โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  115.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

120) อย่าสู้กันเองสิ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ในคืนที่ยาวนาน   เด็กๆ ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว   ความช่วยเหลือไม่อาจมาถึงได้   เพราะปราสาทขาวนั้นถูกความมืดเข้าครอบงำเสียแล้ว
 
แต่ด้วยสายเลือดนักรบที่เข้มข้น   แม้มีอันตรายอยู่ตรงหน้าทั้งหมดก็พร้อมพุ่งเข้าใส่   เด็กทั้งหลายถืออาวุธมั่นในมือ   สายตาไม่ได้ละไปจากประตูบานนั้นเลย
 
เสียงปริแตกดังลากยาว   เมื่อประตูบานหนาถูกฉีกออก   พร้อมกับตัวประหลาดร่างแห้งเหี่ยวหลั่งไหลเข้ามาดังฝูงมด   เสียงร้องครืดคราดของมันดังสนั่นหวั่นไหว
 
ดารีลโยนโซ่เส้นเล็กๆ ไปพันกับราวระเบียงด้านบน   แล้วโหนตัวขึ้นไปยืนที่ระเบียงทางเดินชั้นสาม   พร้อมกับธนูในมือ  
 
เมื่อเห็นดังนั้นนักแม่นธนูฝึกหัดก็วิ่งขึ้นบันใดตามเขาไป   แล้วสาดลูกศรลงมาใส่เกรบ๊อกที่อยู่ด้านล่าง   ส่วนผู้กล้าวัยเยาว์ที่ถนัดต่อสู้ระยะประชิด   ก็ตะลุมบอนอยู่กับสัตว์ปีศาจอย่างไม่หวาดหวั่น
 
โลธอร์เหวี่ยงขวานและค้อนฟาดหัวพวกมันล้มตายไปหลายตัว   แม้แต่อีเลียสผู้ถือสมุดปกเหล็กกล้า   ก็ยังสามารถตบหัวเกรบ๊อกแตกเลือดอาบไปไม่น้อย
 
 “ ข้าไม่ชอบแบบนี้เลยให้ตายสิ ”
 
อีเลียสบ่นขณะหันหลังชนกับคู่หูร่างอ้วน
 
“ ผู้มีปัญญาเขาไม่ใช้กำลังกันหรอก ”
 
“ แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ   หรือจะลองชวนสหายร่างแห้งของเจ้าเข้าไปในหอสมุด   บางทีปีศาจพวกนี้อาจจะต้องการแค่มาเรียนหนังสือ   แต่พอดีไม่เข้าใจธรรมเนียมเลยเกิดเรื่องเข้าใจผิด ”
 
โลธอร์ว่า
 
เจ้าเด็กร่างผอมบางแยกเขี้ยวค้อนให้เพื่อนครั้งหนึ่ง
 
แม้เกรบ๊อกจะล้มตายเป็นจำนวนมาก
แต่พวกมันก็หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด
 
ฟิโลโซเฟอร์ก็สู้อยู่กับเพื่อนทั้งสอง
เขาฟาดฟันด้วยขาเก้าอี้ที่หยิบมาจากแถวนั้น
 
สัตว์ปีศาจก็ยับลงด้วยมือของเขาไม่น้อย
 
ขณะกำลังเดินเข้าไปหาเพื่อน
ลูกธนูน้ำแข็งดอกหนึ่งปักฉึกลงเฉียดปลายเท้า
 
เมื่อเงยหน้าขึ้นเพื่อตามหาคนยิงธนู
จึงทันได้เห็นเกรบ๊อกตัวหนึ่งร่วงหล่นลงมา
พร้อมกับลูกธนูน้ำแข็งสีขาวปักกลางหัว
 
เหมือนแผนการจะเปลี่ยนไป
ฝูงเกรบ๊อกเริ่มไต่ขึ้นตามผนังขึ้นไปหานักแม่นธนู
บางส่วนก็ทิ้งตัวลงมาใส่คนด้านล่าง
 
ฟิโลโซเฟอร์ร้องเตือนเพื่อนๆ
ให้ระวังอันตรายจากด้านบน
 
ดารีลนั้นขึ้นลูกศรครั้งละสี่ดอก
แต่ก็ไม่สามารถกวาดพวกมันลงมาหมด
เนื่องด้วยปริมาณที่มากเกินไป
 
เมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กชายชาวซีนาร์ยก็พุ่งขึ้นบันไดเวียน
มุ่งหน้าไปหาทันที
 
แต่ยังไม่ทันไปถึงชั้นสองดี
พ่อมดน้อยก็กระโดดหนีลงมา
 
เขาคว้าเอาสัตว์ปีศาจตัวหนึ่งติดมือมาด้วย
จับมันเสียบเข้ากับปลายแหลมของรูปสลักหิน
 
ก่อนจะทิ้งร่างลงสู่พื้นอย่างสวยงาม
ฟิโลโซเฟอร์ได้กระโดดจากระเบียงชั้นสอง
ลงมายืนเคียงข้างหนุ่มน้อยคนนั้น
 
“ ขอบใจ ”
 
เด็กชายพูด
 
“ อ้อ   อันที่จริงข้ายิงพลาดไปน่ะ   ไม่ได้คิดจะช่วยสักนิด   บอกตามตรงต่อให้เจ้าตายตรงนี้   ข้าก็หาได้เสียใจไม่ ”
 
ดารีลตอบเสียงเย็น
แล้วเดินจากไป
 
เขาหมุนธนูในมือให้กลับกลายมาเป็นคทาเช่นเดิม
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยตีหน้าย่น
 
ปากแบบนี้หรือ
เขานึก
 
ถ้ามีโอกาสได้นอนร่วมเตียงกันอีกจะเล่นงานให้หนัก
เอาให้ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
 
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะจบสิ้น
เหล่าสัตว์ปีศาจก็ยังคืบคลานเข้ามาไม่หยุด
 
“ ดารีล   เจ้าไม่คิดจะทำอะไรสักหน่อยหรือ   ตั้งใจจะปล่อยพวกเราให้ถูกฆ่าตายหมดสินะ ”
 
ดัลลัจตะโกนมาถาม
 
“ ในพื้นที่แคบจะให้ข้าทำอะไรล่ะ   ถล่มเพดานลงมาทับพวกเรากันเองหรืออย่างไร ”
 
หนุ่มน้อยนักเวทตอบอย่างใจเย็น
 
“ ไหนว่าเก่งนักเก่งหนาเรื่องแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์กระโดดเข้าไปยืนขวางหน้า
พร้อมกับเอ่ย
 
“ ใยไม่จัดการเองล่ะพ่อคนเก่ง   ถ้ามันง่ายนัก ”
 
“ เจ้าเด็กเมื่อวานซืน   เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า   ถอยไปนะ ”
 
ดัลลัจตวาด
 
“ เรื่องของดารีลไม่มีทางไม่เกี่ยวกับข้า ”
 
หนุ่มร่างกำยำมองเด็กชายที่ถือขาเก้าอี้เปื้อนเลือดอยู่ตรงหน้า
 
“ ข้าไม่สู้กับคนไร้อาวุธหรอก ”
 
“ แล้วกัน   ไม่ใช่ว่าขี้ขลาดแม้แต่กับเด็กอมมือหรือ ”
 
สายตาของฟิโลโซเฟอร์นั้นยียวนนัก
 
“ ก็ได้   ถ้าอย่างนั้นเข้ามา   แล้วอย่าหาว่าข้าใจร้ายล่ะ ”
 
ดัลลัจว่าพลางเงื้อดาบขึ้น
เด็กชายตัวน้อยเองก็ไม่คิดจะถอยสักก้าว
 
ก่อนที่การต่อสู้จะบานปลาย
เกรบ๊อกตัวหนึ่งก็หล่นโครมลงตรงกลางระหว่างสองคน
 
สองคู่หูอ้วนผอมนั่นเองที่ช่วยกันยันมันเข้ามา
คู่ต่อสู้ทั้งสองจึงช่วยกันรุมกระหน่ำจนมันตายกองอยู่ตรงนั้น
 
“ ข้าเห็นพวกเจ้าว่างมากเกินไป   เลยช่วยหางานให้ ”
 
อีเลียสว่าพลางปาดเหงื่อ
ส่วนสหายร่างอ้วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เอาแต่หัวเราะชอบใจ
 
“ เวลาแบบนี้อย่าสู้กันเองสิ ”
 
พ่อมดน้อยตำหนิ
แต่ดวงตามีประกายขบขัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา