โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.84K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
140) ปลายทางของเจ้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเด็กชายตัวน้อยได้เล่าถึงเมืองซีนาร์ยอันเป็นบ้านเกิดของเขา ว่าที่แห่งนั้นเคยสงบสุขและสวยงามเพียงใด ชีวิตของเขาเคยเป็นอย่างไร ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น
ส่วนพ่อมดน้อยนั้นคอยรับฟังอยู่เงียบๆ โดยไม่ไถ่ถามหรือออกความคิดเห็นใดๆ สายตาคู่นั้นจดจ้องไปยังดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า
“ ซีนาร์ยในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างนะ ข้าคิดถึงเหลือเกิน มีความทรงจำมากมายที่นั่น เมื่อข้าย้อนกลับไปอีกครั้งมันจะยังคงเหมือนเดิมหรือเปล่า ท่านดีมีนไม่เคยเล่าเรื่องทางนั้นให้ฟังเลยข้าเองก็ไม่กล้าถาม กลัวจะได้ยินอะไรที่ทำให้ต้องเศร้าโศก ”
ฟิโลโซเฟอร์รำพึง
“ สรรพสิ่งล้วนเติบใหญ่ แก่ชราและสูญสลาย ไม่มีสิ่งใดคงทนแม้แต่ใจคนเองก็ตาม พ่อมดดีมีนของเจ้าไม่ได้รับภารกิจในเมืองซีนาร์ย ผู้ใช้เวทมนตร์ในสภาก็ไม่มีใครเดินทางไปที่นั่น และคงไม่มีผู้ใดได้ไปเว้นแต่ข้าจะอาสาไปเอง ”
พ่อมดน้อยว่า
“ เจ้าเองก็คิดถึงบ้านเหมือนกันมิใช่หรือ ”
เด็กชายถาม
ดารีลไม่ตอบ
แต่แววตาของเขานั้นสุดอ้างว้าง
“ แล้วมีแผนอะไรบ้างหลังจากวันนี้ ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามเมื่อเห็นคู่สนทนาเงียบไปนาน
“ ข้าจะไม่วางแผนใดๆ ทั้งนั้น ”
ดารีลว่า
“ ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดหนีไปจากโอรีเวีย แต่เพราะการปรากฏตัวของเจ้าพร้อมกับดาบเส็งเคร็งนั่น ทำแผนของข้าต้องพังพินาศ ข้าเลยเบื่อที่จะวางแผนอีกต่อไป ”
“ เช่นนั้นเจ้าคงต้องยอมรับแล้วว่าเจ้าทิ้งข้าไม่ลงแน่ ”
เด็กน้อยแกล้งแหย่เข้าให้
แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มเย็น
“ ก็ลองกวนโมโหข้าบ่อยๆ สิ อันที่จริงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ข้านานนักหรอก พริบตาเดียวก็ตายได้แล้ว ”
“ กี่คนแล้วที่ตายด้วยน้ำมือของเจ้า ”
คำถามนี้ทำเอาหนุ่มน้อยเครียดขรึม
จนฟิโลโซเฟอร์กังวลว่าได้ถามอะไรที่ไม่ควรหรือไม่
แต่แล้วดารีลก็ยกมือขึ้น
นับนิ้ววนไปวนมา
เด็กชายตัวน้อยคว้ามือของเขาไว้
แล้วว่า
“ พอเถอะ เจ้าแกล้งนี่นา ”
“ เจ้าให้ราคาข้าต่ำไป นี่คือมือหนึ่งของหน่วยลอบสังหารเลยนะ ไม่มีใครเตือนเจ้าหรืออย่างไร ”
“ ก็มีบ้าง ”
เด็กชายยอมรับ
“ แต่เจ้าไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นหรอก ”
“ สักวันเจ้าจะรู้และเสียใจเพราะเรื่องนี้ ”
“ แล้วถ้าเกิดเป้าหมายของคำสั่งคือข้าเจ้าจะทำอย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ คำถามนี้ไม่ยาก ข้าที่ไม่เคยทำงานพลาดแม้สักครั้ง จะยอมเสียชื่อได้หรือ แต่อย่าห่วงเลยข้าไม่ทำให้เจ้าเจ็บตัวหรือต้องอยู่ในอารมณ์หวาดกลัวหรอก เพื่อเจ้าแล้วข้าจะระมัดระวังเป็นพิเศษ ”
ดารีลตอบหน้าตาเฉย
“ เจ้ากล้าหรือ ”
เด็กชายกระแทกเสียง
แล้วกำเศษหญ้าปาเข้าใส่
“ เด็กพาล ”
หนุ่มน้อยตำหนิ
พลางยกมือขึ้นกันความวุ่นวายนั้น
“ ดารีล หากเจ้าตายแล้วจุดหมายปลายทางของเจ้าคือที่ใด ”
คนถูกถามนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง
“ ผู้ใช้มนต์ขาวมีเชื้อสายของเหล่าเทพสุดทางของพวกเขาส่วนใหญ่แล้วคือสวรรค์ ส่วนผู้ใช้มนต์ดำนั้นมีรากฐานมาจากซาตานปลายทางเดียวก็คือนรก เว้นแต่บางคนที่ปล่อยให้วิญญาณท่องไปบนโลกเดิม ”
“ อย่างเช่นสตรีชุดแดงอย่างนั้นหรือ แต่เจ้าพูดเหมือนกับว่าผู้ใช้มนต์ขาวอาจไม่ได้ไปสวรรค์กันทุกคน เหตุใดกันล่ะ ”
เด็กชายสงสัย
“ แดนสวรรค์นั้นใจคับแคบนัก หากจิตมีมลทินก็ไปที่นั่นไม่ได้ ต่างจากนรกที่เปิดกว้างรอต้อนรับทุกคน ผู้ใช้มนต์ขาวแค่ใกล้ชิดกับผู้ใช้มนต์ดำก็ผิดหนักหนาแล้ว ”
“ แล้วข้าล่ะ ”
“ มนุษย์นั้นแตกต่างจากผู้ใช้เวทมนตร์ที่ปลายทางถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด หากเจ้าเป็นคนดีพอสวรรค์ก็พร้อมต้อนรับเจ้า เว้นแต่เจ้าอยากลงนรก ”
คนอายุมากกว่าบอก
“ เช่นนั้นข้าจะเป็นคนดีให้มากๆ เพื่อไปสวรรค์กับเจ้าให้ได้ ”
ดารีลหัวเราะ
ดวงตามีประกายลึกลับ
“ ข้านั้นนอกรีตไม่พอยังนอกคอกอีกด้วย อะไรทำให้คิดว่าข้าจะไปทางนั้น ”
“ แต่เจ้าก็เป็นคนดีนี่นาสวรรค์คงไม่ใจร้ายขนาดนั้น ”
หนุ่มน้อยนั้นส่ายหน้า
แต่ไม่ได้มีแววขมขื่นเจือในกิริยานั้นเลย
“ ล้อเล่นใช่ไหม เจ้ากำลังจะบอกว่าสุดทางของเจ้าคือนรก ”
ฟิโลโซเฟอร์ตกใจ
“ จนกว่าวันนั้นจะมาถึง ข้ายังให้คำตอบไม่ได้ คนตัดสินเป็นผู้อื่น ”
เด็กชายตัวน้อยจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง
“ เป็นเพราะนางใช่ไหม สตรีชุดแดงนางเป็นปีศาจ เจ้าใกล้ชิดกับนางมากเดินไปหรืออย่างไร ”
“ เรื่องนี้โทษใครไม่ได้หรอก ในตอนนี้นรกหรือสวรรค์หาใช่เรื่องที่ข้าใส่ใจไม่ อนาคตอันใกล้ต่างหากล่ะที่ควรกังวล มีขวากหนามมากมายที่ยังหาทางฝ่าไปไม่ได้ เรื่องหลังความตายยังมีเวลาให้คิดพอสมควร แทนที่จะมาห่วงชีวิตของข้าเจ้าคิดถึงตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ”
“ ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ”
เด็กชายว่า
“ แค่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะตามเจ้าทัน เพื่อเวลานั้นมาถึงเราจะได้ไม่พลัดหลง ”
ส่วนพ่อมดน้อยนั้นคอยรับฟังอยู่เงียบๆ โดยไม่ไถ่ถามหรือออกความคิดเห็นใดๆ สายตาคู่นั้นจดจ้องไปยังดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า
“ ซีนาร์ยในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างนะ ข้าคิดถึงเหลือเกิน มีความทรงจำมากมายที่นั่น เมื่อข้าย้อนกลับไปอีกครั้งมันจะยังคงเหมือนเดิมหรือเปล่า ท่านดีมีนไม่เคยเล่าเรื่องทางนั้นให้ฟังเลยข้าเองก็ไม่กล้าถาม กลัวจะได้ยินอะไรที่ทำให้ต้องเศร้าโศก ”
ฟิโลโซเฟอร์รำพึง
“ สรรพสิ่งล้วนเติบใหญ่ แก่ชราและสูญสลาย ไม่มีสิ่งใดคงทนแม้แต่ใจคนเองก็ตาม พ่อมดดีมีนของเจ้าไม่ได้รับภารกิจในเมืองซีนาร์ย ผู้ใช้เวทมนตร์ในสภาก็ไม่มีใครเดินทางไปที่นั่น และคงไม่มีผู้ใดได้ไปเว้นแต่ข้าจะอาสาไปเอง ”
พ่อมดน้อยว่า
“ เจ้าเองก็คิดถึงบ้านเหมือนกันมิใช่หรือ ”
เด็กชายถาม
ดารีลไม่ตอบ
แต่แววตาของเขานั้นสุดอ้างว้าง
“ แล้วมีแผนอะไรบ้างหลังจากวันนี้ ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามเมื่อเห็นคู่สนทนาเงียบไปนาน
“ ข้าจะไม่วางแผนใดๆ ทั้งนั้น ”
ดารีลว่า
“ ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดหนีไปจากโอรีเวีย แต่เพราะการปรากฏตัวของเจ้าพร้อมกับดาบเส็งเคร็งนั่น ทำแผนของข้าต้องพังพินาศ ข้าเลยเบื่อที่จะวางแผนอีกต่อไป ”
“ เช่นนั้นเจ้าคงต้องยอมรับแล้วว่าเจ้าทิ้งข้าไม่ลงแน่ ”
เด็กน้อยแกล้งแหย่เข้าให้
แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มเย็น
“ ก็ลองกวนโมโหข้าบ่อยๆ สิ อันที่จริงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ข้านานนักหรอก พริบตาเดียวก็ตายได้แล้ว ”
“ กี่คนแล้วที่ตายด้วยน้ำมือของเจ้า ”
คำถามนี้ทำเอาหนุ่มน้อยเครียดขรึม
จนฟิโลโซเฟอร์กังวลว่าได้ถามอะไรที่ไม่ควรหรือไม่
แต่แล้วดารีลก็ยกมือขึ้น
นับนิ้ววนไปวนมา
เด็กชายตัวน้อยคว้ามือของเขาไว้
แล้วว่า
“ พอเถอะ เจ้าแกล้งนี่นา ”
“ เจ้าให้ราคาข้าต่ำไป นี่คือมือหนึ่งของหน่วยลอบสังหารเลยนะ ไม่มีใครเตือนเจ้าหรืออย่างไร ”
“ ก็มีบ้าง ”
เด็กชายยอมรับ
“ แต่เจ้าไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นหรอก ”
“ สักวันเจ้าจะรู้และเสียใจเพราะเรื่องนี้ ”
“ แล้วถ้าเกิดเป้าหมายของคำสั่งคือข้าเจ้าจะทำอย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ คำถามนี้ไม่ยาก ข้าที่ไม่เคยทำงานพลาดแม้สักครั้ง จะยอมเสียชื่อได้หรือ แต่อย่าห่วงเลยข้าไม่ทำให้เจ้าเจ็บตัวหรือต้องอยู่ในอารมณ์หวาดกลัวหรอก เพื่อเจ้าแล้วข้าจะระมัดระวังเป็นพิเศษ ”
ดารีลตอบหน้าตาเฉย
“ เจ้ากล้าหรือ ”
เด็กชายกระแทกเสียง
แล้วกำเศษหญ้าปาเข้าใส่
“ เด็กพาล ”
หนุ่มน้อยตำหนิ
พลางยกมือขึ้นกันความวุ่นวายนั้น
“ ดารีล หากเจ้าตายแล้วจุดหมายปลายทางของเจ้าคือที่ใด ”
คนถูกถามนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง
“ ผู้ใช้มนต์ขาวมีเชื้อสายของเหล่าเทพสุดทางของพวกเขาส่วนใหญ่แล้วคือสวรรค์ ส่วนผู้ใช้มนต์ดำนั้นมีรากฐานมาจากซาตานปลายทางเดียวก็คือนรก เว้นแต่บางคนที่ปล่อยให้วิญญาณท่องไปบนโลกเดิม ”
“ อย่างเช่นสตรีชุดแดงอย่างนั้นหรือ แต่เจ้าพูดเหมือนกับว่าผู้ใช้มนต์ขาวอาจไม่ได้ไปสวรรค์กันทุกคน เหตุใดกันล่ะ ”
เด็กชายสงสัย
“ แดนสวรรค์นั้นใจคับแคบนัก หากจิตมีมลทินก็ไปที่นั่นไม่ได้ ต่างจากนรกที่เปิดกว้างรอต้อนรับทุกคน ผู้ใช้มนต์ขาวแค่ใกล้ชิดกับผู้ใช้มนต์ดำก็ผิดหนักหนาแล้ว ”
“ แล้วข้าล่ะ ”
“ มนุษย์นั้นแตกต่างจากผู้ใช้เวทมนตร์ที่ปลายทางถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด หากเจ้าเป็นคนดีพอสวรรค์ก็พร้อมต้อนรับเจ้า เว้นแต่เจ้าอยากลงนรก ”
คนอายุมากกว่าบอก
“ เช่นนั้นข้าจะเป็นคนดีให้มากๆ เพื่อไปสวรรค์กับเจ้าให้ได้ ”
ดารีลหัวเราะ
ดวงตามีประกายลึกลับ
“ ข้านั้นนอกรีตไม่พอยังนอกคอกอีกด้วย อะไรทำให้คิดว่าข้าจะไปทางนั้น ”
“ แต่เจ้าก็เป็นคนดีนี่นาสวรรค์คงไม่ใจร้ายขนาดนั้น ”
หนุ่มน้อยนั้นส่ายหน้า
แต่ไม่ได้มีแววขมขื่นเจือในกิริยานั้นเลย
“ ล้อเล่นใช่ไหม เจ้ากำลังจะบอกว่าสุดทางของเจ้าคือนรก ”
ฟิโลโซเฟอร์ตกใจ
“ จนกว่าวันนั้นจะมาถึง ข้ายังให้คำตอบไม่ได้ คนตัดสินเป็นผู้อื่น ”
เด็กชายตัวน้อยจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง
“ เป็นเพราะนางใช่ไหม สตรีชุดแดงนางเป็นปีศาจ เจ้าใกล้ชิดกับนางมากเดินไปหรืออย่างไร ”
“ เรื่องนี้โทษใครไม่ได้หรอก ในตอนนี้นรกหรือสวรรค์หาใช่เรื่องที่ข้าใส่ใจไม่ อนาคตอันใกล้ต่างหากล่ะที่ควรกังวล มีขวากหนามมากมายที่ยังหาทางฝ่าไปไม่ได้ เรื่องหลังความตายยังมีเวลาให้คิดพอสมควร แทนที่จะมาห่วงชีวิตของข้าเจ้าคิดถึงตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ”
“ ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ”
เด็กชายว่า
“ แค่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะตามเจ้าทัน เพื่อเวลานั้นมาถึงเราจะได้ไม่พลัดหลง ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ