โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
185) พังทลาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแท้จริงแล้วดารีลเป็นคนเย็นชาหรือเป็นเพราะเขาไม่มีใครต้องใส่ใจ เหมือนตัวตนเดียวท่ามกลางเมืองกว้างใหญ่ แต่เมื่อเริ่มมีความรักมีเพื่อนความคิดและการกระทำก็เปลี่ยนไป ชีวิตมีเป้าหมายมากขึ้น
ในตอนนี้เป็นดังว่าทุกสิ่งที่เคยมีได้พังทลายลงพร้อมกัน สิ่งที่เคยเป็นของเขากลับไม่ใช่อีกต่อไป ดารีลนั้นเชื่อมั่นในตนเองมาตลอดเมื่อได้ลองปันใจเชื่อผู้อื่น ผลที่ได้รับคือการถูกหักหลัง เขายืนนิ่งงัน จ้องมองสรรพสิ่งตรงหน้าราวกับทั้งหมดล้วนภาพลวงตา ไม่อาจเชื่อถือได้อีกต่อไป
แม้ฟิโลโซเฟอร์จะเรียกชื่อเขา
หนุ่มน้อยคนนั้นกลับยังเฉยเมย
เขายืนนิ่งอยู่
และดาบในมือเริ่มเปลี่ยนสี
กลายเป็นสีเงินหม่นมัวดังเดิม
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดินเข้าไปหา
หวังจะช่วยปลอบโยน
แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปรกติ
อัญมณีที่ประดับบนด้ามดาบส่องประกายสีฟ้าประหลาด
พลังบางอย่างส่งผ่านฝ่ามือขึ้นมาถึงหัวใจ
ให้ความรู้สึกร้อนรนและหวาดระแวง
บ่งบอกอันตรายร้ายแรงที่อยู่ไม่ไกล
ปีศาจร้ายหนึ่งเดียวในห้องนี้ได้ตายลงแล้วเมื่อครู่
จะมีอันตรายใดอีก
เว้นแต่
เด็กชายกำดาบแน่นด้วยมืออันสั่นระริก
เขาก้าวเข้าไปหาพ่อมดน้อยคนนั้นช้าๆ
“ ดารีล เจ้าไม่เป็นไรนะข้าอยู่ข้างเจ้า มานี่มาส่งมือมาให้ข้า ข้ารักเจ้าและจะปกป้องเจ้าเอง ”
เด็กชายกระซิบ
ดารีลหันมา
มองเด็กชายตัวน้อยด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
แต่ดวงตาลึกลับสีดำนั้นส่องประกายเยือกเย็น
ฟืโลโซเฟอร์ค่อยๆ ยื่นมือไปให้
มือข้างที่ไร้อาวุธ
“ เชื่อใจข้า คนที่ไม่มีวันทำร้ายเจ้า มาหาข้าอยู่กับข้า ดารีลเชื่อข้าสิจับมือข้าแล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าพูดจริง ”
เด็กน้อยยังคงพยายาม
ได้แต่หวังว่าดารีลจะไม่สติหลุดไปมากกว่านี้
แม้คนตรงหน้ามองเขาราวกับเป็นคนอื่น
พริบตานั้นดารีลก็ตวัดดาบฟันฉับ
แต่เด็กชายระวังตัวอยู่แล้วจึงฉากตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว
การโจมตีไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น
ดาบสองมือยังคงฟาดฟันรวดเร็วและหนักหน่วง
ไม่สนใจเสียงห้ามปราม
ทั้งเสียงกรีดร้องของกลุ่มเด็กหญิง
ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่กลิ้งหนีลนลาน
เขาล้มชั้นวางของลงมาขวางทาง
ด้วยการระโดดเพียงครั้งเดียว
ดารีลก็ขึ้นไปยืนบนขอบชั้นที่ล้มคว่ำ
งดงามราวกับหงส์โผบิน
เขาม้วนตัวลงสู่พื้น
ดาบก็ฟาดลงมาพร้อมกัน
ไม่เปิดโอกาสให้พักและไม่ยอมให้หลบหนี
ฟิโลโซเฟอร์จึงต้องยกดาบขึ้นรับไว้
โดยที่ไม่ได้ซักออกมาจากฝัก
“ หยุดนะดารีลนี่ข้าเอง ”
เด็กชายร้องบอก
“ เจ้าไม่ทำร้ายข้าหรอก หยุดเสียทีอย่าทำแบบนี้ ”
ดารีลดันเขาจนไปติดผนังเพื่อปิดหนทาง
จ้องมองด้วยแววตาของเพชฌฆาต
ที่พร้อมปลิดชีพเหยื่อทุกเมื่อ
ดารีลหมุนตัวอีกครั้งเพื่อฟาดฟันได้แรงขึ้น
เด็กชายงอเข่าเอาฝ่าเท้าดันผนัง
เตรียมหาจังหวะถีบตัวพุ่งหลบออกจากที่แคบ
แต่ทันใดนั้นหนุ่มน้อยก็เปลี่ยนใจ
ฉากตัวหลบออกไปอีกด้าน
ก่อนที่ความสงสัยจะเกิดขึ้นว่านี่มันอะไรกัน
เหตุใดดารีลจึงหยุดโจมตี
สองสายคู่หูก็กระโดดลงมา
ท่อนไม้ในมือหวดพลาดโดนพื้นเสียงดังสนั่น
“ นี่กะจะฆ่ากันเลยหรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์ท้วง
รู้สึกสะพรึงกับความรุนแรงนั้น
ถ้าโดนเข้าตรงๆ ดารีลจะเป็นเช่นไร
“ เปล๊า ”
โลธอร์เสียงสูง
“ กะจะตีให้สลบเท่านั้นแหละ ”
อีเลียสบอก
“ บ้าจริง ดารีลบอบบางจะตายไม่เห็นต้องรุนแรงขนาดนั้น ”
ก่อนที่จะพูดจบ
ดารีลก็ถีบโต๊ะฝ่ากลางวงเข้ามา
เด็กๆ จึงต้องกระโดดหลบไปคนละทาง
“ บอบบางกับผีสิ หมอนั่นล้มหมีด้วยมือเปล่าก็ยังไหว ”
อีเลียสร้อง
แล้วดารีลก็หันความสนใจไปที่เด็กชายร่างผอมแห้ง
เด็กคนนั้นหน้าขาวซีดด้วยความกลัวในทันที
“ ข้าไม่เกี่ยวนะ ไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ผ่านมาเฉยๆ ว่าจะไปหาหนังสืออ่านที่ห้องสมุดน่ะ ”
เขากล่าวเสียงสั่น
ทำท่าเหมือนจะร้องให้ถอยหลังลนลาน
เมื่อดารีลก้าวเข้าไปหา
เยือกเย็นและคุกคาม
เสียงกรีดร้องของฟีไลร่าเรียกความสนใจของพวกเขา
เด็กชายชาวซีนาร์ยทันได้เห็นเลโอน่าง้างคันธนู
โดยมีเด็กหญิงผมสีเงินพยายามหยุดนางแต่ช้าไปเสียแล้ว
ฟิโลโซเฟอร์ยืนค้างตัวแข็งทื่อ
ด้วยหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เหมือนความวิตกนั้นจะสูญเปล่า
ดารีลเบี่ยงตัวตวัดดาบครั้งหนึ่งรวดเร็วยิ่งกว่าลมพายุ
ลูกธนูก็ขาดเป็นสองท่อน
ตกลงสู่พื้น
เขาชี้ปลายดาบไปที่เลโอน่า
ธนูในมือของนางก็ลุกเป็นไฟ
ร้อนแรงจนต้องโยนทิ้ง
ทันใดนั้นโลธอร์ก็พุ่งเข้ามารวบจากทางด้านหลัง
พยายามเหวี่ยงออกไปให้ห่างจากสหายร่างผอม
แต่โดนดารีลขัดขาจนเสียหลัก
ก่อนจะถีบลงไปกองรวมกันกับอีเลียส
เขาเหวี่ยงดาบขึ้นเตรียมจะฟันสองคนพร้อมกัน
ฟิโลโซเฟอร์กระโดดเข้ามาขวาง
เขาชักดาบออกจากฝัก
กลั้นใจฟันสวนออกไป
เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น
เกิดประกายไฟวาบขึ้นมา
และเป็นดาบคู่ของดารีลที่ขาดสะบั้น
แต่ดารีลก็ยังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วปาส่วนที่เหลือของดาบเข้าใส่
ฟิโลโซเฟอร์รู้อยู่แล้ว
ว่าหนุ่มน้อยคนนี่จะไม่มีทางหยุดง่ายๆ
เขาจึงตั้งรับการโต้กลับได้ทันที
ด้วยการทิ้งตัวหลบไปด้านข้าง
คมดาบพุ่งเฉียดร่างไปปักฉึกลงกับพื้น
เฉียดเท้าของอีเลียสแค่ปลายเส้นผม
เด็กชายร่างผอมแห่งแดนโอรีออนถึงกับร้องหาแม่
ตะกายหนีลนลาน
เด็กหญิงทั้งสามต่างวิ่งเข้ามาปลอบโยน
และพยุงให้เขาลุกขึ้น
ดารีลจ้องมองเด็กๆ สีหน้าเรียบเฉย
ไร้ซึ่งความรู้สึกโกรธเกลียดหรือแม้กระทั่งความเสียใจ
“ ดารีลฟังข้านะ ในนี้มีแต่เพื่อนของเจ้าไม่มีใครคิดร้ายหรือล่อลวงเจ้าอย่างแน่นอน ส่งมือมาให้ข้าเถอะข้าอยากช่วยเจ้า ”
ฟิโลโซเฟอร์ยังพยายาม
เรียกสติหนุ่มน้อยคนนั้นแม้ดูจะไร้ผล
ในตอนนี้เป็นดังว่าทุกสิ่งที่เคยมีได้พังทลายลงพร้อมกัน สิ่งที่เคยเป็นของเขากลับไม่ใช่อีกต่อไป ดารีลนั้นเชื่อมั่นในตนเองมาตลอดเมื่อได้ลองปันใจเชื่อผู้อื่น ผลที่ได้รับคือการถูกหักหลัง เขายืนนิ่งงัน จ้องมองสรรพสิ่งตรงหน้าราวกับทั้งหมดล้วนภาพลวงตา ไม่อาจเชื่อถือได้อีกต่อไป
แม้ฟิโลโซเฟอร์จะเรียกชื่อเขา
หนุ่มน้อยคนนั้นกลับยังเฉยเมย
เขายืนนิ่งอยู่
และดาบในมือเริ่มเปลี่ยนสี
กลายเป็นสีเงินหม่นมัวดังเดิม
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดินเข้าไปหา
หวังจะช่วยปลอบโยน
แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปรกติ
อัญมณีที่ประดับบนด้ามดาบส่องประกายสีฟ้าประหลาด
พลังบางอย่างส่งผ่านฝ่ามือขึ้นมาถึงหัวใจ
ให้ความรู้สึกร้อนรนและหวาดระแวง
บ่งบอกอันตรายร้ายแรงที่อยู่ไม่ไกล
ปีศาจร้ายหนึ่งเดียวในห้องนี้ได้ตายลงแล้วเมื่อครู่
จะมีอันตรายใดอีก
เว้นแต่
เด็กชายกำดาบแน่นด้วยมืออันสั่นระริก
เขาก้าวเข้าไปหาพ่อมดน้อยคนนั้นช้าๆ
“ ดารีล เจ้าไม่เป็นไรนะข้าอยู่ข้างเจ้า มานี่มาส่งมือมาให้ข้า ข้ารักเจ้าและจะปกป้องเจ้าเอง ”
เด็กชายกระซิบ
ดารีลหันมา
มองเด็กชายตัวน้อยด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
แต่ดวงตาลึกลับสีดำนั้นส่องประกายเยือกเย็น
ฟืโลโซเฟอร์ค่อยๆ ยื่นมือไปให้
มือข้างที่ไร้อาวุธ
“ เชื่อใจข้า คนที่ไม่มีวันทำร้ายเจ้า มาหาข้าอยู่กับข้า ดารีลเชื่อข้าสิจับมือข้าแล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าพูดจริง ”
เด็กน้อยยังคงพยายาม
ได้แต่หวังว่าดารีลจะไม่สติหลุดไปมากกว่านี้
แม้คนตรงหน้ามองเขาราวกับเป็นคนอื่น
พริบตานั้นดารีลก็ตวัดดาบฟันฉับ
แต่เด็กชายระวังตัวอยู่แล้วจึงฉากตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว
การโจมตีไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น
ดาบสองมือยังคงฟาดฟันรวดเร็วและหนักหน่วง
ไม่สนใจเสียงห้ามปราม
ทั้งเสียงกรีดร้องของกลุ่มเด็กหญิง
ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่กลิ้งหนีลนลาน
เขาล้มชั้นวางของลงมาขวางทาง
ด้วยการระโดดเพียงครั้งเดียว
ดารีลก็ขึ้นไปยืนบนขอบชั้นที่ล้มคว่ำ
งดงามราวกับหงส์โผบิน
เขาม้วนตัวลงสู่พื้น
ดาบก็ฟาดลงมาพร้อมกัน
ไม่เปิดโอกาสให้พักและไม่ยอมให้หลบหนี
ฟิโลโซเฟอร์จึงต้องยกดาบขึ้นรับไว้
โดยที่ไม่ได้ซักออกมาจากฝัก
“ หยุดนะดารีลนี่ข้าเอง ”
เด็กชายร้องบอก
“ เจ้าไม่ทำร้ายข้าหรอก หยุดเสียทีอย่าทำแบบนี้ ”
ดารีลดันเขาจนไปติดผนังเพื่อปิดหนทาง
จ้องมองด้วยแววตาของเพชฌฆาต
ที่พร้อมปลิดชีพเหยื่อทุกเมื่อ
ดารีลหมุนตัวอีกครั้งเพื่อฟาดฟันได้แรงขึ้น
เด็กชายงอเข่าเอาฝ่าเท้าดันผนัง
เตรียมหาจังหวะถีบตัวพุ่งหลบออกจากที่แคบ
แต่ทันใดนั้นหนุ่มน้อยก็เปลี่ยนใจ
ฉากตัวหลบออกไปอีกด้าน
ก่อนที่ความสงสัยจะเกิดขึ้นว่านี่มันอะไรกัน
เหตุใดดารีลจึงหยุดโจมตี
สองสายคู่หูก็กระโดดลงมา
ท่อนไม้ในมือหวดพลาดโดนพื้นเสียงดังสนั่น
“ นี่กะจะฆ่ากันเลยหรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์ท้วง
รู้สึกสะพรึงกับความรุนแรงนั้น
ถ้าโดนเข้าตรงๆ ดารีลจะเป็นเช่นไร
“ เปล๊า ”
โลธอร์เสียงสูง
“ กะจะตีให้สลบเท่านั้นแหละ ”
อีเลียสบอก
“ บ้าจริง ดารีลบอบบางจะตายไม่เห็นต้องรุนแรงขนาดนั้น ”
ก่อนที่จะพูดจบ
ดารีลก็ถีบโต๊ะฝ่ากลางวงเข้ามา
เด็กๆ จึงต้องกระโดดหลบไปคนละทาง
“ บอบบางกับผีสิ หมอนั่นล้มหมีด้วยมือเปล่าก็ยังไหว ”
อีเลียสร้อง
แล้วดารีลก็หันความสนใจไปที่เด็กชายร่างผอมแห้ง
เด็กคนนั้นหน้าขาวซีดด้วยความกลัวในทันที
“ ข้าไม่เกี่ยวนะ ไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ผ่านมาเฉยๆ ว่าจะไปหาหนังสืออ่านที่ห้องสมุดน่ะ ”
เขากล่าวเสียงสั่น
ทำท่าเหมือนจะร้องให้ถอยหลังลนลาน
เมื่อดารีลก้าวเข้าไปหา
เยือกเย็นและคุกคาม
เสียงกรีดร้องของฟีไลร่าเรียกความสนใจของพวกเขา
เด็กชายชาวซีนาร์ยทันได้เห็นเลโอน่าง้างคันธนู
โดยมีเด็กหญิงผมสีเงินพยายามหยุดนางแต่ช้าไปเสียแล้ว
ฟิโลโซเฟอร์ยืนค้างตัวแข็งทื่อ
ด้วยหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เหมือนความวิตกนั้นจะสูญเปล่า
ดารีลเบี่ยงตัวตวัดดาบครั้งหนึ่งรวดเร็วยิ่งกว่าลมพายุ
ลูกธนูก็ขาดเป็นสองท่อน
ตกลงสู่พื้น
เขาชี้ปลายดาบไปที่เลโอน่า
ธนูในมือของนางก็ลุกเป็นไฟ
ร้อนแรงจนต้องโยนทิ้ง
ทันใดนั้นโลธอร์ก็พุ่งเข้ามารวบจากทางด้านหลัง
พยายามเหวี่ยงออกไปให้ห่างจากสหายร่างผอม
แต่โดนดารีลขัดขาจนเสียหลัก
ก่อนจะถีบลงไปกองรวมกันกับอีเลียส
เขาเหวี่ยงดาบขึ้นเตรียมจะฟันสองคนพร้อมกัน
ฟิโลโซเฟอร์กระโดดเข้ามาขวาง
เขาชักดาบออกจากฝัก
กลั้นใจฟันสวนออกไป
เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น
เกิดประกายไฟวาบขึ้นมา
และเป็นดาบคู่ของดารีลที่ขาดสะบั้น
แต่ดารีลก็ยังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วปาส่วนที่เหลือของดาบเข้าใส่
ฟิโลโซเฟอร์รู้อยู่แล้ว
ว่าหนุ่มน้อยคนนี่จะไม่มีทางหยุดง่ายๆ
เขาจึงตั้งรับการโต้กลับได้ทันที
ด้วยการทิ้งตัวหลบไปด้านข้าง
คมดาบพุ่งเฉียดร่างไปปักฉึกลงกับพื้น
เฉียดเท้าของอีเลียสแค่ปลายเส้นผม
เด็กชายร่างผอมแห่งแดนโอรีออนถึงกับร้องหาแม่
ตะกายหนีลนลาน
เด็กหญิงทั้งสามต่างวิ่งเข้ามาปลอบโยน
และพยุงให้เขาลุกขึ้น
ดารีลจ้องมองเด็กๆ สีหน้าเรียบเฉย
ไร้ซึ่งความรู้สึกโกรธเกลียดหรือแม้กระทั่งความเสียใจ
“ ดารีลฟังข้านะ ในนี้มีแต่เพื่อนของเจ้าไม่มีใครคิดร้ายหรือล่อลวงเจ้าอย่างแน่นอน ส่งมือมาให้ข้าเถอะข้าอยากช่วยเจ้า ”
ฟิโลโซเฟอร์ยังพยายาม
เรียกสติหนุ่มน้อยคนนั้นแม้ดูจะไร้ผล
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ