โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.58K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
110) เรื่องราวในวันนั้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโลธอร์และอีเลียสอาสาช่วยยกของขึ้นมาส่งที่ห้อง มันเป็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง มีเตียงสองชั้นตั้งคู่กันสองเตียงอยู่ในห้องนั้น แต่เตียงคู่หนึ่งเหมือนมีคนใช้งานอยู่
“ ข้าบอกคนดูแลไปแล้ว ว่าเจ้าจะนอนอยู่ห้องเดียวกับพวกเรา ”
โลธอร์ว่า
ฟีไลร่านั่งลงบนขอบเตียง
ส่วนพี่สาวของนางยืนกอดอกอยู่ตรงขอบประตู
“ แล้วนั่นเตียงของใคร ”
ฟิโลโซเฟอร์ชี้เตียงที่ยังว่างอยู่
“ ไม่มีใครหรอก เมื่อก่อนพวกเขาจัดให้นอนห้องละสี่คน ตอนนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเด็กนักเรียนมีน้อยลงเรื่อยๆ ห้องก็เลยว่าง ”
เลโอน่าบอก
“ แต่เจ้าไม่เคยบอกพวกเราเลยนะ เรื่องพ่อมดคนนั้นนะ ตอนพ่อมดน้อยดารีลก็ทีหนึ่งละ ”
อีเลียสต่อว่า
“ เขารู้จักกับพ่อของข้าต่างหากเล่า อีกอย่าง ข้าไม่นึกว่ามันจำเป็นที่จะต้องเล่ารายละเอียดว่า ข้ารู้จักใครที่ไหนอย่างไรบ้าง เรื่องบางเรื่องมันก็ยิบย่อยเกินไป ”
เด็กชายแก้
“ เรื่องของผู้ใช้เวทมนตร์ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สามารถคุยโอ่ได้ยันแก่ตาย จริงสิเรื่องสตรีชุดแดงคนนั้น นางเป็นแม่มดสินะ เจ้ารู้จักผู้ใช้เวทมนตร์กี่คนกันแน่ ทำตัวเป็นคนแสนธรรมดาแต่รอบกายมีแต่คนที่ผู้อื่นไม่อาจเข้าถึง พ่อมดดีมีนกับดารีลก็เป็นสมาชิกสภาสูง ยังไม่นับแม่มดสาวคนนั้นที่ยังระบุตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ พนันได้เลยว่านางก็ไม่ธรรมดา ตกลงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ ”
อีเลียสยังไม่ยอม
“ ข้าไม่รู้จะอธิบายสิ่งเหล่านี้อย่างไร จริงอยู่ตระกูลดั้งเดิมของข้าอาจไม่ธรรมดา แต่มันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ในเวลานี้บิดาของข้าเป็นแค่ชาวไร่คนหนึ่ง แม้จะอ้างได้ว่าเขาเคยเป็นทหารและมีน้องชายที่เป็นถึงผู้พิทักษ์หน้ากากทอง แล้วมันยังไงล่ะชีวิตของข้าก็เป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ไร้ประโยชน์ที่จะไปอ้างถึง ว่าแต่เตียงข้าล่ะ ”
โลธอร์ชี้ไปที่เตียงริมหน้าต่าง
ผ้าม่านปลิวน้อยๆ เพราะบานหน้าต่างถูกแง้มไว้
เขามองผ่านหน้าต่างออกไปเห็นหอคอยแห้งภราดรภาพยังตั้งเด่นตรงนั้น
“ แล้วที่ว่ามีอะไรจะเล่าให้ฟังน่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ทวง
เด็กๆ ต่างหันมองหน้ากัน
ก่อนที่อีเลียสจะเริ่มเล่า
“ ไม่นานหลังจากที่พวกเจ้าออกไปท้องฟ้าก็มืดลง ลมพัดแรงมากมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงๆ แล้วเราก็เห็นพายุหมุน มันเป็นแท่งเรียวยาวเหมือนนิ้วมือพิฆาต ทิ้งตัวลงจากฟากฟ้าตรงอนุสาวรีพอดิบพอดี พวกเราต่างคิดว่าอนุสาวรีย์นั่นคงไม่อยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่เห็นมันยังคงอยู่ แม้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ”
“ ไม่เหมือนเดิม หมายความว่าอย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ นี่เจ้ายังไม่รู้หรือ ”
ฟีไลร่าว่า
“ รู้อะไร แต่เมื่อครู่ตอนผ่านเข้ามาข้าเห็นผู้ใช้เวทมนตร์หลายคนอยู่ที่นั่น นึกประหลาดใจอยู่เหมือนกันว่ามีเหตุสำคัญอะไร ”
“ เรื่องนี้ห้ามพูดมากนะ ”
เลโอน่าบอก
“ รู้เห็นแล้วก็แล้วไป อย่าวิจารณ์เด็ดขาด ทางสภาไม่อยากให้ใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ ”
“ ทำไมล่ะเรื่องมันลึกลับอย่างนั้นเชียว ”
เด็กชายยิ่งรู้สึกอยากรู้
“ อนุสาวรีย์แห่งภราดรภาพเกิดรอยร้าว ”
อีเลียสพูดด้วยเสียงกระซิบ
“ หา ล้อเล่นน่า แค่โดนฟ้าผ่าน่ะนะ เป็นไปไม่ได้หรอก ”
“ เดี๋ยวเจ้าก็จะได้เห็น มันร้าวใหญ่มาก ทางสภาหาทางซ่อมอยู่ตลอดแต่ไม่เป็นผล นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ”
เด็กชายร่างผอมแห้งยืนยัน
“ ข้าเคยได้ยินมาว่า มีผู้คิดทำลายอนุสาวรีย์อยู่ตลอดแต่ไม่เป็นผล แม้แต่รอยขีดข่วนเล็กๆ ก็ไม่เคยเกิดขึ้น แล้วนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แค่โดนพายุกับฟ้าผ่าน่ะหรือ เหลือเชื่อเกินไปแล้ว ”
“ มันไม่ใช่แค่นั้น มันมีมังกรแดงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ”
โลธอร์ว่าบ้าง
“ ไม่ใช่มังกร ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่ามันคือเคอร์คารอล ”
อีเลียสบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
เด็กชายตัวน้อยสะดุ้งในใจ
เป็นมันจริงๆ ด้วย
ไม่ใช่แค่ว่าเขาหลอนไปเอง
“ แล้วตอนเกิดเหตุพวกเจ้าทำอะไรอยู่ที่ไหน ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามเพื่อนๆ
“ ตอนแรกก็ผิงไฟอยู่ตรงโถงรวมด้านล่าง พอได้ยินเสียงมันร้องพวกเราก็หนีขึ้นข้างบน เพราะประตูโถงนั้นกว้างใหญ่พอที่มังกรจะมุดเข้ามาได้ ”
ฟีไลร่าบอก
“ แล้วเจ้าสิ่งนั้นมันพังอนุสาวรีย์ได้อย่างไร ”
“ คืออย่างนี้ ”
ในที่สุดอีเลียสก็เริ่มเล่า
“ ตอนแรกเราเจอกับความวิปริตของสภาพอากาศใช่ไหม อันดับต่อมาเคอร์คารอลปรากฎ หลังจากนั้นผู้ใช้เวทมนตร์ก็แห่กันมา และเจอกับดักค่ายมนตร์ดำตรงฐานของอนุสาวรีย์ พวกเขาต้องสังเวยไปถึงสิบสามคนกว่าจะหยุดมันได้ ส่วนเคอร์คารอลมันแค่บินวนพร้อมกับกรีดร้องเพียงเท่านี้ก็ทำเอาผู้คนหลบกันอลหม่านได้แล้ว ”
“ ก็เล่นบินเลียบไปตามหน้าต่าง แค่เสียงร้องของมันทำเอากระจกแตกกระจุยกระจาย แบบนี้ไม่ให้หลบมันจะใช่หรือ เสียงเจ้าตัวประหลาดนั่นอุบาทแท้ทำข้าเกือบหัวใจวาย ”
โลธอร์บ่น
“ พวกทหารที่ขึ้นไปยิงธนูใส่มันจากบนหลังคาก็ถูกกวาดตกลงมาอย่างกับใบไม้ ”
ฟีไลร่าว่า
“ นั่นน่ะสิ เกิดเรื่องน่ากลัวอย่างนั้น เจ้าอ้วนนี่ยังพยายามปีนออกนอกหน้าต่างให้ได้ ”
เลโอน่าว่าบ้าง
“ จะให้ทำอย่างไรล่ะ ก็ข้าเห็นพ่อมดน้อยดารีลของเราไต่ขึ้นข้างบนเหมือนกัน เขาเป็นเพื่อนรักของเรานี่นาจะปล่อยให้เสี่ยงตายคนเดียวไม่ได้หรอก ถึงอย่างไรก็ต้องไปช่วย ”
“ เขาเป็นผู้พิทักษ์หน้ากากทองเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ส่วนเจ้าน่ะขึ้นไปก็เป็นภาระเฉยๆ ”
นางกล่าว
“ เขาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ต่างหากล่ะ ไม่ถนัดต่อสู้แบบนั้นหรอก ตำแหน่งนั่นได้มาเพราะใช้เส้นสายมิใช่หรือ ”
โลธอร์เถียง
“ ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ ก่อนมาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์เขาเคยเป็นนักฆ่ามาก่อน ในหมู่ผู้พิทักษ์หน้ากากทองเล่าลือกันว่า ดารีลนั้นโหดสุดเลือดเย็นสุด เมื่อก่อนเขาไม่ใช่อย่างนี้หรอก คนเดียวที่เขาอ่อนโยนด้วยมีเพียงเจ้าหญิงลูเซียน่าเท่านั้น ไม่รู้เพราะเหตุใดช่วงหลังๆ มาคนผู้นี้ดูเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน ”
อีเลียสว่า
“ เลิกพูดถึงดารีลแบบนั้นเสียทีเถอะ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยขอ
“ สิ่งที่ผู้คนพูดถึงเขามันสามารถดังไปถึงเขาได้ในวันใดวันหนึ่ง พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก ดารีลมักจะเปรียบเปรยตัวเองเป็นในสิ่งที่ผู้คนนินทาลับหลัง แม้แต่คำพูดของเจ้าชายเอลานอสที่กล่าวหาว่าเขาเป็นบุตรของสตรีชั้นต่ำ เขาก็ยังเก็บเอาไว้ ดารีลเขามีความรู้สึกนะ เพียงแต่บางครั้งเขาเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ความเย็นชาที่ปรากฏนั้นไม่ใช่ตัวตนของเขา แต่เป็นผู้คนรอบข้างที่หล่อหลอมมันขึ้นมา ”
“ เจ้าต่างหากที่ไม่เข้าใจฟิโลโซเฟอร์ พ่อมดน้อยคนนั้นกำลังสวมหน้ากาก คนที่ปิดบังตัวตนที่แท้จริงย่อมมีเหตุผลของตัวเอง จริงๆ แล้วคนผู้นั้นเป็นคนอันตรายนะ ”
เจ้าเด็กร่างผอมแห้งพยายามอธิบาย
“ ใครไม่สวมหน้ากากบ้าง ”
ฟีไลร่าว่า
“ ทุกคนล้วนมีด้านมืดเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ตัวตนที่แท้จริงน่ะไม่มีหรอก ทุกคนย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาและสถานที่กันทั้งนั้น ”
ก่อนที่เด็กๆ จะเริ่มทะเลาะกัน
ฟิโลโซเฟอร์ก็เปลี่ยนเรื่อง
“ เจ้ายังไม่เล่าเลยว่าเรื่องวันนั้นจบลงได้อย่างไร ”
“ มันจบลงดื้อๆ เหมือนตอนที่มันเริ่มนั้นแหละ การโจมตีทุกอย่างหยุดอย่างฉับพลัน พร้อมกับเคอร์คารอลที่บินจากไป คนผู้นั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทุ่มพลังเสี่ยงชีวิตขนาดนั้นแต่ไม่ได้อะไรเลย ”
เลโอน่าว่าบ้าง
“ ใครว่าล่ะ อนุสาวรีย์ที่แข็งแกร่งที่สุดแตกร้าวตั้งแต่ปลายยอดลากลงมาถึงฐาน ไร้ทางแก้ไขซ่อมแซม ตอนนี้ผู้คนได้รู้จักเขาในนามกาเอลบุตรแห่งควอซาร์ทายาทผู้รอดชีวิตจากเมืองคาเล นี่เป็นการเปิดเผยตัวตนครั้งแรก เพียงก้าวเล็กๆ ก็สามารถสะเทือนทั้งแผ่นดิน ส่วนก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไรข้าไม่อยากจะคิด เคอร์คารอลที่ปรากฏตัวช่วยยืนยันว่าใครคอยหนุนหลัง ซาเหวจลอร์ดก็เป็นเช่นนี้ยุคมืดกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว ”
เด็กน้อยร่างผอมที่รอบรู้ที่สุดกล่าว
“ มีใครเห็นดารีลบ้าง หลังจากจบเรื่องแล้วเขาเป็นอย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามในสิ่งที่เขากังวลใจ
“ เจ้าบ้านั่นลงมาเป็นคนสุดท้ายด้วยสภาพบาดเจ็บหนัก ข้าเห็นทหารคุ้มกันของเขา พากลับบ้านอย่างด่วนเลย ”
โลธอร์บอก
“ มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น ทั้งที่ยังไม่หายดีนักดารีลก็หายตัวไป คนของลอร์ดเดเวอร์ลอสและสภาตามหากันให้ควั่กแต่ก็ไม่พบ หายไปหลายวันเสียด้วย จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้านั่นในสภาพนั้น ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ”
เด็กชายตัวน้อยได้ฟังแล้วจุกแน่นในอก
ดารีลแม้จะบาดเจ็บก็ยังดันทุรังตามไปช่วย
นึกถึงภาพดารีลที่ดิ้นทุรนทุรายในบ้านของเขายิ่งเศร้าหนัก
ขออย่าให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกเลย
ถ้าวันนั้นเจ้าต้องตายไปจริงๆ
ข้าคงไม่สามารถอภัยให้กับตัวเอง
ที่ไม่อาจปกป้อง
อะไรได้เลย
ดารีลข้าสาบานต่อเจ้า
ข้าจะต้องแกร่งกว่านี้
เพื่อวันข้างหน้า
ข้าจะปกป้องเจ้าเอง
“ ข้าบอกคนดูแลไปแล้ว ว่าเจ้าจะนอนอยู่ห้องเดียวกับพวกเรา ”
โลธอร์ว่า
ฟีไลร่านั่งลงบนขอบเตียง
ส่วนพี่สาวของนางยืนกอดอกอยู่ตรงขอบประตู
“ แล้วนั่นเตียงของใคร ”
ฟิโลโซเฟอร์ชี้เตียงที่ยังว่างอยู่
“ ไม่มีใครหรอก เมื่อก่อนพวกเขาจัดให้นอนห้องละสี่คน ตอนนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเด็กนักเรียนมีน้อยลงเรื่อยๆ ห้องก็เลยว่าง ”
เลโอน่าบอก
“ แต่เจ้าไม่เคยบอกพวกเราเลยนะ เรื่องพ่อมดคนนั้นนะ ตอนพ่อมดน้อยดารีลก็ทีหนึ่งละ ”
อีเลียสต่อว่า
“ เขารู้จักกับพ่อของข้าต่างหากเล่า อีกอย่าง ข้าไม่นึกว่ามันจำเป็นที่จะต้องเล่ารายละเอียดว่า ข้ารู้จักใครที่ไหนอย่างไรบ้าง เรื่องบางเรื่องมันก็ยิบย่อยเกินไป ”
เด็กชายแก้
“ เรื่องของผู้ใช้เวทมนตร์ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สามารถคุยโอ่ได้ยันแก่ตาย จริงสิเรื่องสตรีชุดแดงคนนั้น นางเป็นแม่มดสินะ เจ้ารู้จักผู้ใช้เวทมนตร์กี่คนกันแน่ ทำตัวเป็นคนแสนธรรมดาแต่รอบกายมีแต่คนที่ผู้อื่นไม่อาจเข้าถึง พ่อมดดีมีนกับดารีลก็เป็นสมาชิกสภาสูง ยังไม่นับแม่มดสาวคนนั้นที่ยังระบุตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ พนันได้เลยว่านางก็ไม่ธรรมดา ตกลงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ ”
อีเลียสยังไม่ยอม
“ ข้าไม่รู้จะอธิบายสิ่งเหล่านี้อย่างไร จริงอยู่ตระกูลดั้งเดิมของข้าอาจไม่ธรรมดา แต่มันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ในเวลานี้บิดาของข้าเป็นแค่ชาวไร่คนหนึ่ง แม้จะอ้างได้ว่าเขาเคยเป็นทหารและมีน้องชายที่เป็นถึงผู้พิทักษ์หน้ากากทอง แล้วมันยังไงล่ะชีวิตของข้าก็เป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ไร้ประโยชน์ที่จะไปอ้างถึง ว่าแต่เตียงข้าล่ะ ”
โลธอร์ชี้ไปที่เตียงริมหน้าต่าง
ผ้าม่านปลิวน้อยๆ เพราะบานหน้าต่างถูกแง้มไว้
เขามองผ่านหน้าต่างออกไปเห็นหอคอยแห้งภราดรภาพยังตั้งเด่นตรงนั้น
“ แล้วที่ว่ามีอะไรจะเล่าให้ฟังน่ะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ทวง
เด็กๆ ต่างหันมองหน้ากัน
ก่อนที่อีเลียสจะเริ่มเล่า
“ ไม่นานหลังจากที่พวกเจ้าออกไปท้องฟ้าก็มืดลง ลมพัดแรงมากมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงๆ แล้วเราก็เห็นพายุหมุน มันเป็นแท่งเรียวยาวเหมือนนิ้วมือพิฆาต ทิ้งตัวลงจากฟากฟ้าตรงอนุสาวรีพอดิบพอดี พวกเราต่างคิดว่าอนุสาวรีย์นั่นคงไม่อยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่เห็นมันยังคงอยู่ แม้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ”
“ ไม่เหมือนเดิม หมายความว่าอย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ นี่เจ้ายังไม่รู้หรือ ”
ฟีไลร่าว่า
“ รู้อะไร แต่เมื่อครู่ตอนผ่านเข้ามาข้าเห็นผู้ใช้เวทมนตร์หลายคนอยู่ที่นั่น นึกประหลาดใจอยู่เหมือนกันว่ามีเหตุสำคัญอะไร ”
“ เรื่องนี้ห้ามพูดมากนะ ”
เลโอน่าบอก
“ รู้เห็นแล้วก็แล้วไป อย่าวิจารณ์เด็ดขาด ทางสภาไม่อยากให้ใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ ”
“ ทำไมล่ะเรื่องมันลึกลับอย่างนั้นเชียว ”
เด็กชายยิ่งรู้สึกอยากรู้
“ อนุสาวรีย์แห่งภราดรภาพเกิดรอยร้าว ”
อีเลียสพูดด้วยเสียงกระซิบ
“ หา ล้อเล่นน่า แค่โดนฟ้าผ่าน่ะนะ เป็นไปไม่ได้หรอก ”
“ เดี๋ยวเจ้าก็จะได้เห็น มันร้าวใหญ่มาก ทางสภาหาทางซ่อมอยู่ตลอดแต่ไม่เป็นผล นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ”
เด็กชายร่างผอมแห้งยืนยัน
“ ข้าเคยได้ยินมาว่า มีผู้คิดทำลายอนุสาวรีย์อยู่ตลอดแต่ไม่เป็นผล แม้แต่รอยขีดข่วนเล็กๆ ก็ไม่เคยเกิดขึ้น แล้วนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แค่โดนพายุกับฟ้าผ่าน่ะหรือ เหลือเชื่อเกินไปแล้ว ”
“ มันไม่ใช่แค่นั้น มันมีมังกรแดงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ”
โลธอร์ว่าบ้าง
“ ไม่ใช่มังกร ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่ามันคือเคอร์คารอล ”
อีเลียสบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
เด็กชายตัวน้อยสะดุ้งในใจ
เป็นมันจริงๆ ด้วย
ไม่ใช่แค่ว่าเขาหลอนไปเอง
“ แล้วตอนเกิดเหตุพวกเจ้าทำอะไรอยู่ที่ไหน ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามเพื่อนๆ
“ ตอนแรกก็ผิงไฟอยู่ตรงโถงรวมด้านล่าง พอได้ยินเสียงมันร้องพวกเราก็หนีขึ้นข้างบน เพราะประตูโถงนั้นกว้างใหญ่พอที่มังกรจะมุดเข้ามาได้ ”
ฟีไลร่าบอก
“ แล้วเจ้าสิ่งนั้นมันพังอนุสาวรีย์ได้อย่างไร ”
“ คืออย่างนี้ ”
ในที่สุดอีเลียสก็เริ่มเล่า
“ ตอนแรกเราเจอกับความวิปริตของสภาพอากาศใช่ไหม อันดับต่อมาเคอร์คารอลปรากฎ หลังจากนั้นผู้ใช้เวทมนตร์ก็แห่กันมา และเจอกับดักค่ายมนตร์ดำตรงฐานของอนุสาวรีย์ พวกเขาต้องสังเวยไปถึงสิบสามคนกว่าจะหยุดมันได้ ส่วนเคอร์คารอลมันแค่บินวนพร้อมกับกรีดร้องเพียงเท่านี้ก็ทำเอาผู้คนหลบกันอลหม่านได้แล้ว ”
“ ก็เล่นบินเลียบไปตามหน้าต่าง แค่เสียงร้องของมันทำเอากระจกแตกกระจุยกระจาย แบบนี้ไม่ให้หลบมันจะใช่หรือ เสียงเจ้าตัวประหลาดนั่นอุบาทแท้ทำข้าเกือบหัวใจวาย ”
โลธอร์บ่น
“ พวกทหารที่ขึ้นไปยิงธนูใส่มันจากบนหลังคาก็ถูกกวาดตกลงมาอย่างกับใบไม้ ”
ฟีไลร่าว่า
“ นั่นน่ะสิ เกิดเรื่องน่ากลัวอย่างนั้น เจ้าอ้วนนี่ยังพยายามปีนออกนอกหน้าต่างให้ได้ ”
เลโอน่าว่าบ้าง
“ จะให้ทำอย่างไรล่ะ ก็ข้าเห็นพ่อมดน้อยดารีลของเราไต่ขึ้นข้างบนเหมือนกัน เขาเป็นเพื่อนรักของเรานี่นาจะปล่อยให้เสี่ยงตายคนเดียวไม่ได้หรอก ถึงอย่างไรก็ต้องไปช่วย ”
“ เขาเป็นผู้พิทักษ์หน้ากากทองเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ส่วนเจ้าน่ะขึ้นไปก็เป็นภาระเฉยๆ ”
นางกล่าว
“ เขาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ต่างหากล่ะ ไม่ถนัดต่อสู้แบบนั้นหรอก ตำแหน่งนั่นได้มาเพราะใช้เส้นสายมิใช่หรือ ”
โลธอร์เถียง
“ ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ ก่อนมาเป็นผู้ใช้เวทมนตร์เขาเคยเป็นนักฆ่ามาก่อน ในหมู่ผู้พิทักษ์หน้ากากทองเล่าลือกันว่า ดารีลนั้นโหดสุดเลือดเย็นสุด เมื่อก่อนเขาไม่ใช่อย่างนี้หรอก คนเดียวที่เขาอ่อนโยนด้วยมีเพียงเจ้าหญิงลูเซียน่าเท่านั้น ไม่รู้เพราะเหตุใดช่วงหลังๆ มาคนผู้นี้ดูเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน ”
อีเลียสว่า
“ เลิกพูดถึงดารีลแบบนั้นเสียทีเถอะ ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยขอ
“ สิ่งที่ผู้คนพูดถึงเขามันสามารถดังไปถึงเขาได้ในวันใดวันหนึ่ง พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก ดารีลมักจะเปรียบเปรยตัวเองเป็นในสิ่งที่ผู้คนนินทาลับหลัง แม้แต่คำพูดของเจ้าชายเอลานอสที่กล่าวหาว่าเขาเป็นบุตรของสตรีชั้นต่ำ เขาก็ยังเก็บเอาไว้ ดารีลเขามีความรู้สึกนะ เพียงแต่บางครั้งเขาเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ความเย็นชาที่ปรากฏนั้นไม่ใช่ตัวตนของเขา แต่เป็นผู้คนรอบข้างที่หล่อหลอมมันขึ้นมา ”
“ เจ้าต่างหากที่ไม่เข้าใจฟิโลโซเฟอร์ พ่อมดน้อยคนนั้นกำลังสวมหน้ากาก คนที่ปิดบังตัวตนที่แท้จริงย่อมมีเหตุผลของตัวเอง จริงๆ แล้วคนผู้นั้นเป็นคนอันตรายนะ ”
เจ้าเด็กร่างผอมแห้งพยายามอธิบาย
“ ใครไม่สวมหน้ากากบ้าง ”
ฟีไลร่าว่า
“ ทุกคนล้วนมีด้านมืดเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ตัวตนที่แท้จริงน่ะไม่มีหรอก ทุกคนย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาและสถานที่กันทั้งนั้น ”
ก่อนที่เด็กๆ จะเริ่มทะเลาะกัน
ฟิโลโซเฟอร์ก็เปลี่ยนเรื่อง
“ เจ้ายังไม่เล่าเลยว่าเรื่องวันนั้นจบลงได้อย่างไร ”
“ มันจบลงดื้อๆ เหมือนตอนที่มันเริ่มนั้นแหละ การโจมตีทุกอย่างหยุดอย่างฉับพลัน พร้อมกับเคอร์คารอลที่บินจากไป คนผู้นั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทุ่มพลังเสี่ยงชีวิตขนาดนั้นแต่ไม่ได้อะไรเลย ”
เลโอน่าว่าบ้าง
“ ใครว่าล่ะ อนุสาวรีย์ที่แข็งแกร่งที่สุดแตกร้าวตั้งแต่ปลายยอดลากลงมาถึงฐาน ไร้ทางแก้ไขซ่อมแซม ตอนนี้ผู้คนได้รู้จักเขาในนามกาเอลบุตรแห่งควอซาร์ทายาทผู้รอดชีวิตจากเมืองคาเล นี่เป็นการเปิดเผยตัวตนครั้งแรก เพียงก้าวเล็กๆ ก็สามารถสะเทือนทั้งแผ่นดิน ส่วนก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไรข้าไม่อยากจะคิด เคอร์คารอลที่ปรากฏตัวช่วยยืนยันว่าใครคอยหนุนหลัง ซาเหวจลอร์ดก็เป็นเช่นนี้ยุคมืดกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว ”
เด็กน้อยร่างผอมที่รอบรู้ที่สุดกล่าว
“ มีใครเห็นดารีลบ้าง หลังจากจบเรื่องแล้วเขาเป็นอย่างไร ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามในสิ่งที่เขากังวลใจ
“ เจ้าบ้านั่นลงมาเป็นคนสุดท้ายด้วยสภาพบาดเจ็บหนัก ข้าเห็นทหารคุ้มกันของเขา พากลับบ้านอย่างด่วนเลย ”
โลธอร์บอก
“ มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น ทั้งที่ยังไม่หายดีนักดารีลก็หายตัวไป คนของลอร์ดเดเวอร์ลอสและสภาตามหากันให้ควั่กแต่ก็ไม่พบ หายไปหลายวันเสียด้วย จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้านั่นในสภาพนั้น ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ”
เด็กชายตัวน้อยได้ฟังแล้วจุกแน่นในอก
ดารีลแม้จะบาดเจ็บก็ยังดันทุรังตามไปช่วย
นึกถึงภาพดารีลที่ดิ้นทุรนทุรายในบ้านของเขายิ่งเศร้าหนัก
ขออย่าให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกเลย
ถ้าวันนั้นเจ้าต้องตายไปจริงๆ
ข้าคงไม่สามารถอภัยให้กับตัวเอง
ที่ไม่อาจปกป้อง
อะไรได้เลย
ดารีลข้าสาบานต่อเจ้า
ข้าจะต้องแกร่งกว่านี้
เพื่อวันข้างหน้า
ข้าจะปกป้องเจ้าเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ