โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  137.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

60) จะไปกับข้าหรือให้ข้าไปกับเจ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ฟิโลโซเฟอร์คว้าไหล่ของเขาผลักไปชนกำแพง
ดารีลพยายามเลื่อนหลบมาทางซ้ายเด็กชายก็ยกแขนขึ้นกั้นไว้
 
“ ข้าชวนดีๆ แล้วนะ ”
 
คนอายุน้อยกว่าว่า
มือข้างหนึ่งยังยันมั่นไว้กับผนัง
 
“ อย่างเจ้านี่คิดจะขู่ข้าหรือ ”
 
นักเวทย์น้อยจ้องหน้าเขาด้วยแววตานิ่งขรึม
 
“ ใช่ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ตอบ
ดารีลตวัดมีดพกเล่มเล็กขึ้นมาจ่อปลายคางของเด็กชาย
 
“ พอดีว่าข้าไม่ชอบถูกบังคับ   คิดว่าปราสาทขาวที่กว้างใหญ่   จะมีที่พอให้ซ่อนศพหรือไม่ ”
 
“ เก็บมีดไปเถอะดารีล   เสียเวลาเปล่า   เพราะเจ้าไม่กล้าลงมือหรอก ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ตอบแบบไม่สะทกสะท้าน
ดารีลจ้องมีดสลับกับแววตาของคนเบื้องหน้า
สุดท้ายก็ลดมือลง
 
“ ข้าเกลียดนักเวลาที่โดนรู้ทัน ”
 
“ ตกลงจะไปดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลัง ”
 
เด็กชายพูดเหมือนอย่างที่ดารีลเคยพูดกับเขา
หนุ่มน้อยทำหน้าเศร้าจ้องมองกลับมาด้วยสายตาวิงวอน
ช่างเป็นภาพที่งดงามจนแทบหยุดหายใจ
แต่ทันใดดารีลก็พุ่งหลบไปด้านขวา
ฟิโลโซเฟอร์ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ยกแขนอีกข้างขึ้นกั้น
ดารีลจึงตกอยู่ในวงกั้นอย่างแท้จริง
เขาถอยไปจนหลังเบียดกำแพง
เพราะรู้สึกว่าเด็กชายนั้นอยู่ใกล้ชิดจนเกินไป
 
“ มุกนี้ข้าโดนบ่อย ” 
 
เด็กชายว่า
 
“ คาโอเรียเล่นแบบนี้ประจำ   ไม่นึกว่าคนแบบเจ้าจะใช้วิธีเดียวกัน ”
 
“ นี่เจ้าไม่คิดจะให้ทางเลือกกับข้าหน่อยหรือ ”
 
หนุ่มน้อยท้วง
 
“ ได้สิได้   เลือกเอาว่าจะไปกับข้าหรือให้ข้าไปกับเจ้า   ดารีลถ้าหากเจ้าไม่ตกลงคืนนี้ไม่ได้ไปไหนแน่ ”
 
เจ้าของร่างงามพ่นลมออกจากปาก
มือกำด้ามมีดกระแทกเข้าใส่ผนังด้านหลังด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
เด็กคนนี้เป็นคนแรกที่กล้าล้อเล่นกับเขา
และเขาเองก็ไม่อยากใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหา
 
แม้ดารีลจะอายุมากกว่าสองปีแต่เด็กชายก็เตี้ยกว่าไม่ถึงคืบ
ซ้ำยังมีช่วงไหล่ที่หนาบึกบึน
เมื่ออยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้หนุ่มน้อยหน้ามลเลยดูบอบบางลงถนัดตา
 
แต่รูปลักษณ์ภายนอกนั้นเป็นดังภาพลวงตา
เมื่อเขายกมือข้างหนึ่งขึ้นผลัก
ฟิโลโซเฟอร์ก็รู้สึกถึงเรี่ยวแรงมหาศาลจนเขาต้องเซถอยหลัง
 
“ ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของเจ้า   กลับบ้านไปเสียเด็กน้อย   ในเมืองใหญ่เด็กตัวเล็กๆ ไม่ควรออกมาเดินเพ่นพ่านตามลำพัง   การเป็นเชื้อสายของนักรบโบราณ   ไม่ได้หมายถึงเจ้าจะเอาตัวรอดจากความตายได้ ”
 
ดารีลหันหลังอีกครั้งเสื้อคลุมยาวสีดำสะบัดพลิ้วดังปีกของราตรี
ในยามนี้ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงมาก
แสงสุดท้ายฉาบก้อนเมฆกลายเป็นสีแดงฉาน
 
ฟิโลโซเฟอร์ไม่อยากให้โอกาสหลุดลอยไปอีก
เขาจึงรีบฉวยข้อมือไว้
แต่ด้วยความรีบร้อนหลังมือจึงปัดไปโดนปลายมีดที่ดารีลถือ
หนุ่มน้อยพ่อมดหันกลับมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดชีวิต
 
“ ไม่เป็นไรหรอกน่าแผลแค่รอยแมวข่วน ”
 
เด็กชายบอก
ไม่เข้าใจว่าเหตุใดดารีลจึงต้องตกใจขนาดนั้น
แต่ทันใดสายตาของเขาก็เริ่มพร่ามัว
ดารีลคว้าร่างของเขาไว้ทันก่อนจะล้มฟาดพื้น
 
เลือดในกายเดือดพล่านขึ้นมาทันที
พร้อมกับลมหายใจที่ขาดเป็นห้วงๆ
เด็กน้อยรู้สึกเจ็บแปลบตรงแผล
แม้มองไม่ชัดแต่ก็ยังเห็นว่าดารีลดึงมือของเขาไปจรดที่ริมฝีปาก
มันไม่ใช่ความทรมานโดยเด็ดขาด
ความรู้สึกนั้นง่วงงุนและดำมืด
 
จิตใต้สำนึกนั้นสงบอย่างน่าประหลาด
เด็กชายแสนซนอยากจะหลับเสียตรงนี้
แม้ต้องหลับไปชั่วนิรันดร์ก็ตาม
 
แก้มข้างหนึ่งเจ็บจนชาฟิโลโซเฟอร์จึงได้สะดุ้งฟื้นคืนสติ
ครั้นลืมตาขึ้นก็เห็นว่าดารีลนั่งคร่อมอยู่
เขาหมอบลงกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของเด็กชาย
เสียงนั้นทุ้มนุ่มละมุนเหมือนบทสวด
 
ความรู้สึกทั้งมวลบอกให้เขาหยุดดิ้นรนความตายนั้นไม่ได้เลวร้ายนัก
แต่อีกความรู้สึกเล็กๆ บอกให้เขาสู้ต่อ
และเสียงของดารีลที่ดังก้องอยู่เตือนว่าชีวิตยังต้องการสิ่งใด
 
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็หลับไปอีกครั้ง
ในห้วงแห่งฝันมีทั้งความเหน็บหนาวและเปลวไฟที่ร้อนแดง
นานเท่าใดไม่รู้ที่เสียงกรีดร้องดังแทรกผ่านเข้ามา
มันเย็นเยือกและบาดลึกลงในหัวใจ
เสียงของเคอร์คารอล
 
เด็กชายสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องนั่น
เขาหันขวับไปมองพบว่ามันเป็นแค่นกเรเวนตัวหนึ่ง
เจ้านกตัวนั้นกระโดดไปมาบนร่างของดารีลส่งเสียงร้องประหลาดออกมา
แต่ไม่ใช่เสียงสยองขวัญแบบที่ได้ยินในตอนแรก
 
หนุ่มน้อยดารีลนอนทอดร่างเหมือนคนตาย
ในหน้าที่ขาวมากอยู่แล้วกลับดูซีดเผือดลงไปอีก
ริมฝีปากเปราะเปื้อนไปด้วยเลือด
 
นกเรเวนฟาดปีกไปมาด้วยท่าทีร้อนรน
ปากก็จิกไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ฟิโลโซเฟอร์นึกขึ้นได้ว่าสัตว์ชนิดนี้ชอบกินเนื้อสด
เขาจึงเรียกชื่อดารีลด้วยความตกใจ
แต่เสียงของเขานั้นแห้งผาก
 
เด็กชายจึงเปลี่ยนแผนคิดจะไปหาไม้มาฟาด
แล้วก็พบว่าร่างของเขาอ่อนเปลี้ยไปหมด
 
“ ออกไปห่างๆ เลยเจ้านกปีศาจ ”
 
ดารีลกัดฟันพูด
นกตัวนั้นจึงบินออกไปยืนข้างๆ กองไฟสีฟ้า
มันเป็นไฟปริศนาที่ลุกขึ้นมาโดยไร้เชื้อเพลิงด้วยอำนาจของผู้ใช้เวทมนตร์
 
พ่อมดน้อยยันกายขึ้นนั่ง
สภาพดูย่ำแย่กว่าฟิโลโซเฟอร์ไม่น้อย
เขาฉีกเสื้อคลุมราคาแพงออกมาเป็นริ้วยาว
แล้วหันหน้ามาทางเด็กชายตัวน้อย
 
“ ส่งมือมานี่ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์เพิ่งสังเกตเห็นว่าแผลที่หลังมือนั้นกว้างและลึกขึ้น
เลือดสดๆ ยังไหลซึมเป็นทางแต่ไม่มากมายนัก
เขาจัดการพันแผลนั้นอย่างรวดเร็วแต่ประณีต
แล้วก็หันหลังให้เด็กชายทันทีด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย
นกเรเวนตัวนั้นยังจ้องเขาทั้งคู่ไม่วางตา
 
“ มีดของเจ้าอาบยาพิษด้วยใช่ไหม ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ชวนคุย
 
“ เป็นชนิดออกฤทธิ์รุนแรงและรวดเร็ว   ยาถอนพิษแบบธรรมดาใช้ไม่ได้ผล   ข้านี่ประหลาดใจสุดๆ ที่เจ้ารอดมาได้ ”
 
ดารีลตอบ
 
“ ยังดีที่ไม่ทำให้เจ้าต้องตายไปด้วย   ไม่อย่างนั้นข้าคงหมดปัญญาชดใช้ให้ ”
 
เด็กชายรู้ว่าเป็นเพราะดารีลพยายามดูดพิษจากบาดแผล
เขาจึงตกอยู่ในในสภาพเช่นนี้
 
“ ตายไปแล้วจะชดใช้อะไรได้   อันที่จริงข้าก็นึกไม่ออกว่าจะช่วยเจ้าอย่างไร   ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก   แต่จะโทษเจ้าฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก   ตัวข้าเองก็ไม่ควรหยิบของอันตรายออกมาเล่น   โดยเฉพาะต่อหน้าเจ้าด้วยแล้ว ” 
 
ท้องฟ้าได้มืดลงแล้วในตอนนี้
อากาศในยามค่ำคืนนั้นหนาวเย็นนัก
แต่กองเพลิงสีฟ้านั้นก็อบอุ่นเพียงพอ
 
“ ดึกแล้วเจ้ากลับบ้านไปเถอะ   ขึ้นรถม้าโดยสารกลับเอานะ   เพราะถ้าเดินคงกลับไม่ถึงเป็นแน่   โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด   ไม่อย่างนั้นคงได้ขาดเรียนกัน ”
 
ดารีลบอก
 
“ แล้วเจ้าล่ะ ”
 
“ ขอพักต่อสักครู่   ไม่ต้องห่วงหรอกข้าเคยออกจากบ้านกลางดึกบ่อยๆ คนที่นั่นไม่วิตกกับการหายตัวไปของข้าอยู่แล้ว   ต่างกับเจ้าป่านนี้วุ่นวายกันหรือยังก็ไม่รู้ ”
 
“ ไม่ล่ะ   ข้าทิ้งเจ้าไว้แบบนี้ไม่ได้   ดูสภาพตอนนี้สิ   ให้ข้าไปส่งที่บ้านเถอะนะ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ว่าพลางขยับมานั่งใกล้ๆ
 
“ ข้าดูแลตัวเองได้หรอกน่า   ให้ตายสิอยู่ใกล้เจ้านี่มีแต่เรื่องเฉียดตายทั้งนั้น   ข้าคงต้องรอบคอบกว่านี้หรือไม่ก็ถอยห่างออกมาเลย ”
 
หนุ่มน้อยบ่น
 
“ แต่ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปหรอกนะดารีล   ถึงอย่างไรก็ต้องทำให้เจ้ากลายเป็นเพื่อนตายของข้าให้ได้ ”
 
เด็กชายบอก
 
“ หึ ”
 
ดารีลขำ
 
“ คงมีสักวันที่เจ้าต้องเสียใจเพราะข้า   เพราะฉะนั้นเลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว   ข้าไม่เหมาะเป็นเพื่อนกับเจ้าหรอก   ทางเดินของเรามันต่างกันเกินไป ”
 
“ เพียงเพราะว่าเจ้าเป็นผู้ใช้เวทมนตร์อย่างนั้นหรือ   อย่าตีกรอบให้ตัวเองเลย   ก่อนที่จะฝึกใช้พลังเหล่านั้นเจ้าก็เคยเป็นคนธรรมดามาก่อนมิใช่หรือ   ไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองขนาดนั้น ”
 
เด็กชายแย้ง
 
 
***   ยาพิษของดารีลเป็นแบบการุณยฆาต   คือ   ออกฤทธิ์ไว   ทรมานน้อยและเหยื่อจะรู้สึกดื่มด่ำกับความตาย
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา