โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
111) มีดแห่งโชคชะตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกาเอลนั่งอยู่ในกระโจมสีแดง เขายังคงสวมหน้ากากสีดำรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว กระถางหินเผากำยานอันเล็กวางอยู่บนโต๊ะ แสงไฟจากกระถางล่อแมลงกลางคืนให้บินเข้ามาหา เขาใช้หนามแหลมจิ้มตายทีละตัวแล้วเขี่ยไปกองรวมกันไว้ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็ยังเฝ้าสังหารแมลงเหล่านั้น ด้วยอาการอันสงบเยือกเย็น จากแมลงกองเล็กๆ ก็เริ่มใหญ่ขึ้น แต่เหล่าแมลงก็ยังไม่เกรงกลัว ต่างบินเข้าหากองไฟไม่ขาดสายโดยไม่สนความตายที่รออยู่ อาจเป็นเพราะเปลวเพลิงนั้นสวยงามหรือกลิ่นกำยานที่หอมยั่วยวน จึงนำพาเหล่าแมลงกลางคืนเคราะห์ร้ายให้มาตายตรงนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่หนุ่มน้อยคนนี้เป็นฝ่ายเฝ้ารอ กระโจมสีแดงนั้นว่างเปล่าไม่มีจดหมายหรือข้อความใด หรือข้าวของที่แสดงว่าที่นี่เคยมีคนอาศัยอยู่ แต่เขารู้ว่าถึงอย่างไรนางต้องมา สตรีที่แสนงดงามคนนั้น เขาจึงยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีท่าทีเหนื่อยหน่าย
พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นขึ้นเหนือหัว เมฆก้อนใหญ่ลอยเข้ามาบังแสงสีเงินที่สว่างนวล ท้องฟ้าได้มืดลงพร้อมกับเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
กาเอลนั้นยังคงนั่งทำตัวเรื่อยเปื่อยกับแมลงตรงหน้า ไม่แม้จะหันไปมองดูผู้มาเยือนว่าเป็นใคร เพราะเขารู้ดีอยู่แล้ว นอกจากนางแล้วไม่มีทางเป็นผู้อื่น
“ บ้าจริงกาเอล เจ้าทำข้าตกใจแทบตาย คิดจะทำอะไรกันนะ ”
เสียงของนางเจื้อยแจ้ว
ตั้งแต่ยังเดินไม่พ้นม่านกั้นประตูเข้ามา
หนุ่มน้อยคนนี้ตอบสนองนางด้วยความเงียบ
เมื่อสตรีชุดแดงเดินเข้ามาถึงกลางห้อง
และมองเห็นสิ่งที่กองอยู่บนโต๊ะ
นางถึงกับอุทานออกมา
“ นี่มันอะไรกัน ”
“ กำลังฆ่าเวลาอยู่ ”
เขาตอบ
“ ไม่ใช่ละ โถแมลงตัวน้อยที่น่าสงสาร พวกเจ้าทำอะไรผิดไปหรือ กาเอลใยเจ้าโหดร้ายนัก ”
นางต่อว่าเขา
แต่สีหน้าของนางนั้นขัดกับน้ำเสียงยิ่ง
“ เจ้าว่าสิ่งนี้น่าสนใจหรือไม่ แค่ไฟกองเล็กๆ กินก็ไม่ได้บินเข้าใกล้อาจถึงตาย เหตุใดจึงดึงดูดแมลงพวกนี้ ”
กาเอลถาม
“ แล้วมันต่างจากเจ้าตรงไหน สิ่งที่ทำอันตรายนัก คิดจะทำลายอนุสาวรีย์เรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้าไม่ปรึกษาข้า ”
“ ทำไมล่ะ กลัวข้าตายหรืออย่างไร ”
“ ใช่ ”
สตรีชุดแดงตอบเสียงเฉียบขาด
“ ข้าน่ะ มีเจ้าเพียงคนเดียวนะ ถ้าเกิดเสียเจ้าไป ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร หากวันนั้นข้าตามไปไม่ทันคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น ”
“ คำหวานเคลือบยาพิษของเจ้า ข้าไม่เชื่อหรอก เสียข้าไปแค่คนเดียวเจ้ากระดิกนิ้วเรียกใครมาแทนก็ได้ เกรงแต่ว่าจะเลือกไม่ถูกเท่านั้นเอง ”
คนสวมหน้ากากว่า
“ กาเอลนะกาเอล ข้าไม่ได้เลือกเจ้าเพราะเจ้าเก่ง แต่ข้าเลือกเพราะข้ารักเจ้าต่างหากล่ะ โชคชะตาที่เลวร้ายทำหัวใจของเจ้าด้านชาจนสิ่งดีๆ ที่ข้าทำไม่อาจซึมลงไปหรืออย่างไร ข้าน่ะไม่เคยทุ่มเทเพื่อใครมากเท่านี้และสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในชีวิตของข้าก็ได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อเจ้าอยู่ตรงหน้า อย่าทำให้ข้าต้องปวดใจมากไปกว่านี้เลยนะเด็กชายตัวน้อยๆ ของข้า ”
“ ถ้อยคำเหล่านี้ ข้าได้ยินเสมอเวลาเจ้าอยู่ตามลำพังกับชายหนุ่ม และรู้เอาไว้ด้วยว่าข้าไม่ใช่ของเล่นของใคร ”
“ ตายจริงแอบฟังข้าหรอกหรือ ปากบอกไม่ แต่ในใจก็อยากรู้อยู่ไม่น้อยสินะ ”
นางนั่งลงตรงหน้าเขา
วาดนิ้วเรียวงามไปบนลำคอแข็งแกร่งของคู่สนทนา
“ แล้วเจ้าไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้น ”
กาเอลถามพลางผลักมือของหญิงงามออกไปห่างๆ
แต่สตรีชุดแดงกลับรวบมือของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ ข้าปรารถนารสจูบของเจ้า ”
เสียงของนางเย้ายวนนัก
“ ฝันไปเถอะ ”
หนุ่มน้อยคนนั้นตอบแบบไร้เยื่อใย
“ ทำไมล่ะ ข้ารักเจ้านะไม่มีทางคิดร้ายกับเจ้าอย่างแน่นอน ”
“ เอาความรักของเจ้ากองไว้ตรงนั้นเถอะแม่คนงาม ข้ามีเรื่องอื่นมากมายต้องทำ สิ่งไร้สาระพรรค์นี้ไม่ได้อยู่ในหัวสักนิด บอกมาสักทีเจ้าไปทำอะไรที่นั่น ข้าเบื่อวิธีเล่นแง่ของเจ้าแล้ว ”
“ ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ ข้าก็ตามดารีลไปน่ะสิ โอ้! หนุ่มน้อยที่งดงามที่สุดในโอรีเวีย ”
“ เพื่อ ”
แม้สีหน้าจะซ่อนในหน้ากาก
แต่น้ำเสียงนั้นขุ่นจัด
แววตาของสตรีชุดแดงเบิกกว้าง
พร้อมกับรอยยิ้มสมใจ
“ เจ้าหึงหวงข้านี่นา ถึงว่าสิ คืนนี้จึงนั่งรอข้าอยู่นานสองนาน แอบรักข้าสินะหลงรักข้าอยู่หรือเปล่า ”
“ หุบปากไปเลย ข้าพุ่งเป้าไปที่อนุสาวรีย์แต่เจ้ากลับโจมตีบ้านหลังนั้นที่อยู่นอกกำแพง บอกข้าทีว่าเรากำลังทำเรื่องเดียวกันอยู่ เจ้าเองที่กล่าวหาว่าข้าเดินนอกแผน แล้วสิ่งที่ทำวันนั้นมันอยู่ในแผนตั้งแต่เมื่อไหร่เหตุใดข้าจึงไม่รู้เรื่องมาก่อน ข้าต้องการคำอธิบายดีๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะเดือดให้เจ้าได้เห็น ”
“ กาเอล ตอนเป็นเด็กเจ้าน่ารักจะตาย ใครจะนึกว่าตอนนี้กลายเป็นหนุ่มน้อยเลือดร้อนเสียแล้ว ”
เจ้าของร่างสูงไม่ตอบ
แต่จ้องหน้าสตรีชุดแดงอยู่อย่างนั้น
“ ก็ได้ๆ ข้าแค่อยากทดสอบอะไรบางอย่าง ผลที่ได้มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เจ้าอยากฟังเรื่องไหนก่อนล่ะ ”
“ แล้วแต่เจ้าสิ ”
กาเอลว่าพลางยกมือขึ้นกอดอก
ยืดกายขึ้นแสดงท่าทีว่ากำลังตั้งใจฟัง
“ เด็กโง่ เจ้าจะจริงจังอะไรหนักหนาไม่รู้จักมุกตลกเลยหรือไง ”
นางท้วง
“ ไม่รู้และไม่สนด้วย ”
หนุ่มน้อยคนนั้นตอบหน้าตาเฉย
สตรีชุดแดงถอนหายใจแล้วว่า
“ ข้าแค่อยากรู้ความสามารถของดารีลเท่านั้น ข่าวดีของการทดสอบนี่คือ เขาสามารถควบคุมพลังของอัญมณีได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ”
“ ข่าวร้ายล่ะ ”
“ เขาใช้มันหยุดข้า ”
เสียงของนางนั้นแสนงอน
แต่กาเอลกลับหัวเราะ
“ นี่ข้าสมควรต้องสมเพชหรือเวทนาเจ้าดี บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับหมอนั่น ถ้าอยากให้มันตายก็แค่บอกมาข้าสามารถจัดการให้อย่างสาสมแก่ใจเจ้า ”
“ ข้าพูดเมื่อไหร่ว่าอยากให้เขาตาย เจ้าดึงมาฝั่งเราไม่ได้หรือ ข้าเชื่อมั่นในความฉลาดของเจ้า ”
“ ไม่ ”
“ ทำไม่ได้หรือไม่ทำ ”
“ ก็ทั้งสองอย่างรวมกันนั้นแหละ ข้ามีปลายทางสำหรับเจ้านั่นอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็หนีความตายไม่พ้น เว้นเสียแต่ว่าข้าจะเป็นฝ่ายที่ตายไปก่อน ฉะนั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแผนอย่างแน่นอน ”
“ น่าเสียดายจริงดารีลออกจะน่ารัก เจ้าอย่าเพิ่งรีบลงมือล่ะ ข้ายังอยากเล่นกับเขาต่อ ”
“ เพ้อเจ้อ ”
หนุ่มน้อยคนนั้นว่า
“ หรือเจ้าอยากให้ข้าเล่นเจ้าแทน ”
นางไม่พูดเปล่า
แต่เคลื่อนกายเข้ามาสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง
ซุกใบหน้าลงบนลำคอ
ลูบไล้ด้วยริมฝีปากลากขึ้นมาจนถึงหลังใบหู
กาเอลนั้นเท้าแขนข้างหนึ่งกับโต๊ะ
ด้วยท่าทีสุดแสนเหนื่อยหน่าย
สตรีชุดแดงค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่าง
กลายเป็นสาวน้อยวันสิบสามที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
“ หรือเจ้าชอบแบบนี้ ”
นางช้อนตาขึ้นมองดูเขา
มีประกายเชิญชวนอยู่ในนั้น
“ เจ้าก็รู้ว่าข้าชอบของแปลก ไม่แปลงร่างเป็นงูล่ะ เผื่อข้าติดใจ ”
“ แบบนี้หรือ ”
ร่างของนางเปลี่ยนไปอีก
กลายเป็นสาวน้อยที่มีหางเป็นงู
“ เล็กกว่านี้สิ แบบนี้โยนลงหม้อไม่ถนัด ”
สตรีชุดแดงลุกพรวดขึ้น
กลายร่างเป็นหญิงงามวัยกลางคนเช่นเดิม
“ เจ้าชอบทำข้าหมดอารมณ์อยู่เรื่อย ”
นางทำหน้าบูดแล้วกลับไปนั่งลงตรงที่เดิม
“ สิ่งที่ข้าอยากรู้ตอนนี้ก็ได้รู้แล้ว และเจ้าเองคงหมดธุระกับข้า จึงได้ทำตัวเลอะเทอะเพราะฉะนั้นข้าจึงต้องไปล่ะ ขอเตือนอีกครั้งว่าอย่าเข้าใกล้ดารีล หมอนั่นควบคุมยากมีเจ้าเข้าไปป่วนเกรงว่าแผนที่สู้อุตส่าห์สร้างมาจะพังเอาง่ายๆ ”
กาเอลลุกขึ้น
แต่ถูกคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน
“ นั่งลง ”
นางบอก
“ ข้าคิดถึงเจ้า นานแล้วที่เราไม่ได้พูดคุยกันแบบนี้ อย่าทำเหมือนข้าเป็นคนอื่นเลยนะ ”
“ เดือนที่แล้วเรายังพบกันนี่นา ล่าสุดก็ในป่าแดงนั่น ผ่านมายังไม่ถึงเดือนทำเป็นลืมแล้ว ”
“ เราควรอยู่ด้วยกันทุกคืนมิใช่หรือ ข้าเหงา นี่ก็เข้าหน้าหนาวแล้ว เจ้าจะใจร้ายปล่อยข้านอนคนเดียวแบบนี้ได้อย่างไร อย่าไปไหนเลย ข้าไม่กวนใจเจ้าหรอก ”
นางอ้อนวอน
“ บอกมาสิว่าชอบแบบไหน ข้าจะไปลากคอมาให้ ต้องการสักกี่คนจึงจะอุ่นถึงใจเจ้า ”
“ ขอดารีลคนเดียวก็พอ ”
กาเอลถึงกับหันขวับ
“ เป็นอะไรไป ข้าพูดผิดหรือ ”
หนุ่มน้อยผู้สวมหน้ากากประหลาดจึงนั่งลง
แต่ไม่พูดจาอะไร
“ เวลาเจ้าทำตัวแสนงอนนี่น่ารักที่สุด ”
นางยังเจื้อยแจ้ว
แต่ไร้การตอบสนองของอีกฝั่ง
“ ก็ได้ ข้าอยากพูดกับเจ้าเรื่องอนุสาวรีย์นั่น เจ้าก็รู้ดีว่าพลังของเจ้าไม่สามารถทำลายมันได้ แต่ก็ยังดันทุรังไม่รู้ทำไปเพื่ออะไรทั้งที่เจ้าเองก็ไม่ใช่คนโง่ ”
สตรีชุดแดงว่า
“ แต่ถ้าเจ้าต้องการอย่างนั้นข้าสามารถช่วยเจ้าได้ ”
นางกลิ้งอัญมณีสีแดงเม็ดหนึ่งไปตรงหน้ากาเอล
“ เพราะความผิดพลาดของข้าทำให้เจ้าเสียมันไป แต่ข้าไม่ได้พลาดอยู่ตลอดหรอก เพื่อเจ้าแล้วย่อมมีทางแก้ไขเสมอ หนึ่งชิ้นตรงนี้แล้วไปเอาชิ้นที่สองจากอนุสาวรีย์ ส่วนที่เหลือก็ง่ายแล้ว ”
กาเอลหยิบมันขึ้นมาพิจารณา
แล้วโยนกลับไปให้นาง
“ เก็บไว้ก่อนเถอะ ข้ายังไม่จำเป็นต้องใช้ ”
“ เจ้าไม่สามารถพังอนุสาวรีย์นั้นได้ ด้วยพลังของตัวเองเพียงลำพัง อย่างแน่นอน ”
นางว่า
“ ข้ายังไม่คิดไกลขนาดนั้น แค่อยากรู้ว่าตนเองสามารถขนาดไหน และอย่างที่เห็นมันเกิดรอยร้าวขึ้นมาจนได้ ทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน น่าภูมิใจใช่ไหมล่ะ ”
หนุ่มน้อยบอก
“ เจ้าน่าจะเห็นตัวเองตอนโดนคำสาปสะท้อนกลับ หัวใจข้าแทบหยุดเต้นเลยทีเดียว เจ้านี่มันบ้าชัดๆ ”
“ อย่างน้อยข้าก็ไม่ตาย หรือไม่จริง ”
“ สาบานสิว่าจะไม่ทำอีก ”
เสียงของสตรีชุดแดงดูจริงจังเข้มงวด
“ ข้าไม่ใช่เด็กอมมือ เจ้าไม่จำเป็นต้องเตือนเรื่องนี้ ”
“ ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นข้ามีอีกเรื่องต้องเตือนเจ้า เกี่ยวกับเจ้าหญิงแสนสวยที่น่าสงสารพระองค์หนึ่ง นางสมควรได้รับการปลดปล่อยจากความเศร้าระทมทั้งปวง ”
สตรีนางนั้นวางมีดเงินประดับเพชรพลอยเล่มเล็กๆ ลง
แล้วเลื่อนไปตรงหน้าเขา
“ ล้อข้าเล่นหรือเปล่า ถ้าใช้สิ่งนี้บั่นคอนาง พนันให้เลยว่ามีดคงได้หักก่อนนางตาย เจ้านี่ใจร้ายนัก กว่านางจะตายคงใช้เวลานานโขกับมีดปอกผลไม้เล็กๆ และสภาพศพคงดูไม่ได้เจ้าไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้รึไง ”
กาเอลพูดเรื่อยๆ
ราวกับว่าการสังหารใครสักคนมันปรกติธรรมดาเหลือเกิน
“ มีดอาบยาพิษร้ายแรง เจ้ารู้วิธีใช้อยู่แล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่เจ้าเลย อยากให้นางตายอย่างสวยงามหรือจะถลกหนังหน้าออกมาทำหน้ากากก็ตามแต่ ”
หนุ่มน้อยผู้สวมหน้ากากเหล็กจึงหยิบมีดขึ้นมา
“ พวกผู้หญิงนี่นะ ละทิ้งความงามไม่ได้สักเรื่องเลย ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่เขาก็เก็บมีดไป
ในคืนนี้ของโอรีเวีย
แม้จะมีพระจันทร์เต็มดวง
แต่เมฆหมอกได้บดบังแสงไปจนสิ้นแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ