โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.67K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
130) ประตูที่ปิดอยู่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในเวลาเที่ยงของวันถัดมา เด็กน้อยทั้งหลายต่างทยอยเข้ามาที่โถงอาหาร ฟีไลร่าเลือกจองโต๊ะมุมเดิมทั้งที่มีที่ว่างมากมาย เยื้องๆ กับโต๊ะนั่งของพวกเขา ที่มุมสลัวมุมหนึ่งดารีลกำลังตั้งอกตั้งใจปอกเปลือกผลไม้ให้กับเจ้าหญิงลูเซียน่า พระนางนั้นเลือกเสวยเฉพาะสิ่งที่พ่อมดน้อยคนนี้หยิบยื่นให้ คนทั้งคู่อยู่ในอาการที่สงบราวกับวันนี้เป็นวันแสนสบายอีกวันหนึ่ง
เจ้าหญิงแสนสวยแห่งอันดอรีสดูวุ่นวายกับการชงชาไม่น้อย นั่นเป็นเพราะต้องการแสดงให้ชายคนรักได้เห็นว่าพระนางนั้นสามารถเพียงใด ส่วนดารีลเมื่อจัดการกับผลไม้เรียบร้อยแล้วก็กัดขนมปังปิ้งเพื่อรอดื่มชาในลำดับถัดไป
ยามที่คนทั้งคู่อยู่ด้วยกัน มันคือช่วงเวลาที่โลกนั้นสงบสุขและแสนหวาน ไร้ซึ่งความทุกข์และวิตกกังวลใด พวกเขาต่างใส่ใจซึ่งกันและกัน
เหมือนดังว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งอื่นอีกแล้ว
ฟิโลโซเฟอร์กินข้าวไปสายตาก็ชำเลืองไป ในใจก็คิดสงสัย เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างหรือเปล่า ดารีลที่ถูกอาจารย์โดเฮเกนเรียกตัวไปพบนั้นเป็นอย่างไรบ้างนะ คงไม่ได้ถูกทำโทษหรืออะไรหรอก เพราะหนุ่มน้อยคนนี้ไม่ได้มีท่าทีขัดเคืองแต่อย่างใดเลย
ในวิชาเรียนที่สองของยามบ่าย เด็กนักเรียนต่างทยอยกันเข้ามาในห้อง ดารีลนั้นยังนั่งหลังห้องเช่นเดิม เหตุการณ์เมื่อวานยังอยู่ในความสนใจ ทำให้เด็กๆ คอยลอบมองไปด้านหลังบ่อยๆ
แต่ดารีลกลับดูไม่เดือดร้อนอะไร เขาอ่านตำราและจดบันทึกเหมือนทุกครั้งที่อยู่ในเวลาว่าง เด็กชายชาวซีนาร์ยอยากถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่คิดว่าคงไม่ได้คำตอบดังต้องการ จึงเลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้อย่างนั้น
เวลาผ่านไป เหมือนทุกคนจะรู้สึกถึงความผิดปรกติ อาจารย์โดเฮเกนยังไม่เข้ามา ตามปรกติแล้วเขาไม่เคยล่าช้าถึงเพียงนี้ เด็กนักเรียนเริ่มคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ดารีลเองยังเงยหน้าขึ้นจากตำราคิ้วสีเข้มขมวดมุ่น เขาจ้องไปที่ประตูด้วยอารมณ์สงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย
หนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนชอบทำอะไรตามแบบแผน การมาผิดเวลาของโดเฮเกนจึงสามารถกวนใจเขาได้พอสมควรเลยทีเดียว
ในที่สุดฟิโซเฟอร์ก็หมดความอดทน เขาลุกไปนั่งข้างๆ พ่อมดน้อย
“ เจ้าคิดว่าอาจารย์โดเฮเกนป่วยหรือเปล่า ”
“ ถ้าเขาป่วย คนจากห้องพยาบาลต้องมาแจ้งพวกเรา อีกทั้งเมื่อวานก็ไม่เห็นเค้าลางว่าจะป่วยไข้อะไร ”
ดารีลตอบ
“ แล้วเหตุใดป่านนี้ยังไม่มา หรือติดธุระด่วน ”
ดารีลไม่ตอบคำถามนี้เขาหรี่ตามองประตู
สีหน้าขรึมลง
ในที่สุดเขาก็วางปากกาขนนกลงบนโต๊ะ
ด้วยความรุนแรงจนเกิดเสียงดังปึง
“ สงสัยข้าต้องไปตาม รออยู่ที่นี่นะ ”
ถึงจะบอกไปแบบนั้น
เด็กๆ ก็หาฟังไม่
พวกเขาแอบตามไปทั้งห้อง
เหมือนฝูงหนูน้อยย่องตามแมวดุ
ดารีลรู้ตัวว่าถูกติดตาม
แต่เขาเบื่อหน่ายเกินกว่าที่จะตะเพิดกลับไป
จึงปล่อยให้เด็กๆ หมอบๆ มุดๆ อยู่อย่างนั้น
ที่หน้าห้องพักของอาจารย์โดเฮเกน
มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่แล้วพร้อมกับอาจารย์เลวิช
ครูที่ปรึกษาห้องเรียนของฟิโลโซเฟอร์
เมื่อเห็นดารีลเดินเข้าไปหานางก็มีท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
นางก้าวถอยหลังสองมือก็อยู่ไม่เป็นที่
“ มีอะไรกันหรือเปล่า ”
หนุ่มน้อยถาม
เขาชี้มือไปที่ห้องของอาจารย์สลับกับกลุ่มเด็กนักเรียนกลุ่มนั้น
“ เด็กพวกนี้บอกว่าท่านโดเฮเกนไม่ไปที่ห้องเรียนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว พวกเขาเลยมาตาม ส่วนข้าน่ะผ่านมาพอดีเลยดูว่าเกิดอะไรขึ้น ”
นางตอบเสียงสั่น
สองข้างแก้มเริ่มปรากฏสีแดงเรื่อๆ
“ ลองเรียกดูหรือยัง ”
“ ข้าทั้งเรียกทั้งเคาะก็ไม่เป็นผล ”
นางว่า
ดารีลทำสัญญาณให้นางถอยออกไปก่อน
แล้วเดินตรงไปที่ประตู
“ ข้าลองเปิดดูแล้ว มันปิดล็อคจากด้านใน ”
อาจารย์เลวิชบอก
แต่ดารีลก็ไม่ได้สนใจ
เขาวางมือลงบนหน้าประตู
แหวนรูปงูของเขาส่องประกายขึ้น
สีหน้าของพ่อมดน้อยก็เปลี่ยนไปทันที
“ ไปบอกผู้คุมกฎคนใดคนหนึ่งว่าข้าต้องการให้ท่านจอมเวทวาลานมาที่นี่ ”
“ จอมเวทวาลาน ข้าจะไปเรียกท่านได้อย่างไร แม้จะเข้าพบยังเป็นไปไม่ได้ ”
นางตกใจ
“ แจ้งผู้คุมกฎตามที่ข้าบอกนั่นแหละ ข้าไม่ได้ให้ไปเองเสียหน่อย หรือจะให้ข้าไปตามท่านวาลาน แล้วปล่อยท่านเฝ้าประตูบานนี้เอาไว้ ”
เสียงของเขาเครียดขรึม
“ ในนี้มีปัญหาใหญ่อย่างนั้นหรือ ”
นางถาม
“ ข้าไม่รู้ แต่ท่านรีบไปเถอะก่อนที่จะสายเกินไป ”
อาจารย์เลวิชจึงได้แหวกนักเรียนออกไป
หลังจากนั้นดารีลก็หันไปทางกลุ่มเด็กนักเรียน
ที่ยืนออกันอยู่ตรงนั้น
ด้วยสายตาดุดัน
แต่เด็กๆ ก็ตื่นเต้นเกินกว่าจะคิดหนีไปไหน
เพราะได้เห็นผู้ใช้เวทมนตร์ในระยะใกล้
อีกทั้งมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นตรงหน้า
ความอยากรู้อยากเห็นย่อมมีมากเป็นธรรมดา
“ กลับไปได้แล้ว คิดว่านี่เป็นเวลาเดินชมนกชมไม้หรือไง เข้าห้องเรียนสายมีความผิดนะ ”
แม้เสียงของเขาจะเกรียวกราด
แต่ทำได้เพียงแค่ให้เด็กขยับถอยหลังไปเล็กน้อยเท่านั้น
“ ข้าเป็นหนึ่งในผู้คุมกฎแห่งปราสาทขาว กล้าล้อเล่นกับข้ารู้ไหมผลจะเป็นเช่นไร ”
เขาร่ายคาถา
โถงทางเดินก็เกิดลมปั่นป่วน
เด็กน้อยนักเรียนต่างวิ่งกระเจิงหายไป
เหลือเพียงกลุ่มของฟิโลโซเฟอร์ที่ยังหมอบอยู่
เมื่อลมสงบลง
เด็กชายชาวซีนาร์ยก็ลุกขึ้น
เขาเดินเข้าไปหาดารีลที่ยืนทำหน้าตึงอยู่
“ เรื่องนี้ข้าปล่อยให้เจ้าวุ่นวายไม่ได้หรอก ”
“ ข้างในมีอะไร ”
เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถาม
“ เมื่อรู้แล้วว่าคำตอบอยู่แค่เอื้อมข้าไม่มีทางเดาหรอก ข้างในนี้มีกลิ่นอายของมนต์ดำ อย่าห่วงเลยมันไม่รุนแรงพอที่จะเกิดค่ายกลปีศาจได้ แต่เมื่อลงทุนร่ายมนต์ในปราสาทขาวแล้วหากไม่หวังผลใดก็คงชอบกลอยู่ ดังนั้นข้าจะไม่เปิดประตู ข้างในอาจมีกับดักหรือไม่มีก็ตามแต่ นี่เป็นเหตุผลที่ข้าเชิญท่านวาลานมาเพราะข้าไม่มีทางเปิดประตูบานนี้ด้วยตัวเอง เรื่องนับจากนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าแล้วจงกลับไปเสีย ”
ดารีลกล่าว
“ เจ้าจะไม่เป็นอะไรจริงๆ นะ ”
เด็กชายตัวน้อยยังเป็นห่วง
“ เมื่อท่านวาลานมาถึงจะมีสิ่งใดต้องหวาดกลัวอีก หรือต่อให้มี ข้าก็หนีได้เร็วพอสมควร เว้นแต่มีเจ้าขวางทางอยู่นั่นแหละข้าจึงหนีไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วทั้งเจ้าและเพื่อนฝูงจงไปให้ห่างจากที่นี่ ”
ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่ยืนอึ้ง
เขามองเห็นเค้าลางดำมืดบางอย่าง
“ ไปเถอะ ด้านในไม่มีอะไรหรอก คนที่ก่อเรื่องนั้นฉลาดพอคงไม่อยู่รอต้อนรับสมาชิกสภาแห่งโอรีเวียแน่ ถ้าอย่างนั้นข้าเดาก็ได้ หากมันจะทำให้เจ้าสบายใจขึ้น ข้างในนี้คงมีจดหมายขู่หรือข้อความท้าทายอะไรบางอย่าง ไม่มีใครถืออาวุธรออยู่หรอก และกลิ่นมนต์ดำก็บางเบามากจนไม่เป็นอันตราย แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่คิดจะเปิดประตู เห็นหรือยังว่าข้ารอบคอบพอเพราะฉะนั้นจงไปเสีย ประเดี๋ยวท่านวาลานก็มาแล้วเจ้ายืนบื้ออยู่ตรงนี้ไม่ได้มันไม่ถูกต้องเข้าใจไหม เขาไม่ใช่ผู้ที่คนทั่วไปจะเข้าใกล้ได้ ”
เด็กชายตัวน้อยยังนิ่งงัน
เขานั้นหวาดกลัวอย่างประหลาด
บางสิ่งบางอย่างได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
และดารีลคงถูกหมายตาไว้ตั้งแต่แรก
คำปลอบโยนของดารีลไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย
แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
แม้จะถูกเพื่อนๆ ลากตัวออกไป
เขาก็ยังขัดขืนไม่ได้
เจ้าหญิงแสนสวยแห่งอันดอรีสดูวุ่นวายกับการชงชาไม่น้อย นั่นเป็นเพราะต้องการแสดงให้ชายคนรักได้เห็นว่าพระนางนั้นสามารถเพียงใด ส่วนดารีลเมื่อจัดการกับผลไม้เรียบร้อยแล้วก็กัดขนมปังปิ้งเพื่อรอดื่มชาในลำดับถัดไป
ยามที่คนทั้งคู่อยู่ด้วยกัน มันคือช่วงเวลาที่โลกนั้นสงบสุขและแสนหวาน ไร้ซึ่งความทุกข์และวิตกกังวลใด พวกเขาต่างใส่ใจซึ่งกันและกัน
เหมือนดังว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งอื่นอีกแล้ว
ฟิโลโซเฟอร์กินข้าวไปสายตาก็ชำเลืองไป ในใจก็คิดสงสัย เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างหรือเปล่า ดารีลที่ถูกอาจารย์โดเฮเกนเรียกตัวไปพบนั้นเป็นอย่างไรบ้างนะ คงไม่ได้ถูกทำโทษหรืออะไรหรอก เพราะหนุ่มน้อยคนนี้ไม่ได้มีท่าทีขัดเคืองแต่อย่างใดเลย
ในวิชาเรียนที่สองของยามบ่าย เด็กนักเรียนต่างทยอยกันเข้ามาในห้อง ดารีลนั้นยังนั่งหลังห้องเช่นเดิม เหตุการณ์เมื่อวานยังอยู่ในความสนใจ ทำให้เด็กๆ คอยลอบมองไปด้านหลังบ่อยๆ
แต่ดารีลกลับดูไม่เดือดร้อนอะไร เขาอ่านตำราและจดบันทึกเหมือนทุกครั้งที่อยู่ในเวลาว่าง เด็กชายชาวซีนาร์ยอยากถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่คิดว่าคงไม่ได้คำตอบดังต้องการ จึงเลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้อย่างนั้น
เวลาผ่านไป เหมือนทุกคนจะรู้สึกถึงความผิดปรกติ อาจารย์โดเฮเกนยังไม่เข้ามา ตามปรกติแล้วเขาไม่เคยล่าช้าถึงเพียงนี้ เด็กนักเรียนเริ่มคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ดารีลเองยังเงยหน้าขึ้นจากตำราคิ้วสีเข้มขมวดมุ่น เขาจ้องไปที่ประตูด้วยอารมณ์สงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย
หนุ่มน้อยคนนี้เป็นคนชอบทำอะไรตามแบบแผน การมาผิดเวลาของโดเฮเกนจึงสามารถกวนใจเขาได้พอสมควรเลยทีเดียว
ในที่สุดฟิโซเฟอร์ก็หมดความอดทน เขาลุกไปนั่งข้างๆ พ่อมดน้อย
“ เจ้าคิดว่าอาจารย์โดเฮเกนป่วยหรือเปล่า ”
“ ถ้าเขาป่วย คนจากห้องพยาบาลต้องมาแจ้งพวกเรา อีกทั้งเมื่อวานก็ไม่เห็นเค้าลางว่าจะป่วยไข้อะไร ”
ดารีลตอบ
“ แล้วเหตุใดป่านนี้ยังไม่มา หรือติดธุระด่วน ”
ดารีลไม่ตอบคำถามนี้เขาหรี่ตามองประตู
สีหน้าขรึมลง
ในที่สุดเขาก็วางปากกาขนนกลงบนโต๊ะ
ด้วยความรุนแรงจนเกิดเสียงดังปึง
“ สงสัยข้าต้องไปตาม รออยู่ที่นี่นะ ”
ถึงจะบอกไปแบบนั้น
เด็กๆ ก็หาฟังไม่
พวกเขาแอบตามไปทั้งห้อง
เหมือนฝูงหนูน้อยย่องตามแมวดุ
ดารีลรู้ตัวว่าถูกติดตาม
แต่เขาเบื่อหน่ายเกินกว่าที่จะตะเพิดกลับไป
จึงปล่อยให้เด็กๆ หมอบๆ มุดๆ อยู่อย่างนั้น
ที่หน้าห้องพักของอาจารย์โดเฮเกน
มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่แล้วพร้อมกับอาจารย์เลวิช
ครูที่ปรึกษาห้องเรียนของฟิโลโซเฟอร์
เมื่อเห็นดารีลเดินเข้าไปหานางก็มีท่าทีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
นางก้าวถอยหลังสองมือก็อยู่ไม่เป็นที่
“ มีอะไรกันหรือเปล่า ”
หนุ่มน้อยถาม
เขาชี้มือไปที่ห้องของอาจารย์สลับกับกลุ่มเด็กนักเรียนกลุ่มนั้น
“ เด็กพวกนี้บอกว่าท่านโดเฮเกนไม่ไปที่ห้องเรียนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว พวกเขาเลยมาตาม ส่วนข้าน่ะผ่านมาพอดีเลยดูว่าเกิดอะไรขึ้น ”
นางตอบเสียงสั่น
สองข้างแก้มเริ่มปรากฏสีแดงเรื่อๆ
“ ลองเรียกดูหรือยัง ”
“ ข้าทั้งเรียกทั้งเคาะก็ไม่เป็นผล ”
นางว่า
ดารีลทำสัญญาณให้นางถอยออกไปก่อน
แล้วเดินตรงไปที่ประตู
“ ข้าลองเปิดดูแล้ว มันปิดล็อคจากด้านใน ”
อาจารย์เลวิชบอก
แต่ดารีลก็ไม่ได้สนใจ
เขาวางมือลงบนหน้าประตู
แหวนรูปงูของเขาส่องประกายขึ้น
สีหน้าของพ่อมดน้อยก็เปลี่ยนไปทันที
“ ไปบอกผู้คุมกฎคนใดคนหนึ่งว่าข้าต้องการให้ท่านจอมเวทวาลานมาที่นี่ ”
“ จอมเวทวาลาน ข้าจะไปเรียกท่านได้อย่างไร แม้จะเข้าพบยังเป็นไปไม่ได้ ”
นางตกใจ
“ แจ้งผู้คุมกฎตามที่ข้าบอกนั่นแหละ ข้าไม่ได้ให้ไปเองเสียหน่อย หรือจะให้ข้าไปตามท่านวาลาน แล้วปล่อยท่านเฝ้าประตูบานนี้เอาไว้ ”
เสียงของเขาเครียดขรึม
“ ในนี้มีปัญหาใหญ่อย่างนั้นหรือ ”
นางถาม
“ ข้าไม่รู้ แต่ท่านรีบไปเถอะก่อนที่จะสายเกินไป ”
อาจารย์เลวิชจึงได้แหวกนักเรียนออกไป
หลังจากนั้นดารีลก็หันไปทางกลุ่มเด็กนักเรียน
ที่ยืนออกันอยู่ตรงนั้น
ด้วยสายตาดุดัน
แต่เด็กๆ ก็ตื่นเต้นเกินกว่าจะคิดหนีไปไหน
เพราะได้เห็นผู้ใช้เวทมนตร์ในระยะใกล้
อีกทั้งมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นตรงหน้า
ความอยากรู้อยากเห็นย่อมมีมากเป็นธรรมดา
“ กลับไปได้แล้ว คิดว่านี่เป็นเวลาเดินชมนกชมไม้หรือไง เข้าห้องเรียนสายมีความผิดนะ ”
แม้เสียงของเขาจะเกรียวกราด
แต่ทำได้เพียงแค่ให้เด็กขยับถอยหลังไปเล็กน้อยเท่านั้น
“ ข้าเป็นหนึ่งในผู้คุมกฎแห่งปราสาทขาว กล้าล้อเล่นกับข้ารู้ไหมผลจะเป็นเช่นไร ”
เขาร่ายคาถา
โถงทางเดินก็เกิดลมปั่นป่วน
เด็กน้อยนักเรียนต่างวิ่งกระเจิงหายไป
เหลือเพียงกลุ่มของฟิโลโซเฟอร์ที่ยังหมอบอยู่
เมื่อลมสงบลง
เด็กชายชาวซีนาร์ยก็ลุกขึ้น
เขาเดินเข้าไปหาดารีลที่ยืนทำหน้าตึงอยู่
“ เรื่องนี้ข้าปล่อยให้เจ้าวุ่นวายไม่ได้หรอก ”
“ ข้างในมีอะไร ”
เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถาม
“ เมื่อรู้แล้วว่าคำตอบอยู่แค่เอื้อมข้าไม่มีทางเดาหรอก ข้างในนี้มีกลิ่นอายของมนต์ดำ อย่าห่วงเลยมันไม่รุนแรงพอที่จะเกิดค่ายกลปีศาจได้ แต่เมื่อลงทุนร่ายมนต์ในปราสาทขาวแล้วหากไม่หวังผลใดก็คงชอบกลอยู่ ดังนั้นข้าจะไม่เปิดประตู ข้างในอาจมีกับดักหรือไม่มีก็ตามแต่ นี่เป็นเหตุผลที่ข้าเชิญท่านวาลานมาเพราะข้าไม่มีทางเปิดประตูบานนี้ด้วยตัวเอง เรื่องนับจากนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าแล้วจงกลับไปเสีย ”
ดารีลกล่าว
“ เจ้าจะไม่เป็นอะไรจริงๆ นะ ”
เด็กชายตัวน้อยยังเป็นห่วง
“ เมื่อท่านวาลานมาถึงจะมีสิ่งใดต้องหวาดกลัวอีก หรือต่อให้มี ข้าก็หนีได้เร็วพอสมควร เว้นแต่มีเจ้าขวางทางอยู่นั่นแหละข้าจึงหนีไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วทั้งเจ้าและเพื่อนฝูงจงไปให้ห่างจากที่นี่ ”
ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่ยืนอึ้ง
เขามองเห็นเค้าลางดำมืดบางอย่าง
“ ไปเถอะ ด้านในไม่มีอะไรหรอก คนที่ก่อเรื่องนั้นฉลาดพอคงไม่อยู่รอต้อนรับสมาชิกสภาแห่งโอรีเวียแน่ ถ้าอย่างนั้นข้าเดาก็ได้ หากมันจะทำให้เจ้าสบายใจขึ้น ข้างในนี้คงมีจดหมายขู่หรือข้อความท้าทายอะไรบางอย่าง ไม่มีใครถืออาวุธรออยู่หรอก และกลิ่นมนต์ดำก็บางเบามากจนไม่เป็นอันตราย แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่คิดจะเปิดประตู เห็นหรือยังว่าข้ารอบคอบพอเพราะฉะนั้นจงไปเสีย ประเดี๋ยวท่านวาลานก็มาแล้วเจ้ายืนบื้ออยู่ตรงนี้ไม่ได้มันไม่ถูกต้องเข้าใจไหม เขาไม่ใช่ผู้ที่คนทั่วไปจะเข้าใกล้ได้ ”
เด็กชายตัวน้อยยังนิ่งงัน
เขานั้นหวาดกลัวอย่างประหลาด
บางสิ่งบางอย่างได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
และดารีลคงถูกหมายตาไว้ตั้งแต่แรก
คำปลอบโยนของดารีลไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย
แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
แม้จะถูกเพื่อนๆ ลากตัวออกไป
เขาก็ยังขัดขืนไม่ได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ