โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

101) ถ้าข้าตายเจ้าจะคิดถึงข้าไหม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เด็กชายตัวน้อยรู้สึกหนาวไปทั้งร่าง   เขาพบว่าตนเองกำลังเดินอยู่ท่ามกลางความมืดและสายลมที่ปั่นป่วน   ความงุนงงถาโถมเข้ามา   ที่นี่ที่ไหน   เกิดอะไรขึ้นกันแน่   หิมะปลิวคว้างในอากาศหลอมละลายกลายเป็นไอมืดมัว   เด็กน้อยเดินเซถลาตามแรงลม   หรือว่าตอนนี้ยังติดอยู่ในพายุร้าย   ทั้งหมดคือความฝันพวกเขายังกลับไม่ถึงบ้าน

 

 

ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที   แล้วคาโอเรียล่ะ   ตอนนี้มือของเขาว่างเปล่า   นางพลัดหลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน   เด็กชายชาวซีนาร์ยหยุดนิ่ง   มองรอบกายก็ไม่พบสิ่งใดนอกจากฝุ่นไอสีดำที่เย็นเยือก   เขายกมือป้องปากตะโกนเรียกชื่อน้องสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า   สายลมแรงได้หอบเอาเสียงของเขาปลิวหายไป  

 

เขาเงี่ยหูฟัง   นอกจากเสียงลมพัดหวีดหวิวแล้ว   ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีก   เด็กชายตัวน้อยน้อยหวาดกลัวมาก   คาโอเรียหายตัวไปได้อย่างไรทั้งที่จับมือกันเดินมาตลอด   เขารวบรวมเรียวแรง   ตะโกนสุดเสียงอีกครั้ง  

 

คราวนี้มีเสียงตอบกลับมา   มันเป็นเสียงร้องกรีดแหลมที่บาดลึกถึงขั้วหัวใจ   หนาวเย็นจนเลือดแทบจับแข็ง   ฟิโลโซเฟอร์ตะลึงงัน   มันดังจากที่ใกล้ๆ นี่เอง   เด็กชายหันไปมองเขาเห็นเงาดำร่างหนึ่ง   กำลังเดินฝ่าเข้าไปทางนั้น   หรือจะเป็นคาโอเรีย  

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น   เด็กชายก็วิ่งตามไปแบบไม่คิดชีวิต   ปากก็ร้องตะโกนบอกให้นางรอก่อน   อย่าไปทางนั้น   อย่าเข้าไปหามัน

 

ร่างที่เห็นตรงหน้าล้มลงก่อนที่ฟิโลโซเฟอร์จะไปถึง   เด็กชายวิ่งเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง   แต่เมื่อพลิกร่างนั้นหงายขึ้นสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทำให้เขาหนาวเยือก   นี่ไม่ใช่คาโอเรีย  

 

หากแต่เป็นดารีลเองที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น   ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน   เด็กชายประคองหนุ่มน้อยนั้นด้วยมืออันสั่นเทา   คำถามมากมายพุ่งตรงเข้าใส่  

 

พ่อมดน้อยมาที่นี่ได้อย่างไร   เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่   ฟิโลโซเฟอร์ก้มลงบนใบหน้านั้น   พบเพียงลมกายใจที่อ่อนล้าโรยแรง   เขาพยายามเขย่าปลุก   แต่ดารีลก็ไม่ตอบสนองเขาเลย

 

เด็กชายตัวน้อยเงยหน้ามองไปรอบๆ   หวังได้เห็นความช่วยเหลือสักอย่างหนึ่ง   สิ่งที่เห็นมีเพียงความมืดที่ว่างเปล่า   ท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น   เขาก็พบคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากละอองไอที่มืดสลัว   ร่างสูงโปร่งที่ดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด

 

ไม่ว่าอย่างไรฟิโลโซเฟอร์รับรู้ถึงสัญญาณอันตราย   เขาประคองดารีลลุกขึ้นแต่ไม่เป็นผล   ร่างนั้นหนักอึ้งเหลือเกิน   เด็กชายตัวน้อยหันไปมองร่างปริศนานั้นอีกครั้งแล้วเขาก็นึกออก 

 

คนผู้นี้เขามักพบเห็นในความฝัน   ในเวลาที่เขาเหนื่อยล้าหรือวิตกกังวล   เขาจะฝันเห็นคนผู้นี้ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางพายุเสมอ   พร้อมกับกลิ่นอายแห่งความน่ากลัว

 

ฟิโลโซเฟอร์อยากหลบหนี   แต่ดารีลก็นอนนิ่งไม่ได้สติอยู่ในมือของเขา   เด็กชายจึงทำได้แค่เฝ้าดูเงารางเลือนนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้   ในมือของเขากุมดาบสีดำด้วยท่าทีมุ่งร้าย   ประกายสีแดงตรงด้ามดาบสว่างเรื่อเรือง   เด็กชายเขม้นมองด้วยความฉงน  

 

เขาจำได้ในทันทีว่ามันคือดาบโบราณที่เขาถือติดตัวออกมาจากหุบเขาเดนตาย   แล้วมันอยู่ในมือของคนผู้นี้ได้อย่างไรกัน   ก็ในเมื่อเขาซ่อนเอาไว้แล้ว

 

ร่างสีดำในไอหมอกหนาเงื้อดาบขึ้น   ฟิโลโซเฟอร์ใจหายวาบ   เขารู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิด  แต่เขาก็ทิ้งคนในอ้อมแขนไปไม่ได้จริงๆ จึงทิ้งร่างลงทาบทับเอาไว้   ถ้าใครคิดจะสังหารดารีล   ก็ต้องฆ่าเขาเสียก่อน

 

 

            เด็กชายชาวซีนาร์ยหลับตาแน่น   รอคอยความตายที่กำลังเดินทางมาถึง   เขาสัมผัสความเย็นเยือกลากผ่านลำคอ   เหมือนมีอะไรกระแทกเข้าที่กราม   แต่เรี่ยวแรงนั้นเบาหวิว   ฟิโลโซเฟอร์ลืมตาขึ้นพบกับดารีลที่มีสีหน้าเดือดดาลและงุนงง   มือเย็นเฉียบรวบลำคอของเขาไว้ส่วนอีกข้างกำหมัดค้าง  

 

“ หมอบลงเร็วเจ้ากำลังอยู่ในอันตราย ” 

 

เด็กชายร้องเตือน

 

“ บ้าบอที่สุด   ถ้ายังไม่ปล่อย   ข้าจะสาปเจ้าแล้วนะ ” 

 

เสียงดารีลช่วยเรียกสติของเขากลับคืนมา

 

ฟิโลโซเฟอร์พบว่าเขาอยู่ในบ้านไม่ใช่กลางพายุ

และดารีลที่นอนหน้าซีดเผือดอยู่ใต้ร่างก็ไม่ได้จมกองเลือดแต่อย่างใด

 

เขาควานมือเข้าไปใต้ที่นอน

ดาบโบราณยังวางที่เดิมไม่ได้หายไปไหน

 

ฟิโลโซเฟอร์หันกลับมายังหนุ่มน้อยที่นอนข้างๆ

ตวัดผ้าห่มออกและเริ่มปลดเสื้อคลุมนอกสีดำนั่นด้วย

 

ดารีลดิ้นรนขัดขืนด้วยความตระหนกกับท่าทีแปลกประหลาดของเด็กชาย

แต่เรี่ยวแรงของหดหายไปเรื่อยๆ จึงต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

 

ฟิโลโซเฟอร์สอดมือผ่านเสื้อผ้าเข้าไปสัมผัสเรือนร่างของเขา

เด็กชายต้องการความแน่ใจว่า

พ่อมดน้อยคนนี้ไม่ได้มีบาดแผลอะไรจริงๆ

 

“ หยุดนะ   นี่ข้าเอง   เจ้าเป็นอะไรไป ”

 

ดารีลรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย

ผลักฟิโลโซเฟอร์ให้ล้มลงไปนอนข้างๆ

พลางหอบหายใจถี่

 

“ ข้าฝันร้าย ”

 

เด็กชายตอบมาเบาๆ

ความฝันนั้นชัดแจ้งราวกับภาพแห่งความจริง

 

“ ฝันร้ายหรือฝันทะลึ่งกันแน่   รู้หรือเปล่าว่าทำอะไรลงไปบ้าง ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ไม่ตอบเรื่องนั้น

เขายังหวาดกลัวความฝันนั้นไม่หาย

ได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดขึ้นจริงเลย

 

“ บอกความฝันของเจ้ามาสิเผื่อข้าช่วยอะไรได้ ”

 

ดารีลถาม

เมื่อเห็นว่าเด็กชายมีท่าทีตื่นกลัวไม่น้อย

 

ฟิโลโซเฟอร์มองหน้าคนข้างๆ

ภาพของดารีลที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดยังติดตาไม่หาย

 

เขารู้สึกปวดใจจนแทบคลั่ง

จึงทำได้แค่ส่ายหน้า

ไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้

 

“ ขอโทษด้วยนะ   ข้าทำเจ้าเจ็บตัวหรือเปล่า ”

 

เด็กชายแกล้งถามไปอย่างอื่น

เพราะไม่อยากเอ่ยถึงมัน

 

“ ช่างเถอะอย่างน้อยเจ้าก็ปลุกข้าขึ้นมาจากฝันร้ายเหมือนกัน ”  

 

ดารีลว่า

 

“ เจ้าฝันถึงสิ่งใดหรือ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์รู้สึกใจหายกลัวว่าจะฝันเรื่องเดียวกัน

 

“ ข้าหลงทางกลางเหวลึก   พยายามหาทางออกมา   แต่กลายเป็นว่าถลำลึกลงไปอีก ”

 

“ แล้วเจ้าไปทำอะไรที่เหวนั่น ”

 

“ ข้าแค่จะหาทางกลับบ้าน ”

 

หนุ่มน้อยว่าพลางหลบสายตาไปทางอื่น

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยถอนหายใจ

 

“ อย่าเศร้าไปเลยนะ   ข้าสาบานว่าจะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้   รอข้าโตกว่านี้หน่อยเถอะ ”

 

“ ข้าว่าเจ้าเลิกพล่ามแล้วนอนต่อได้แล้ว ”

 

ดารีลพูด

 

“ ไม่ละข้ากลัวฝันเรื่องเดิมอีก ”

 

“ ให้ช่วยหรือเปล่า   ข้าร่ายคาถาบทเดียวสามารถทำเจ้าหลับไปเป็นเดือนได้เลย ”

 

“ เจ้าน่ะนอนไปเถอะ   ข้าไม่กวนหรอก   หรือระแวงข้าซะแล้ว ” 

 

หนุ่มน้อยไม่ตอบว่าอะไร

เขาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง

 

แต่ยังไม่ทันได้หลับตา

เสียงกรีดร้องชวนสยองก็ดังขึ้นเหนือหลังคา

พร้อมกับสายลมกระแทกโคลมเข้ากับตัวบ้าน

 

ฟิโลโซเฟอร์ควานหาด้ามดาบ

แต่ดารีลจับเขากดลงพื้นพร้อมกับปิดปากเอาไว้ด้วย

 

“ มันไม่ได้อยู่ที่นี่ ”

 

หนุ่มน้อยกระซิบ

 

“ โกหกละ ”

 

เด็กชายกัดฟัน

 

“ เจ้าพูดผิด   จริงอยู่มันไม่ได้อยู่ในห้องนี้   แต่มันอยู่บนหลังคา ”

 

“ ฟังข้านะ ”

 

ดารีลยังคงออกแรงกดเขาไว้

 

“ เคอร์คารอลชื่นชอบผู้กล้า   ดังนั้นถ้าเจ้าไม่สู้มันก็จะเลิกสนใจเจ้า   อยู่เฉยๆ เถอะเชื่อข้า   เพราะตอนนี้ข้าน่ะไม่อยู่ในในสภาพที่จะต่อกรกับใครได้ทั้งนั้น   เพื่อความอยู่รอดของทุกคนเจ้าอย่าห้าวนักเลย ”

 

ฟิโลโซเฟอร์เชื่อฟังเขาแม้ในใจจะไม่เห็นด้วย

เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยสงบลงแล้ว

 

เขาจึงปล่อยมือและพลิกกลับไปนอนฝั่งของตัวเอง

ปล่อยให้ความคุ้มคลั่งโหมซัดอยู่ด้านนอกต่อไป

 

อากาศภายในห้องเย็นเยือกลงเรื่อยๆ พร้อมกับไฟในเตาที่ริบหรี่

 

“ ยังมีกำยานเหลืออยู่ไหม ”

 

เด็กชายกระซิบถาม

 

“ ตอนนี้มันใช้ไม่ได้ผลแล้วล่ะ   แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก   ทุกอย่างใกล้จะยุติแล้ว ”

 

หนุ่มน้อยตอบด้วยเสียงเบาหวิว

 

ฟิโลโซเฟอร์ไม่พูดอะไรอีก

เขาเดินไปที่ลังไม้หยิบถ่านหินและฟืนโยนเข้าไปในเตา

 

แสงไฟทำให้ห้องสว่างขึ้น

แต่ความอบอุ่นนั้นหาไม่ได้เลย

 

“ ฟิโลโซเฟอร์ ”

 

ดารีลเรียก

 

“ ข้ามีเรื่องอยากถาม ”

 

เด็กชายรีบกลับขึ้นเตียงมาหาเขา

หนุ่มน้อยจ้องคนตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์

และเด็กคนนั้นก็จ้องกลับมาด้วยแววตาวิตกกังวล

 

“ ถ้าหากข้าตายเจ้าจะคิดถึงข้าไหม ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ตะลึงตาค้าง

ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามเช่นนี้

 

เขารู้อยู่แล้วว่าดารีลนั้นดูแย่ลงมากๆ

แต่เขาก็ไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้

 

“ หนาวมากหรือเปล่าเดี๋ยวหาผ้ามาเพิ่มให้ ”

 

ดารีลคว้ามือของเขาไว้

 

“ เจ้ายังไม่ตอบข้าเลย ”

 

เด็กน้อยถอยหายใจเฮือก

รู้สึกเต็มกลืนจนแทบทนไม่ไหว

 

“ หุบปากไปเลยดารีล   มันใช่เวลาที่จะมาถามอะไรแบบนี้หรือ ”

 

“ ข้าอยากรู้สิ่งที่อยู่ในใจของเจ้า   แค่ตอบข้ามาก็เท่านั้น ”

 

“ ได้   ถ้าอยากรู้นักล่ะก็   ข้าไม่คิดถึงเจ้าหรอก   จะไปคิดถึงทำไมกันล่ะในเมื่อข้าจะไปกับเจ้า   ไม่ว่านรกหรือสวรรค์ข้าก็จะตามเจ้าไป ”

 

ดารีลหลับตาลงด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม

 

“ ฟังให้ดีนะ ”

 

หนุ่มน้อยพูดเสียงเข้ม

 

“ เรื่องนี้จะยังไม่จบ   ดังนั้นต่อให้ใครคนใดคนหนึ่งตายคนที่เหลือก็ต้องหาทางไปต่อ   ข้าอยากเตือนเจ้าจงมองไปข้างหน้าให้ไกลที่สุด ”

 

“ ข้าไปต่อแน่   แต่ไปทางเดียวกับเจ้า   เพราะฉะนั้นเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ”

 

ดารีลถึงกับเอามือก่ายหน้าผาก

เจ้าเด็กบ้านี่

 

“ เอาล่ะข้าคงถามผิดไป   ดูท่าแล้ว   คนที่จะตายก่อนคงไม่ใช่ข้าอย่างแน่นอน ”

 

หนุ่มน้อยนักเวทว่า

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา