โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.58K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
151) ฝ่าฝืน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเที่ยงคืนอันเงียบสงบ ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีเมื่อจันอับแสง ความมืดได้ครอบครองดินแดนแห่งนี้ ในเต็นท์อันอบอุ่นที่ล้อมรอบไปด้วยทหารมือดีมากมาย เจ้าหญิงลูเซียน่ายังลืมตาตื่นขอบตาหมองคล้ำและเปียกชื้น ความสูญเสียนั้นมากมายนัก เมื่อคำวิงวอนไม่เป็นผลพระนางต้องทนฝืนก้มหน้ารับ แต่ความเจ็บปวดนั้นมากมายเกินรับไหว
จากเป็นหรือจากตายสุดท้ายก็ต้องจาก ความคิดถึงเป็นดังคมมีดที่กรีดซ้ำๆ ลงกลางดวงหทัย คำมั่นสัญญาของดารีลไม่อาจเป็นจริงได้ หากมีชีวิตรอดจะกลับไปหาพระนางอย่างนั้นหรือ ในเมื่อหนุ่มน้อยคนนั้นได้หันหน้าเข้าสู่ความตาย ปลายทางเป็นเช่นไรก็ย่อมรู้
คนตายไม่คิดมีใจติดค้างแต่คนเป็นยังเฝ้าถวิลหา กับลมหายใจที่ทุกข์ทนและจิตวิญญาณที่แตกสลาย เจ้าหญิงลูเซียน่าค่อยๆ ปลดสายคล้องพระศอ จี้ประดับอัญมณีสีแดงร่วงหล่นลงสู่พื้นแล้วพระนางก็ปิดดวงเนตรให้มืดลง
เจ้าหญิงแสนงามไม่หวั่นแม้แต่น้อยเมื่อเห็นไอหมอกม้วนตัวเข้ามาใกล้ ร่างสูงสง่าค่อยๆ ปรากฏแจ่มชัดขึ้นตรงหน้า งดงามแข็งแกร่งและทรงอำนาจ
“ ท่านหญิง ”
สตรีนางนั้นกล่าว
พลางก้มหัวให้ด้วยอาการอันนอบน้อม
นางชำเลืองมองอัญมณีที่ถูกทิ้งไว้
แล้วระบายยิ้มบางๆ บนมุมปากข้างหนึ่ง
“ ดารีลเตือนท่านมิใช่หรือว่าอย่าถอดจี้ห้อยอันนี้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ใยท่านจึงฝ่าฝืนเล่าหรือท่านไม่เชื่อฟังหนุ่มน้อยแสนดีคนนั้นแล้ว โกรธเคืองกันหรือไร ”
เสียงของนางนั้นอ่อนโยนเห็นอกเห็นใจนัก
เจ้าหญิงน้อยยังคงนิ่งไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
“ ท่านเรียกข้ามาเพื่อรับฟังความเงียบงันอย่างนั้นหรือ ได้สิข้าจะนั่งเป็นเพื่อนท่านตรงนี้ไปจนสุดค่ำคืนที่เหน็บหนาว ความสิ้นหวังของท่านบาดลึกลงในใจข้า ความทุกข์ที่ไม่มีใครเห็นข้าเองที่รู้ดี ”
สตรีในชุดแดงกรุยกรายนั่งลง
เด็ดดอกหญ้าขึ้นมาเกลี่ยข้างแก้มทอดอารมณ์ตามสบาย
ราวกับไร้เรื่องใดให้ต้องร้อนรน
“ ท้ายสุดแล้วดารีลจะเป็นเช่นใด ”
เจ้าหญิงผู้แสนเศร้าเอ่ยขึ้นในที่สุด
สตรีนางนั้นหยุดชะงัก
มือค้างอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน
“ ดารีลสั่งห้ามข้าเอ่ยคำทำนายไปถึงเขา แต่ท่านหญิงกลับร้องขอสิ่งนั้น แบบนี้มันถูกต้องหรือข้าเองลำบากใจไม่เหลือเกิน ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่แววตายั่วยุไม่น้อยเลย
“ ข้าถามความเห็นหรอกนะ เจ้าอย่าบังอาจทึกทักไปเอง ”
พระนางตรัสด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ ตายจริง ข้านั้นช่างเขลานักคงต้องหาเวลามาให้ท่านหญิงผู้สูงศักดิ์สั่งสอนเสียบ้างแล้ว คำถามของท่านข้านั้นเข้าใจดารีลเป็นคนเช่นไรท่านย่อมรู้ดีกว่าข้า สำหรับเขาแล้วหากเอ่ยปากว่าจะไปก็คือไปจนสุด ต่อให้ข้างหน้ามีปากเหวขวางอยู่เขานั้นเคยฟังคำห้ามปรามเสียที่ไหน ท่านเป็นคนรักของเขาใยไม่หยุดเขาล่ะ ข้าเป็นคนนอกทำได้แค่แนะนำเท่านั้น ”
“ ข้าหยุดเขาไม่ได้ ”
พระนางกล่าวอย่างขมขื่น
“ ก็เลยหนีมาเสียอย่างนั้น ไม่เอาน่าท่านยังมีโอกาสอยู่ คิดดูให้ดีใครกันที่เขาไว้ใจใครกันที่ท่านสามารถเชื่อใจได้ ใครที่ท่านสมควรขอความช่วยเหลือ ”
สตรีชุดแดงว่า
“ ข้าไม่ได้หนี แต่ถูกพาตัวมาดารีลไม่ได้ปล่อยข้าให้เป็นอิสระ คนพวกนั้นได้รับคำสั่งให้ดูแลข้าอย่างดี ”
“ โอ้ ท่านหญิงเรื่องแค่นี้ท่านจัดการได้อยู่แล้ว ”
“ พวกเขาล้วนเป็นพลเมืองของข้า คงใช้ความรุนแรงไม่ได้ ”
“ ถ้าอย่างนั้นท่านหญิงคงต้องการสิ่งนี้ ”
สตรีนางนั้นล้วงถุงผ้าออกมา
พร้อมกับผ้าแพรสีขาวบางเบา
“ โยนมันเข้าไปในกองไฟ แต่ต้องมั่นใจว่าท่านได้ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกแล้ว เพียงเท่านี้ท่านก็เป็นอิสระ ”
เจ้าหญิงทรงรับของสองสิ่งนั้นมา
“ ข้าต้องจ่ายราคาด้วยสิ่งใดหรือ ”
สตรีแสนงามหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
“ ช่างเป็นโชคร้ายจริง ทั้งที่อยากช่วยเหลือผู้คนให้พ้นจากทุกข์ จิตใจอันบริสุทธิ์กลับถูกบิดเบือนด้วยพ่อมดน้อยแสนซนคนนั้น เขาเองที่คอยขอคำแนะจากข้าไม่เคยว่างเว้นแต่ก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่คอยยุแยงผู้คนให้หวาดกลัวข้า ท่านหญิงข้ามีใจอยากช่วยเหลือท่านหวังเพียงท่านได้ทำตามใจปรารถนา เพียงเท่านั้นจริงๆ ส่วนราคาที่ต้องจ่ายก็คือผลจากการกระทำของท่าน ซึ่งท่านรู้ดีอยู่แล้วว่ากำลังทำสิ่งใดและจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ข้าไม่อาจก้าวก่ายได้เลย ”
“ เจ้ากำลังวางแผนอะไรกันแน่ ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าคาดคั้น
“ ข้าน่ะหรือ ไม่เลยข้าแค่ทำทุกอย่างเพื่อผู้ทุกข์โศกได้สมหวัง ”
นางตอบด้วยแววตาใสซื่อ
“ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าคิดร้าย ”
“ ท่านหญิง ”
สตรีชุดแดงกล่าวสวนขึ้น
“ แท้จริงแล้วข้ารักเขามากมายกว่าท่านนัก เรื่องคิดร้ายนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ท่านวางใจเถิดดารีลเองก็ทรงพลังอำนาจมากจนยากที่ใครจะทำอันตรายได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่จะทำลายเขานั่นคือตัวของเขาเอง ท่านอาจไม่เคยรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าดูแลหนุ่มน้อยคนนั้นมาตลอด ดูเอาเถิดแม้เขาจะเที่ยวกล่าวร้ายข้ามีสักครั้งเล่าที่ข้าคิดถือสา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วท่านยังกล่าวหาข้าอีกหรือ ”
“ คนที่เชื่อใจเจ้าคือคนที่ตายไปแล้ว ”
เจ้าหญิงบอกเสียงเย็น
“ แต่สุดที่รักของท่านเชื่อข้านะ ”
นางว่าพลางขยิบตา
“ เจ้าโกหก ”
“ ช่างเถอะ ข้าได้ให้ของจำเป็นแก่ท่านแล้ว ส่วนจะใช้ทำกิจอันใดก็สุดแล้วแต่ท่านจากนี้ขอทูลลา เพราะดูท่าอีกไม่นานท่านคงตะเพิดข้าแน่ ”
นางกล่าวเท่านั้นก็สลายไป
พร้อมกับไอหมอกสีดำที่จางหาย
และรุ่งอรุณได้มาเยือนอีกครั้ง
จากเป็นหรือจากตายสุดท้ายก็ต้องจาก ความคิดถึงเป็นดังคมมีดที่กรีดซ้ำๆ ลงกลางดวงหทัย คำมั่นสัญญาของดารีลไม่อาจเป็นจริงได้ หากมีชีวิตรอดจะกลับไปหาพระนางอย่างนั้นหรือ ในเมื่อหนุ่มน้อยคนนั้นได้หันหน้าเข้าสู่ความตาย ปลายทางเป็นเช่นไรก็ย่อมรู้
คนตายไม่คิดมีใจติดค้างแต่คนเป็นยังเฝ้าถวิลหา กับลมหายใจที่ทุกข์ทนและจิตวิญญาณที่แตกสลาย เจ้าหญิงลูเซียน่าค่อยๆ ปลดสายคล้องพระศอ จี้ประดับอัญมณีสีแดงร่วงหล่นลงสู่พื้นแล้วพระนางก็ปิดดวงเนตรให้มืดลง
เจ้าหญิงแสนงามไม่หวั่นแม้แต่น้อยเมื่อเห็นไอหมอกม้วนตัวเข้ามาใกล้ ร่างสูงสง่าค่อยๆ ปรากฏแจ่มชัดขึ้นตรงหน้า งดงามแข็งแกร่งและทรงอำนาจ
“ ท่านหญิง ”
สตรีนางนั้นกล่าว
พลางก้มหัวให้ด้วยอาการอันนอบน้อม
นางชำเลืองมองอัญมณีที่ถูกทิ้งไว้
แล้วระบายยิ้มบางๆ บนมุมปากข้างหนึ่ง
“ ดารีลเตือนท่านมิใช่หรือว่าอย่าถอดจี้ห้อยอันนี้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ใยท่านจึงฝ่าฝืนเล่าหรือท่านไม่เชื่อฟังหนุ่มน้อยแสนดีคนนั้นแล้ว โกรธเคืองกันหรือไร ”
เสียงของนางนั้นอ่อนโยนเห็นอกเห็นใจนัก
เจ้าหญิงน้อยยังคงนิ่งไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
“ ท่านเรียกข้ามาเพื่อรับฟังความเงียบงันอย่างนั้นหรือ ได้สิข้าจะนั่งเป็นเพื่อนท่านตรงนี้ไปจนสุดค่ำคืนที่เหน็บหนาว ความสิ้นหวังของท่านบาดลึกลงในใจข้า ความทุกข์ที่ไม่มีใครเห็นข้าเองที่รู้ดี ”
สตรีในชุดแดงกรุยกรายนั่งลง
เด็ดดอกหญ้าขึ้นมาเกลี่ยข้างแก้มทอดอารมณ์ตามสบาย
ราวกับไร้เรื่องใดให้ต้องร้อนรน
“ ท้ายสุดแล้วดารีลจะเป็นเช่นใด ”
เจ้าหญิงผู้แสนเศร้าเอ่ยขึ้นในที่สุด
สตรีนางนั้นหยุดชะงัก
มือค้างอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน
“ ดารีลสั่งห้ามข้าเอ่ยคำทำนายไปถึงเขา แต่ท่านหญิงกลับร้องขอสิ่งนั้น แบบนี้มันถูกต้องหรือข้าเองลำบากใจไม่เหลือเกิน ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่แววตายั่วยุไม่น้อยเลย
“ ข้าถามความเห็นหรอกนะ เจ้าอย่าบังอาจทึกทักไปเอง ”
พระนางตรัสด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ ตายจริง ข้านั้นช่างเขลานักคงต้องหาเวลามาให้ท่านหญิงผู้สูงศักดิ์สั่งสอนเสียบ้างแล้ว คำถามของท่านข้านั้นเข้าใจดารีลเป็นคนเช่นไรท่านย่อมรู้ดีกว่าข้า สำหรับเขาแล้วหากเอ่ยปากว่าจะไปก็คือไปจนสุด ต่อให้ข้างหน้ามีปากเหวขวางอยู่เขานั้นเคยฟังคำห้ามปรามเสียที่ไหน ท่านเป็นคนรักของเขาใยไม่หยุดเขาล่ะ ข้าเป็นคนนอกทำได้แค่แนะนำเท่านั้น ”
“ ข้าหยุดเขาไม่ได้ ”
พระนางกล่าวอย่างขมขื่น
“ ก็เลยหนีมาเสียอย่างนั้น ไม่เอาน่าท่านยังมีโอกาสอยู่ คิดดูให้ดีใครกันที่เขาไว้ใจใครกันที่ท่านสามารถเชื่อใจได้ ใครที่ท่านสมควรขอความช่วยเหลือ ”
สตรีชุดแดงว่า
“ ข้าไม่ได้หนี แต่ถูกพาตัวมาดารีลไม่ได้ปล่อยข้าให้เป็นอิสระ คนพวกนั้นได้รับคำสั่งให้ดูแลข้าอย่างดี ”
“ โอ้ ท่านหญิงเรื่องแค่นี้ท่านจัดการได้อยู่แล้ว ”
“ พวกเขาล้วนเป็นพลเมืองของข้า คงใช้ความรุนแรงไม่ได้ ”
“ ถ้าอย่างนั้นท่านหญิงคงต้องการสิ่งนี้ ”
สตรีนางนั้นล้วงถุงผ้าออกมา
พร้อมกับผ้าแพรสีขาวบางเบา
“ โยนมันเข้าไปในกองไฟ แต่ต้องมั่นใจว่าท่านได้ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกแล้ว เพียงเท่านี้ท่านก็เป็นอิสระ ”
เจ้าหญิงทรงรับของสองสิ่งนั้นมา
“ ข้าต้องจ่ายราคาด้วยสิ่งใดหรือ ”
สตรีแสนงามหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
“ ช่างเป็นโชคร้ายจริง ทั้งที่อยากช่วยเหลือผู้คนให้พ้นจากทุกข์ จิตใจอันบริสุทธิ์กลับถูกบิดเบือนด้วยพ่อมดน้อยแสนซนคนนั้น เขาเองที่คอยขอคำแนะจากข้าไม่เคยว่างเว้นแต่ก็เป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่คอยยุแยงผู้คนให้หวาดกลัวข้า ท่านหญิงข้ามีใจอยากช่วยเหลือท่านหวังเพียงท่านได้ทำตามใจปรารถนา เพียงเท่านั้นจริงๆ ส่วนราคาที่ต้องจ่ายก็คือผลจากการกระทำของท่าน ซึ่งท่านรู้ดีอยู่แล้วว่ากำลังทำสิ่งใดและจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ข้าไม่อาจก้าวก่ายได้เลย ”
“ เจ้ากำลังวางแผนอะไรกันแน่ ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าคาดคั้น
“ ข้าน่ะหรือ ไม่เลยข้าแค่ทำทุกอย่างเพื่อผู้ทุกข์โศกได้สมหวัง ”
นางตอบด้วยแววตาใสซื่อ
“ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าคิดร้าย ”
“ ท่านหญิง ”
สตรีชุดแดงกล่าวสวนขึ้น
“ แท้จริงแล้วข้ารักเขามากมายกว่าท่านนัก เรื่องคิดร้ายนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ท่านวางใจเถิดดารีลเองก็ทรงพลังอำนาจมากจนยากที่ใครจะทำอันตรายได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่จะทำลายเขานั่นคือตัวของเขาเอง ท่านอาจไม่เคยรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าดูแลหนุ่มน้อยคนนั้นมาตลอด ดูเอาเถิดแม้เขาจะเที่ยวกล่าวร้ายข้ามีสักครั้งเล่าที่ข้าคิดถือสา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วท่านยังกล่าวหาข้าอีกหรือ ”
“ คนที่เชื่อใจเจ้าคือคนที่ตายไปแล้ว ”
เจ้าหญิงบอกเสียงเย็น
“ แต่สุดที่รักของท่านเชื่อข้านะ ”
นางว่าพลางขยิบตา
“ เจ้าโกหก ”
“ ช่างเถอะ ข้าได้ให้ของจำเป็นแก่ท่านแล้ว ส่วนจะใช้ทำกิจอันใดก็สุดแล้วแต่ท่านจากนี้ขอทูลลา เพราะดูท่าอีกไม่นานท่านคงตะเพิดข้าแน่ ”
นางกล่าวเท่านั้นก็สลายไป
พร้อมกับไอหมอกสีดำที่จางหาย
และรุ่งอรุณได้มาเยือนอีกครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ