม้าตัวนั้นย่อตัวลงให้ดารีลปีนขึ้นได้สะดวก   เขาดึงตัวเด็กชายขึ้นไปนั่งเบื้องหลังด้วย   แล้วม้าที่ไร้บังเหียนก็พาคนทั้งคู่พุ่งออกไปประดุจลมพายุ   แม้บนท้องถนนที่คนพลุกพล่านพวกเขาก็สามารถหลบหลีกได้อย่างหน้าประหลาด   เพียงครู่เดียวก็มาหยุดตรงประตูไม้โอ๊คสีทึมเทา   อันเป็นบ้านของฟิโลโซเฟอร์

 

เด็กชายทิ้งตัวลงข้างม้าตัวใหญ่   แต่ก็ไม่วายดึงเอาร่างของพ่อมดดารีลลงมาด้วย   ร่างบอบบางนั้นเซเล็กน้อยเขาคว้าเอาแผงคอม้าสีขาวสะอาดเพื่อยึดร่างไว้

 

“ เจ้าเด็กนรก   นี่คิดจะทำอะไรอีกล่ะ ”

 

เขาแยกเขี้ยวคำราม

 

เด็กชายไม่ตอบ

แต่ยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปากของดารีล

เจ้าของร่างเอียงตัวหลบเล็กน้อยพอเป็นพิธี

หากแต่ไม่ได้ขัดขืนมากไปกว่านั้น

 

“ ถ้าท่านแม่เห็นสภาพนี้ของเจ้าคงตกใจไม่น้อย   อย่าบอกพวกเขานะว่าเราทำอะไรกันมา   ข้าไม่อยากให้ท่านแม่เป็นห่วงมากไปกว่านี้ ”

 

“ ไม่ถามความเห็นหน่อยหรือว่าข้าคิดจะตามเข้าไปหรือเปล่า ”

 

ดารีลท้วง

แล้วตั้งท่าจะปีนกลับขึ้นไปบนหลังม้า

แต่ฟิโลโซเฟอร์คว้าร่างของเขาเอาไว้เสียก่อน

 

“ กลับบ้านไปเลยเรเวนคืนนี้เจ้านายของเจ้าจะนอนค้างที่บ้านข้า ”

 

เด็กชายกระซิบบอกม้า

น่าประหลาดที่อาชาขาวตัวนั้นกลับชื่อฟัง

มันพุ่งทะยานหายวับไปในความวุ่นวายของท้องถนนทันที

ท่ามกลางความตกตะลึงของหนุ่มน้อยนักเวทย์

 

“ กล้าทรยศข้าหรือ   สักวันคงไม่ได้ตายดีแน่เจ้าปีศาจร้ายเรเวน   แต่ช่างเถอะคนอย่างข้าหาทางกลับบ้านเองได้อยู่แล้ว ”

 

พูดยังไม่ทันจบเขาก็ถูกฟิโลโซเฟอร์ลากขึ้นบันได

ดารีลพยายามยึดร่างกับราวทองเหลือง

 

“ เดี๋ยวๆ นี่เจ้าจะบังคับข้าแบบนี้ไม่ได้นะ   ไม่อย่างนั้นข้าต้องมีโมโหแล้ว ”

 

เด็กชายปล่อยมือแล้วจ้องใบหน้าขาวกระจ่างนั้น

 

“ ดารีล   บอกข้าหน่อย   เจ้ากำลังกลัวอะไรกันแน่ ”

 

พ่อมดน้อยนิ่งเงียบไปนาน

สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก

 

“ บอกตามตรง   ข้าไม่เคยเข้าไปในบ้านคนอื่นตามลำพัง ”

 

“ เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา   ข้าไม่ใช่คนอื่น   นับตั้งแต่เจ้าได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ในทุ่งหญ้าคราวนั้น   เจ้าก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราแล้ว   ถ้านั่นยังไม่สามารถทำให้สบายใจขึ้น   เจ้าจะเรียกคนของเจ้ามาล้อมบ้านข้าเอาไว้ในระหว่างที่เจ้าอยู่ข้างในก็ได้   ข้าไม่ถือสาหรอก ”

 

“ เรื่องวันนั้นข้าคิดมาตลอดว่าข้าคงตัดสินใจผิดพลาด   ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้าจะชั่วร้ายถึงเพียงนี้   ข้าคงปล่อยพวกเจ้าไว้อย่างนั้น ”

 

ฟิโลโซเฟอร์หัวเราะชอบใจ

เขายื่นมือให้หนุ่มน้อยตรงหน้า

 

“ มาเถอะ   ข้าหิวแล้ว ”

 

ดารีลปัดมือออก

แต่ก็ยอมเดินตามไปโดยดี

 

เมื่อเข้าไปในบ้านพบว่าอาเธอร์กำลังสวมชุดคลุม

เขาหันมาเห็นบุตรชายเข้าก็มีสีหน้าโล่งใจ

 

“ ข้ากำลังออกไปตามหาอยู่แล้วเชียว   กี่ครั้งแล้วที่กลับบ้านไม่ตรงเวลา   ท่านแม่ของเจ้าต้องการ ” 

 

อาเธอร์ชะงักอยู่เพียงเท่านั้นเมื่อเห็นว่ามีใครเดินตามเข้ามา

 

“ ดารีล ”

 

หนุ่มใหญ่ครางเสียงแผ่ว

เขาไม่คิดไม่ฝันว่าคนผู้นี้จะมาปรากฏกายที่นี่

 

ส่วนดารีลยังคงยืนนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย

 

“ ท่านพี่เจ้าเด็กตัวแสบของเรากลับมาแล้วหรือ   บอกเขาทีว่าคืนนี้ ”

 

คาโลไรน์พูดพลางเดินออกมาจากครัว

ครั้นเมื่อเห็นคนที่บุตรชายพามาด้วยนางก็อ้าปากค้าง

พูดอะไรไม่ออก

 

“ ท่านแม่ตอนนี้ข้ากับดารีลหิวกันมากเลย   พอมีอะไรเหลือให้พวกเราบ้าง ”

 

ฟิโลโซเฟอร์เดินเข้าไปอ้อนมารดาทำให้นางได้สติ

 

“ มีสิ   มีอย่างแน่นอน   ตามข้าเข้ามาที่โต๊ะอาหารเร็ว   ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว   เชิญท่านดารีลด้วย ”

 

นางว่าแล้วรีบนำทางไป

ดารีลนั่งนิ่งมองอาหารที่คาโลไรน์พยายามจัดหามาให้อย่างดีที่สุด

ส่วนอาเธอร์บอกว่าพวกเขาทานอิ่มกันแล้วแต่ก็ยินดีนั่งเป็นเพื่อนบนโต๊ะอาหาร

 

“ รักษามารยาทด้วยท่านแม่ของข้าตั้งความหวังไว้มาก ”

 

เด็กชายกระซิบบอก

เมื่อได้ยินดังนั้นดารีลจึงตักอาหารเข้าปาก

เพียงคำแรกเขาก็ชะงักกึก

ก้มลงมองในชามอย่างด้วยสีหน้าฉงน

 

คาโลไรน์หน้าเสีย

นางพูดว่า

 

“ ขออภัยด้วยเถิดท่านดารีล   ข้าไม่รู้มาก่อนว่าท่านจะมา   อาหารที่เตรียมจึงเป็นแบบพื้นเมืองของซีนาร์ยคือเน้นวัตถุดิบไม่เน้นเครื่องเทศ   คงจะไม่ถูกปากท่านสินะ   แต่หากวันหน้าท่านแวะมาอีกข้าจะเตรียมทุกอย่างไว้ไม่ให้บกพร่อง ”

 

ดารีลยกมือห้าม

แล้วกล่าวว่า

 

“ ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน   โปรดเรียกข้าว่าดารีลเถอะชื่ออื่นข้าไม่ชิน   ส่วนเรื่องอาหาร   เป็นความจริงที่ว่าข้าเคยชินอาหารตามแบบของโอรีเวีย   แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นดีที่สุด   อันที่จริงข้าอยากเตือนชาวโอรีเวียเหมือนกันว่าพวกเขาใส่เครื่องเทศมาเกินความจำเป็น   ส่วนฝีมือการปรุงของท่านก็ไม่ได้เป็นรองใคร   ข้าไม่มีปัญหากับอาหารลักษณะนี้   ออกจะชอบเสียด้วยซ้ำ   เพราะหารับประทานยากเหลือเกิน ”

 

คำพูดนั้นทำเอาคาโลไรน์ยิ้มไม่หุบ

 

อาเธอร์ไม่ได้พูดอะไร

เขานั่งเอานิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ

หางตาคอยจับจ้องเด็กทั้งสองเอาไว้ตลอด

หนุ่มใหญ่คนนั้นรู้ว่าบุตรชายของเขากำลังพยายามซ่อนรอยแผลที่หลังมือ

เขากำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

คาโอเรียก็นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้วย

นางแสร้งทำเป็นอ่านหนังสือ

สายตาจ้องดารีลอยู่ตลอดสองแก้มขาวนวลปรากฏสีแดงเรื่อๆ

แต่เมื่อหนุ่มน้อยคนนั้นหันไปพูดกับนางสองสามคำ

เด็กหญิงก็วิ่งพรวดพลาดกลับเข้าห้องไป

 

ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่ส่ายหัวให้กับกิริยาของน้องสาว

เด็กผู้หญิงนี่ไม่ไหวเอาเสียเลย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา