โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
180) เลือดกับผ้าพันแผล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความดารีลพาเด็กชายตัวน้อยชาวซีนาร์ยลัดเลาะไปตามทางแคบๆ ที่เปียกชื้นและมืดมิด หนุ่มน้อยคนนั้นเดินเร็วมากทั้งที่ฟื้นถนนเต็มไปด้ายโขดหินลื่นๆ ต่างจากฟิโลโซเฟอร์ที่ล้มแล้วล้มอีกจนต้องคว้าไหล่เพื่อนร่วมทางเอาไว้ ความไม่เคยชินทำให้ระยะทางดูยาวไกลทั้งที่ความจริงมันใกล้ที่สุดแล้ว พวกเขาได้มุดอุโมงค์และไต่ขึ้นบันไดเหล็กอันสูงชัน
หนุ่มน้อยเปิดประตูแทรกตัวออกไปจังหวะเดียวกับที่ผีร้ายร้ายพุ่งเข้าใส่ เขาทิ้งตัวลงกับพื้นกลิ้งลอดร่างของมันออกไปแล้วยังคว้าขาหลังผีร้ายร้ายตนนั้นลากออกมาจนพ้นประตู มันล้มคะมำแต่ก็ยังพยายามจิกเล็บลงกับพื้นเพื่อฝืนแรง
ฟิโลโซเฟอร์พุ่งตามออกมาตัดหัวมันขาดกระเด็นทันที
“ ใช้ได้นี่ว่าที่ผู้พิทักษ์หน้ากากทอง ”
ดารีลเอ่ยชม
พลางยืดกายขึ้นปัดฝุ่นออกจากมือ
“ ไม่เป็นไรนะ เจ้าตัวนี้ทำอันตรายเจ้าหรือเปล่า ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
แม้เขาจะตอบสนองไว
แต่ความจริงคือยังตกใจกับการจู่โจมเมื่อครู่ที่แทบไม่ทันตั้งตัว
“ อ้อนี่หรือ ”
เขาชี้ไปยังผีร้ายตนนั้น
ซึ่งตอนนี้นอนแน่นิ่ง
“ เทียบกับเจ้าที่ฟันเฉียดคอหอยข้าไปหน่อยหนึ่ง ข้าว่าอยู่ใกล้ตัวประหลาดนี่สบายใจโขเลยทีเดียว ”
ฟิโลโซเฟอร์เก็บดาบ
แล้วยื่นคืนไปให้
“ ล้อเล่นหรอกน่าอย่าทำใจน้อยไปหน่อยเลย เป็นถึงนักฆ่ามือหนึ่งแล้วมาตายง่ายๆ ด้วยน้ำมือของเจ้า น่าขายหน้าออก ”
“ ข้าอยากให้เจ้าถือไว้เพราะตอนนี้เจ้าไร้อาวุธ ”
เด็กชายบอก
“ เหลวไหล ”
ดารีลว่า
เขาเอื้อมือไปคว้าไอหมอกสีดำ
ดวงตาของแหวนงูส่องประกายจางๆ
หมอกนี้สร้างความรู้สึกแสบร้อนบนผิวหนัง
แต่ก็ไม่เป็นภัยไปมากกว่านั้น
“ นี่มันอะไรกัน ”
หนุ่มน้อยพึมพำกับตนเอง
“ ใช่เขตค่ายมนต์ดำหรือเปล่า ”
เด็กชายถาม
“ ไม่ใช่หรอกแต่ ส่งมีดให้ข้าที ”
หนุ่มน้อยคนนั้นบอก
ฟิโลโซเฟอร์จึงยื่นไปให้
พลางนึกสงสัยว่า
มีดพกของดารีลเองก็มีมิใช่หรือ
เขารับมีดมากรีดฝ่ามือตนเอง
แล้วนั่งลงค่อยๆ วาดวงแหวนเวทรูปดาวหกแฉกลงบนแผ่นหินอ่อน
ด้วยเลือด
“ เจ้าทำอะไรน่ะ ”
เด็กชายอ้าปากค้าง
“ ข้าแค่สงสัย ”
ดารีลตอบ
เมื่อเส้นที่ลากบรรจบกันทั้งหมดแล้ว
หมอกสีดำก็หายไป
พร้อมกับเสียงกรีดร้องของผีร้ายบางตัว
ที่ไม่อาจทนต่อแสงแดด
มันลนลานหนีไป
สู่ที่ซ่อนอันมืดมิด
มีเพียงจำนวนน้อยนิดที่ยังยืนหยัดอยู่ได้
ท่ามกลางแสงสว่างยามกลางวัน
“ ความสงสัยของเจ้านี่สยองแท้ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยว่า
เขาฉีกเศษผ้ามาพันแผลให้ดารีล
แต่หนุ่มน้อยคนนั้น
ยังให้ความสนใจกับวงแหวนเวทที่ตนเพิ่งเขียนไป
“ จำเป็นต้องใช้เลือดหรืออย่างไร เจ้าบอกข้าได้นี่ไม่สมควรต้องลงมือกับตนเองเลย ”
เด็กชายบ่น
เขาจัดการผูกปมผ้าพันแผลจนเรียบร้อย
“ เลือดของข้าเพียงเท่านั้นที่ถอนคำสาปได้ ”
ดารีลตอบเรียบๆ
“ ใครบางคนนำบางสิ่งของข้าไปเป็นส่วนประกอบในการสร้างม่านหมอกมนต์ดำนี้ จึงเป็นข้อบังคับให้ข้าเพียงเท่านั้นที่ถอนคำสาป ”
“ งั้นถ้าเขตเวทมนตร์กว้างกว่านี้เลือดเจ้าจะไม่หมดตัวเลยหรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์ท้วง
“ บ้าจริงเล่นแบบนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย แผนคนขี้ขลาดชัดๆ ”
“ แผลเล็กน้อยแค่นี้เจ้าด่าคนอื่นว่าขี้ขลาดเลยหรือ ”
ดารีลส่งมีดคืนให้เด็กน้อยแล้วลุกขึ้น
“ แต่ข้าคิดว่านี่คือคำบอกใบ้ ที่ไหนสักแห่งมีไอหมอกคล้ายแบบนี้แต่รุนแรงกว่า เหมือนว่าที่นี่คือแบบจำลองถ้าสามารถจัดการที่นี่ได้ก็สามารถจัดการที่นั่นได้ ”
“ ไม่ว่าที่นั่นคือที่แห่งใดเจ้าอย่าคิดอยากไปเลยนะถึงเจ้าจะจัดการที่นี่ได้ก็ตามที ”
ฟิโลโซเฟอร์เตือน
“ มันพูดยาก แท้จริงข้าไม่อาจอยู่ในที่ๆ อยากอยู่ได้ไปในที่ๆ อยากไป เหมือนว่าชีวิตนี้ถูกกำหนดโดยผู้อื่นและข้าไม่สามารถเป็นอิสระได้เลย ”
“ ดารีล ”
เด็กชายเรียกชื่อนั้น
ด้วยความรู้สึกสงสารปนเศร้า
“ ช่างเถอะ อย่างน้อยเจ้าก็เลือกได้ว่าจะเดินวุ่นวายในปราสาท หรือจะหนีลงทางหน้าต่างอย่างที่เคยทำ ไปหาเพื่อนๆ ในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ ”
เด็กชายคว้ามือข้างที่มีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดขึ้นมาถือไว้
“ ข้ามาที่นี่เพื่อปกป้องเจ้า ”
ดารีลชักมือกลับ
“ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ”
เขาหมุนตัวแล้วออกเดินไป
แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้น
ตรงมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ
หนุ่มน้อยเปิดประตูแทรกตัวออกไปจังหวะเดียวกับที่ผีร้ายร้ายพุ่งเข้าใส่ เขาทิ้งตัวลงกับพื้นกลิ้งลอดร่างของมันออกไปแล้วยังคว้าขาหลังผีร้ายร้ายตนนั้นลากออกมาจนพ้นประตู มันล้มคะมำแต่ก็ยังพยายามจิกเล็บลงกับพื้นเพื่อฝืนแรง
ฟิโลโซเฟอร์พุ่งตามออกมาตัดหัวมันขาดกระเด็นทันที
“ ใช้ได้นี่ว่าที่ผู้พิทักษ์หน้ากากทอง ”
ดารีลเอ่ยชม
พลางยืดกายขึ้นปัดฝุ่นออกจากมือ
“ ไม่เป็นไรนะ เจ้าตัวนี้ทำอันตรายเจ้าหรือเปล่า ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
แม้เขาจะตอบสนองไว
แต่ความจริงคือยังตกใจกับการจู่โจมเมื่อครู่ที่แทบไม่ทันตั้งตัว
“ อ้อนี่หรือ ”
เขาชี้ไปยังผีร้ายตนนั้น
ซึ่งตอนนี้นอนแน่นิ่ง
“ เทียบกับเจ้าที่ฟันเฉียดคอหอยข้าไปหน่อยหนึ่ง ข้าว่าอยู่ใกล้ตัวประหลาดนี่สบายใจโขเลยทีเดียว ”
ฟิโลโซเฟอร์เก็บดาบ
แล้วยื่นคืนไปให้
“ ล้อเล่นหรอกน่าอย่าทำใจน้อยไปหน่อยเลย เป็นถึงนักฆ่ามือหนึ่งแล้วมาตายง่ายๆ ด้วยน้ำมือของเจ้า น่าขายหน้าออก ”
“ ข้าอยากให้เจ้าถือไว้เพราะตอนนี้เจ้าไร้อาวุธ ”
เด็กชายบอก
“ เหลวไหล ”
ดารีลว่า
เขาเอื้อมือไปคว้าไอหมอกสีดำ
ดวงตาของแหวนงูส่องประกายจางๆ
หมอกนี้สร้างความรู้สึกแสบร้อนบนผิวหนัง
แต่ก็ไม่เป็นภัยไปมากกว่านั้น
“ นี่มันอะไรกัน ”
หนุ่มน้อยพึมพำกับตนเอง
“ ใช่เขตค่ายมนต์ดำหรือเปล่า ”
เด็กชายถาม
“ ไม่ใช่หรอกแต่ ส่งมีดให้ข้าที ”
หนุ่มน้อยคนนั้นบอก
ฟิโลโซเฟอร์จึงยื่นไปให้
พลางนึกสงสัยว่า
มีดพกของดารีลเองก็มีมิใช่หรือ
เขารับมีดมากรีดฝ่ามือตนเอง
แล้วนั่งลงค่อยๆ วาดวงแหวนเวทรูปดาวหกแฉกลงบนแผ่นหินอ่อน
ด้วยเลือด
“ เจ้าทำอะไรน่ะ ”
เด็กชายอ้าปากค้าง
“ ข้าแค่สงสัย ”
ดารีลตอบ
เมื่อเส้นที่ลากบรรจบกันทั้งหมดแล้ว
หมอกสีดำก็หายไป
พร้อมกับเสียงกรีดร้องของผีร้ายบางตัว
ที่ไม่อาจทนต่อแสงแดด
มันลนลานหนีไป
สู่ที่ซ่อนอันมืดมิด
มีเพียงจำนวนน้อยนิดที่ยังยืนหยัดอยู่ได้
ท่ามกลางแสงสว่างยามกลางวัน
“ ความสงสัยของเจ้านี่สยองแท้ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยว่า
เขาฉีกเศษผ้ามาพันแผลให้ดารีล
แต่หนุ่มน้อยคนนั้น
ยังให้ความสนใจกับวงแหวนเวทที่ตนเพิ่งเขียนไป
“ จำเป็นต้องใช้เลือดหรืออย่างไร เจ้าบอกข้าได้นี่ไม่สมควรต้องลงมือกับตนเองเลย ”
เด็กชายบ่น
เขาจัดการผูกปมผ้าพันแผลจนเรียบร้อย
“ เลือดของข้าเพียงเท่านั้นที่ถอนคำสาปได้ ”
ดารีลตอบเรียบๆ
“ ใครบางคนนำบางสิ่งของข้าไปเป็นส่วนประกอบในการสร้างม่านหมอกมนต์ดำนี้ จึงเป็นข้อบังคับให้ข้าเพียงเท่านั้นที่ถอนคำสาป ”
“ งั้นถ้าเขตเวทมนตร์กว้างกว่านี้เลือดเจ้าจะไม่หมดตัวเลยหรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์ท้วง
“ บ้าจริงเล่นแบบนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย แผนคนขี้ขลาดชัดๆ ”
“ แผลเล็กน้อยแค่นี้เจ้าด่าคนอื่นว่าขี้ขลาดเลยหรือ ”
ดารีลส่งมีดคืนให้เด็กน้อยแล้วลุกขึ้น
“ แต่ข้าคิดว่านี่คือคำบอกใบ้ ที่ไหนสักแห่งมีไอหมอกคล้ายแบบนี้แต่รุนแรงกว่า เหมือนว่าที่นี่คือแบบจำลองถ้าสามารถจัดการที่นี่ได้ก็สามารถจัดการที่นั่นได้ ”
“ ไม่ว่าที่นั่นคือที่แห่งใดเจ้าอย่าคิดอยากไปเลยนะถึงเจ้าจะจัดการที่นี่ได้ก็ตามที ”
ฟิโลโซเฟอร์เตือน
“ มันพูดยาก แท้จริงข้าไม่อาจอยู่ในที่ๆ อยากอยู่ได้ไปในที่ๆ อยากไป เหมือนว่าชีวิตนี้ถูกกำหนดโดยผู้อื่นและข้าไม่สามารถเป็นอิสระได้เลย ”
“ ดารีล ”
เด็กชายเรียกชื่อนั้น
ด้วยความรู้สึกสงสารปนเศร้า
“ ช่างเถอะ อย่างน้อยเจ้าก็เลือกได้ว่าจะเดินวุ่นวายในปราสาท หรือจะหนีลงทางหน้าต่างอย่างที่เคยทำ ไปหาเพื่อนๆ ในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ ”
เด็กชายคว้ามือข้างที่มีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดขึ้นมาถือไว้
“ ข้ามาที่นี่เพื่อปกป้องเจ้า ”
ดารีลชักมือกลับ
“ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ”
เขาหมุนตัวแล้วออกเดินไป
แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้น
ตรงมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ