โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
105) บ้านสหายเก่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในหัวของอาเธอร์นึกถึงมีเพียงที่เดียว แม้ไม่รู้แน่ว่าบ้านของพ่อมดน้อยดารีลอยู่ไหน แต่เขารู้ว่าบ้านดาเรนอยู่ที่ใด คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนของอาเธอร์ หลังจากเหตุการณ์รอดตายในพายุหิมะครั้งนั้นพวกเขาก็รู้จักกันมากขึ้น แต่ดาเรนเป็นคนเก่งที่มักเก็บตัวเงียบ นั่นเป็นเพราะในวัยเด็กเขามักจะถูกล้อเลียนเกี่ยวกับใบหน้าที่ผิดปรกติ
ที่แห่งนี้ดูเปลี่ยนไปมากมันเต็มไปด้วยดอกไม้ผลไม้ โคมไฟและแพรหลากสี จากเมื่อก่อนเคยมีรูปปั้นท่าทางน่าเกลียดน่ากลัว และประดับประดาด้วยอาวุธนานาชนิด
อาเธอร์รู้สึกถึงความไม่คุ้นตาและบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขารู้ว่าในเวลานี้ดารีลคือคนที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง คฤหาสน์แห่งนี้ดำเนินไปในทิศทางที่พ่อมดน้อยกำหนด ดารีลนั้นแตกต่างจากดาเรนในหลายๆ อย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือเข้าถึงและเข้าใจได้ยาก
หนุ่มใหญ่วัยสามสิบกว่าคนนี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกับลูกชายเพื่อนเก่า อีกทั้งไม่คาดหวังว่าจะคุ้นเคยกันได้ เพราะเขาคนนั้นเป็นถึงผู้ใช้เวทมนต์ แต่เมื่อเขาฟื้นจากไข้สิ่งแรกที่เห็นก็คือดารีลกับบุตรชายของเขา อาเธอร์ได้แต่ประหลาดใจ ว่าคนทั้งสองแอบไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ จริงอยู่ว่าพ่อมดน้อยเคยมาที่บ้าน แต่ก็ด้วยท่าทีที่เหมือนถูกบังคับ
น่าประหลาดที่การพบกันครั้งล่าสุด กลับแสดงให้เห็นว่าเขาคุ้นเคยกับฟิโลโซเฟอร์เป็นอย่างดี อาเธอร์นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกเขาไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่
อาเธอร์หยุดม้าตรงหน้าซุ้มประตู
และกำลังจะก้าวผ่านเข้าไป
“ เจ้าเข้าไปไม่ได้ ”
ทหารยามคนหนึ่งว่า
เขาคนนั้นสวมหน้ากากกระเบื้องสีขาว
ซึ่งอาเธอร์ก็ไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด
“ นี่เจ้าเองหรือ ”
ทหารยามอีกคนจำเขาได้
“ วันนี้ร้านหยุดทำการ นายน้อยของเราก็ไม่สบาย ไม่สะดวกพบคนแปลกหน้า ”
“ คนที่จะพบนายน้อยได้ต้องมีจดหมายนัดเท่านั้นเจ้ามีหรือไม่ ”
“ ข้าไม่มีจดหมายแต่ข้ามีธุระสำคัญ ”
อาเธอร์ว่า
“ใครๆ ก็พูดแบบนี้ ”
เขาทำเสียงดูถูกพลางชักดาบ
“ เฮ้ ใจเย็นสิพวกข้าไม่มีอาวุธ ”
อาเธอร์ว่าพลางกางมือออก
“ ข้าไม่สน คนที่ตั้งใจมาก่อกวนที่นี่ต้องโดนสั่งสอน ”
“ สมแล้วที่เป็นนักฆ่า พวกเจ้าคงถูกฝึกให้สังหารใครก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่เด็กคนชราและสตรีมีครรภ์สินะ ในเมื่อข้าไม่ประสงค์จะสู้ อีกทั้งยังไร้อาวุธติดตัวพวกเจ้าก็ยังดันทุรัง ”
“ อัลวาร์ตส่งดาบให้มัน ”
คนตัวใหญ่กว่าว่า
ดาบเล่มหนึ่งจึงถูกโยนให้อาเธอร์
“ ถ้าชนะหมายถึงข้าจะได้พบกับดารีลหรือเปล่าล่ะ ”
“ หุบปากไปเลย เหตุใดไม่ถามล่ะว่าถ้าแพ้นี่ถึงตายหรือไม่ ”
คนร่างใหญ่ที่สุดว่าพลางชักดาบ
ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย
ก็มีถ้วยชาราคาแพงหล่นลงมาตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง
เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้น
ก็เห็นร่างหนึ่งในชุดคลุมยาวสีเข้มนั่งอยู่เหนือซุ้มประตู
เขาทิ้งตัวลงมาที่พื้นจากความสูงขนาดนั้นได้อย่างนุ่มนวล
ด้วยท่วงท่าที่ชวนให้คิดถึงแอสเธอลาสน้องชายของอาเธอร์
“ ท่านบอกให้ข้านอนพักผ่อน แต่ตอนนี้กลับส่งเสียงดัง อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ”
ดารีลเสียงดุ
“ ขออภัยด้วยตอนนี้เรามีผู้ก่อกวน ”
“ แล้วท่านจัดการกับปัญหาให้เงียบกว่านี้ไม่ได้หรือ ”
เหล่าทหารยามต่างก้มหน้า
ดารีลจึงหันมาทางอาเธอร์
“ มีอะไรผิดปรกติหรือเหตุใดท่านมาหาข้า ”
“ ข้ามีเรื่องอยากให้ช่วย ที่หมู่บ้านนั่นน่ะมีคนแก่ผู้หนึ่งกำลังจะตาย ”
“ คนแก่ ใกล้ตาย ”
ดารีลทวนคำงงๆ
ครั้นแล้วเขาก็ยิ้มเหนื่อยๆ
“ อาเธอร์ อายุท่านก็มากแล้วแถมผ่านเรื่องราวมามากมาย ข้าไม่นึกเลยว่าต้องบอกสิ่งนี้แก่ท่าน มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องล้วนตาย จะแก่ตายหรือถกฆ่าตายก็สุดแท้แต่ แม้ผู้ใช้เวทมนต์เองก็หลีกหนีไม่พ้น”
“ แต่ชายชราผู้นั้นจะยังแข็งแรงดี ถ้าเขาไม่ป่วยและเขายังเป็นบุคคลสำคัญของหมู่บ้าน ถ้าเขาเป็นอะไรไปชาวบ้านคงเสียศูนย์รวมจิตใจ ดังนั้นถ้าความตายสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ เพื่อประโยชน์ของอีกหลายคนท่านจะไม่กรุณาเลยหรือ ”
“ ท่านขอร้องข้า ”
ดารีลว่า
“ ใช่ ”
หนุ่มใหญ่รับทันที
“ ก็ได้ เอาล่ะเตรียมม้าให้ที ”
“ไม่ได้นะนายน้อย ท่านหายตัวไปเฉยๆ สามสี่วันพอกลับมาแล้วก็ยังจะหายตัวไปอีก แบบนี้จะให้ข้ารายงานว่าอย่างไร ”
ทหารยามร่างใหญ่มีสีหน้าหวาดวิตก
“ แล้วแต่ท่านสิ ข้าไปไม่ไกลหรอกอย่าห่วงเลย ”
“ อย่าบอกนะว่าท่านจะไปยังหมู่บ้านนอกกำแพงนั่น พวกเขาเป็นชนชั้นต่ำ ไม่สมควรที่ท่านจะเกลือกกลั้ว ”
พวกเขาพยายามทักท้วง
“ ข้าไปธุระของข้า และแน่นอนว่าจะไม่มีการสมาคมกับคนเหล่านั้น เอาล่ะทีนี้พอใจหรือยัง ”
ดารีลว่า
เขาเริ่มผิวปากเป็นเพลงเบาๆ
“พวกเราจะไปด้วย ”
คนพวกนั้นยังไม่หยุดพยายาม
“ อย่าดีกว่าที่นั่นสกปรกและเต็มไปด้วยเชื้อโรค ชายผ้าแสนงามล้ำค่าของพวกท่านอาจแปดเปื้อนได้ อย่าห่วงเลยข้าจะรีบไปรีบกลับ ”
“ ข้าจะดูแลนายน้อยของพวกเจ้าให้ดี ”
อาเธอร์รับรอง
ทันใดม้าสีขาวก็พุ่งออกมาหาพวกเขา
ในปากคาบคทาสีเงินออกมาด้วย
ดารีลรับเอาคทานั้น
แล้วกระโดดขึ้นม้าไป
ขณะขี่ม้าตีคู่มากับอาเธอร์
ดารีลก็พูดขึ้นว่า
“ ถ้าเขาตายแล้วนะสาบานเลยว่าข้าจะไม่ปลุกเขาขึ้นมา ”
“ พูดอย่างกับท่านปลุกคนตายได้อย่างนั้นแหละ ”
อาเธอร์ท้วง
“ ข้าพูดเผื่อไว้ใครจะไปรู้ว่าท่านคิดอะไร ”
“ แล้วมีใครเคยปลุกคนตายได้หรือไม่ ”
“ ข้าเคยอ่านจากหนังสือสงครามพันปีเขาว่ามี แต่ที่ลุกขึ้นมาอีกครั้งมักไม่ใช่คน ”
ดารีลว่า
แล้วเขาเองก็กล่าวสิ่งหนึ่งเสริมขึ้นมา
“ ความอยากรู้อยากเห็นฆ่ากระต่ายได้ฉันใด มันก็ฆ่าผู้ใช้เวทมนตร์ได้ฉันนั้น ในตำรากล่าวไว้ว่าเพราะความสงสัยใคร่รู้ของพวกเรา จึงมีผู้ใช้เวทมนตร์บางคนสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาจากซากเก่าที่เน่าตายแล้ว และจุดจบมักจะเป็นความเศร้าเสมอ ข้าเองก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเคยอยากลอง แต่ประสบการณ์ของผู้อื่นหยุดเอาข้าไว้ ”
ที่แห่งนี้ดูเปลี่ยนไปมากมันเต็มไปด้วยดอกไม้ผลไม้ โคมไฟและแพรหลากสี จากเมื่อก่อนเคยมีรูปปั้นท่าทางน่าเกลียดน่ากลัว และประดับประดาด้วยอาวุธนานาชนิด
อาเธอร์รู้สึกถึงความไม่คุ้นตาและบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขารู้ว่าในเวลานี้ดารีลคือคนที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง คฤหาสน์แห่งนี้ดำเนินไปในทิศทางที่พ่อมดน้อยกำหนด ดารีลนั้นแตกต่างจากดาเรนในหลายๆ อย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือเข้าถึงและเข้าใจได้ยาก
หนุ่มใหญ่วัยสามสิบกว่าคนนี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกับลูกชายเพื่อนเก่า อีกทั้งไม่คาดหวังว่าจะคุ้นเคยกันได้ เพราะเขาคนนั้นเป็นถึงผู้ใช้เวทมนต์ แต่เมื่อเขาฟื้นจากไข้สิ่งแรกที่เห็นก็คือดารีลกับบุตรชายของเขา อาเธอร์ได้แต่ประหลาดใจ ว่าคนทั้งสองแอบไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ จริงอยู่ว่าพ่อมดน้อยเคยมาที่บ้าน แต่ก็ด้วยท่าทีที่เหมือนถูกบังคับ
น่าประหลาดที่การพบกันครั้งล่าสุด กลับแสดงให้เห็นว่าเขาคุ้นเคยกับฟิโลโซเฟอร์เป็นอย่างดี อาเธอร์นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกเขาไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่
อาเธอร์หยุดม้าตรงหน้าซุ้มประตู
และกำลังจะก้าวผ่านเข้าไป
“ เจ้าเข้าไปไม่ได้ ”
ทหารยามคนหนึ่งว่า
เขาคนนั้นสวมหน้ากากกระเบื้องสีขาว
ซึ่งอาเธอร์ก็ไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด
“ นี่เจ้าเองหรือ ”
ทหารยามอีกคนจำเขาได้
“ วันนี้ร้านหยุดทำการ นายน้อยของเราก็ไม่สบาย ไม่สะดวกพบคนแปลกหน้า ”
“ คนที่จะพบนายน้อยได้ต้องมีจดหมายนัดเท่านั้นเจ้ามีหรือไม่ ”
“ ข้าไม่มีจดหมายแต่ข้ามีธุระสำคัญ ”
อาเธอร์ว่า
“ใครๆ ก็พูดแบบนี้ ”
เขาทำเสียงดูถูกพลางชักดาบ
“ เฮ้ ใจเย็นสิพวกข้าไม่มีอาวุธ ”
อาเธอร์ว่าพลางกางมือออก
“ ข้าไม่สน คนที่ตั้งใจมาก่อกวนที่นี่ต้องโดนสั่งสอน ”
“ สมแล้วที่เป็นนักฆ่า พวกเจ้าคงถูกฝึกให้สังหารใครก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่เด็กคนชราและสตรีมีครรภ์สินะ ในเมื่อข้าไม่ประสงค์จะสู้ อีกทั้งยังไร้อาวุธติดตัวพวกเจ้าก็ยังดันทุรัง ”
“ อัลวาร์ตส่งดาบให้มัน ”
คนตัวใหญ่กว่าว่า
ดาบเล่มหนึ่งจึงถูกโยนให้อาเธอร์
“ ถ้าชนะหมายถึงข้าจะได้พบกับดารีลหรือเปล่าล่ะ ”
“ หุบปากไปเลย เหตุใดไม่ถามล่ะว่าถ้าแพ้นี่ถึงตายหรือไม่ ”
คนร่างใหญ่ที่สุดว่าพลางชักดาบ
ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย
ก็มีถ้วยชาราคาแพงหล่นลงมาตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง
เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้น
ก็เห็นร่างหนึ่งในชุดคลุมยาวสีเข้มนั่งอยู่เหนือซุ้มประตู
เขาทิ้งตัวลงมาที่พื้นจากความสูงขนาดนั้นได้อย่างนุ่มนวล
ด้วยท่วงท่าที่ชวนให้คิดถึงแอสเธอลาสน้องชายของอาเธอร์
“ ท่านบอกให้ข้านอนพักผ่อน แต่ตอนนี้กลับส่งเสียงดัง อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ”
ดารีลเสียงดุ
“ ขออภัยด้วยตอนนี้เรามีผู้ก่อกวน ”
“ แล้วท่านจัดการกับปัญหาให้เงียบกว่านี้ไม่ได้หรือ ”
เหล่าทหารยามต่างก้มหน้า
ดารีลจึงหันมาทางอาเธอร์
“ มีอะไรผิดปรกติหรือเหตุใดท่านมาหาข้า ”
“ ข้ามีเรื่องอยากให้ช่วย ที่หมู่บ้านนั่นน่ะมีคนแก่ผู้หนึ่งกำลังจะตาย ”
“ คนแก่ ใกล้ตาย ”
ดารีลทวนคำงงๆ
ครั้นแล้วเขาก็ยิ้มเหนื่อยๆ
“ อาเธอร์ อายุท่านก็มากแล้วแถมผ่านเรื่องราวมามากมาย ข้าไม่นึกเลยว่าต้องบอกสิ่งนี้แก่ท่าน มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องล้วนตาย จะแก่ตายหรือถกฆ่าตายก็สุดแท้แต่ แม้ผู้ใช้เวทมนต์เองก็หลีกหนีไม่พ้น”
“ แต่ชายชราผู้นั้นจะยังแข็งแรงดี ถ้าเขาไม่ป่วยและเขายังเป็นบุคคลสำคัญของหมู่บ้าน ถ้าเขาเป็นอะไรไปชาวบ้านคงเสียศูนย์รวมจิตใจ ดังนั้นถ้าความตายสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ เพื่อประโยชน์ของอีกหลายคนท่านจะไม่กรุณาเลยหรือ ”
“ ท่านขอร้องข้า ”
ดารีลว่า
“ ใช่ ”
หนุ่มใหญ่รับทันที
“ ก็ได้ เอาล่ะเตรียมม้าให้ที ”
“ไม่ได้นะนายน้อย ท่านหายตัวไปเฉยๆ สามสี่วันพอกลับมาแล้วก็ยังจะหายตัวไปอีก แบบนี้จะให้ข้ารายงานว่าอย่างไร ”
ทหารยามร่างใหญ่มีสีหน้าหวาดวิตก
“ แล้วแต่ท่านสิ ข้าไปไม่ไกลหรอกอย่าห่วงเลย ”
“ อย่าบอกนะว่าท่านจะไปยังหมู่บ้านนอกกำแพงนั่น พวกเขาเป็นชนชั้นต่ำ ไม่สมควรที่ท่านจะเกลือกกลั้ว ”
พวกเขาพยายามทักท้วง
“ ข้าไปธุระของข้า และแน่นอนว่าจะไม่มีการสมาคมกับคนเหล่านั้น เอาล่ะทีนี้พอใจหรือยัง ”
ดารีลว่า
เขาเริ่มผิวปากเป็นเพลงเบาๆ
“พวกเราจะไปด้วย ”
คนพวกนั้นยังไม่หยุดพยายาม
“ อย่าดีกว่าที่นั่นสกปรกและเต็มไปด้วยเชื้อโรค ชายผ้าแสนงามล้ำค่าของพวกท่านอาจแปดเปื้อนได้ อย่าห่วงเลยข้าจะรีบไปรีบกลับ ”
“ ข้าจะดูแลนายน้อยของพวกเจ้าให้ดี ”
อาเธอร์รับรอง
ทันใดม้าสีขาวก็พุ่งออกมาหาพวกเขา
ในปากคาบคทาสีเงินออกมาด้วย
ดารีลรับเอาคทานั้น
แล้วกระโดดขึ้นม้าไป
ขณะขี่ม้าตีคู่มากับอาเธอร์
ดารีลก็พูดขึ้นว่า
“ ถ้าเขาตายแล้วนะสาบานเลยว่าข้าจะไม่ปลุกเขาขึ้นมา ”
“ พูดอย่างกับท่านปลุกคนตายได้อย่างนั้นแหละ ”
อาเธอร์ท้วง
“ ข้าพูดเผื่อไว้ใครจะไปรู้ว่าท่านคิดอะไร ”
“ แล้วมีใครเคยปลุกคนตายได้หรือไม่ ”
“ ข้าเคยอ่านจากหนังสือสงครามพันปีเขาว่ามี แต่ที่ลุกขึ้นมาอีกครั้งมักไม่ใช่คน ”
ดารีลว่า
แล้วเขาเองก็กล่าวสิ่งหนึ่งเสริมขึ้นมา
“ ความอยากรู้อยากเห็นฆ่ากระต่ายได้ฉันใด มันก็ฆ่าผู้ใช้เวทมนตร์ได้ฉันนั้น ในตำรากล่าวไว้ว่าเพราะความสงสัยใคร่รู้ของพวกเรา จึงมีผู้ใช้เวทมนตร์บางคนสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาจากซากเก่าที่เน่าตายแล้ว และจุดจบมักจะเป็นความเศร้าเสมอ ข้าเองก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเคยอยากลอง แต่ประสบการณ์ของผู้อื่นหยุดเอาข้าไว้ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ