โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.57K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
117) พลุขอความช่วยเหลือ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแม้เสียงระฆังจะเงียบไปแล้วแต่ความวิตกกังวลยังไม่ยุติลง เด็กๆ ยังคงจับกลุ่มกันพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระฆังที่ดังขึ้นผิดเวลานั้นเป็นอะไรที่ไม่สมควร
ฟิโลโซเฟอร์ตามหาน้องสาวและเพื่อนๆ จนครบด้วยความช่วยเหลือของดารีล พวกเขามารวมกลุ่มกันตรงหน้าประตูออก ผู้คุ้มกันของดารีลและเจ้าหญิงมาอยู่ด้วยกันกับพวกเขา
“ ตรงนี้เป็นมุมที่ดี ”
อีเลียสบอก
“ ถ้าเกิดเหตุร้ายเราจะเลือกได้ ว่าควรจะหนีออกข้างนอกหรือกลับเข้าข้างใน จากตรงนี้ไปถึงบันไดก็ไม่ได้ไกลนัก ”
“ ตกลงไม่คิดจะสู้เลยหรือ ”
เพื่อนร่างอ้วนถาม
“ สู้น่ะก็ได้อยู่หรอก แต่จะสู้ไปเพื่ออะไรล่ะ ถ้ามีโอกาสจะเลี่ยงก็ควรเลี่ยงมิใช่หรือ ”
เลโอน่าย้อน
“ แล้วเจ้าล่ะดารีล ”
โลธอร์หันไปแหย่นักเวทน้อย
“ ข้าถูกฝึกมาให้ฉายเดี่ยว สมควรสู้ก็สู้ แต่ถ้าสู้ไม้ได้ข้าก็หนีแบบไม่รอปรึกษาใคร เพราะฉะนั้นเป็นห่วงตัวเองเถิด ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายทุกคนต้องพึ่งตนเองก่อนเสมอ ”
ถึงจะพูดแบบนั้น
แต่เขาก็กุมมือเจ้าหญิงลูเซียน่าไว้ไม่ยอมวาง
“ เจ้าคิดว่าอะไรกำลังจะเดินทางมาถึง ”
พระนางถาม
“ ข้าไม่อยากเดา ”
ดารีลตอบเรียบๆ
เขาเขม้นมองออกไปนอกประตูโถงที่เปิดกว้าง
“ เราควรปิดประตูหน้าต่างพวกนี้หรือเปล่า ”
ทหารคุ้มกันคนหนึ่งถามขึ้น
“ ถ้าเกิดศัตรูเข้ามาอยู่ข้างในแล้ว ทำแบบนั้นไม่เท่ากับว่าปิดทางรอกให้กับตัวเองหรือ จนกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราควรต้องรอก่อน ”
หนุ่มน้อยตอบ
ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าลงกลางลานด้านนอกครั้งหนึ่งพร้อมกับเสียงกรีดร้องชวนสยองขวัญ แสงเทียนดับลงภายในห้องโถงก็มืดมิด เด็กๆ ต่างกรีดร้องและหมอบราบกับพื้น ประสบการณ์สอนให้พวกเขาหยุดนิ่งแทนที่จะวิ่งอลหม่าน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเด็กๆ จะเหยียบกันล้มจนได้รับบาดเจ็บ
ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุม มีเสียงดีดนิ้วดังขึ้นสองครั้ง ไฟสีฟ้าก็ลุกพรึบขึ้น ทำให้ทั้งโถงกลับมาสว่างไสว เด็กๆ ยังอยู่ในอาการตื่นกลัว แต่หลายคนชักอาวุธออกมาแล้ว
ดารีลปล่อยมือจากเจ้าหญิง เขาเดินออกไปนอกปราสาทเพียงลำพัง บรรยากาศด้านนอกนั้นดำมืด แต่สายฟ้าที่วิ่งแปลบปลาบทำให้พอมองเห็นสิ่งต่างๆ
“ ข้าแน่ใจว่าไม่ได้ชวนเจ้า ”
อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาลอยๆ
“ ไม่เห็นจำเป็นต้องชวน ข้ามาธุระของข้าเอง ไม่เกี่ยวกับเจ้า ”
ฟิโลโซเฟอร์บอก
“ ข้าเบื่อเด็กแบบเจ้าเป็นที่สุด ”
เขาว่าพลางหมุนคทาเล่น
“ เคอร์คารอลอยู่ที่นี่ใช่ไหม แล้วเจ้าออกมาทำไม หรือคิดจะหนีไปคนเดียว ”
เด็กชายถามไปเรื่องอื่น
“ ใช่ ”
ดารีลตอบสั้นๆ
ไม่เจาะจงว่าสำหรับคำถามใด
“ ดารีล ”
เด็กชายตัวน้อยเรียก
รู้สึกเจ็บปวดที่ถูกเมิน
“ เหตุใดเจ้าไม่ไปจากโอรีเวีย ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ คนฉลาดต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ”
พ่อมดน้อยว่า
“ เจ้าเองก็ยังไม่ไป ”
เด็กชายแย้ง
“ คิดว่าข้าไม่อยากหรืออย่างไร ”
“ ข้าตัดสินใจเองไม่ได้หรอก เว้นแต่ว่าเจ้าจะเป็นคนพาข้าไป ”
“ เช่นนั้นเจ้าก็ควรเข้าใจแล้วสินะ ”
ดารีลพูด
“ ว่าเจ้าน่ะเด็กเกินกว่าจะรับมือเรื่องพวกนี้ได้ ”
“ มันไม่เหมือนกันหรอก เจ้าเองก็ไม่สามารถทำตามอำเภอใจมิใช่หรือ ”
“ เรื่องนั้นข้าไม่เถียง เพราะเหตุนี้ข้าจึงเลือกทำในสิ่งที่ตนเองสามารถทำได้ ไม่ดันทุรังเช่นเจ้า ”
ทันใดนั้นเสียงร้องประหลาดก็ดังเซ็งแซ่ขึ้นเหนือฟากฟ้า
ดารีลใช้มือกันเด็กชายให้ถอยไปด้านหลัง
เปลวไฟหล่นลงมาเป็นสาย
ก่อนจะลุกไหม้ที่พื้นด้านล่าง
“ มังกร พวกมันเข้ามาได้อย่างไร หรือยามลืมปิดประตู ”
ฟิโลโซเฟอร์อุทาน
“ ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะเดินเรียงแถวผ่านประตูหรอกนะ ”
ดารีลบอก
เขาเขม้นมองทิศทางที่พวกมันกำลังโจมตี
“ อย่าบอกนะว่ามันบินข้ามกำแพง ได้อย่างไรกัน ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ หนึ่งในของวิเศษทั้งเจ็ดในตำนาน ใครคนหนึ่งถือเอาไว้ และพาพวกมันมา ”
นักเวทน้อยตอบ
“ เจ้ากลับเข้าไปเสียเถอะ ”
เด็กชายไม่ตอบ
และก็ไม่ถอยไปไหน
ไฟลูกหนึ่งพุ่งมายังคนทั้งสอง
ดารีลแค่แกว่งคทามันก็กลายเป็นขี้เถ้า
ตกกระจายเกลื่อนพื้น
นักเวทน้อยหยิบพลุไฟขึ้นมา
แต่เขาก็เห็นพลุมากมายพุ่งขึ้นเหนือท้องฟ้า
เขาจึงเก็บพลุของตนเองลงกระเป๋าไป
แล้วจึงชวนเด็กชายกลับ
“ เมื่อครู่เจ้าคิดจะทำอะไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ พลุขอความช่วยเหลือ ”
ดารีลตอบ
“ แต่จุดไปก็ไร้ประโยชน์ คนอื่นๆ คงไม่ว่างมาช่วย มาเถอะเรายังพอมีเวลา ”
ฟิโลโซเฟอร์ตามหาน้องสาวและเพื่อนๆ จนครบด้วยความช่วยเหลือของดารีล พวกเขามารวมกลุ่มกันตรงหน้าประตูออก ผู้คุ้มกันของดารีลและเจ้าหญิงมาอยู่ด้วยกันกับพวกเขา
“ ตรงนี้เป็นมุมที่ดี ”
อีเลียสบอก
“ ถ้าเกิดเหตุร้ายเราจะเลือกได้ ว่าควรจะหนีออกข้างนอกหรือกลับเข้าข้างใน จากตรงนี้ไปถึงบันไดก็ไม่ได้ไกลนัก ”
“ ตกลงไม่คิดจะสู้เลยหรือ ”
เพื่อนร่างอ้วนถาม
“ สู้น่ะก็ได้อยู่หรอก แต่จะสู้ไปเพื่ออะไรล่ะ ถ้ามีโอกาสจะเลี่ยงก็ควรเลี่ยงมิใช่หรือ ”
เลโอน่าย้อน
“ แล้วเจ้าล่ะดารีล ”
โลธอร์หันไปแหย่นักเวทน้อย
“ ข้าถูกฝึกมาให้ฉายเดี่ยว สมควรสู้ก็สู้ แต่ถ้าสู้ไม้ได้ข้าก็หนีแบบไม่รอปรึกษาใคร เพราะฉะนั้นเป็นห่วงตัวเองเถิด ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายทุกคนต้องพึ่งตนเองก่อนเสมอ ”
ถึงจะพูดแบบนั้น
แต่เขาก็กุมมือเจ้าหญิงลูเซียน่าไว้ไม่ยอมวาง
“ เจ้าคิดว่าอะไรกำลังจะเดินทางมาถึง ”
พระนางถาม
“ ข้าไม่อยากเดา ”
ดารีลตอบเรียบๆ
เขาเขม้นมองออกไปนอกประตูโถงที่เปิดกว้าง
“ เราควรปิดประตูหน้าต่างพวกนี้หรือเปล่า ”
ทหารคุ้มกันคนหนึ่งถามขึ้น
“ ถ้าเกิดศัตรูเข้ามาอยู่ข้างในแล้ว ทำแบบนั้นไม่เท่ากับว่าปิดทางรอกให้กับตัวเองหรือ จนกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราควรต้องรอก่อน ”
หนุ่มน้อยตอบ
ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าลงกลางลานด้านนอกครั้งหนึ่งพร้อมกับเสียงกรีดร้องชวนสยองขวัญ แสงเทียนดับลงภายในห้องโถงก็มืดมิด เด็กๆ ต่างกรีดร้องและหมอบราบกับพื้น ประสบการณ์สอนให้พวกเขาหยุดนิ่งแทนที่จะวิ่งอลหม่าน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเด็กๆ จะเหยียบกันล้มจนได้รับบาดเจ็บ
ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุม มีเสียงดีดนิ้วดังขึ้นสองครั้ง ไฟสีฟ้าก็ลุกพรึบขึ้น ทำให้ทั้งโถงกลับมาสว่างไสว เด็กๆ ยังอยู่ในอาการตื่นกลัว แต่หลายคนชักอาวุธออกมาแล้ว
ดารีลปล่อยมือจากเจ้าหญิง เขาเดินออกไปนอกปราสาทเพียงลำพัง บรรยากาศด้านนอกนั้นดำมืด แต่สายฟ้าที่วิ่งแปลบปลาบทำให้พอมองเห็นสิ่งต่างๆ
“ ข้าแน่ใจว่าไม่ได้ชวนเจ้า ”
อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาลอยๆ
“ ไม่เห็นจำเป็นต้องชวน ข้ามาธุระของข้าเอง ไม่เกี่ยวกับเจ้า ”
ฟิโลโซเฟอร์บอก
“ ข้าเบื่อเด็กแบบเจ้าเป็นที่สุด ”
เขาว่าพลางหมุนคทาเล่น
“ เคอร์คารอลอยู่ที่นี่ใช่ไหม แล้วเจ้าออกมาทำไม หรือคิดจะหนีไปคนเดียว ”
เด็กชายถามไปเรื่องอื่น
“ ใช่ ”
ดารีลตอบสั้นๆ
ไม่เจาะจงว่าสำหรับคำถามใด
“ ดารีล ”
เด็กชายตัวน้อยเรียก
รู้สึกเจ็บปวดที่ถูกเมิน
“ เหตุใดเจ้าไม่ไปจากโอรีเวีย ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ คนฉลาดต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ”
พ่อมดน้อยว่า
“ เจ้าเองก็ยังไม่ไป ”
เด็กชายแย้ง
“ คิดว่าข้าไม่อยากหรืออย่างไร ”
“ ข้าตัดสินใจเองไม่ได้หรอก เว้นแต่ว่าเจ้าจะเป็นคนพาข้าไป ”
“ เช่นนั้นเจ้าก็ควรเข้าใจแล้วสินะ ”
ดารีลพูด
“ ว่าเจ้าน่ะเด็กเกินกว่าจะรับมือเรื่องพวกนี้ได้ ”
“ มันไม่เหมือนกันหรอก เจ้าเองก็ไม่สามารถทำตามอำเภอใจมิใช่หรือ ”
“ เรื่องนั้นข้าไม่เถียง เพราะเหตุนี้ข้าจึงเลือกทำในสิ่งที่ตนเองสามารถทำได้ ไม่ดันทุรังเช่นเจ้า ”
ทันใดนั้นเสียงร้องประหลาดก็ดังเซ็งแซ่ขึ้นเหนือฟากฟ้า
ดารีลใช้มือกันเด็กชายให้ถอยไปด้านหลัง
เปลวไฟหล่นลงมาเป็นสาย
ก่อนจะลุกไหม้ที่พื้นด้านล่าง
“ มังกร พวกมันเข้ามาได้อย่างไร หรือยามลืมปิดประตู ”
ฟิโลโซเฟอร์อุทาน
“ ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะเดินเรียงแถวผ่านประตูหรอกนะ ”
ดารีลบอก
เขาเขม้นมองทิศทางที่พวกมันกำลังโจมตี
“ อย่าบอกนะว่ามันบินข้ามกำแพง ได้อย่างไรกัน ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ หนึ่งในของวิเศษทั้งเจ็ดในตำนาน ใครคนหนึ่งถือเอาไว้ และพาพวกมันมา ”
นักเวทน้อยตอบ
“ เจ้ากลับเข้าไปเสียเถอะ ”
เด็กชายไม่ตอบ
และก็ไม่ถอยไปไหน
ไฟลูกหนึ่งพุ่งมายังคนทั้งสอง
ดารีลแค่แกว่งคทามันก็กลายเป็นขี้เถ้า
ตกกระจายเกลื่อนพื้น
นักเวทน้อยหยิบพลุไฟขึ้นมา
แต่เขาก็เห็นพลุมากมายพุ่งขึ้นเหนือท้องฟ้า
เขาจึงเก็บพลุของตนเองลงกระเป๋าไป
แล้วจึงชวนเด็กชายกลับ
“ เมื่อครู่เจ้าคิดจะทำอะไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
“ พลุขอความช่วยเหลือ ”
ดารีลตอบ
“ แต่จุดไปก็ไร้ประโยชน์ คนอื่นๆ คงไม่ว่างมาช่วย มาเถอะเรายังพอมีเวลา ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ