โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
142) หลับตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ ดารีลข้าคิดถึงเจ้า ”
ฟิโลโซเฟอร์กระซิบบอก
ท่ามกลางสายลมที่พลิ้วไหว
“ ข้าก็อยู่ตรงนี้ไง ”
หนุ่มน้อยตอบเสียงแผ่วเบา
“ แต่เพราะเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้านั้นห่างไกลออกไปเรื่อยๆ แท้จริงแล้วเจ้าพาข้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่ ”
“ ตามมาเองแท้ๆ ยังจะถามเอาเหตุผลกับข้าอีกหรือ พิลึกคนจริง ”
“ เจ้าลวงข้ามามิใช่หรือ ”
เด็กชายแย้ง
ดารีลส่ายหน้า
แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์นัก
เด็กน้อยตะแคงร่างไปทางเพื่อนรัก
ซึ่งขณะนี้กำลังเล่นกับยอดหญ้าอย่างใจลอย
ท่ามกลางความเงียบสงัด
ภายใต้แสงดาวมากมาย
และอากาศยามดึกที่หนาวเย็น
ทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่เงียบเหงา
กับความเศร้าแปลกๆ เหมือนเมื่อครั้งเดินทางออกจากซีนาร์ย
กลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้กลับไปอีก
กลัวสูญเสีย
กลัวความเปลี่ยนแปลง
“ ข้ารู้สึกเหมือนเจ้ากำลังเอ่ยคำลา ”
ฟิโลโซเฟอร์พูดขึ้น
เหมือนได้กลิ่นลางสังหรณ์ที่ร้ายกาจ
“ จะลาหรือไม่ สุดท้ายข้าก็ไปอยู่ดี ถึงเวลานั้นจริงข้าไม่มากพิธีหรอก ”
เด็กชายผุดขึ้นนั่ง
ด้วยร้อนใจเป็นอย่างมาก
“ เจ้าจะไปไหนข้าไปด้วยได้หรือเปล่า ”
“ ข้าเดินคนเดียวทั้งในที่มืดและที่สว่าง อยู่ให้ห่างข้าเถิดถ้ายังไม่อยากอายุสั้น ต่อให้เจ้าวิ่งก็ไม่มีทางตามทัน เราเหมือนอยู่คนละโลกมาตั้งแต่แรกเริ่ม แค่บังเอิญมาพบกันในช่วงเวลาสั้นๆ เดินตามทางของเจ้าต่อไปเถิด เส้นทางของข้าเจ้าไม่สมควรได้เห็น ”
“ อย่าจากไปเลยนะข้าไม่อยากสูญเสีย ”
ฟิโลโซเฟอร์อ้อนวอน
“ การพบและพลัดพรากนั้นเป็นของคู่กัน เจ้าจะกังวลไปใย ไม่จากเป็นก็จากตาย เป็นธรรมดาของชีวิต ”
คนอายุมากกว่าสอน
เขายิ้มจางๆ มันเป็นรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความเศร้า
“ มีข่าวลือเกี่ยวกับเจ้ามากมาย เห็นได้ชัดว่าเรื่องหนึ่งจริง เจ้ามันเลือดเย็น ”
เด็กชายขึ้นเสียง
ดารีลทำเฉยต่อคำปรามาสนั้น
“ คงไม่ใช่พรุ่งนี้นะ ”
ฟิโลโซเฟอร์เอ่ยถาม
“ ที่เจ้าจะหายตัวไป ”
“ ข้านิยมไปโดยไม่ลา ขี้เกียจฟังคำรำพัน โดยเฉพาะจากคนไร้สติเช่นเจ้า วันนี้แค่อยากนอนนอกกำแพงเมืองโอรีเวีย เจ้าเพ้อเจ้อไปถึงไหนกัน ”
เด็กชายจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
แต่สายตายังไม่หนีจากจุดเดิม
“ เจ้าโกหก เจ้ามีแผนแน่ๆ ใยเจ้าไม่บอกข้าแท้จริงเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ”
“ คนจับโกหกข้าได้มีเพียงเบรนทรัส ที่ปรึกษาหนึ่งเดียวของจอมเวทวาลาน เจ้าเป็นใครกัน ”
ดารีลว่า
“ ข้าเป็นห่วงเจ้า ไม่เข้าใจหรืออย่างไร เหตุใดจึงมีเรื่องลับกับข้าได้ ”
เด็กชายท้วง
“ เจ้ามีคนมากมายให้ห่วงกังวล ส่วนข้าดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องมาห่วงหรอก ”
คำพูดนี้จริงไม่น้อย
เด็กชายจึงได้เงียบเสียง
เขากำลังคิดว่าดารีลนั้นห่วงใครมากที่สุด
พลันภาพเจ้าหญิงลูเซียน่าก็ปรากฏขึ้นในหัว
“ เจ้าเคยหลับนอนกับสตรีหรือไม่ ”
ฟิโลโซเฟอร์เอ่ยขึ้น
“ ข้าไม่หลับนอนกับผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วยหรอกนะ และเจ้าอย่าเที่ยวเอาความสงสัยแบบนี้ถามใครไปทั่วล่ะ โดยเฉพาะกับสตรีมันไม่สุภาพ ”
ดารีลตอบโดยไม่ขัดเขิน
เขาเริ่มชินชากับความทะเล้นของเด็กดื้อคนนี้แล้ว
“ ข้าไว้ใจเจ้าที่สุดเรื่องสำคัญมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่รู้ ”
ทันใดนั้นแสงจันทร์ก็มืดดับลง
เมื่อปีกขนาดใหญ่วาดผ่านไปบนท้องฟ้า
เด็กชายตัวน้อยตั้งท่าจะลุกขึ้น
แต่ถูกกดร่างแนบลงไปกับพื้นหญ้าเสียก่อน
“ เจ้าจะเอาอะไรไปสู้ เวลานี้ต้องซ่อนตัวต่างหากล่ะ ความมืดและพงหญ้าจะปกป้องเจ้าจากความหิวกระหายทั้งปวง เมื่อเจ้าเชื่อใจข้าทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น ”
เด็กชายพยักหน้า
รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ชิด
เป็นอารมณ์แปลกประหลาดที่เขาไม่เคยเข้าใจเลย
“ ดีแล้วเช่นนั้นหลับตาลง เจ้าจะปรอดภัยแม้อยู่ในเงื้อมมือของข้า ”
ดารีลกล่าว
เขาใช้ปลายนิ้วชี้แตะปลายจมูกเด็กน้อย
แผ่วเบาราวปีกผีเสื้อ
ฟิโลโซเฟอร์หลับตาลง
แล้วทุกอย่างก็ดำมืด
ไม่รู้สึกใดๆ เลย
ฟิโลโซเฟอร์กระซิบบอก
ท่ามกลางสายลมที่พลิ้วไหว
“ ข้าก็อยู่ตรงนี้ไง ”
หนุ่มน้อยตอบเสียงแผ่วเบา
“ แต่เพราะเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้านั้นห่างไกลออกไปเรื่อยๆ แท้จริงแล้วเจ้าพาข้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่ ”
“ ตามมาเองแท้ๆ ยังจะถามเอาเหตุผลกับข้าอีกหรือ พิลึกคนจริง ”
“ เจ้าลวงข้ามามิใช่หรือ ”
เด็กชายแย้ง
ดารีลส่ายหน้า
แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์นัก
เด็กน้อยตะแคงร่างไปทางเพื่อนรัก
ซึ่งขณะนี้กำลังเล่นกับยอดหญ้าอย่างใจลอย
ท่ามกลางความเงียบสงัด
ภายใต้แสงดาวมากมาย
และอากาศยามดึกที่หนาวเย็น
ทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่เงียบเหงา
กับความเศร้าแปลกๆ เหมือนเมื่อครั้งเดินทางออกจากซีนาร์ย
กลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้กลับไปอีก
กลัวสูญเสีย
กลัวความเปลี่ยนแปลง
“ ข้ารู้สึกเหมือนเจ้ากำลังเอ่ยคำลา ”
ฟิโลโซเฟอร์พูดขึ้น
เหมือนได้กลิ่นลางสังหรณ์ที่ร้ายกาจ
“ จะลาหรือไม่ สุดท้ายข้าก็ไปอยู่ดี ถึงเวลานั้นจริงข้าไม่มากพิธีหรอก ”
เด็กชายผุดขึ้นนั่ง
ด้วยร้อนใจเป็นอย่างมาก
“ เจ้าจะไปไหนข้าไปด้วยได้หรือเปล่า ”
“ ข้าเดินคนเดียวทั้งในที่มืดและที่สว่าง อยู่ให้ห่างข้าเถิดถ้ายังไม่อยากอายุสั้น ต่อให้เจ้าวิ่งก็ไม่มีทางตามทัน เราเหมือนอยู่คนละโลกมาตั้งแต่แรกเริ่ม แค่บังเอิญมาพบกันในช่วงเวลาสั้นๆ เดินตามทางของเจ้าต่อไปเถิด เส้นทางของข้าเจ้าไม่สมควรได้เห็น ”
“ อย่าจากไปเลยนะข้าไม่อยากสูญเสีย ”
ฟิโลโซเฟอร์อ้อนวอน
“ การพบและพลัดพรากนั้นเป็นของคู่กัน เจ้าจะกังวลไปใย ไม่จากเป็นก็จากตาย เป็นธรรมดาของชีวิต ”
คนอายุมากกว่าสอน
เขายิ้มจางๆ มันเป็นรอยยิ้มที่เจือไปด้วยความเศร้า
“ มีข่าวลือเกี่ยวกับเจ้ามากมาย เห็นได้ชัดว่าเรื่องหนึ่งจริง เจ้ามันเลือดเย็น ”
เด็กชายขึ้นเสียง
ดารีลทำเฉยต่อคำปรามาสนั้น
“ คงไม่ใช่พรุ่งนี้นะ ”
ฟิโลโซเฟอร์เอ่ยถาม
“ ที่เจ้าจะหายตัวไป ”
“ ข้านิยมไปโดยไม่ลา ขี้เกียจฟังคำรำพัน โดยเฉพาะจากคนไร้สติเช่นเจ้า วันนี้แค่อยากนอนนอกกำแพงเมืองโอรีเวีย เจ้าเพ้อเจ้อไปถึงไหนกัน ”
เด็กชายจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
แต่สายตายังไม่หนีจากจุดเดิม
“ เจ้าโกหก เจ้ามีแผนแน่ๆ ใยเจ้าไม่บอกข้าแท้จริงเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ”
“ คนจับโกหกข้าได้มีเพียงเบรนทรัส ที่ปรึกษาหนึ่งเดียวของจอมเวทวาลาน เจ้าเป็นใครกัน ”
ดารีลว่า
“ ข้าเป็นห่วงเจ้า ไม่เข้าใจหรืออย่างไร เหตุใดจึงมีเรื่องลับกับข้าได้ ”
เด็กชายท้วง
“ เจ้ามีคนมากมายให้ห่วงกังวล ส่วนข้าดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องมาห่วงหรอก ”
คำพูดนี้จริงไม่น้อย
เด็กชายจึงได้เงียบเสียง
เขากำลังคิดว่าดารีลนั้นห่วงใครมากที่สุด
พลันภาพเจ้าหญิงลูเซียน่าก็ปรากฏขึ้นในหัว
“ เจ้าเคยหลับนอนกับสตรีหรือไม่ ”
ฟิโลโซเฟอร์เอ่ยขึ้น
“ ข้าไม่หลับนอนกับผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วยหรอกนะ และเจ้าอย่าเที่ยวเอาความสงสัยแบบนี้ถามใครไปทั่วล่ะ โดยเฉพาะกับสตรีมันไม่สุภาพ ”
ดารีลตอบโดยไม่ขัดเขิน
เขาเริ่มชินชากับความทะเล้นของเด็กดื้อคนนี้แล้ว
“ ข้าไว้ใจเจ้าที่สุดเรื่องสำคัญมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่รู้ ”
ทันใดนั้นแสงจันทร์ก็มืดดับลง
เมื่อปีกขนาดใหญ่วาดผ่านไปบนท้องฟ้า
เด็กชายตัวน้อยตั้งท่าจะลุกขึ้น
แต่ถูกกดร่างแนบลงไปกับพื้นหญ้าเสียก่อน
“ เจ้าจะเอาอะไรไปสู้ เวลานี้ต้องซ่อนตัวต่างหากล่ะ ความมืดและพงหญ้าจะปกป้องเจ้าจากความหิวกระหายทั้งปวง เมื่อเจ้าเชื่อใจข้าทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น ”
เด็กชายพยักหน้า
รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ชิด
เป็นอารมณ์แปลกประหลาดที่เขาไม่เคยเข้าใจเลย
“ ดีแล้วเช่นนั้นหลับตาลง เจ้าจะปรอดภัยแม้อยู่ในเงื้อมมือของข้า ”
ดารีลกล่าว
เขาใช้ปลายนิ้วชี้แตะปลายจมูกเด็กน้อย
แผ่วเบาราวปีกผีเสื้อ
ฟิโลโซเฟอร์หลับตาลง
แล้วทุกอย่างก็ดำมืด
ไม่รู้สึกใดๆ เลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ