โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.81K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
168) ไม่เหมือนในตำรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเด็กทั้งสามมาออกันที่หน้าประตูโดยไม่สนใจคำทัดทานของเพื่อนกลุ่มที่เหลือ พวกเขาเงี่ยหูฟังเสียงด้านนอกเมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งผิดปรกติอีเลียสดันบานประตูให้เปิดออก แต่ยังไม่ทันได้ออกไปพ้นประตูห้องด้านบนก็เกิดการต่อสู้โครมคราม เด็กๆ จึงย้อนกลับเข้ามาในห้องแล้วกระแทกประตูปิด
“ บอกแล้วให้หลบอยู่ในห้องรออาจารย์กลับมาดีกว่า ”
เด็กชายคนหนึ่งเตือนเบาๆ
อีเลียสยกมือกุมอกหอบหายใจถี่
พลางนึกว่าเกือบไปแล้ว
“ เอาอย่างไรทีนี้ ”
โลธอร์ถามความเห็น
เขาเองก็ร้อนรนพอสมควร
“ ข้าออกไปคนเดียวก่อนหากทางสะดวกจะกลับมารับ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยเสนอ
“ แบบนั้นจะดีหรือ อีเลียสยังไหวเปล่า ”
โลธอร์ก้มลงถามด้วยความเป็นห่วง
เด็กน้อยร่างผอมซีดไม่ตอบเขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
ทันใดดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
“ ห้องข้างบน ”
เด็กน้อยพึมพำ
“ ข้างบนอะไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามพลางนั่งลงข้างๆ
“ พวกเขาถูกโจมตีทั้งที่หลบอยู่ในห้อง ถ้าพวกเรายังดึงดันอยู่ในนี้จุดจบคงเป็นแบบเดียวกัน ”
คำกล่าวนั้นทำเอาเด็กๆ กลุ่มที่เหลือตกตะลึง
พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถเอาตัวรอดได้
“ ถ้าเช่นนั้นเราต้องไปที่ไหน ”
เด็กคนนั้นถามเสียงสั่น
“ ใกล้ๆ ผู้ใช้เวทมนตร์หรือไม่ก็พวกทหาร ”
อีเลียสตอบ
จากนั้นเด็กๆ ที่เหลือก็ส่งเสียงโวยวายแย่งกันออกประตู
ฟิโลโซเฟอร์ลากเพื่อนทั้งสองออกมาจากห้องเป็นกลุ่มสุดท้าย
แต่แทนที่จะตามนักเรียนกลุ่มนั้นไป
เขากลับพาไปหลบหลังบันได
เสียงเอะอะของเด็กกลุ่มนั้นจึงทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
“ มีอะไรล่ะ ”
โลธอร์สงสัย
“ เสียงกรีดร้องของพวกเขาดังเกินไป แบบนี้ไม่ดีแน่ แต่ถ้าเข้าไปห้ามปรามเราก็จะไม่รอดเหมือนกัน ”
อีเลียสเป็นคนตอบคำถามนั้น
และก็เป็นดังที่คิด
เด็กกลุ่มนั้นวิ่งไปไม่ทันไรก็ถูกปีศาจร้ายพุ่งเข้าโจมตี
ฟิโลโซเฟอร์พยายามไปช่วยแต่ถูกเพื่อนรวบตัวไว้
“ อยากตายหรือไง คาโอเรียรออยู่ถ้าไม่มีเจ้าก็ไม่มีใครช่วยนางแล้ว ”
สหายร่างอ้วนตวาด
เขาจึงก้มลงยกมือปิดหูเอาไว้
“ พวกเด็กผู้หญิงทำอะไรอยู่ที่ไหนกันนะ ”
นั่นเป็นคำถามของโลธอร์
“ ฟีไลร่ากับพี่สาวเรียนดนตรี ส่วนคาโอเรียอยู่ห้องครัวฝึกทำอาหาร ”
อีเลียสให้คำตอบอย่างรวดเร็ว
“ บ้าจริงพวกผู้หญิงน่ะ แทนที่จะอยู่รวมกันไว้ แล้วเราจะฝ่าไปอย่างไร ”
โลธอร์ต้องกุมขมับไปอีกคน
“ เราจะพาพวกเขาไปซ่อนที่ไหนดี ที่ไหนดีนะ ”
“ ตอนนี้หาคนให้เจอก่อน ส่วนที่ปลอดภัยค่อยคิดทีหลัง ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
เขาเดินออกมาจากที่ซ่อนและฟันผีดิบตัวหนึ่งขาดสองท่อน
คมดาบของเขาเปล่งประดายขึ้นในหมอกมืดสลัว
“ ระวังฟิโลโซเฟอร์ ถอยออกมาก่อน ”
เสียงเตือนของอีเลียส
ทำเอาเด็กชายตัวน้อยหมุนคว้างด้วยความสงสัย
ว่าสิ่งใดกำลังจะทำร้ายเขา
สหายร่างผอมจึงพุ่งเข้ามา
จับไหล่ของเขาลากให้ถอยออกมาจากร่างผีดิบตนนั้น
“ มันจะคืนชีพ อาวุธธรรมดาฆ่าปีศาจจากเขตค่ายมนต์ดำไม่ได้ ”
“ ไม่หรอก ข้าว่ามันตายแน่แล้วนิ่งเป็นผักโดนต้มแบบนี้ แต่ดูไปดูมาเจ้านี่ก็เหมือนผีดิบที่เราเจอในเมืองใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น เขตค่ายมนต์ดำที่เจ้าว่าคงไม่น่ากลัวนักหรอก ”
โลธอร์ว่า
เขานั่งลงเอาปลายขวานเขี่ยร่างที่เน่าเปื่อยนั้น
“ ได้อย่างไรกัน ใยไม่เหมือนในตำรา มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ”
เขาทำท่าจะเปิดหนังสือปกหนาที่อุตส่าห์หอบหิ้วมาด้วย
“ ช่างตำราเจ้าก่อนเถอะพวกเราต้องไปแล้ว ว่าแต่ชั้นเรียนดนตรีอยู่ที่ไหน ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ ห้องดนตรีอยู่ชั้นห้า เลียวซ้ายอีกทีสามารถออกห้องโถงได้ เราจะไปดักพวกเขาที่ไหนดีข้าว่าพวกเขาไม่อยู่ที่นั่นแล้วหละ ”
อีเลียสว่า
“ ไปดูให้แน่ก่อน คาโอเรียก็อยู่ทางเดียวกันนี่นา แม้พวกเขาไม่อยู่ที่นั่นแล้วอย่างน้อยก็ตัดข้อสงสัยไปได้ ”
สหายร่างอ้วนเสนอ
ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งขึ้นบันไดไป
โชคดีที่บันไดตรงนั้นมีเกรบอคเกาะอยู่เพียงไม่กี่ตัว
ฟิโลโชเฟอร์กับโลธอร์จึงสามารถฟาดฟันมันขาดกระจุยด้วยเวลาไม่นาน
“ ไม่คืนชีพจริงด้วย ”
อีเลียสพูด
เขานั่งลงจดบางอย่างลงในหนังสือปกหนาที่ถือติดตัวอยู่ตลอด
“ นอกจากนั้นค้อนกับขวานของโลธอร์ยังสามารถทำลายมันได้ น่าประหลาดเป็นที่สุด ”
“ เดี๋ยวๆ เจ้าทำอะไรน่ะมันใช่เวลาหรือพรุ่งนี้ค่อยจดก็ได้เวลามีถมไป ”
สหายคู่หูของเขาจับคอเสื้อแล้วดึงให้ลุกขึ้น
“ ก็มันน่าสนใจไหมล่ะ ”
อีเลียสแย้ง
แต่เขาก็วิ่งตามเพื่อนไปโดยไม่รอช้า
“ บอกแล้วให้หลบอยู่ในห้องรออาจารย์กลับมาดีกว่า ”
เด็กชายคนหนึ่งเตือนเบาๆ
อีเลียสยกมือกุมอกหอบหายใจถี่
พลางนึกว่าเกือบไปแล้ว
“ เอาอย่างไรทีนี้ ”
โลธอร์ถามความเห็น
เขาเองก็ร้อนรนพอสมควร
“ ข้าออกไปคนเดียวก่อนหากทางสะดวกจะกลับมารับ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยเสนอ
“ แบบนั้นจะดีหรือ อีเลียสยังไหวเปล่า ”
โลธอร์ก้มลงถามด้วยความเป็นห่วง
เด็กน้อยร่างผอมซีดไม่ตอบเขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
ทันใดดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
“ ห้องข้างบน ”
เด็กน้อยพึมพำ
“ ข้างบนอะไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามพลางนั่งลงข้างๆ
“ พวกเขาถูกโจมตีทั้งที่หลบอยู่ในห้อง ถ้าพวกเรายังดึงดันอยู่ในนี้จุดจบคงเป็นแบบเดียวกัน ”
คำกล่าวนั้นทำเอาเด็กๆ กลุ่มที่เหลือตกตะลึง
พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถเอาตัวรอดได้
“ ถ้าเช่นนั้นเราต้องไปที่ไหน ”
เด็กคนนั้นถามเสียงสั่น
“ ใกล้ๆ ผู้ใช้เวทมนตร์หรือไม่ก็พวกทหาร ”
อีเลียสตอบ
จากนั้นเด็กๆ ที่เหลือก็ส่งเสียงโวยวายแย่งกันออกประตู
ฟิโลโซเฟอร์ลากเพื่อนทั้งสองออกมาจากห้องเป็นกลุ่มสุดท้าย
แต่แทนที่จะตามนักเรียนกลุ่มนั้นไป
เขากลับพาไปหลบหลังบันได
เสียงเอะอะของเด็กกลุ่มนั้นจึงทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
“ มีอะไรล่ะ ”
โลธอร์สงสัย
“ เสียงกรีดร้องของพวกเขาดังเกินไป แบบนี้ไม่ดีแน่ แต่ถ้าเข้าไปห้ามปรามเราก็จะไม่รอดเหมือนกัน ”
อีเลียสเป็นคนตอบคำถามนั้น
และก็เป็นดังที่คิด
เด็กกลุ่มนั้นวิ่งไปไม่ทันไรก็ถูกปีศาจร้ายพุ่งเข้าโจมตี
ฟิโลโซเฟอร์พยายามไปช่วยแต่ถูกเพื่อนรวบตัวไว้
“ อยากตายหรือไง คาโอเรียรออยู่ถ้าไม่มีเจ้าก็ไม่มีใครช่วยนางแล้ว ”
สหายร่างอ้วนตวาด
เขาจึงก้มลงยกมือปิดหูเอาไว้
“ พวกเด็กผู้หญิงทำอะไรอยู่ที่ไหนกันนะ ”
นั่นเป็นคำถามของโลธอร์
“ ฟีไลร่ากับพี่สาวเรียนดนตรี ส่วนคาโอเรียอยู่ห้องครัวฝึกทำอาหาร ”
อีเลียสให้คำตอบอย่างรวดเร็ว
“ บ้าจริงพวกผู้หญิงน่ะ แทนที่จะอยู่รวมกันไว้ แล้วเราจะฝ่าไปอย่างไร ”
โลธอร์ต้องกุมขมับไปอีกคน
“ เราจะพาพวกเขาไปซ่อนที่ไหนดี ที่ไหนดีนะ ”
“ ตอนนี้หาคนให้เจอก่อน ส่วนที่ปลอดภัยค่อยคิดทีหลัง ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
เขาเดินออกมาจากที่ซ่อนและฟันผีดิบตัวหนึ่งขาดสองท่อน
คมดาบของเขาเปล่งประดายขึ้นในหมอกมืดสลัว
“ ระวังฟิโลโซเฟอร์ ถอยออกมาก่อน ”
เสียงเตือนของอีเลียส
ทำเอาเด็กชายตัวน้อยหมุนคว้างด้วยความสงสัย
ว่าสิ่งใดกำลังจะทำร้ายเขา
สหายร่างผอมจึงพุ่งเข้ามา
จับไหล่ของเขาลากให้ถอยออกมาจากร่างผีดิบตนนั้น
“ มันจะคืนชีพ อาวุธธรรมดาฆ่าปีศาจจากเขตค่ายมนต์ดำไม่ได้ ”
“ ไม่หรอก ข้าว่ามันตายแน่แล้วนิ่งเป็นผักโดนต้มแบบนี้ แต่ดูไปดูมาเจ้านี่ก็เหมือนผีดิบที่เราเจอในเมืองใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น เขตค่ายมนต์ดำที่เจ้าว่าคงไม่น่ากลัวนักหรอก ”
โลธอร์ว่า
เขานั่งลงเอาปลายขวานเขี่ยร่างที่เน่าเปื่อยนั้น
“ ได้อย่างไรกัน ใยไม่เหมือนในตำรา มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ”
เขาทำท่าจะเปิดหนังสือปกหนาที่อุตส่าห์หอบหิ้วมาด้วย
“ ช่างตำราเจ้าก่อนเถอะพวกเราต้องไปแล้ว ว่าแต่ชั้นเรียนดนตรีอยู่ที่ไหน ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ ห้องดนตรีอยู่ชั้นห้า เลียวซ้ายอีกทีสามารถออกห้องโถงได้ เราจะไปดักพวกเขาที่ไหนดีข้าว่าพวกเขาไม่อยู่ที่นั่นแล้วหละ ”
อีเลียสว่า
“ ไปดูให้แน่ก่อน คาโอเรียก็อยู่ทางเดียวกันนี่นา แม้พวกเขาไม่อยู่ที่นั่นแล้วอย่างน้อยก็ตัดข้อสงสัยไปได้ ”
สหายร่างอ้วนเสนอ
ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งขึ้นบันไดไป
โชคดีที่บันไดตรงนั้นมีเกรบอคเกาะอยู่เพียงไม่กี่ตัว
ฟิโลโชเฟอร์กับโลธอร์จึงสามารถฟาดฟันมันขาดกระจุยด้วยเวลาไม่นาน
“ ไม่คืนชีพจริงด้วย ”
อีเลียสพูด
เขานั่งลงจดบางอย่างลงในหนังสือปกหนาที่ถือติดตัวอยู่ตลอด
“ นอกจากนั้นค้อนกับขวานของโลธอร์ยังสามารถทำลายมันได้ น่าประหลาดเป็นที่สุด ”
“ เดี๋ยวๆ เจ้าทำอะไรน่ะมันใช่เวลาหรือพรุ่งนี้ค่อยจดก็ได้เวลามีถมไป ”
สหายคู่หูของเขาจับคอเสื้อแล้วดึงให้ลุกขึ้น
“ ก็มันน่าสนใจไหมล่ะ ”
อีเลียสแย้ง
แต่เขาก็วิ่งตามเพื่อนไปโดยไม่รอช้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ