โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
187) บนผาสูง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแดนสนธยากำลังผ่านพ้น เงาสีแดงแห่งแสงสุดท้ายเริ่มอ่อนแรงลงแต่กระนั้นก็ยังสาดส่องลงมาทาบทับเมืองโอรีเวียพอให้เห็นเป็นภาพเลือนราง ก่อนที่ทุกอย่างจะกลืนหายไปในความมืด
คนผู้หนึ่งนั่งอยู่ริมผาโดดเดี่ยวและเงียบเหงา เขาหยิบหินก้อนเล็กโยนลงไปเบื้องล่าง มองมันกระทบกับแผ่นผากลิ้งสู่พื้นดินที่อยู่ลึกลงไปจนลับหายจากสายตา หนุ่มน้อยคนนั้นทอดถอนหายใจความคิดวุ่นวายสับสนดังคลื่นน้ำที่หมุนวน
กาเอลเงยหน้าขึ้น โอรีเวียยังปรากฏเป็นเงาจางๆ จากตรงนี้ บนเทือกเขาเงาปีศาจสามารถมองเห็นโอรีเวียได้ทั้งเมือง หนุ่มน้อยผู้โศกเศร้ายกมือขึ้น พยายามปิดบังโอรีเวียที่งดงามด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ จากตรงนี้โอรีเวียดูเล็กกระจ้อยร่อยมากเลยว่าไหม ”
เสียงหวานใสทักขึ้นจากทางด้านหลัง
ใบหน้าที่ทาบทับด้วยหน้ากากมึนตึงขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเขารับรู้การมาถึงของนาง
“ ข้าทำลายบรรยากาศดีๆ ของเจ้าหรือไร ”
สตรีชุดแดงยังคงยั่วเย้า
กาเอลปาหินก้อนสุดท้ายลงไป
พร้อมกับแสงสุดท้ายได้หายวับจากขอบฟ้า
และความมืดแห่งราตรีครอบงำโลกนี้โดยสมบูรณ์
“ เจ้ามาทำอะไรแถวนี้ ในคืนที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่ไปเที่ยวหาความสำราญแล้วหรือ ”
หนุ่มน้อยว่า
โดยไม่หันมามอง
แม้สตรีนางนั้นจะนั่งลงข้างๆ เขา
“ ไม่มีเจ้าก็ไม่สนุกสิ ความสาราญเจ้าเองก็ควรมีมิใช่หรือ มานั่งเศร้าเป็นคนช้ำรักไปได้ ”
นางหยิบมีดสีเงินประดับเพชรพลอยออกมาส่งให้กาเอล
“ ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กล้าลงมือ นึกว่าต้องจัดการเองเสียอีก แต่ตอนหลังกลับกลัวแทบตายว่าเจ้าจะจัดการดารีลไปอีกคน ”
นางว่า
“ เก็บไปเถอะไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว ข้าน่ะเดินตามแผนตลอดเวลาจะกังวลไปใย ที่เรื่องราวมันปั่นป่วนก็เป็นเพราะเจ้ามิใช่หรือ ”
คนสวมหน้ากากบอก
“ ตายจริง คำก็ข้าสองคำก็ข้ากล่าวหากับแบบนี้อยากให้ข้ารับผิดชอบหรือไร ”
สตรีชุดแดงว่าเสียงเจื้อยแจ้ว
ไม่มีวี่แววของความโศกสลดแต่ประการใด
“ เมืองคาเลล่มสลายไปเพราะพวกเขา ลืมแล้วหรือ เพียงเท่านี้ต้องมานั่งเศร้ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปช่างไม่สมราคาเสียจริง จำไม่ได้หรือพวกเขาฉลองชัยชนะกันอย่างไร นี่แค่ก้าวเล็กๆ ถึงกับนั่งคอตกเสียแล้วพ่อปีศาจตัวน้อยๆ ของข้า ไม่เอาน่าเจ้าทำได้ดีกว่านี้แน่ ”
“ เมืองคาเลล่มไปเพราะเจ้าต่างหากล่ะวอเรน่า ”
กาเอลกล่าว
“ ใครว่าล่ะ ข้าแค่ชี้ทางถ้าพวกเขามาปรารถนาเช่นนั้นจะทำตามคำแนะนำของข้าหรือ ”
นางตอบข้อกล่าวหานั้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ และตอนนี้เจ้าชี้นำข้า ”
“ ใช่ ”
กาเอลหัวเราะหึๆ
แบบไร้อารมณ์ขัน
“ แล้วเจ้าเป็นอะไรไปไม่สดใสเอาเสียเลย คิดอะไรอยู่บอกข้าบ้างสิ ”
นางว่าพลางขยับเข้ามาใกล้
“ ข้าเบื่อ ”
“ ไม่ใช่หรอก เจ้าเหงาต่างหากล่ะ เจ้าตัวคนเดียวโดดเดี่ยวอ้างว้าง ”
นางกระซิบ
ด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจ
“ เพียงข้าคนเดียวที่ช่วยเจ้าได้ เชื่อใจข้า แล้วเจ้าจะได้ทุกอย่างคืนมา ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป ”
“ ใยเจ้าต้องทำเรื่องให้วุ่นวาย อัญมณีของเจ้าสูญหายไปอย่างไรยังไม่รู้ แล้วยังมาบอกให้ข้าตามหาไร้ความรับผิดชอบเสียจริง ”
กาเอลต่อว่า
“ ใครว่าทำหาย ข้ากระจายมันออกเพื่อดูดซับวิญญาณที่ชั่วร้ายในใจของมนุษย์ต่างหาก ”
นางเถียง
“ เรื่องนั้นข้าเข้าใจ แต่ตอนนี้มันไปอยู่ที่ใดบ้างเจ้ายังไม่รู้ แบบนี้ไม่เรียกว่าทำหายจะเรียกว่ากระไร เหตุใดไม่จับตาดูเอาไว้ ”
หนุ่มน้อยทำเสียงขุ่น
“ แหมตั้งพันปี ข้าก็มีเหนื่อยบ้างล่ะ แต่ก็นั่นแหละถือว่าเล่นเกมตามหาสมบัติกันสนุกจะตาย อย่างน้อยต้องมีคนฆ่ากันเพื่อสิ่งนี้เพิ่มขึ้นแน่นอน ว่าแต่ดาบเล่มนั้นจะไม่เป็นไรหรือ ”
“ เจ้าหมายถึงดาบโบราณเล่มนั้น ตอนนี้เก็บอยู่ในบ้านน้อยกลางทุ่ง ทำไมล่ะอยากได้คืนแล้ว ”
หนุ่มน้อยสงสัย
“ ข้าหมายถึงดาบสีเงินต่างหาก เด็กชายที่ชื่อฟิโลโซเฟอร์ใช้อาวุธเวทได้สยองยิ่งกว่าพวกผู้พิทักษ์หน้ากากทองเสียอีก เจ้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาในกาลข้างหน้าหรือ ”
นางเตือนถึงอันตราย
เพราะเห็นว่าดารีลถึงกับยืนนิ่งเป็นน้ำแข็งสลัก
“ ข้าลองวัดพลังดูแล้วไม่ได้น่าตกใจขนาดนั้น ถ้าต้องสู้กันจริงต่อให้ถือดาบแบบนั้นสองเล่ม นับหนึ่งถึงสิบรอเก็บศพได้เลย ”
กาเอลตอบเสียงเรื่อยเปื่อย
สตรีชุดแดงหัวเราะคิกคัก
“ ศพใครล่ะ ”
นางเย้า
“ นั่นสินะ ”
หนุ่มน้อยรูปงามกล่าวหน้าตาเฉย
“ เจ้าไม่ถามไถ่ถึงเมืองโอรีออนบ้างหรือไร ”
อยู่ๆ สตรีชุดแดงก็เปลี่ยนเรื่อง
“ อยากเล่าก็เล่ามาสิ ”
กาเอลกล่าวอย่างไม่แยแส
ราวกับมิใช่สิ่งที่เขาสนใจ
“ ก็เจ้าชายเอลานอสของเจ้านะไม่เห็นจะได้เรื่องอะไรเลย ข้าให้เวลานานโขแล้วนะ ”
นางกระแทกเสียง
“ ตอนนี้ยังสามารถนั่งทับตำแหน่งเจ้าชายอันดับหนึ่งเอาไว้ได้นี่นา จำต้องกังวลอันใดหรือ ”
“ เจ้าล้อข้าเล่นหรือเปล่านั่นแค่ตำแหน่งหุ่นเชิด เขาต้องทำได้ดีกว่านี้ คิดดูสิแค่นั่งเหนือบัลลังทองยังทำไม่ได้จะเป็นตัวตั้งตัวตีก่อสงครามได้อย่างไร ”
“ คนเราเมื่ออยู่สงบและแสนสบายจะคิดหาเรื่องเดือดร้อนไปเพื่อ ”
กาเอลว่า
“ พูดได้ดี ”
สตรีแสนงามปรบมือ
“ คงต้องมีใครสักคนไปเมืองโอรีออนแล้ว ”
“ ก็ได้ แต่ก่อนหน้านั้นข้าจะไปอันดอรีส ”
กาเอลบอกน้ำเสียงเอือมระอา
“ เจ้าจะไปทำไม ก็แล้วไม่ชิงสร้อยมาตั้งแต่ตอนนั้น บุกไปถึงอันดอรีสไม่คิดว่าเสี่ยงไปหน่อยหรือ ”
นางท้วง
“ เจ้านิยมทำเรื่องวายป่วงมิใช่หรือ ในเมื่ออยากหาคนจุดไฟสงครามมีข้านี่แหละที่ทำได้ เจ้าไม่อยากฝากความหวังกับเจ้าชายเอลานอสก็ไม่ต้องหวัง ข้าทำเอง ”
หนุ่มน้อยผู้สวมหน้ากากปีศาจกล่าว
“ แหม ตายจริงหนุ่มน้อยคนดีของข้า รู้จักเอาใจสาวงามเสียด้วยน่ารักเยี่ยงนี้ไม่มีรางวัลคงไม่ได้แล้ว ”
สตรีชุดแดงว่า
พลางตั้งท่าจะคลานขึ้นไปบนตักเขา
กาเอลคว้าคทามากันไว้
ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“ แล้วดารีลล่ะ ควรตายได้หรือยัง เทียบกับเจ้าชายเอลานอสแล้วยังมีประโยชน์อยู่หรือ ”
เขาว่า
หญิงงามในชุดสีแดงบางเบาทำหน้ามุ่ย
“ ใยจึงชอบขู่ข้าอยู่เรื่อย ดารีลน่ะข้าปั้นมากับมือผลงานชิ้นเอกของข้าเลยนะ เจ้ามันคนใจร้ายใจดำที่สุด ”
กาเอลหัวเราะชอบใจ
ที่สามารถหยุดนางได้
“ เพิ่งรู้หรือว่าข้าใจดำทั้งที่สอนข้ามาเอง ก็แล้วหากวันใดเห็นข้าเลือดเย็นก็อย่าตกใจไปล่ะ ”
คนผู้หนึ่งนั่งอยู่ริมผาโดดเดี่ยวและเงียบเหงา เขาหยิบหินก้อนเล็กโยนลงไปเบื้องล่าง มองมันกระทบกับแผ่นผากลิ้งสู่พื้นดินที่อยู่ลึกลงไปจนลับหายจากสายตา หนุ่มน้อยคนนั้นทอดถอนหายใจความคิดวุ่นวายสับสนดังคลื่นน้ำที่หมุนวน
กาเอลเงยหน้าขึ้น โอรีเวียยังปรากฏเป็นเงาจางๆ จากตรงนี้ บนเทือกเขาเงาปีศาจสามารถมองเห็นโอรีเวียได้ทั้งเมือง หนุ่มน้อยผู้โศกเศร้ายกมือขึ้น พยายามปิดบังโอรีเวียที่งดงามด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ จากตรงนี้โอรีเวียดูเล็กกระจ้อยร่อยมากเลยว่าไหม ”
เสียงหวานใสทักขึ้นจากทางด้านหลัง
ใบหน้าที่ทาบทับด้วยหน้ากากมึนตึงขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเขารับรู้การมาถึงของนาง
“ ข้าทำลายบรรยากาศดีๆ ของเจ้าหรือไร ”
สตรีชุดแดงยังคงยั่วเย้า
กาเอลปาหินก้อนสุดท้ายลงไป
พร้อมกับแสงสุดท้ายได้หายวับจากขอบฟ้า
และความมืดแห่งราตรีครอบงำโลกนี้โดยสมบูรณ์
“ เจ้ามาทำอะไรแถวนี้ ในคืนที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่ไปเที่ยวหาความสำราญแล้วหรือ ”
หนุ่มน้อยว่า
โดยไม่หันมามอง
แม้สตรีนางนั้นจะนั่งลงข้างๆ เขา
“ ไม่มีเจ้าก็ไม่สนุกสิ ความสาราญเจ้าเองก็ควรมีมิใช่หรือ มานั่งเศร้าเป็นคนช้ำรักไปได้ ”
นางหยิบมีดสีเงินประดับเพชรพลอยออกมาส่งให้กาเอล
“ ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กล้าลงมือ นึกว่าต้องจัดการเองเสียอีก แต่ตอนหลังกลับกลัวแทบตายว่าเจ้าจะจัดการดารีลไปอีกคน ”
นางว่า
“ เก็บไปเถอะไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว ข้าน่ะเดินตามแผนตลอดเวลาจะกังวลไปใย ที่เรื่องราวมันปั่นป่วนก็เป็นเพราะเจ้ามิใช่หรือ ”
คนสวมหน้ากากบอก
“ ตายจริง คำก็ข้าสองคำก็ข้ากล่าวหากับแบบนี้อยากให้ข้ารับผิดชอบหรือไร ”
สตรีชุดแดงว่าเสียงเจื้อยแจ้ว
ไม่มีวี่แววของความโศกสลดแต่ประการใด
“ เมืองคาเลล่มสลายไปเพราะพวกเขา ลืมแล้วหรือ เพียงเท่านี้ต้องมานั่งเศร้ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปช่างไม่สมราคาเสียจริง จำไม่ได้หรือพวกเขาฉลองชัยชนะกันอย่างไร นี่แค่ก้าวเล็กๆ ถึงกับนั่งคอตกเสียแล้วพ่อปีศาจตัวน้อยๆ ของข้า ไม่เอาน่าเจ้าทำได้ดีกว่านี้แน่ ”
“ เมืองคาเลล่มไปเพราะเจ้าต่างหากล่ะวอเรน่า ”
กาเอลกล่าว
“ ใครว่าล่ะ ข้าแค่ชี้ทางถ้าพวกเขามาปรารถนาเช่นนั้นจะทำตามคำแนะนำของข้าหรือ ”
นางตอบข้อกล่าวหานั้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ และตอนนี้เจ้าชี้นำข้า ”
“ ใช่ ”
กาเอลหัวเราะหึๆ
แบบไร้อารมณ์ขัน
“ แล้วเจ้าเป็นอะไรไปไม่สดใสเอาเสียเลย คิดอะไรอยู่บอกข้าบ้างสิ ”
นางว่าพลางขยับเข้ามาใกล้
“ ข้าเบื่อ ”
“ ไม่ใช่หรอก เจ้าเหงาต่างหากล่ะ เจ้าตัวคนเดียวโดดเดี่ยวอ้างว้าง ”
นางกระซิบ
ด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจ
“ เพียงข้าคนเดียวที่ช่วยเจ้าได้ เชื่อใจข้า แล้วเจ้าจะได้ทุกอย่างคืนมา ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป ”
“ ใยเจ้าต้องทำเรื่องให้วุ่นวาย อัญมณีของเจ้าสูญหายไปอย่างไรยังไม่รู้ แล้วยังมาบอกให้ข้าตามหาไร้ความรับผิดชอบเสียจริง ”
กาเอลต่อว่า
“ ใครว่าทำหาย ข้ากระจายมันออกเพื่อดูดซับวิญญาณที่ชั่วร้ายในใจของมนุษย์ต่างหาก ”
นางเถียง
“ เรื่องนั้นข้าเข้าใจ แต่ตอนนี้มันไปอยู่ที่ใดบ้างเจ้ายังไม่รู้ แบบนี้ไม่เรียกว่าทำหายจะเรียกว่ากระไร เหตุใดไม่จับตาดูเอาไว้ ”
หนุ่มน้อยทำเสียงขุ่น
“ แหมตั้งพันปี ข้าก็มีเหนื่อยบ้างล่ะ แต่ก็นั่นแหละถือว่าเล่นเกมตามหาสมบัติกันสนุกจะตาย อย่างน้อยต้องมีคนฆ่ากันเพื่อสิ่งนี้เพิ่มขึ้นแน่นอน ว่าแต่ดาบเล่มนั้นจะไม่เป็นไรหรือ ”
“ เจ้าหมายถึงดาบโบราณเล่มนั้น ตอนนี้เก็บอยู่ในบ้านน้อยกลางทุ่ง ทำไมล่ะอยากได้คืนแล้ว ”
หนุ่มน้อยสงสัย
“ ข้าหมายถึงดาบสีเงินต่างหาก เด็กชายที่ชื่อฟิโลโซเฟอร์ใช้อาวุธเวทได้สยองยิ่งกว่าพวกผู้พิทักษ์หน้ากากทองเสียอีก เจ้าไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาในกาลข้างหน้าหรือ ”
นางเตือนถึงอันตราย
เพราะเห็นว่าดารีลถึงกับยืนนิ่งเป็นน้ำแข็งสลัก
“ ข้าลองวัดพลังดูแล้วไม่ได้น่าตกใจขนาดนั้น ถ้าต้องสู้กันจริงต่อให้ถือดาบแบบนั้นสองเล่ม นับหนึ่งถึงสิบรอเก็บศพได้เลย ”
กาเอลตอบเสียงเรื่อยเปื่อย
สตรีชุดแดงหัวเราะคิกคัก
“ ศพใครล่ะ ”
นางเย้า
“ นั่นสินะ ”
หนุ่มน้อยรูปงามกล่าวหน้าตาเฉย
“ เจ้าไม่ถามไถ่ถึงเมืองโอรีออนบ้างหรือไร ”
อยู่ๆ สตรีชุดแดงก็เปลี่ยนเรื่อง
“ อยากเล่าก็เล่ามาสิ ”
กาเอลกล่าวอย่างไม่แยแส
ราวกับมิใช่สิ่งที่เขาสนใจ
“ ก็เจ้าชายเอลานอสของเจ้านะไม่เห็นจะได้เรื่องอะไรเลย ข้าให้เวลานานโขแล้วนะ ”
นางกระแทกเสียง
“ ตอนนี้ยังสามารถนั่งทับตำแหน่งเจ้าชายอันดับหนึ่งเอาไว้ได้นี่นา จำต้องกังวลอันใดหรือ ”
“ เจ้าล้อข้าเล่นหรือเปล่านั่นแค่ตำแหน่งหุ่นเชิด เขาต้องทำได้ดีกว่านี้ คิดดูสิแค่นั่งเหนือบัลลังทองยังทำไม่ได้จะเป็นตัวตั้งตัวตีก่อสงครามได้อย่างไร ”
“ คนเราเมื่ออยู่สงบและแสนสบายจะคิดหาเรื่องเดือดร้อนไปเพื่อ ”
กาเอลว่า
“ พูดได้ดี ”
สตรีแสนงามปรบมือ
“ คงต้องมีใครสักคนไปเมืองโอรีออนแล้ว ”
“ ก็ได้ แต่ก่อนหน้านั้นข้าจะไปอันดอรีส ”
กาเอลบอกน้ำเสียงเอือมระอา
“ เจ้าจะไปทำไม ก็แล้วไม่ชิงสร้อยมาตั้งแต่ตอนนั้น บุกไปถึงอันดอรีสไม่คิดว่าเสี่ยงไปหน่อยหรือ ”
นางท้วง
“ เจ้านิยมทำเรื่องวายป่วงมิใช่หรือ ในเมื่ออยากหาคนจุดไฟสงครามมีข้านี่แหละที่ทำได้ เจ้าไม่อยากฝากความหวังกับเจ้าชายเอลานอสก็ไม่ต้องหวัง ข้าทำเอง ”
หนุ่มน้อยผู้สวมหน้ากากปีศาจกล่าว
“ แหม ตายจริงหนุ่มน้อยคนดีของข้า รู้จักเอาใจสาวงามเสียด้วยน่ารักเยี่ยงนี้ไม่มีรางวัลคงไม่ได้แล้ว ”
สตรีชุดแดงว่า
พลางตั้งท่าจะคลานขึ้นไปบนตักเขา
กาเอลคว้าคทามากันไว้
ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“ แล้วดารีลล่ะ ควรตายได้หรือยัง เทียบกับเจ้าชายเอลานอสแล้วยังมีประโยชน์อยู่หรือ ”
เขาว่า
หญิงงามในชุดสีแดงบางเบาทำหน้ามุ่ย
“ ใยจึงชอบขู่ข้าอยู่เรื่อย ดารีลน่ะข้าปั้นมากับมือผลงานชิ้นเอกของข้าเลยนะ เจ้ามันคนใจร้ายใจดำที่สุด ”
กาเอลหัวเราะชอบใจ
ที่สามารถหยุดนางได้
“ เพิ่งรู้หรือว่าข้าใจดำทั้งที่สอนข้ามาเอง ก็แล้วหากวันใดเห็นข้าเลือดเย็นก็อย่าตกใจไปล่ะ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ