โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.98K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
172) ตามติด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในเมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นการยากที่จะสังหารสัตว์ปีศาจตนนี้ เด็กๆ กลุ่มนี้จึงตัดสินใจที่จะหนีโดยโลธอร์เป็นผู้เปิดทางให้ ด้วยความตั้งใจที่จะไปสู่ชั้นล่างสุดเพื่อออกสู่สนามหญ้าตามคำแนะนำของเด็กสาวผิวเข้ม พวกเขาลงมาถึงระเบียงยาว ฝั่งขวานั้นถูกขวางไว้ด้วยแผ่นผนังห้องที่ล้มลงมาทั้งแถบ พวกเขาจึงต้องวิ่งวนไปทางฝั่งซ้าย ทันใดนั้นเพดานก็ถล่มลงมาขวางหน้า พร้อมกับร่างของสัตว์ปีศาจที่เพิ่งพากันหนีมาเมื่อครู่ มันยืนสูงตระหง่านในฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจาย
มีประตูบานหนึ่งเปิดอยู่ใกล้ๆ และด้านในดูปรอดภัยไร้สิ่งชั่วร้าย
“ ทุกคนทางนี้ ”
เลโอน่าร้องเรียกทั้งคณะให้เข้าไปหลบในนั้น
เด็กๆ ทั้งหลายจึงเปลี่ยนเส้นทาง
มุ่งไปยังห้องนั้นทันที
แต่อีเลียสเหลือบไปเห็น
สมุดสุดหวงของของตนเองหล่นอยู่
จึงพุ่งหลาวเข้าไปกอดเอาไว้ในท่านอนคว่ำ
โลธอร์กับฟิโลโซเฟอร์ทะยานตามไปคว้าข้อเท้าเอาไว้คนละข้าง
แล้วออกแรงลากไปทั้งอย่างนั้น
เขาจึงรอดพ้นจากกรงเล็บแหลมคมอย่างหวุดหวิด
มุ่งสู่ห้องที่เด็กหญิงทั้งสามรออยู่
“ สมุดเล่มนั้นสำคัญกว่าหนังหัวของเจ้าหรืออย่างไรกันนะ ”
สหายร่างอ้วนถึงกับบ่นออกมา
ฟีไลร่ายืนรออยู่ที่ขอบประตู
เมื่อเห็นเพื่อนหลบเข้ามาครบทุกคนแล้ว
ก็เหวี่ยงประตูปิดทันใด
เสียงชนดังสนั่นจากด้านนอก
ประตูบานใหญ่สั่นสะเทือนไปทั้งกรอบ
เด็กๆ ทั้งหกต่างมองหน้ากัน
แต่เมื่อเห็นประตูยังปิดดีอยู่ก็หัวเราะออกมา
“ หัวเป็นอะไรไหมเจ้าหมาน้อย ที่ห้องพยาบาลมียานะ ”
โลธอร์ตะโกนถาม
เด็กชายได้เสียงขู่คำรามตอบกลับมา
พร้อมกับการกระแทกที่ประตูซ้ำอีกครั้ง
“ อะไรคือลูกหมาทั้งที่มันตัวโตออกปานนั้น ”
คาโอเรียถาม
นางนึกสงสัยอยู่นานแล้วกับคำเปรียบเปรยนี้
“ สิ่งที่เจ้าเห็นมันลวงตา ร่างจริงผอมกะหร่องอย่างกับอดอาหารมาแรมปี คิดว่าตัวใหญ่ตัวโตแท้จริงขนฟูๆ ทั้งนั้น ”
โลธอร์ตอบ
“ ถึงจะผอมแห้งแต่ก็ใหญ่เกินขนาดอยู่นาเจ้านี่น่ะ ให้ตายสิมันเป็นตัวอะไรกัน ข้าน่าจะนึกออกเห็นมันคลับคล้ายคับคลา ”
อีเลียสว่าท่าทีวุ่นวายใจ
“ อยากออกไปดูอีกครั้งให้แน่ใจหรือไม่ข้าจะเปิดประตู ”
คู่หูร่างอ้วนแกล้งแหย่
เขารู้สึกพอใจทุกครั้งที่อีเลียสหาคำตอบไม่ได้
“ เจ้าน่ะบ้าไปแล้วแค่สมุดเล่มเดียวต้องเสี่ยงตายขนาดนั้นเลยหรือ ”
เลโอน่ากล่าวตำหนิขึ้นมาบ้าง
เด็กชายร่างผอมแห่งโอรีออนเบ้ปาก
เขาหยิบเขาสีน้ำตาลเทาออกมาจากกระเป๋า
ซึ่งมันเป็นเขาอันที่ถูกตัดโดยฟิโลโซเฟอร์นั่นเอง
“ เอานี่ไปอยากได้นักมิใช่หรือ ”
ว่าแล้วก็ยัดใส่มือโลธอร์
“ เจ้า หยิบมาตอนไหนกัน ”
เขารับมาเก็บไว้
พลางชมไม่ขาดปากว่ามันสวยงามดูมีราคา
เกิดเสียงกระแทกดังปึงที่หน้าประตู
เศษไม้ปลิวว่อนเมื่อเขาข้างหนึ่งทะลุเข้ามา
“ วิ่ง ”
อีเลียสร้องเตือน
แล้วเด็กๆ ก็พร้อมใจกันวิ่งไปออกันหลังห้อง
“ ทำไมเรามาหยุดอยู่ตรงนี้ล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
ด้วยแววตาข้องใจแบบใสซื่อแลดูเสแสร้งถึงขั้นสุด
“ มันไม่มีที่ให้ไปต่อแล้วไง ”
เลโอน่าเสียงขุ่น
รู้สึกขัดใจกับอารมณ์ขันที่ไม่ดูเวล่ำเวลาของพวกเด็กผู้ชาย
“ ทีนี้เอาไงจะรออยู่ให้คนมาช่วยคงไม่ไหว ”
นางว่า
“ เจ้าบอกให้หนีไปที่สนามหญ้าทำไมกัน ที่โล่งแบบนั้นจะซ่อนตัวอย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ มียามวิ่งบอกตามห้องให้ไปที่นั่น เหล่าผู้ใช้เวทย์มนกางม่านอาคมคุ้มกันอยู่ แต่เรายังหาโอกาศไปที่นั่นไม่ได้ ”
เด็กหญิงผมสีเงินให้คำตอบ
“ ไม่เห็นมีใครเตือนชั้นของเราบ้าง เอาล่ะตอนนี้เรามีปัญหาสองอย่าง ”
อีเลียสบอก
“ อย่างแรกห้องนี้มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว อย่างที่สองประตูคงต้านได้ไม่นานและข้างนอกคงมีผีร้ายแห่กันมาเรื่อยๆ ”
“ ข่าวนั่นเก่าไปแล้วเจ้าไม่มีข่าวใหม่บ้างหรือ ”
โลธอร์ว่า
“ เราออกทางหน้าต่างได้นี่ ”
ฟิโลโซเฟอร์เสนอ
“ นี่มันชั้นห้าเลยนะ พวกเจ้าสองคนอาจไหวแต่ช่วยเห็นใจสตรีแสนสวยทั้งสามและข้าอีกคนหนึ่งด้วย ”
เด็กชายร่างผอมมองไปรอบๆ ห้อง
พบว่าห้องนี้เป็นชั้นเรียนดนตรีนี่เอง
“ มานี่มา ช่วยข้าหาทางขวางประตูหน่อย ”
อีเลียสเรียกเพื่อนมาช่วยกันเข็นเครื่องดนตรีสายชนิดเหนึ่งมาวางไว้หน้าประตู
มันใหญ่โตและมีฐานเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีทอง
ขึงด้วยเอ็นเส้นเล็กสีเงินบางใสนับร้อยเส้น
“ งดงามขนาดนี้เสียงเป็นอย่างไรนะ ”
คาโอเรียว่า
ด้วยท่าทีตื่นตะลึง
นางเพิ่งได้เห็นมันชัดๆ
“ มาข้าสอน ”
ฟีไลร่านึกสนุก
“ เอาไว้วันหลังก็ได้ ของแบบนี้ข้าก็เล่นเป็น ที่บ้านมีอยู่อันหนึ่งแต่เล็กกว่านี้หน่อย ”
อีเลียสกล่าว
พลางดึงเด็กหญิงทั้งสองให้หลบไปข้างหลัง
เมื่อเห็นว่าประตูนั้นเริ่มปริแตกออกเป็นทางยาว
“ ผงกำยานยังเหลือบ้างไหม ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยร้องถาม
เพราะเขาเห็นว่ากำสานสามารถยื้อเวลาได้บ้าง
“ จะเหลือได้อย่างไรข้าปาไปทั้งถุงแล้ว ตอนแรกกะจะใช้แค่กำมือเดียวแต่เห็นเจ้าวิ่งขึ้นหลังมันอย่างนั้น เลยตกใจขว้างออกไปหมดในคราเดียว ”
อีเลียสตอบ
“ เกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าอยากแสดงความมั่งคั่งใช้ของเรี่ยราดก็ว่ามาเถอะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ชักดาบออกจากฝัก
จ้องประตูที่ค่อยๆ แยกออกจากกันอย่างใจเย็น
มีประตูบานหนึ่งเปิดอยู่ใกล้ๆ และด้านในดูปรอดภัยไร้สิ่งชั่วร้าย
“ ทุกคนทางนี้ ”
เลโอน่าร้องเรียกทั้งคณะให้เข้าไปหลบในนั้น
เด็กๆ ทั้งหลายจึงเปลี่ยนเส้นทาง
มุ่งไปยังห้องนั้นทันที
แต่อีเลียสเหลือบไปเห็น
สมุดสุดหวงของของตนเองหล่นอยู่
จึงพุ่งหลาวเข้าไปกอดเอาไว้ในท่านอนคว่ำ
โลธอร์กับฟิโลโซเฟอร์ทะยานตามไปคว้าข้อเท้าเอาไว้คนละข้าง
แล้วออกแรงลากไปทั้งอย่างนั้น
เขาจึงรอดพ้นจากกรงเล็บแหลมคมอย่างหวุดหวิด
มุ่งสู่ห้องที่เด็กหญิงทั้งสามรออยู่
“ สมุดเล่มนั้นสำคัญกว่าหนังหัวของเจ้าหรืออย่างไรกันนะ ”
สหายร่างอ้วนถึงกับบ่นออกมา
ฟีไลร่ายืนรออยู่ที่ขอบประตู
เมื่อเห็นเพื่อนหลบเข้ามาครบทุกคนแล้ว
ก็เหวี่ยงประตูปิดทันใด
เสียงชนดังสนั่นจากด้านนอก
ประตูบานใหญ่สั่นสะเทือนไปทั้งกรอบ
เด็กๆ ทั้งหกต่างมองหน้ากัน
แต่เมื่อเห็นประตูยังปิดดีอยู่ก็หัวเราะออกมา
“ หัวเป็นอะไรไหมเจ้าหมาน้อย ที่ห้องพยาบาลมียานะ ”
โลธอร์ตะโกนถาม
เด็กชายได้เสียงขู่คำรามตอบกลับมา
พร้อมกับการกระแทกที่ประตูซ้ำอีกครั้ง
“ อะไรคือลูกหมาทั้งที่มันตัวโตออกปานนั้น ”
คาโอเรียถาม
นางนึกสงสัยอยู่นานแล้วกับคำเปรียบเปรยนี้
“ สิ่งที่เจ้าเห็นมันลวงตา ร่างจริงผอมกะหร่องอย่างกับอดอาหารมาแรมปี คิดว่าตัวใหญ่ตัวโตแท้จริงขนฟูๆ ทั้งนั้น ”
โลธอร์ตอบ
“ ถึงจะผอมแห้งแต่ก็ใหญ่เกินขนาดอยู่นาเจ้านี่น่ะ ให้ตายสิมันเป็นตัวอะไรกัน ข้าน่าจะนึกออกเห็นมันคลับคล้ายคับคลา ”
อีเลียสว่าท่าทีวุ่นวายใจ
“ อยากออกไปดูอีกครั้งให้แน่ใจหรือไม่ข้าจะเปิดประตู ”
คู่หูร่างอ้วนแกล้งแหย่
เขารู้สึกพอใจทุกครั้งที่อีเลียสหาคำตอบไม่ได้
“ เจ้าน่ะบ้าไปแล้วแค่สมุดเล่มเดียวต้องเสี่ยงตายขนาดนั้นเลยหรือ ”
เลโอน่ากล่าวตำหนิขึ้นมาบ้าง
เด็กชายร่างผอมแห่งโอรีออนเบ้ปาก
เขาหยิบเขาสีน้ำตาลเทาออกมาจากกระเป๋า
ซึ่งมันเป็นเขาอันที่ถูกตัดโดยฟิโลโซเฟอร์นั่นเอง
“ เอานี่ไปอยากได้นักมิใช่หรือ ”
ว่าแล้วก็ยัดใส่มือโลธอร์
“ เจ้า หยิบมาตอนไหนกัน ”
เขารับมาเก็บไว้
พลางชมไม่ขาดปากว่ามันสวยงามดูมีราคา
เกิดเสียงกระแทกดังปึงที่หน้าประตู
เศษไม้ปลิวว่อนเมื่อเขาข้างหนึ่งทะลุเข้ามา
“ วิ่ง ”
อีเลียสร้องเตือน
แล้วเด็กๆ ก็พร้อมใจกันวิ่งไปออกันหลังห้อง
“ ทำไมเรามาหยุดอยู่ตรงนี้ล่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
ด้วยแววตาข้องใจแบบใสซื่อแลดูเสแสร้งถึงขั้นสุด
“ มันไม่มีที่ให้ไปต่อแล้วไง ”
เลโอน่าเสียงขุ่น
รู้สึกขัดใจกับอารมณ์ขันที่ไม่ดูเวล่ำเวลาของพวกเด็กผู้ชาย
“ ทีนี้เอาไงจะรออยู่ให้คนมาช่วยคงไม่ไหว ”
นางว่า
“ เจ้าบอกให้หนีไปที่สนามหญ้าทำไมกัน ที่โล่งแบบนั้นจะซ่อนตัวอย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ มียามวิ่งบอกตามห้องให้ไปที่นั่น เหล่าผู้ใช้เวทย์มนกางม่านอาคมคุ้มกันอยู่ แต่เรายังหาโอกาศไปที่นั่นไม่ได้ ”
เด็กหญิงผมสีเงินให้คำตอบ
“ ไม่เห็นมีใครเตือนชั้นของเราบ้าง เอาล่ะตอนนี้เรามีปัญหาสองอย่าง ”
อีเลียสบอก
“ อย่างแรกห้องนี้มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว อย่างที่สองประตูคงต้านได้ไม่นานและข้างนอกคงมีผีร้ายแห่กันมาเรื่อยๆ ”
“ ข่าวนั่นเก่าไปแล้วเจ้าไม่มีข่าวใหม่บ้างหรือ ”
โลธอร์ว่า
“ เราออกทางหน้าต่างได้นี่ ”
ฟิโลโซเฟอร์เสนอ
“ นี่มันชั้นห้าเลยนะ พวกเจ้าสองคนอาจไหวแต่ช่วยเห็นใจสตรีแสนสวยทั้งสามและข้าอีกคนหนึ่งด้วย ”
เด็กชายร่างผอมมองไปรอบๆ ห้อง
พบว่าห้องนี้เป็นชั้นเรียนดนตรีนี่เอง
“ มานี่มา ช่วยข้าหาทางขวางประตูหน่อย ”
อีเลียสเรียกเพื่อนมาช่วยกันเข็นเครื่องดนตรีสายชนิดเหนึ่งมาวางไว้หน้าประตู
มันใหญ่โตและมีฐานเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีทอง
ขึงด้วยเอ็นเส้นเล็กสีเงินบางใสนับร้อยเส้น
“ งดงามขนาดนี้เสียงเป็นอย่างไรนะ ”
คาโอเรียว่า
ด้วยท่าทีตื่นตะลึง
นางเพิ่งได้เห็นมันชัดๆ
“ มาข้าสอน ”
ฟีไลร่านึกสนุก
“ เอาไว้วันหลังก็ได้ ของแบบนี้ข้าก็เล่นเป็น ที่บ้านมีอยู่อันหนึ่งแต่เล็กกว่านี้หน่อย ”
อีเลียสกล่าว
พลางดึงเด็กหญิงทั้งสองให้หลบไปข้างหลัง
เมื่อเห็นว่าประตูนั้นเริ่มปริแตกออกเป็นทางยาว
“ ผงกำยานยังเหลือบ้างไหม ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยร้องถาม
เพราะเขาเห็นว่ากำสานสามารถยื้อเวลาได้บ้าง
“ จะเหลือได้อย่างไรข้าปาไปทั้งถุงแล้ว ตอนแรกกะจะใช้แค่กำมือเดียวแต่เห็นเจ้าวิ่งขึ้นหลังมันอย่างนั้น เลยตกใจขว้างออกไปหมดในคราเดียว ”
อีเลียสตอบ
“ เกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าอยากแสดงความมั่งคั่งใช้ของเรี่ยราดก็ว่ามาเถอะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ชักดาบออกจากฝัก
จ้องประตูที่ค่อยๆ แยกออกจากกันอย่างใจเย็น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ