โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
159) ความในใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อเด็กๆ ก้าวผ่านประตูบานหนาเข้าไปแล้วอีเลียสก็จุดคบเพลิงเพิ่มอีกสองอัน เขาบอกว่าอยู่ที่แคบแล้วรู้สึกไม่ปรอดภัย แต่โลธอร์แย้งว่าที่นี่ไม่ได้แคบเลยมันคือด้านในปราสาทอย่างชัดเจนมโหฬารเกินกว่าจะเรียกว่าคับแคบ เพราะไม่อย่างนั้นถ้ำที่บ้านเกิดของเขาคงต้องเรียกว่ารูหนอนอย่างแน่นอน
“ ไปทางไหนดี ทางไหนดีนะ ”
อีเลียสพึมพำกับตนเอง
เขาถือคบเพลิงเดินสำรวจไปทั่ว
ห้องนี้แม้จะกว้างใหญ่
แต่เก็บข้าวของไว้มากมาย
ส่วนใหญ่เป็นหม้อ
และถังไม้โอ๊คใบเขื่องที่ปิดฝาแน่นหนา
แต่ส่งกลิ่นเหม็นแห้งๆ ชวนแสบจมูกอย่างน่าประหลาด
ราวกับสิ่งที่อยู่ในนั้นผ่านการเน่าเสียมาอย่างยาวนาน
“ อย่าแม้แต่จะคิด ”
อีเลียสทำเสียงดุ
เมื่อเห็นสหายร่างอ้วนเดินตรงไป
ด้วยท่าทีสนอกสนใจไม่น้อย
“ ใช่ นี่ต้องเป็นห้องครัวแบบไม่ต้องสงสัยเลยข้าวของพวกนี้เหมือนเตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยง น่าเสียดายที่มันไม่มีวันได้เกิดขึ้น ”
โลธอร์ว่า
“ เจ้าคงไม่คิดหาสมบัติในครัวหรอกนะ ”
อีเลียสเหน็บเข้าให้
“ ของส่วนใหญ่เน่าเสียแทบเป็นธุลี แต่รู้อะไรไหมอีเลียส พวกเหล้าพวกวายน่ะยิ่งเก็บเอาไว้นานยิ่งเป็นของดี ”
ก่อนที่เจ้าของร่างผอมแห้งจะได้ตอบโต้อะไร
ประตูที่พวกเขาผ่านเข้ามาก็เลื่อนปิดดังปัง
อีเลียสถึงกับหน้าถอดสี
ยืนถือคบเพลิงเลิกลักไม่เป็นท่า
“ ไม่ต้องกลัวนั่นแค่ประตูไม้และข้ามีขวาน เรื่องเปิดประตูเรื่องเล็ก แต่เราเรามีธุระต้องไปข้างหน้าอย่าสนใจประตูบานนั้นเลยจะปิดหรือเปิดก็ช่างมันเถิด ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่โลธอร์ก็รีบพุ่งไปยืนข้างเพื่อน
อย่างไม่รีรอ
ในระหว่างที่สองคนคุยกัน
ฟิโลโซเฟอร์ก็ค้นพบประตูอีกบาน
มันใหญ่และหนากว่าประตูบานแรก
ห่วงเหล็กที่ใช้คล้องประตูก็เก่าจนสนิมเขละ
ทายาทแห่งนักขุดเหมืองจึงต้องใช้ทั้งค้อนและขวานงัดมันออกมาทั้งยวง
จึงสามารถเปิดประตูได้
แต่ด้วยเสียงโลหะกระทบกันที่ดังจนน่าสะดุ้ง
มันได้พาเสียงครางแปลกประหลาดให้ใกล้เข้ามา
พวกเขาจึงต้องรีบออกจากที่ตรงนั้น
แม้โลธอร์อยากขอชิมวายสักอึกหนึ่ง
ก็ยังถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
ออกจากห้องครัวตรงนั้นเป็นทางเดินกว้างใหญ่
ขนาดเอารถม้าวิ่งได้
มันเป็นโถงยาวที่เชื่อมไปยังส่วนต่างๆ ของปราสาท
อีเลียสเป็นคนนำหน้า
เขาว่องไวและเงียบเชียบ
“ เกรงว่าเราต้องหาทางลงใต้ดินอีกชั้น สู่คุกใต้ดินเก่าของเมืองแพสทรูแลนด์ โอรีเวียไม่ได้สร้างคุกมาตั้งแต่เริ่มสร้างเมือง หากแต่เติมเข้ามาภายหลัง ถ้าพูดถึงคุกใต้ดินมันต้องใช้อันที่มีอยู่ก่อนแล้วแน่ ”
อีเลียสกระซิบบอกเบาๆ
“ เดี๋ยวนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์แย้ง
“ คุกของเมืองแพสทรูแลนด์ส่วนที่เคยอยู่บนดินตอนนี้จมลงมาพร้อมกับเมืองแล้ว พอจะเรียกว่าคุกใต้ดินได้หรือไม่ ”
คำพูดนั้นทำเอาสหายร่างผอมชะงัก
ใช่ทั้งหมดอยู่ใต้ดินแล้ว
ถ้าคิดจะขังไว้ใต้ดิน
ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น
อีกทั้งเมืองใต้ดินก็ดูไม่น่าไว้วางใจ
รั้งรออยู่นานคงไม่เป็นผลดีกับใคร
“ แบบนี้ไม่ดีแน่ ผู้ใช้เวทมนตร์ของเจ้าไม่มีคำแนะนำอย่างอื่นหรือ คิดจะปล่อยพวกเราลงมาวัดดวงกันทั้งอย่างนี้ เขาเป็นคนอย่างไรไหนกันแน่ ”
เด็กชายร่างผอมแห้งโวยวาย
“ ใช่อย่างนี้ล่อพวกเรามาตายชัดๆ ข้างล่างนี้มีอะไร ”
โลธอร์เอาบ้าง
เด็กชายชาวซีนาร์ยยกดาบขึ้นพาดบ่า
“ เรื่องของเรื่องคือพวกเจ้าตามกันมาเองทั้งที่ข้าพยายามห้ามปรามแล้ว สิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไปนี้ไม่อยู่ในวิสัยที่ใครจะควบคุมได้ และจนกว่าจะพบจุดหมายข้าไม่มีทางหันกลับ ”
เขาเดินไปโดยไม่เหลียวหลัง
“ เจ้าทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไรมันคุ่มแล้วจริงหรือ ”
อีเลียสพยายามเตือนสติ
ฟิโลโซเฟอร์หยิบขลุ่ยเลาหนึ่งขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ เวลาเกิดเหตุร้ายผู้คนมักคิดถึงตัวเองเป็นอันดับแรก ”
เขาว่า
“ แต่เมื่อเหตุร้ายผ่านพ้นไปแล้วเราจะคิดย้อนไปถึงเรื่องต่างๆ แล้วรู้สึกเสียใจที่ทำพลาดไป ข้าได้ทิ้งเพื่อนรักคนหนึ่งเอาไว้ข้างหลัง ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายเพียงลำพัง ในเวลานี้มีโอกาสอีกครั้งข้านั้นไม่อยากเสียใจเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ”
เด็กชายกำขลุ่ยแน่นในมือที่เย็นเฉียบ
ความเจ็บปวดกัดกินเขามาโดยตลอด
โรเซนเพื่อนที่แสนดีของเขายังอยู่ที่ซีนาร์ย
เป็นหรือตายก็ไม่อาจทราบได้
แต่ดารีลอยู่ที่นี่
ไม่ได้ไกลจากเขาเลย
แล้วจะไม่ให้ค้นหาเป็นไปได้หรือ
“ ก็ได้ เช่นนั้นไปทางขวามือ ข้าโชคดีจากทางขวามือ ”
อีเลียสบอก
นี่เป็นการตัดสินใจที่ประหลาด
เพราะเด็กคนนี้เชื่อเหตุผลมากกว่าโชคลาง
แต่ถึงจะอย่างนั้นฟิโลโซเฟอร์ก็ตามไปอย่างว่าง่าย
พร้อมกับเสียงครืดคราดที่คลานไล่หลังมา
“ ไปทางไหนดี ทางไหนดีนะ ”
อีเลียสพึมพำกับตนเอง
เขาถือคบเพลิงเดินสำรวจไปทั่ว
ห้องนี้แม้จะกว้างใหญ่
แต่เก็บข้าวของไว้มากมาย
ส่วนใหญ่เป็นหม้อ
และถังไม้โอ๊คใบเขื่องที่ปิดฝาแน่นหนา
แต่ส่งกลิ่นเหม็นแห้งๆ ชวนแสบจมูกอย่างน่าประหลาด
ราวกับสิ่งที่อยู่ในนั้นผ่านการเน่าเสียมาอย่างยาวนาน
“ อย่าแม้แต่จะคิด ”
อีเลียสทำเสียงดุ
เมื่อเห็นสหายร่างอ้วนเดินตรงไป
ด้วยท่าทีสนอกสนใจไม่น้อย
“ ใช่ นี่ต้องเป็นห้องครัวแบบไม่ต้องสงสัยเลยข้าวของพวกนี้เหมือนเตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยง น่าเสียดายที่มันไม่มีวันได้เกิดขึ้น ”
โลธอร์ว่า
“ เจ้าคงไม่คิดหาสมบัติในครัวหรอกนะ ”
อีเลียสเหน็บเข้าให้
“ ของส่วนใหญ่เน่าเสียแทบเป็นธุลี แต่รู้อะไรไหมอีเลียส พวกเหล้าพวกวายน่ะยิ่งเก็บเอาไว้นานยิ่งเป็นของดี ”
ก่อนที่เจ้าของร่างผอมแห้งจะได้ตอบโต้อะไร
ประตูที่พวกเขาผ่านเข้ามาก็เลื่อนปิดดังปัง
อีเลียสถึงกับหน้าถอดสี
ยืนถือคบเพลิงเลิกลักไม่เป็นท่า
“ ไม่ต้องกลัวนั่นแค่ประตูไม้และข้ามีขวาน เรื่องเปิดประตูเรื่องเล็ก แต่เราเรามีธุระต้องไปข้างหน้าอย่าสนใจประตูบานนั้นเลยจะปิดหรือเปิดก็ช่างมันเถิด ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่โลธอร์ก็รีบพุ่งไปยืนข้างเพื่อน
อย่างไม่รีรอ
ในระหว่างที่สองคนคุยกัน
ฟิโลโซเฟอร์ก็ค้นพบประตูอีกบาน
มันใหญ่และหนากว่าประตูบานแรก
ห่วงเหล็กที่ใช้คล้องประตูก็เก่าจนสนิมเขละ
ทายาทแห่งนักขุดเหมืองจึงต้องใช้ทั้งค้อนและขวานงัดมันออกมาทั้งยวง
จึงสามารถเปิดประตูได้
แต่ด้วยเสียงโลหะกระทบกันที่ดังจนน่าสะดุ้ง
มันได้พาเสียงครางแปลกประหลาดให้ใกล้เข้ามา
พวกเขาจึงต้องรีบออกจากที่ตรงนั้น
แม้โลธอร์อยากขอชิมวายสักอึกหนึ่ง
ก็ยังถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
ออกจากห้องครัวตรงนั้นเป็นทางเดินกว้างใหญ่
ขนาดเอารถม้าวิ่งได้
มันเป็นโถงยาวที่เชื่อมไปยังส่วนต่างๆ ของปราสาท
อีเลียสเป็นคนนำหน้า
เขาว่องไวและเงียบเชียบ
“ เกรงว่าเราต้องหาทางลงใต้ดินอีกชั้น สู่คุกใต้ดินเก่าของเมืองแพสทรูแลนด์ โอรีเวียไม่ได้สร้างคุกมาตั้งแต่เริ่มสร้างเมือง หากแต่เติมเข้ามาภายหลัง ถ้าพูดถึงคุกใต้ดินมันต้องใช้อันที่มีอยู่ก่อนแล้วแน่ ”
อีเลียสกระซิบบอกเบาๆ
“ เดี๋ยวนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์แย้ง
“ คุกของเมืองแพสทรูแลนด์ส่วนที่เคยอยู่บนดินตอนนี้จมลงมาพร้อมกับเมืองแล้ว พอจะเรียกว่าคุกใต้ดินได้หรือไม่ ”
คำพูดนั้นทำเอาสหายร่างผอมชะงัก
ใช่ทั้งหมดอยู่ใต้ดินแล้ว
ถ้าคิดจะขังไว้ใต้ดิน
ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น
อีกทั้งเมืองใต้ดินก็ดูไม่น่าไว้วางใจ
รั้งรออยู่นานคงไม่เป็นผลดีกับใคร
“ แบบนี้ไม่ดีแน่ ผู้ใช้เวทมนตร์ของเจ้าไม่มีคำแนะนำอย่างอื่นหรือ คิดจะปล่อยพวกเราลงมาวัดดวงกันทั้งอย่างนี้ เขาเป็นคนอย่างไรไหนกันแน่ ”
เด็กชายร่างผอมแห้งโวยวาย
“ ใช่อย่างนี้ล่อพวกเรามาตายชัดๆ ข้างล่างนี้มีอะไร ”
โลธอร์เอาบ้าง
เด็กชายชาวซีนาร์ยยกดาบขึ้นพาดบ่า
“ เรื่องของเรื่องคือพวกเจ้าตามกันมาเองทั้งที่ข้าพยายามห้ามปรามแล้ว สิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไปนี้ไม่อยู่ในวิสัยที่ใครจะควบคุมได้ และจนกว่าจะพบจุดหมายข้าไม่มีทางหันกลับ ”
เขาเดินไปโดยไม่เหลียวหลัง
“ เจ้าทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไรมันคุ่มแล้วจริงหรือ ”
อีเลียสพยายามเตือนสติ
ฟิโลโซเฟอร์หยิบขลุ่ยเลาหนึ่งขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ เวลาเกิดเหตุร้ายผู้คนมักคิดถึงตัวเองเป็นอันดับแรก ”
เขาว่า
“ แต่เมื่อเหตุร้ายผ่านพ้นไปแล้วเราจะคิดย้อนไปถึงเรื่องต่างๆ แล้วรู้สึกเสียใจที่ทำพลาดไป ข้าได้ทิ้งเพื่อนรักคนหนึ่งเอาไว้ข้างหลัง ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายเพียงลำพัง ในเวลานี้มีโอกาสอีกครั้งข้านั้นไม่อยากเสียใจเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ”
เด็กชายกำขลุ่ยแน่นในมือที่เย็นเฉียบ
ความเจ็บปวดกัดกินเขามาโดยตลอด
โรเซนเพื่อนที่แสนดีของเขายังอยู่ที่ซีนาร์ย
เป็นหรือตายก็ไม่อาจทราบได้
แต่ดารีลอยู่ที่นี่
ไม่ได้ไกลจากเขาเลย
แล้วจะไม่ให้ค้นหาเป็นไปได้หรือ
“ ก็ได้ เช่นนั้นไปทางขวามือ ข้าโชคดีจากทางขวามือ ”
อีเลียสบอก
นี่เป็นการตัดสินใจที่ประหลาด
เพราะเด็กคนนี้เชื่อเหตุผลมากกว่าโชคลาง
แต่ถึงจะอย่างนั้นฟิโลโซเฟอร์ก็ตามไปอย่างว่าง่าย
พร้อมกับเสียงครืดคราดที่คลานไล่หลังมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ