โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
173) สู่ที่ปลอดภัย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในเวลาที่คับขัน อันตรายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เด็กกลุ่มนี้กลับไม่รู้สึกหวาดกลัวมากมายอย่างที่ควรจะเป็น เพราะพวกเขาต่างมีกันและกันคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำเมื่อเห็นใครผิดพลาด อีกทั้งยังมือเด็กดื้อที่ปากมากที่ทำให้สถานการตึงเครียดดูผ่อนคลายลง เมื่อความหวาดหวั่นภายในใจน้อยลงทุกอย่างก็กลับง่ายขึ้น ไม่รู้สึกตกใจลนลานจนเกินไป
“ ฟังนะ เราจะไม่สู้มีโอกาสวิ่งหนีเท่านั้น เป้าหมายของเราอยู่ที่สนามหญ้า ”
อีเลียสบอก
“ มาทางนี้มา ”
เลโอน่าเรียกเพื่อนๆ ให้เข้ามาหลบข้างๆ กรอบประตูที่ปิดอยู่
โดยไม่สนใจปีศาจร่างหมาป่ามีเขา
ที่กำลังพุ่งชนประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย
ในที่สุดด้วยการวิ่งชนจนสุดแรง
ประตูไม้ที่หนาหนักก็ระเบิดออกเศษไม้ปลิวว่อน
เจ้าปีศาจร้ายตนนั้นก็ถลาตามแรงพุ่งของตน
ทะลุประตูออกมาจนชนเข้ากับเครื่องดนตรีที่เด็กๆ ช่วยกันลากมาขวาง
ร่างของมันล้มลงทำให้เส้นเอ็นสีเงินบาดตามร่างเกิดแผลเหวอะหวะ
บางเส้นที่ขาดก็ตวัดรัดร่างของมันจนวุ่นวาย
แม้เจ้าสัตว์ปีศาจตนนี้จะสามารถรักษาบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว
แต่ด้วยเส้นเอ็นเหนียวที่เกี่ยวพันตามร่าง
มันจึงไม่อาจลุกขึ้นได้ในทันที
เหล่าเด็กๆ วิ่งสวนออกไปในทันที
โดยไม่รอดูว่ามันจะเกะสายเชือกออกได้อย่างไร
พวกเขาวิ่งไปจนถึงบันไดวนของห้องโถงกลาง
ผ่านเกรบอคและผีร้ายมากมาย
เสียงกรีดร้องของเคอร์คารอลยังแว่วมาเป็นระยะ
แต่ไม่มีใครสนใจมันแล้ว
ต่างตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเพียงอย่างเดียว
สิ่งใดบังอาจเข้ามาขวาง
ก็จะถูกเด็กกลุ่มนี้รุมทึ้งไม่เหลือชิ้นดี
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงชั้นล่าง
ตรงโถงใหญ่ที่ประตูเปิดออกสู่ภายนอก
มีคนรอดชีวิตหลายคนกำลังทยอยออกไปที่สนาม
ท่ามกลางผีร้ายและสัตว์ปีศาจ
เด็กๆ รู้สึกใจชื้นเมื่อเห็นจำนวนคนรอดชีวิต
โลธอร์อุ้มเอาเด็กคนหนึ่งที่บาดเจ็บหนักขึ้นพาดบ่า
เขาพบเด็กคนนี้และพี่สาวตรงประตูทางออกพอดี
เมื่อพ้นประตูใหญ่สู้ภายนอก
หมอกสีดำประหลาดก็ยังไม่หายไปไหน
แต่พวกปีศาจร้ายน้อยลงแล้วเพราะมีทหารเกราะทองคอยจัดการมันอยู่
ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกพะวักพะวน
เหมือนว่าได้หลงลืมสิ่งใดไป
เขาวิ่งตีคู่ไปกับน้องสาวแต่ก็ไม่ห่างจากเพื่อนที่เหลือ
โลธอร์นั้นวิ่งช้าลง
เพราะเขาแบกร่างของเด็กคนหนึ่งอยู่
แต่ก็ไม่มีใครเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้
เด็กชายชาวซีนาร์ยคิดใคร่ครวญ
ว่าเขาพลาดสิ่งใดไปกันแน่
อนุสาวรีย์แห่งภราดรภาพตั้งอยู่ตรงหน้าแล้ว
อัญมณีสีแดงที่ประดับตรงปลายยอด
ส่องประกายหลอกหลอนในม่านหมอกที่มืดมัว
เด็กชายตัวน้อยรู้สึกประหลาดใจ
เหมือนเขาเคยเห็นพลังนี้ที่น่ากลัวจากที่แห่งหนึ่ง
แต่นี่คืออนุสาวรีย์ที่ปกปักรักษาโอรีเวียมาช้านาน
จะมีพลังชั่วร้ายได้อย่างไร
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงลานตรงสนามหญ้า
มีกระถางไฟตั้งอยู่ตรงนั้นเจ็ดจุด
กลิ่นกำยานหอมฟุ้งไปทั่ว
และไอหมอกสีดำที่บางเบาจนแทบไม่เหลือให้เห็น
พอมองเห็นผู้ใช้เวทย์มนตร์เท่านั้น
ฟิโลโซเฟอร์ก็รู้สึกตกใจขึ้นมา
เขาคว้าร่างน้องสาวเข้ามากอดให้แน่นที่สุด
ส่วนมืออีกข้างดึงฟีไลร่าเอาไว้
“ มีอะไรล่ะ เจ้าเป็นอะไรไป ”
คาโอเรียถามด้วยความงุนงง
ในเมื่อทุกคนอยู่ในเขตปลอดภัยแล้ว
“ นั่นน่ะสิ ”
เด็กหญิงผมสีเงินว่า
“ ไม่มีอะไรหรอกข้าแค่เกิดอยากกอดเจ้าขึ้นมา ”
คนเป็นพี่ตอบ
“ พี่ชายเหมือนคนบ้าขึ้นทุกวันรู้ตัวหรือเปล่า ”
เขาไม่ตอบโต้อะไร
แต่ได้หันไปทางฟีไลร่า
“ ข้าอยากให้เจ้าสัญญามาอย่างหนึ่ง ”
“ ได้สิ ”
นางรับปากงงๆ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
“ จับมือนางไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าได้ปล่อยมือนางเลยนะ ”
เขาบอกแกมขอร้อง
เด็กหญิงแสนสวยคนนั้นพยักหน้ารับ
“ ได้อยู่แล้ว แต่เจ้ามาพูดแบบนี้เพื่ออะไรกันเราจะถึงที่ปลอดภัยอยู่แล้ว ”
นางท้วง
“ ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เอาอย่างนี้พวกเจ้านำหน้าไปก่อนข้าจะอยู่รั้งท้ายคอยระวังหลัง เจ้าพานางไปให้ถึงกลุ่มผู้ใช้เวทมนตร์ด้วยนะ ”
“ ข้าเห็นท่านดีมีน ”
คาโอเรียร้องบอกด้วยความดีใจ
พลางชี้มือบอก
“ ดีแล้วล่ะพวกเจ้าอยู่ใกล้เขาเอาไว้ ”
เขาบอก
“ มา ไปกันเถอะเร็วเข้า ”
เด็กหญิงผมทองคล้องแขนฟีไลร่าแล้วออกวิ่ง
สองมือยังไม่ปล่อยจากมีดทำครัวและกระทะเลย
เด็กชายชาวซีนาร์ยยืนมองทั้งสอง
ที่ห่างออกไป
ให้แน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้ว
จึงค่อยๆ ก้าวถอยหลัง
หมุนตัวย้อนกลับไป
สู่ปราสาทสีขาว
ที่ปกคลุมด้วยหมอกสีดำอีกครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ