โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.66K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
118) ข้าไม่ช่วยเก็บศพนะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพวกเขาย้อนกลับเข้ามาในห้องโถงท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ดารีลกระโดดขึ้นไปบนเวทีส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียง
“ ในเวลานี้เปล่าประโยชน์แล้วที่จะหาถ้อยคำดีๆ มาปลอบโยนพวกเจ้า ”
เขากล่าว
“ มีการต่อสู้ที่รุนแรงอยู่ในอาณาบริเวณของปราสาทขาว สิ่งแรกที่ข้าขอให้ทำคือช่วยกันอธิษฐานขออย่าให้มันหันความสนใจมาทางนี้ สิ่งต่อมาจงหยิบอาวุธของตนเองขึ้น ใช้มันปกป้องตนเองและผู้อื่น อย่างน้อยนี่คือโอกาสอันดี การโจมตีแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พวกเจ้าทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นผู้กล้า เรื่องราววันนี้จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เหล่าผู้กล้าวัยเยาว์ได้ทำเรื่องน่าเหลือเชื่อ ยืนหยัดต่อหน้าศัตรูอย่างกล้าหาญในวันที่ความมืดก้าวข้ามกำแพงแห่งโอรีเวียเข้ามาได้ ”
เด็กๆ ต่างชูอาวุธและส่งเสียงคำราม
แต่ดารีลชิงร่ายคาถาหยุดเสียงเหล่านั้นเสียก่อน
“ ขอโทษที ข้าลืมไป พวกเจ้าควรอยู่เงียบๆ เหมือนว่าไม่มีใครแถวนี้เลยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคงเท่ากับเรียกอันตรายเข้ามาโดยไม่มีเหตุจำเป็น ”
“ เหตุใดพวกเราต้องสู้ด้วยล่ะ ”
เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
ดัลลัจนั่นเอง
เขาเคยพ่ายแพ้ให้กับดารีลมาแล้วในงานประลอง
“ ผู้ใช้เวทมนตร์ต่างหากล่ะที่มีหน้าที่ปกป้องโอรีเวีย ใยเจ้าจึงไม่ทำหน้าที่ของเจ้า หรือเจ้าก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้นเอง ”
ดารีลไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
เขาเพียงแค่ยิ้มเบาๆ ที่มุมปาก
แล้วกระโดดลงจากเวทีมุ่งหน้าออกจากห้องโถงนั้น
ท่ามกลางความงุนงงของใครหลายคน
ฟิโลโซเฟอร์ได้พุ่งเข้าไปคว้าร่างพ่อมดน้อยเอาไว้
เขารู้ว่าดารีลกำลังจะไปที่แห่งใด
“ อย่าไปฟังหมอนั่น พวกเราทุกคนที่นี่ต้องการเจ้า ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยกระซิบบอก
“ ทำหน้าที่ของเจ้าอย่างนั้นหรือ ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าว่าพลางก้าวออกมา
“ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าดารีลคือผู้พิทักษ์หน้ากากทอง ในยามที่เกิดเหตุร้ายที่เดียวที่เขาควรอยู่คือข้างกายวาลาน เขายอมผิดกฎเพื่ออยู่ที่นี่เคียงข้างพวกเรา ทั้งที่เขาคือทางรอดทางเดียวแต่เจ้ากลับไล่เขาไปเพราะเหตุใดกัน หรือเจ้านั้นเก่งกล้านัก สามารถรับผิดชอบทุกชีวิตในนี้ได้ ถ้าเช่นนั้นก็เอาเลย ข้าไว้ใจดารีลและจะไปกับดารีล ส่วนใครไว้ใจดัลลัจก็จงไปกับเขา แล้วอย่ามาร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเราล่ะ ”
เมื่อเจ้าหญิงกล่าวจบ
เด็กๆ ก็ถอยห่างออกมาจากดัลลัจ
พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาประหลาด
ดัลลัจนั้นได้แต่ยืนอึ้ง
และทุกคนก็จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น
สุดท้ายเขาจึงกล่าวว่า
“ ขออภัยเถิด ที่ข้าได้กล่าวผิดไป ท่านหญิงโปรดให้อภัย ”
เด็กหนุ่มร่างกำยำคนนั้นกล่าวกับเจ้าหญิงอย่างนอบน้อม
เขานั้นหลงใหลในตัวพระนางมาตั้งแต่แรกพบ
เพียงแต่ว่าเขานั้นไม่สามารถเปิดเผยความในนั้นได้
นั่นเป็นเพราะว่าหัวใจของเจ้าหญิงลูเซียน่า
มีผู้ครอบครองแล้ว
“ เจ้าไม่ได้เสียใจอย่างแท้จริง ความคิดของเจ้าโสมมนัก แค่เพียงคำขอโทษไม่เพียงพอหรอก ”
“ ท่านหญิง อย่าทำในสิ่งที่ท่านกำลังคิดเลย ”
ดารีลกล่าวเตือน
เจ้าหญิงทรงแย้มพระสรวล
“ การคาดเดาของเจ้าไว้ใจได้เสมอ ”
พระนางกล่าว
หนุ่มน้อยนักเวทได้เรียกทหารคุ้มกันของตนเองและของเจ้าหญิง
พาออกห่างจากผู้คน
สีหน้าของพวกเขานั้นเครียดขรึม
แต่ละคนเฝ้าชำเลืองออกไปนอกประตูที่เปิดกว้าง
แล้วทุกคนก็ได้เห็น
เงาสีดำขนาดใหญ่โฉบผ่านตรงหน้าประตูไปอย่างรวดเร็ว
ดารีลหมุนร่างกลับไปมอง
เขาชี้มือไปบานประตูหน้าต่างก็กระแทกปิดอย่างรุนแรง
ฟิโลโซเฟอร์กลั้นใจฟังเสียงร้อง
เขาสัมผัสพลังของมันได้
เคอร์คารอลนั่นเองที่อยู่ข้างนอก
แต่มันก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องแต่อย่างใด
ดารีลพุ่งกลับไปบนเวที
ท่าทางของเขาดูสงบอย่างน่าประหลาด
ในขณะที่เด็กๆ ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงร้อง
และหลายคนเริ่มมีอาการหวาดกลัว
“ คืนนี้เรามีแขกพิเศษ เป็นแขกที่สูงศักดิ์ไม่น้อย ”
ดารีลกล่าว
“ มันคงจะเสียมารยาทมากหากเราต้องใช้เด็กและสตรีในการต้อนรับ ดังนั้นพวกเจ้าจงไปกับทหารอารักขา มีห้องเก็บของอยู่ไม่ไกลจากนี้ ห้องนั้นมีประตูเดียวและไร้หน้าต่าง คนที่เหลือจะคอยรับแขกตรงโถงใหญ่นี้ เอาล่ะแยกกลุ่มกันได้ ข้าแน่ใจแล้วว่าแขกของเราจะเข้าทางประตูหน้าตามธรรมเนียม ส่วนคนที่คิดว่าตนเองไหวก็ขอให้ชักอาวุธออกมา พวกเราจะสั่งสอนแขกที่ไม่ได้รับเชิญด้วยกัน ”
เด็กๆ ได้ยินดังนั้นจึงแยกออกเป็นสองกลุ่ม
เจ้าหญิงลูเซียน่านั้นปฏิเสธที่จะไปกับผู้คุ้มกัน
ดารีลจึงตรงเข้ามาหา
“ ให้ข้าอยู่เถอะนะ ข้าช่วยเจ้าได้ ”
พระนางทรงวิงวอน
“ ท่านช่วยเด็กๆ เถอะพวกเขากำลังเสียขวัญ ”
“ แต่ข้าอยากสู้ ”
“ เมื่อคนข้างนอกตายหมดแล้วท่านได้สู้แน่ อย่าทำเป็นพระทัยร้อนนักเลย นี่มิใช่เรื่องล้อเล่น ”
นายทหารคนหนึ่งส่งมือให้เจ้าหญิง
แต่พระนางทรงปัดออก
“ ต่อให้เจ้าลากข้าไป ข้าก็จะย้อนกลับออกมา ดารีลเจ้ารู้จักข้าดี ”
“ ท่านเองก็รู้จักข้าดีเช่นกัน ข้าขอเตือนเอาไว้ เมื่อเกิดเหตุประทะหากข้ายังเห็นท่านอยู่แถวนี้ คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ท่านจะได้เห็นหน้าข้า ”
ว่าแล้ว
เขาก็อุ้มร่างเจ้าหญิงส่งให้ทหารนายนั้น
“ ดารีลเจ้าอย่า ”
พระนางได้แต่ร่ำร้อง
เลโอน่าลากฟีไลร่าไปยืนข้างทหารเของเจ้าหญิง
สีหน้าของนางเครียดขรึม
คาโอเรียชักมีดเล่มเล็กออกมา
แต่ดารีลก็ฉวยไปอย่างรวดเร็ว
“ ไม่ใช่เวลามาเล่นตุ๊กตาขายของนะสาวน้อย ”
“ ข้าสู้เป็น ส่งมีดคืนมานะ ”
เด็กหญิงขึ้นเสียง
“ ถูกข้าปลดอาวุธได้ในพริบตาแบบนี้ ยังกล้าบอกว่าสู้เป็นอีกหรือ แต่เอาเถอะข้าเชื่อเจ้าจงไปรอเป็นด่านที่สอง ปกป้องคนที่ซ่อนตัว ”
เขากล่าวแล้วคืนมีดให้
“ ข้าไม่ไป ”
“ คาโอเรีย ”
ฟิโลโซเฟอร์เสียงเข้ม
“ แต่พี่ชาย ข้า ”
ดารีลปิดปากนาง
ก่อนที่เด็กหญิงจะได้พูดต่อ
“ ข้าขอร้องเจ้า ทำเพื่อข้านะ ”
เสียงกระซิบของเขาทำเอาเด็กหญิงมึนงง
จนโดนอุ้มไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
โลธอร์ชักขวานและค้อนเล่มเล็กออกมาจากเข็มขัด
“ ข้าเป็นหัวหน้าห้อง และที่สำคัญเป็นบุตรชายหัวหน้าเผ่า ให้ข้าซ่อนตัวเท่ากับหยามเกียรติข้า ”
ดารีลจ้องมองเด็กคนนั้น
ถึงจะร่างอ้วนแต่เขาก็สูงใหญ่พอสมควร
“ ตามใจเจ้าสิ แต่ข้าไม่ช่วยเก็บศพนะ ”
โลธอร์ยิ้มแฉ่งทันที
“ ไม่เป็นไรสหาย ตรงกันข้าม ข้ายินดีตามเก็บศพเจ้า ต่อให้เละเพียงใดก็ตาม ”
ดารีลไม่สนใจคำเหน็บนั้น
เขาหันไปยังเด็กร่างผอมซีด
“ เจ้า เจ้า เจ้าสู้จริงเหรอ งั้น งั้นข้าสู้ด้วย ”
อีเลียสเสียงสั่น
“ แม้ตระกูลข้าจะทำเหมืองแต่เรื่องรบไม่เคยเป็นรองใคร ส่วนเจ้าข้าว่าไปกับเลโอน่าไม่ดีกว่าหรือ นางแข็งแกร่งพอ ดูแลเจ้าได้แน่ ”
เพื่อนร่างอ้วนว่า
“ ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เว้นแต่เจ้าจะเปลี่ยนใจไปซ่อนตัวด้วยกัน ”
“ แล้วอาวุธของเจ้าล่ะ ”
ดารีลถามเสียงนุ่มนวล
“ ข้ามีปัญญาเป็นอาวุธ ”
อีเลียสตอบแบบมั่นใจ
เขาชูสมุดปกแข็งในมือ
“ ดีมาก ”
พ่อมดน้อยบอก
พลางเอื้อมมือไปสัมผัส
ปกสมุดเล่มนั้นก็แข็งแกร่งราวแผ่นเหล็ก
“ เช่นนั้นจงใช้ปัญญาของเจ้าฟาดหัวศัตรูให้แตกกระจุย ”
หลังจากนั้นจึงหันมาทางฟิโลโซเฟอร์เป็นคนสุดท้าย
จ้องมองเด็กน้อยสลับกับดาบไม้ในมือ
“ ในเวลานี้เปล่าประโยชน์แล้วที่จะหาถ้อยคำดีๆ มาปลอบโยนพวกเจ้า ”
เขากล่าว
“ มีการต่อสู้ที่รุนแรงอยู่ในอาณาบริเวณของปราสาทขาว สิ่งแรกที่ข้าขอให้ทำคือช่วยกันอธิษฐานขออย่าให้มันหันความสนใจมาทางนี้ สิ่งต่อมาจงหยิบอาวุธของตนเองขึ้น ใช้มันปกป้องตนเองและผู้อื่น อย่างน้อยนี่คือโอกาสอันดี การโจมตีแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พวกเจ้าทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นผู้กล้า เรื่องราววันนี้จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เหล่าผู้กล้าวัยเยาว์ได้ทำเรื่องน่าเหลือเชื่อ ยืนหยัดต่อหน้าศัตรูอย่างกล้าหาญในวันที่ความมืดก้าวข้ามกำแพงแห่งโอรีเวียเข้ามาได้ ”
เด็กๆ ต่างชูอาวุธและส่งเสียงคำราม
แต่ดารีลชิงร่ายคาถาหยุดเสียงเหล่านั้นเสียก่อน
“ ขอโทษที ข้าลืมไป พวกเจ้าควรอยู่เงียบๆ เหมือนว่าไม่มีใครแถวนี้เลยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคงเท่ากับเรียกอันตรายเข้ามาโดยไม่มีเหตุจำเป็น ”
“ เหตุใดพวกเราต้องสู้ด้วยล่ะ ”
เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
ดัลลัจนั่นเอง
เขาเคยพ่ายแพ้ให้กับดารีลมาแล้วในงานประลอง
“ ผู้ใช้เวทมนตร์ต่างหากล่ะที่มีหน้าที่ปกป้องโอรีเวีย ใยเจ้าจึงไม่ทำหน้าที่ของเจ้า หรือเจ้าก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้นเอง ”
ดารีลไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
เขาเพียงแค่ยิ้มเบาๆ ที่มุมปาก
แล้วกระโดดลงจากเวทีมุ่งหน้าออกจากห้องโถงนั้น
ท่ามกลางความงุนงงของใครหลายคน
ฟิโลโซเฟอร์ได้พุ่งเข้าไปคว้าร่างพ่อมดน้อยเอาไว้
เขารู้ว่าดารีลกำลังจะไปที่แห่งใด
“ อย่าไปฟังหมอนั่น พวกเราทุกคนที่นี่ต้องการเจ้า ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยกระซิบบอก
“ ทำหน้าที่ของเจ้าอย่างนั้นหรือ ”
เจ้าหญิงลูเซียน่าว่าพลางก้าวออกมา
“ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าดารีลคือผู้พิทักษ์หน้ากากทอง ในยามที่เกิดเหตุร้ายที่เดียวที่เขาควรอยู่คือข้างกายวาลาน เขายอมผิดกฎเพื่ออยู่ที่นี่เคียงข้างพวกเรา ทั้งที่เขาคือทางรอดทางเดียวแต่เจ้ากลับไล่เขาไปเพราะเหตุใดกัน หรือเจ้านั้นเก่งกล้านัก สามารถรับผิดชอบทุกชีวิตในนี้ได้ ถ้าเช่นนั้นก็เอาเลย ข้าไว้ใจดารีลและจะไปกับดารีล ส่วนใครไว้ใจดัลลัจก็จงไปกับเขา แล้วอย่ามาร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเราล่ะ ”
เมื่อเจ้าหญิงกล่าวจบ
เด็กๆ ก็ถอยห่างออกมาจากดัลลัจ
พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาประหลาด
ดัลลัจนั้นได้แต่ยืนอึ้ง
และทุกคนก็จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น
สุดท้ายเขาจึงกล่าวว่า
“ ขออภัยเถิด ที่ข้าได้กล่าวผิดไป ท่านหญิงโปรดให้อภัย ”
เด็กหนุ่มร่างกำยำคนนั้นกล่าวกับเจ้าหญิงอย่างนอบน้อม
เขานั้นหลงใหลในตัวพระนางมาตั้งแต่แรกพบ
เพียงแต่ว่าเขานั้นไม่สามารถเปิดเผยความในนั้นได้
นั่นเป็นเพราะว่าหัวใจของเจ้าหญิงลูเซียน่า
มีผู้ครอบครองแล้ว
“ เจ้าไม่ได้เสียใจอย่างแท้จริง ความคิดของเจ้าโสมมนัก แค่เพียงคำขอโทษไม่เพียงพอหรอก ”
“ ท่านหญิง อย่าทำในสิ่งที่ท่านกำลังคิดเลย ”
ดารีลกล่าวเตือน
เจ้าหญิงทรงแย้มพระสรวล
“ การคาดเดาของเจ้าไว้ใจได้เสมอ ”
พระนางกล่าว
หนุ่มน้อยนักเวทได้เรียกทหารคุ้มกันของตนเองและของเจ้าหญิง
พาออกห่างจากผู้คน
สีหน้าของพวกเขานั้นเครียดขรึม
แต่ละคนเฝ้าชำเลืองออกไปนอกประตูที่เปิดกว้าง
แล้วทุกคนก็ได้เห็น
เงาสีดำขนาดใหญ่โฉบผ่านตรงหน้าประตูไปอย่างรวดเร็ว
ดารีลหมุนร่างกลับไปมอง
เขาชี้มือไปบานประตูหน้าต่างก็กระแทกปิดอย่างรุนแรง
ฟิโลโซเฟอร์กลั้นใจฟังเสียงร้อง
เขาสัมผัสพลังของมันได้
เคอร์คารอลนั่นเองที่อยู่ข้างนอก
แต่มันก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องแต่อย่างใด
ดารีลพุ่งกลับไปบนเวที
ท่าทางของเขาดูสงบอย่างน่าประหลาด
ในขณะที่เด็กๆ ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงร้อง
และหลายคนเริ่มมีอาการหวาดกลัว
“ คืนนี้เรามีแขกพิเศษ เป็นแขกที่สูงศักดิ์ไม่น้อย ”
ดารีลกล่าว
“ มันคงจะเสียมารยาทมากหากเราต้องใช้เด็กและสตรีในการต้อนรับ ดังนั้นพวกเจ้าจงไปกับทหารอารักขา มีห้องเก็บของอยู่ไม่ไกลจากนี้ ห้องนั้นมีประตูเดียวและไร้หน้าต่าง คนที่เหลือจะคอยรับแขกตรงโถงใหญ่นี้ เอาล่ะแยกกลุ่มกันได้ ข้าแน่ใจแล้วว่าแขกของเราจะเข้าทางประตูหน้าตามธรรมเนียม ส่วนคนที่คิดว่าตนเองไหวก็ขอให้ชักอาวุธออกมา พวกเราจะสั่งสอนแขกที่ไม่ได้รับเชิญด้วยกัน ”
เด็กๆ ได้ยินดังนั้นจึงแยกออกเป็นสองกลุ่ม
เจ้าหญิงลูเซียน่านั้นปฏิเสธที่จะไปกับผู้คุ้มกัน
ดารีลจึงตรงเข้ามาหา
“ ให้ข้าอยู่เถอะนะ ข้าช่วยเจ้าได้ ”
พระนางทรงวิงวอน
“ ท่านช่วยเด็กๆ เถอะพวกเขากำลังเสียขวัญ ”
“ แต่ข้าอยากสู้ ”
“ เมื่อคนข้างนอกตายหมดแล้วท่านได้สู้แน่ อย่าทำเป็นพระทัยร้อนนักเลย นี่มิใช่เรื่องล้อเล่น ”
นายทหารคนหนึ่งส่งมือให้เจ้าหญิง
แต่พระนางทรงปัดออก
“ ต่อให้เจ้าลากข้าไป ข้าก็จะย้อนกลับออกมา ดารีลเจ้ารู้จักข้าดี ”
“ ท่านเองก็รู้จักข้าดีเช่นกัน ข้าขอเตือนเอาไว้ เมื่อเกิดเหตุประทะหากข้ายังเห็นท่านอยู่แถวนี้ คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ท่านจะได้เห็นหน้าข้า ”
ว่าแล้ว
เขาก็อุ้มร่างเจ้าหญิงส่งให้ทหารนายนั้น
“ ดารีลเจ้าอย่า ”
พระนางได้แต่ร่ำร้อง
เลโอน่าลากฟีไลร่าไปยืนข้างทหารเของเจ้าหญิง
สีหน้าของนางเครียดขรึม
คาโอเรียชักมีดเล่มเล็กออกมา
แต่ดารีลก็ฉวยไปอย่างรวดเร็ว
“ ไม่ใช่เวลามาเล่นตุ๊กตาขายของนะสาวน้อย ”
“ ข้าสู้เป็น ส่งมีดคืนมานะ ”
เด็กหญิงขึ้นเสียง
“ ถูกข้าปลดอาวุธได้ในพริบตาแบบนี้ ยังกล้าบอกว่าสู้เป็นอีกหรือ แต่เอาเถอะข้าเชื่อเจ้าจงไปรอเป็นด่านที่สอง ปกป้องคนที่ซ่อนตัว ”
เขากล่าวแล้วคืนมีดให้
“ ข้าไม่ไป ”
“ คาโอเรีย ”
ฟิโลโซเฟอร์เสียงเข้ม
“ แต่พี่ชาย ข้า ”
ดารีลปิดปากนาง
ก่อนที่เด็กหญิงจะได้พูดต่อ
“ ข้าขอร้องเจ้า ทำเพื่อข้านะ ”
เสียงกระซิบของเขาทำเอาเด็กหญิงมึนงง
จนโดนอุ้มไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
โลธอร์ชักขวานและค้อนเล่มเล็กออกมาจากเข็มขัด
“ ข้าเป็นหัวหน้าห้อง และที่สำคัญเป็นบุตรชายหัวหน้าเผ่า ให้ข้าซ่อนตัวเท่ากับหยามเกียรติข้า ”
ดารีลจ้องมองเด็กคนนั้น
ถึงจะร่างอ้วนแต่เขาก็สูงใหญ่พอสมควร
“ ตามใจเจ้าสิ แต่ข้าไม่ช่วยเก็บศพนะ ”
โลธอร์ยิ้มแฉ่งทันที
“ ไม่เป็นไรสหาย ตรงกันข้าม ข้ายินดีตามเก็บศพเจ้า ต่อให้เละเพียงใดก็ตาม ”
ดารีลไม่สนใจคำเหน็บนั้น
เขาหันไปยังเด็กร่างผอมซีด
“ เจ้า เจ้า เจ้าสู้จริงเหรอ งั้น งั้นข้าสู้ด้วย ”
อีเลียสเสียงสั่น
“ แม้ตระกูลข้าจะทำเหมืองแต่เรื่องรบไม่เคยเป็นรองใคร ส่วนเจ้าข้าว่าไปกับเลโอน่าไม่ดีกว่าหรือ นางแข็งแกร่งพอ ดูแลเจ้าได้แน่ ”
เพื่อนร่างอ้วนว่า
“ ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เว้นแต่เจ้าจะเปลี่ยนใจไปซ่อนตัวด้วยกัน ”
“ แล้วอาวุธของเจ้าล่ะ ”
ดารีลถามเสียงนุ่มนวล
“ ข้ามีปัญญาเป็นอาวุธ ”
อีเลียสตอบแบบมั่นใจ
เขาชูสมุดปกแข็งในมือ
“ ดีมาก ”
พ่อมดน้อยบอก
พลางเอื้อมมือไปสัมผัส
ปกสมุดเล่มนั้นก็แข็งแกร่งราวแผ่นเหล็ก
“ เช่นนั้นจงใช้ปัญญาของเจ้าฟาดหัวศัตรูให้แตกกระจุย ”
หลังจากนั้นจึงหันมาทางฟิโลโซเฟอร์เป็นคนสุดท้าย
จ้องมองเด็กน้อยสลับกับดาบไม้ในมือ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ