โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  115.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

52) หัวหน้าห้อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฟิโลโซเฟอร์หันไปมองเด็กที่เข้ามาใหม่คนนั้น   เขากางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วตั้งใจอ่านโดยไม่สนใจเสียงหรือความวุ่นวายรอบข้าง   เด็กคนนี้ผอมบางและมีผิวสีซีดจางราวกับไม่ได้พบแสงแดดมาเป็นเวลานาน

 

“ อีเลียสเป็นชาวโอรีออน ”

 

ฟีไลร่าเล่าเมื่อเห็นว่าเด็กชายกำลังสนใจ

 

“ มีปู่เป็นถึงที่ปรึกษาของเจ้าเมือง   เขาก็เลยกดดันตัวเองมากไปหน่อย   แต่ข้าเชื่อว่าวันข้างหน้าอีเลียสจะต้องสร้างชื่อได้แน่ ”

 

“ แล้วเจ้าล่ะฟีไลร่า   เจ้าเป็นชาวไอโอเนียใช่หรือไม่ ”

 

“ เดาได้เยี่ยม ”

 

นางว่าพลางยกนิ้วให้

ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกปลาบปลื้มใจที่บิดาของเขาก็มากความรู้กับเขาเหมือนกัน

 

ก่อนที่พวกเขาจะได้คุยกันมากกว่านี้ครูคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา

นางเป็นหญิงสูงอายุที่มีใบหน้าดุดัน

เด็กนักเรียนที่กำลังจับกลุ่มคุยกันจึงเงียบเสียงลง

 

นางแนะนำตัวว่านางชื่อเลวิชเป็นครูที่ปรึกษาของระดับขั้นนี้

และแจกกระดาษแนะนำวิชาเรียนให้

 

“ เอาล่ะมีใครสงสัยอะไรหรือไม่ ”

 

ครูเลวิชถาม

เลโอน่ายกมือขึ้นเป็นคนแรก

 

“ เหตุใดวันนี้ไม่มีพิธีเปิดภาคเรียน   แล้วครูใหญ่วีแกนหายไปไหน ”

 

นางถาม

 

“ เรื่องนี้พวกเจ้าน่าจะเข้าใจดี ”

 

ครูสตรีสูงวัยว่าพลางเดินวนไปมาตรงหน้าห้อง

 

“ เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในเมือง   ทำให้ทางปราสาทขาววุ่นวายเป็นอันมาก   ดังนั้นกิจกรรมที่ไม่สำคัญจึงถูกตัดทิ้งไป   ส่วนเรื่องครูใหญ่วีแกนนั้น   เป็นที่รู้กันดีว่าเขามีตำแหน่งพิเศษเป็นถึงสมาชิกสภา   ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้เขาย่อมไปทำภารกิจที่สำคัญกว่า   ซึ่งบอกไปพวกเจ้าก็คงไม่เข้าใจ ”  

 

อีเลียสพ่นลมออกทางจมูกทันทีเมื่อได้ยินดังนั่น

 

“ เช่นนั้นแล้ว   การเรียนการสอนในภาคเรียนนี้   จะสามารถดำเนินไปอย่างปรกติหรือไม่ ” 

 

 เลโอน่ายังถามต่อ

 

“ แน่นอน   หรือเจ้าคิดว่าสภาแห่งโอรีเวียไม่สามารถแก้ปัญหาในตอนนี้ได้ ”

 

ครูที่ปรึกษาเลวิชถามเสียงเข้ม

 

เด็กสาวผิวเข้มเพียงแค่ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเคร่งขรึม  

 

“ ครูคะ ”

 

เด็กหญิงท่าทางแก่นแก้วคนหนึ่งลุกขึ้น

 

“ ว่ามา ” 

 

“ ข้าได้ยินมาว่า   สายเลือดแห่งควอซาร์   ทายาทเมืองคาเลเพียงหนึ่งเดียวที่ยังรอดชีวิต   คือคนที่โจมตีปราสาทขาวในคืนนั้น   นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ”

 

ครูเลวิชมีท่าทีตกตะลึง

 

“ ไม่จริงอย่างแน่นอน   เรื่องนี้เป็นฝีมือของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการบ่อนทำลายชื่อเสียงของโอรีเวีย   เมืองคาเลนั้นสูญสิ้นไปแล้วไม่มีผู้ใดหลงเหลืออยู่   ความสงสัยของเจ้าจึงเป็นไปไม่ได้ ” 

 

“ แต่มีเพียงชาวคาเลเท่านั้นที่สามารถใช้มนต์ดำ   ถ้าหากว่าคนเมืองนั้นตายหมด   แล้วเรื่องคืนนั้นหมายความว่าอย่างไร ”

 

เด็กหญิงคนเดิมยังถามต่อ

ตามมาด้วยเสียงกระซิบของนักเรียนในห้อง

 

“ ลือกันตอนไหน   ข้าไม่ยักจะเคยได้ยิน ”

 

ฟิโลโซเฟอร์หันไปถามฟีไลร่า

เขาสังเกตเห็นว่าเลโอน่าเองก็มีท่าทีเคร่งขรึมกับเรื่องนี้

 

“ ข่าวนี้ดังกระหึ่มในปราสาทขาว   หมายถึงในหอนอนน่ะ   เจ้าคงมาจากข้างนอก ”

 

นางตอบ

 

“ พวกเจ้าเป็นแค่คนธรรมดาไม่มีทางเข้าใจเรื่องของผู้ใช้เวทมนตร์ ”

 

ครูที่ปรึกษาของพวกเขาว่า

 

“ เรื่องนี้เป็นเรื่องของทางสภา   มันยิ่งใหญ่เกินกว่าเกินกว่าเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะนึกถึง ” 

 

“ แต่พวกเราจำเป็นต้องรู้   อย่างน้อยหากมีเหตุสุดคาดเดาเกิดขึ้น   อย่างน้อยจะได้เตรียมตัวทัน ”

 

เลโอน่ายกมือขึ้นพูด

เพื่อนนักเรียนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

 

ครูเลวิชนิ่งอึ้งสุดท้ายจึงกล่าวว่า

 

“ สิ่งที่พวกเจ้าถามไม่ได้อยู่ในแผนการเรียน   เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน   และทางสภาสามารถแก้ปัญหาได้   ดังนั้นจงสนใจหน้าที่ของตัวเองเพียงเท่านั้น ”

 

เลโอน่าจึงนั่งเงียบ

โลธอร์เห็นดังนั้นจึงชวนคุยเพื่อทำให้นางอารมณ์ดี

แต่เด็กสาวกลับทำหน้าบูดสนิท

 

เมื่อไม่มีผู้ใดถามต่อแล้วครูที่ปรึกษาจึงให้พวกเขาเลือกหัวหน้าห้อง

มีเด็กชายคนหนึ่งเสนอตัวและเดินออกไปด้านหน้า

เขาคือเด็กชายผู้มักจะสวมมงกุฎทองคำอยู่เสมอ

 

ฟิโลโซเฟอร์จำได้ในทันที

ว่าเด็กคนนี้เคยผลักเขาล้มที่กลางตลาดเมื่อหลายวันก่อน

 

“ พวกเจ้าคงรู้ดีอยู่แล้วว่าข้าคือเจ้าชายเอลานอส   ดังนั้นในห้องนี้ข้าจึงสูงส่งที่สุดคงไม่มีใครอยากเป็นคู่แข่งกับรัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของเมืองโอรีออน   ตำแหน่งหัวหน้าห้องนั้นต้อยต่ำยิ่งนัก   แต่ข้ายอมลดตัวลงมาเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเจ้า   ให้เป็นที่เล่าขานว่าครั้งหนึ่งเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาราชบุตรแห่งกษัตริย์แฮโรด   สำหรับเรื่องนี้มีใครจะคัดค้านหรือไม่ ”

 

ทั้งห้องเงียบกริบทุกคนอยู่ในสีหน้าสุดเอือมระอา

โลธอร์หันไปกระซิบบางอย่างกับเลโอน่าแต่นางทำเป็นมึนใส่

อีเลียสถึงกับซุกหน้าลงในหนังสือ

เขารู้สึกอับอายที่เป็นประชาชนชาวโอรีออนคนหนึ่ง

และว่าที่กษัตริย์มีอุปนิสัยเยี่ยงนี้

 

“ ถ้าไม่มีใครคัดค้านก็เป็นอันว่า ”

 

ยังไม่ทันที่เจ้าชายเอลานอสจะกล่าวจบ

โลธอร์ก็ทะลึ่งพรวดออกไปยืนหน้าห้องด้วยสีหน้างุนงง

สองมือกุมก้นอวบอ้วนเอาไว้

 

“ อ้อเจ้าเองรึที่จะลงคัดเลือกดีแล้วๆ ”

 

ครูที่ปรึกษาว่า

 

“ ข้าเปล่านะ   คือๆ นาง ”

 

เด็กชายร่างอ้วนหันรีหันขวาง

สายตาจ้องไปที่เลโอน่าเหมือนอยากประท้วง

 

“ เจ้าชื่ออะไร   แนะนำตัวกับเพื่อนๆ เสียสิ ”

 

ครูเลวิชทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเขา

 

“ ข้าคือโลธอร์เพิ่งย้ายมาจากหมู่บ้านเล็กๆ แถวเทือกเขาคีรีคาร์ ”

 

“ หมู่บ้านเล็กๆ ”

 

เจ้าชายเอลานอสทำเสียงเย้ยหยัน

 

“ ถึงว่ากิริยาทรามนัก ”

 

แต่เพื่อนๆ ก็ปรบมือเกรียวกราวเมื่อโลธอร์กล่าวแนะนำตัวจบ

 

และผลผลการคัดเลือก

โลธอร์ก็ได้เป็นหัวหน้าห้องด้วยคะแนนเกือบเป็นเอกฉันท์

 

เจ้าชายน้อยแห่งโอริออนพยายามคัดค้านถึงความเหมาะสม

เกี่ยวกับคุณสมบัติของโลธอร์

เพราะเขาเพิ่งย้ายมาใหม่ย่อมไม่รู้กฎระเบียบ

แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจคำคัดค้านนั้น

 

ส่วนโลธอร์ในตอนแรกเขาก็คิดจะสละสิทธิ์

แต่เมือถูกหยามโดยเจ้าชายผู้สูงศักดิ์

เขาก็หลิ่วตาให้ด้วยสีหน้าท้าทายเสียอย่างนั้นไป

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา