แก้วนพคุณ
-
36) ออกค่าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความปิดเทอมแรกของ ม.5 ทางโรงเรียนจัดออกค่ายอาสาให้เด็ก นักเรียนเข้าร่วมทำกิจกรรมซ่อมโรงเรียนบนดอยทางภาคเหนือ นักเรียนที่เข้าร่วมมีทั้งศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ งานนี้เหมือนการรวมรุ่นกลายๆ ความจริงไอ้งานออกค่ายแบบนี้พริมาไม่เคยสนใจมาก่อน...หล่อนไม่คิดว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรงเรียนมีกิจกรรมแบบนี้ แต่เพราะคเชนทร์คะยั้นคะยอ
“น่านะลูกแก้ว ไปเถอะ แค่สามวันเอง จะได้มีเพื่อนใหม่ๆ และอีกอย่างพี่เป็นศิษย์เก่าเรียนจบไปแล้วจะไปคนเดียวก็เขินๆ แต่พี่อยากไปอ่ะ พี่เป็นคนดี อยากช่วยเหลือสังคม” พริมายิ้มกับคำอวยตัวเองของคเชนทร์
“ไม่รู้แม่จะให้ไปรึเปล่า แล้วเพื่อนๆ ก็ไม่รู้จะมีใครไปมั่ง” พริมาแบ่งรับแบ่งสู้
“เดี๋ยวขอให้ พี่พิมพ์น่ะพูดง่ายจะตาย อีกอย่างไปงานนี้เดี๋ยวพี่ดูแลเอง นะๆ ไปเหอะ” พริมาแปลกใจที่คเชนทร์โทรหาหล่อนตั้งแต่เช้า หล่อนไม่เห็นหน้าเขามากี่เดือนแล้วนะ...สองสามเดือน คเชนทร์เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว...เขาเลือกเรียนสัตวแพทย์
“มันก็เท่ห์ดีนะ ใครก็เรียกหมอๆ ที่ไหนได้หมอควายไม่ใช่หมอคน” คเชนทร์บอกขำๆ ตอนที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยในคณะนั้น หลายคนยังงงที่อยู่ๆ คเชนทร์ก็เลือกเรียนคณะนี้ พริมาเห็นเขาบ้ากล้องแต่กลับไม่เลือกเรียนในสายที่ตนสนใจ
“กล้องไปเรียนข้างนอกก็ได้ แต่หมอควายน่ะเรียนแล้วก็ได้ใช้ประโยชน์ เอามารักษาไก่พ่อ...รักษาพวกไอ้เมษ์” เขาเล่าให้ภารดีฟังในวันที่มาเที่ยวที่บ้าน ถึงจะจบไปแล้ว แต่คเชนทร์ก็แวะมาหาพริมาบ้างถ้าเขาว่าง หรือผ่านมาเวลากลับบ้าน คเชนทร์เลือกอยู่หอแถวมหาวิทยาลัยและช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้กลับบ้าน พริมาไม่เจอเขามาเกือบสามเดือนแล้ว แต่จู่ๆ วันนี้เขาก็โทรมาตั้งแต่เช้า ขนาดออกตัวว่าเป็นศิษย์เก่า แต่เขาดูจะรู้ข่าวมากกว่าหล่อนเสียอีก
“ชวนน้องปลาดุกฟูไปด้วยนะ” คเชนทร์ทิ้งท้าย...เข้าเรื่องเสียที ถึงพริมาจะคิดช้า แต่หล่อนรู้ว่าพี่ชายนั้นมีแผน
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” คเชนทร์กับยามาทะเลาะกันตั้งแต่เขาเรียนจบ และหลังจากนั้นพวกนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย เวลาคเชนทร์มาที่บ้าน ถ้ายามาอยู่ด้วยหล่อนจะหลบขึ้นไปอยู่บนห้องพริมาและไม่ลงมาจนกว่า ไอ้หน้าหมีจะกลับบ้าน คเชนทร์เองก็จนปัญญา เขาบอกว่าโทรไปง้อแล้ว ยามาก็ไม่รับสาย
“แหม...รู้ทันแฮะ ก็พี่อยากจะปรับความเข้าใจกับน้องปลาทู...ไม่มีโอกาสเลย ลูกแก้วช่วยพี่หน่อยนะ คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ” คเชนทร์ขอร้องแกมบังคับ เขาตัดพ้อว่าพริมาไม่รักเขาหรือถึงจะไม่ช่วย และเรื่องที่เกิดเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ
“ก็ได้ค่ะ นี่เห็นแก่ความพยายามนะคะ ลูกแก้วจะช่วยก็ได้ แต่ลูกแก้วช่วยได้แค่นี้นะ ที่เหลือพี่ตุลย์ต้องจัดการเอาเอง ไม่งั้นปลาทูจะพาลมาโกรธลูกแก้วอีกคน” หล่อนเข้าใจว่าคเชนทร์ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนี้ และเพื่อนสุดที่รักของหล่อนก็แสนจะเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียเหลือเกิน
“ได้ๆ ชวนมาให้ได้ก็พอ อย่าบอกเสียก่อนล่ะว่าพี่ไปด้วย” คเชนทร์บอกเสียงแจ่มใส พริมาเผลอพยักหน้าเห็นด้วยทั้งที่หล่อนกำลังคุยโทรศัพท์คนปลายสายไม่ได้มาเห็นท่าทางเสียหน่อย วางสายได้สักพักภารดีก็ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์รูป “โอเค” หาลูกสาว ตอนแรกพริมาก็สงสัยว่าแม่ส่งอะไรมา แต่พอเห็นข้อความถัดไปถึงได้เข้าใจ...คเชนทร์ทำงานเร็ว
“เอาขนมอะไรไม๊ไปออกค่าย เดี๋ยวตอนเย็นแม่หิ้วไปให้” พริมายิ้ม แม่ไม่เคยขัดเลย ถ้าหล่อนอยากทำอะไรภารดีนั้นสนับสนุนทุกอย่าง หล่อนโชคดีแค่ไหนแล้วที่มีแม่แบบนี้
“แล้วแต่แม่เลยค่ะ ถ้าเดาไม่ผิดพี่ตุลย์น่าจะสั่งขนมไปเยอะแล้วมั้งคะ”
“ฮ่าๆ จริง...เรื่องปลาทูให้แม่ชวนให้ไหม?” ภารดีน่าจะรู้แผนจากคเชนทร์แล้ว และหล่อนน่าจะอาสาช่วยเต็มที่ หรือไม่ก็กลัวลูกสาวพลาด ก็ดีเหมือนกัน โกหกยามานั้นยาก ให้ภารดีช่วยน่าจะดีกว่า
“ดีเลยค่ะ งั้นลูกแก้วให้แม่ชวนนะคะ เสียวๆ กลัวถูกจับได้” พริมาคุยอยู่กับภารดีอีกสักพักก็ลุกไปเดินเล่นหลังบ้าน วันนี้หล่อนอยู่บ้านคนเดียว แม่ไปทำงาน...ช่วงนี้แม้แต่วันหยุดบางทีแม่หล่อนก็ไม่กลับบ้าน แต่หล่อนก็เบาใจ เพราะพ่อเลี้ยงไปเป็นเพื่อนแม่เสมอ สองคนนั่นตัวติดกันตลอดเวลา พ่อเลี้ยงหล่อนไปส่งแม่ที่ตลาด และตอนเย็นเขาก็แวะไปรับ ภารดีไม่ได้เอารถไปเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว...ตั้งแต่รถเบรกแตกคราวก่อน พ่อเลี้ยงบอกว่าเป็นห่วงผู้หญิงขับรถคนเดียวเลยอาสาไปส่งจะดีกว่า เขายืนยันและบอกว่าไม่อยากเป็นหม้ายหนที่สองนั่นแหละภารดีถึงยอม ช่วงนี้พริมาเลยไม่ค่อยได้เจอแม่กับพ่อเลี้ยง ส่วนคุณชายใหญ่ช่วงนี้เขาอยู่หอแถวๆ มหาวิทยาลัย ใกล้สอบแล้วเขาเลยไม่ได้กลับบ้าน นพคุณสอบติดวิศวะจุฬาฯ และมันค่อนข้างไกลจากบ้านพอสมควร แต่ส่วนใหญ่เวลาเรียนเขาจะ ไป – กลับ บ้านเสมอ นอกจากช่วงที่มีรายงานหรือมีสอบถึงจะพักอยู่หอใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย และช่วงนี้สอบ พริมาไม่เจอเขามาเกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังดีที่ที่บ้านมีนพคุณอีกคน หล่อนเลยไม่เหงา นั่งเล่นไปสักพักโทรศัพท์ก็ดัง หน้าจอบอกว่าเป็นยามา
“ไปลงชื่อเลยเดี๋ยวไปด้วย” ยามาไม่ทักทาย แต่หล่อนบอกจุดประสงค์ทันทีที่โทรมา พริมาต้องเรียบเรียงเรื่องอีกแล้ว ทำไมแม่กับเพื่อนของหล่อนถึงได้เหมือนกันแบบนี้นะ
“รู้ได้ยังไง? ลูกแก้วยังไม่ได้ชวนเลย” พริมามัวแต่เล่นอยู่กับไก่จนลืมชวนเพื่อนตามคำขอของคเชนทร์เสียสนิท
“พี่พิมพ์บอก แหมๆ จะหนีไปคนเดียวรึไง นี่ถ้าพี่พิมพ์ไม่บอกลูกแก้วจะชวนปลาทูไม๊เนี้ย” ยามาทำเสียงกระเง้ากระงอดได้น่าหมั่นไส้มาก พริมาหัวเราะเสียงใสขำเพื่อนที่ “เล่นใหญ่” ได้ตลอดเวลา
“ชวนสิ แล้วปลาทูว่างใช่ไหม ต้องทำงานรึเปล่า?” ตลอดปิดเทอม ยามาไปทำงานกับภารดีที่ตลาด เพื่อนสาวของพริมาขยันทำงานเก็บเงิน หล่อนบอกว่าจะทำงานเก็บเงินไว้ไปจ่ายค่าเทอมจะได้ไม่ต้องรบกวนแม่ ช่วงนี้พริมาจึงไม่ได้เจอใครเลย...ได้ไปออกค่ายก็ดีเหมือนกัน แก้เหงา
“ว่างสิว่าง...เมื่อกี้พี่พิมพ์ให้ลางาน แล้วก็ให้เงินพิเศษด้วย ฮี่ๆๆ” ภารดีคงทำตามแผนทันทีที่คุยกับลูกสาวเสร็จ ยามาถึงโทรมาหาหล่อนได้เร็วขนาดนี้ พวกหล่อนเหมือนคเชนทร์ไม่มีผิด ทำงานเร็ว!
“งั้นลูกแก้วติดต่อลงชื่อเลยนะ เดี๋ยวจะได้รีบไปจัดกระเป๋า” พริมาต้องรีบไปรายงานคเชนทร์ เรื่องลงชื่อคงต้องให้เขาจัดการ ส่วนทางนี้หล่อนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว
“แหม...ทำไมรีบวางจัง แต่ก็ดี...เดี๋ยวปลาทูรีบไปเคลียร์งานก่อนดีกว่าจะได้ไปอย่างสบายใจ” พริมาลอบถอนหายใจ หล่อนต้องรีบตัดบทเพราะกลัวคุยนานแล้วเพื่อนรักจะจับได้ วางสายแล้วถึงโทรหาคเชนทร์บอกเขาว่าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว น้ำเสียงคเชนทร์ฟังดูดีใจ เขาขอบอกขอบใจหล่อนยกใหญ่
“น้องปลาทูจะได้หายโกรธซะที บอกตรงๆ เลย โกรธกันแบบนี้อึดอัดจะแย่ อยากให้เป็นเหมือนเดิมเร็วๆ เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก” พริมายังไม่แน่ใจนัก เพื่อนหล่อนจะหายโกรธหรือจะโกรธหนักกว่าเดิม คราวนี้เผลอๆ อาจจะมีคนโดนฟาดงวงฟาดงาด้วย คิดแล้วก็หวาดเสียว หล่อนต้องซ้อมให้ดี...ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ห้ามหลุดนะลูกแก้ว...ห้ามหลุด!
นพคุณสอบวันสุดท้ายเหลือส่งรายงานก็เป็นอันเสร็จแล้วสำหรับ วิชานี้ คราวนี้เขาจะได้กลับบ้านเสียที กี่วันแล้วนะที่ไม่ได้เห็นหน้า เอ้ย! กลับไปบ้าน...ตั้งสองอาทิตย์คิดถึง (บ้าน) จะแย่ สอบเสร็จก็คลายเครียดเล่นโทรศัพท์ดูโน่นนี่เสียหน่อย เขาเห็นไลน์กลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยมวันนี้ขึ้นเตือนหลายข้อความ ไล่อ่านไปถึงรู้ว่าพวกเพื่อนๆ ชวนกันไปออกค่ายที่โรงเรียนเก่า อืม น่าสนุกเหมือนกันงานนี้จะได้เจอเพื่อนๆ ที่แต่ละคน จบแล้วแยกย้ายกันไปเรียนที่ต่างๆ ตั้งแต่จบมาเขาไม่เจอใครเลย ยกเว้นแพรวพณิตที่หล่อนสอบเข้าและเรียนที่เดียวกันกับเขา จึงถือได้ว่าแพรวพณิตเป็นเพื่อนสมัยเรียนคนเดียวที่เขาเจอบ่อยที่สุด ในไลน์เขาเห็นคเชนทร์เป็นหัวหอกในการล่ารายชื่อและมีหลายคนลงชื่อไปกับหมอนั่นด้วย
“ทำไมคนลงชื่อมีแต่ผู้ชายวะ พวกผู้หญิงไม่ไปกันมั่งเหรอ?” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น
“คนอื่นไม่รู้ แต่ฉันชวนไปได้สองเว้ย” คเชนทร์ตอบกลับมา อ่านมาถึงตรงนี้นพคุณขมวดคิ้วเขารู้สึกตงิดๆ ว่าสองคนที่คเชนทร์พูดถึง คือใคร...อาจจะเป็นแฟนสาวของเขากับเพื่อนของหล่อนก็ได้ ชื่ออะไรนะพลอยๆ อะไรสักอย่าง ไม่น่าจะใช่คนที่เขาคิด เพราะถ้าจำไม่ผิดคเชนทร์กับยามาทะเลาะกันอยู่ เขาจะชวนสองคนนั่นไปได้อย่างไร กำลังสงสัยเสียงโทรศัพท์ก็ดังพอดี...พ่อเขานั่นเอง
“ครับพ่อ” นพคุณรับสายพ่อทันที เขากับคุณนพรักษ์โทรคุยกันทุกวัน แต่วันนี้พ่อเขาโทรมาเร็วกว่าปกติ
“เป็นไงบ้างทำข้อสอบได้รึเปล่า”
“ได้ครับ...พ่อก็รู้ว่าผมเก่ง” นพคุณหัวเราะกลับไป พ่อเขาคงเป็นห่วงเพราะเขาอ่านหนังสือหนักมาหลายวันแล้ว
“นั่นสินะ ฮ่าๆ แล้ววันนี้จะกลับบ้านรึเปล่า หรือยังทำธุระไม่เสร็จ”
“น่าจะอีกสองสามวันครับ ขอส่งรายงานให้เรียบร้อยก่อนจะได้กลับไปอย่างสบายใจ” เขาคิดถึงบ้านเต็มทีแล้ว
“พักผ่อนบ้างนะลูก ไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง ดูอย่างสาวน้อยที่บ้านสิ พ่อได้ยินคุณพิมพ์บอกว่าจะไปออกค่ายกับที่โรงเรียน สงสัยอยู่บ้านคนเดียว จะเหงา” นพคุณเอะใจ พริมาจะไปออกค่าย? มันช่างตรงกันพอดีกับที่คเชนทร์บอก หรือสองคนนั่นจะนัดกัน?
“จะไปออกค่ายเหรอครับ?” นพคุณถามพ่อเรื่อยๆ แต่ในใจเขากำลังเก็บข้อมูล
“ใช่ๆ เห็นเจ้าตุลย์เป็นคนโทรมาขออนุญาตนะ สงสัยไม่กล้าขอเอง ลูกก็ไม่ต้องรีบกลับบ้านหรอก อีกสองสามวันกลับมาก็ไม่เจอใคร ช่วงนี้พ่อกับคุณพิมพ์ก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน ลูกจะไปเที่ยวหรือพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้” คุณนพรักษ์วางสายไปนานแล้ว...แต่นพคุณยังคิดทบทวนอยู่ นี่ถ้าพ่อไม่บอก เขาจะรู้ไหมว่ายัยเพี้ยนจะไปออกค่าย คิดแล้วก็หงุดหงิด ภารดีก็ใจดีเสียจริง มีผู้ชายโทรมาขอให้ลูกสาวหล่อนไปเที่ยวกับเขา แม่อย่างหล่อนก็ใจดีให้ไปไม่ว่าสักคำ (ถึงความจริงจะไม่ได้ไปเที่ยว และไม่ได้ไปกันสองคนก็เถอะ) บางทีเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง อาจจะต้องรีบส่งรายงาน งั้นคืนนี้ไม่นอนทำให้เสร็จวันนี้พรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน
พริมานัดกับยามาที่บ้านว่าจะออกไปขึ้นรถที่โรงเรียนพร้อมกัน รถออกหกโมงเย็น วันนี้ยามาขอเข้าไปเคลียร์บัญชีที่ตลาดให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับบ้านมาพร้อมภารดี ส่วนกระเป๋านั้นเพื่อนหล่อนเอามาฝากไว้ที่บ้านหลายวันแล้ว ภารดีกับยามากลับมาถึงบ้านก็เกือบสี่โมงเย็น สองสาวจัดการอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เกือบห้าโมงภารดีจึงขับรถออกไปส่งที่โรงเรียน ตอนที่ไปถึงนั้นมีคนรอขึ้นรถกันอยู่แล้ว พริมาแปลกใจเพราะส่วนใหญ่พวกที่ไปออกค่ายเป็นศิษย์เก่าเสียเกือบครึ่ง หล่อนมองหาคเชนทร์ แต่ยังไม่เห็นเขาเลย พวกเพื่อนๆ ที่เห็นก็มีมาริสา ศศิธรและแน่นอนชัยยศนั่นเอง พริมาดีใจอย่างน้อยก็ยังเจอคนรู้จัก
“อ้าว! มาด้วยเหรอเนี้ย” ศศิธรยิ้มทักทาย พวกเขานั่งอยู่กันสามคนและเห็นพริมากับยามาลงจากรถพอดีจึงโบกมือเรียก พริมาส่งสัญญาณให้เพื่อนๆ ช่วยขนของ เพราะภารดีจัดหนักซื้อขนมมาเต็มท้ายรถ เมื่อขนของเรียบร้อย หล่อนจึงหันไปบอกแม่ให้กลับไปก่อนได้เลยเพราะหล่อนมีเพื่อนอยู่ด้วยหลายคนแม่ไม่ต้องเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยกลับก็ได้ กลับไปตอนนี้ก็ไม่เจอใครอยู่ดี อยู่นี่ดีกว่าไม่เหงา” ภารดีเดินไปนั่งรวมอยู่กับพวกเพื่อนพริมา เห็นแม่เพื่อนเหมือนมองหาใครยามาจึงอดสงสัยไม่ได้
“มองหาใครเหรอพี่พิมพ์”
“เปล่าๆ พอดีเห็นเด็กพวกนี้เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อนน่ะ” ยามาคิดว่าภารดีตลก หล่อนจะรู้จักเด็กทั้งโรงเรียนได้อย่างไร ที่เคยเจอก็มีแค่ไม่กี่คน
“อืม...พวกศิษย์เก่าด้วยมั้ง บางคนปลาทูก็ไม่เคยเห็นนะ” ยามาสังเกตบ้าง งานนี้น่าจะมีศิษย์เก่าที่จบนานไปหลายรุ่นมารวมตัวกันเชียวล่ะ อาจารย์มาเรียกขึ้นรถแล้ว พวกเขาเดินทางด้วยรถบัสคันใหญ่สองคันรถ มองจากตรงนี้ เห็นมีคนบางส่วนขึ้นไปนั่งรออยู่บนรถแล้ว พริมาหันไปลาแม่ แล้วขึ้นรถไปพร้อมเพื่อนๆ บนรถมีทั้งศิษย์เก่าศิษย์ใหม่นั่งปนๆ กัน มีที่ว่างอยู่แถวกลางๆ เพราะด้านหน้าศิษย์เก่าจอง...ส่วนด้านหลังก็พวกที่ชอบสังสรรค์ปาร์ตี้ ชัยยศแยกตัวเดินตรงดิ่งไปนั่งแถวหลัง เขาหันมาบอกพวกพริมา...แถวหลังมันใช่ เหมาะกับหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขา จึงเหลือพริมา ยามา ศศิธรและมาริสาที่นั่งถัดๆ กันไป กำลังจะเดินไปนั่งหล่อนเห็นยามายืนมองนิ่ง...คเชนทร์โบกไม้โบกมือมาจากเบาะหลัง เพื่อนหล่อนไม่ได้ตอบอะไร แต่ฮึดฮัดเข้าไปนั่งริมหน้าต่างและนั่งมองออกไปด้านนอก เหมือนกำลังสงบสติอารมณ์ พริมาหันไปพยักหน้าให้เขาและกำลังจะตามไปนั่งข้างๆ เพื่อนพอดี หล่อนเห็นพลอยใส...แม่สาวน้อยแฟนเก่าคเชนทร์ก็มาด้วย หล่อนเหลือบมามองพวกพริมา แค่แวบเดียวและหันไปคุยกับเพื่อนต่อ พริมาเพลีย...พี่ตุลย์หนอพี่ตุลย์มาคราวนี้ไม่รู้จะได้เคลียร์หรือจะได้เรื่องใหม่ไปอีกกันแน่ และสุดท้ายคนที่ทำให้พริมางงยิ่งกว่าใครทั้งหมดคือ นพคุณ! คุณชายใหญ่มาได้อย่างไร? หล่อนไม่เจอเขามาเกือบสามอาทิตย์ ตอนแรกเขาบอกจะกลับบ้าน นึกว่าจะได้เจอกันก่อนจะมาออกค่าย แต่เขาก็ไม่กลับ แต่แล้วเขากลับมาโผล่อยู่ที่นี่ ความจริงพริมาอยากชวนเขามาด้วย แต่หล่อนเกรงใจ เพราะดูแล้วนพคุณน่าจะยุ่ง แล้วนี่เขามาไม่บอกหล่อนสักคำ...น่าน้อยใจอยู่เหมือนกัน
พริมานั่งลงข้างๆ เพื่อน งานออกค่ายคราวนี้รวมทุกคน (ที่อยากเจอและไม่อยากเจอ) มาอยู่ที่เดียวกันหมด...หรรษาแหละงานนี้! ยามานั่งเงียบมาตลอดทาง พริมาหวั่นใจกลัวเพื่อนจับได้ แต่ดูเหมือนเพื่อนสาวจะกำลังใช้ความคิดกับเรื่องอื่นเสียมากกว่า ด้านหลังพวกสายปาร์ตี้กำลังสนุกสุดเหวี่ยง พวกเขาแหกปากร้องเพลงกันมาตลอดทาง...และหัวหอกสายบันเทิงคือคเชนทร์นั่นเอง
“มอง...เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง...”คเชนทร์ร้องเพลงโปรดของเขา หลายคนยิ้มขำ เพราะเคยได้ยินบ่อยๆ สมัยเขาเป็นนักเรียนจนตอนนี้ขยับมาเป็นศิษย์เก่า...ผ่านมาก็หลายปีชายหนุ่มก็ยังไม่เปลี่ยนเพลง พริมาเห็นพลอยใส หันไปมองทางเบาะหลัง...สงสัยถ่านไฟเก่าจะคุซะแล้ว
นพคุณนั่งมองจากตรงนี้ พริมามองไปทางแฟนเก่าคเชนทร์บ่อยๆ หล่อนมองสลับไปทางพลอยใสกับคเชนทร์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล บางครั้งก็ถอนใจ เห็นแบบนี้แล้วเขาหงุดหงิด เขารีบเคลียร์รายงานและรีบส่งก่อนจะมาออกค่าย ความจริงเขาเสร็จธุระตั้งแต่สองวันก่อน แต่เขาไม่ได้กลับบ้าน อยากจะรอดูว่ายัยเพี้ยนจะชวนเขาไปออกค่ายหรือเล่าให้เขาฟังสักคำไหม แต่หล่อนก็ไม่ติดต่อมา เจอกันวันนี้หล่อนก็ไม่ทักทายเขาสักคำ ไม่เจอกันตั้งหลายวัน...ไม่คิดถึงกันบ้างเลยหรือไงนะ! ด้านหลัง...เสียงเงียบไปแล้วดูเวลาตอนนี้เกือบตีหนึ่ง ก็ยังดีที่พวกนั้นยังมีความเกรงใจไม่แหกปากไปจนถึงเช้า รอบตัวเขาตอนนี้หลายคนเริ่มหลับ รวมถึงแม่สาวน้อยคนนั้นด้วย รถมาถึงตีนดอยตอนตีห้า ทุกคนต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถตู้แทน พริมาไปขนของมีพวกชัยยศช่วย เพราะขนมของหล่อนนั้นมากมายเหลือเกิน คเชนทร์เข้ามาสมทบ ยามาเห็นไอ้หน้าหมีเดินมาก็บอกเพื่อนว่าจะไปรอหน้ารถตู้ พริมาหันไปยิ้มแหยๆ ให้คเชนทร์
“สู้ๆ นะคะพี่ตุลย์ ลูกแก้วออกตัวแรงไม่ได้เดี๋ยวโดนเหวี่ยง” คเชนทร์แค่ยิ้มๆ เขายักไหล่ ยังมีเวลาอีกตั้งสามวัน พริมาถือของเต็มสองมือ ขนาดว่าเพื่อนช่วยกันขนแล้ว ของก็ยังเยอะอยู่ดี และระหว่างเดินไปขึ้นรถตู้ อยู่ๆ ก็มีมือมาแย่งถุงไปจากมือหล่อน เสื้อผ้านั้นหล่อนสะพายเป้ แต่ของเต็มสองมือนั่นคือขนมที่ภารดีซื้อมาจากตลาด ทั้งหมดนี่น่าจะเป็นฝีมือภารดีกับยามาช่วยกันช้อป พริมาท่องไว้ในใจ อย่าให้ภารดีกับยามาซื้อของด้วยกันอีกเด็ดขาด
“อุ๊ย!” เด็กสาวอุทานเบาๆ นพคุณนั่นเอง เขาฉวยถุงขนมไปถือและเดินนำหน้าไปที่รถ พริมาเผลอทำปากยื่น เหมือนที่หล่อนชอบทำประจำตอนเผลอ ท่าทางแบบนี้คุณชายใหญ่ “งอน” อีกแล้ว หล่อนเดินหมดแรงตามไปที่รถ ยามายืนหน้าคว่ำมองมาอยู่ พริมากลัวเพื่อนจับได้เหลือเกิน...
“ทำไมช้านักล่ะ ปลาทูรออยู่ตั้งนานแล้ว” ยามาเดินมาจูงมือเพื่อนแล้วลากให้ขึ้นรถไป ทิ้งคเชนทร์กับนพคุณไว้ให้ยืนมองตากัน งานนี้ไอ้หน้าหมางานเข้าอย่างแรง เพราะเขาเห็นรถตู้คันถัดไปน้องพลอยใส แม่สาวแฟนเก่าไอ้เชนหน้าหมามองมาอยู่ อยากหว่านเสน่ห์ดีนักสมน้ำหน้า!
“อ้าว! นายก็มาด้วยเหรอ?” คเชนทร์ทักนพคุณ ความจริงเขาเห็น นพคุณตั้งแต่เมื่อวาน แต่ยังไม่มีโอกาสได้คุย พริมาคงชวนไอ้ขี้เก๊กมาด้วยแน่ๆ ก็ดีงานนี้เขาจะได้มีตัวช่วย เผื่อคนเก่าๆ มารวมกันยัยปลาดุกฟูจะได้คิดถึงมิตรภาพแสนหวานสมัยก่อน หล่อนอาจจะใจอ่อนยอมยกโทษให้เขาก็ได้ แต่งานนี้เขาเห็นแล้ว มีคนเก่าๆ เกินมาหนึ่งคน พลอยใสนั่นเอง!
พวกเขาถึงโรงเรียนแล้ว ที่พักคือห้องเรียนนั่นเอง โดยให้พักแยกกัน ชายฝั่งหนึ่งหญิงอีกฝั่งหนึ่ง งานที่ทำมีทั้งซ่อมหลังคา ทาสี มีให้เลือกสารพัด พริมาช่วยงานครัว เพราะงานนี้หล่อนถนัด ส่วนยามานั้นหล่อนไปวาดรูปที่ผนัง...นพคุณนึกถึงสมัยก่อนที่ยามาไปวาดรูปบนผนังหลังบ้านเขา ตอนนั้นเขาโวยวายว่าหล่อนเล่นอะไรเลอะเทอะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฝีมือยามานั้นดูถูกไม่ได้เลย คเชนทร์นั้นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เขาเลือกงานทาสี นพคุณเห็นแล้ว ไอ้เชนหน้าหมาพยายามจะง้อคืนดีเพื่อนพริมา เฮอะ! สมน้ำหน้ามัน อย่างยัยปลาทูน่ะง้อไม่ได้ง่ายๆ หรอก ยัยนั่นเจ้าคิดเจ้าแค้นจะตาย เขาไม่รู้รายละเอียดมากนักว่าพวกนี้ทะเลาะอะไรกัน แต่ดูเหมือนคเชนทร์จะทำยามา ถึงขั้นน้ำตาตก...และถ้ายามาน้ำตกได้แสดงว่าทะเลาะกันแรงมาก ได้ข่าวว่าพริมาก็โกรธมันเหมือนกัน แต่สุดท้ายทำไมถึงคืนดีกันง่ายนักเขาก็ไม่เข้าใจ...น่าจะโกรธ โกรธไปนานๆ หรือเลิกคบกันไปเลยก็ดี
นพคุณช่วยงานเกี่ยวกับสายไฟเขาเรียนมาด้านนี้และรู้สึกดีที่ได้ช่วยงานที่ตนเองถนัด สายไฟโรงเรียนนี้เก่ามากแล้ว และคงต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด งานนี้มีช่างไฟที่ทางโรงเรียนหามาด้วย พวกเขาได้งานใหญ่เลยทีเดียวระหว่างที่อยู่ที่นี่สามวัน แต่ละคนแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง จนเกือบสิบโมงพริมาและมาริสามาเดินแจกน้ำ วันนี้โรงครัวทำน้ำเก๊กฮวย และหล่อนกำลังเดินแจกน้ำให้กับพวกใช้แรงงานทั้งหลาย โชคดีช่วงนี้หน้าหนาอากาศ ไม่ร้อนทำงานกันจึงไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่...เหมือนทำงานอยู่ในห้องแอร์ น้ำเก๊กฮวยมีให้เลือกทั้งสองแบบจะร้อนหรือเย็นแล้วแต่ใครจะชอบ
“พี่คุณ...เอาน้ำไหมคะ?” นพคุณชะงัก เสียงที่คุ้นเคยถามเขา เขาทำงานจนลืมดูเวลาและลืมคิดฟุ้งซ่านไปชั่วขณะ แต่พอได้ยินเสียงนี้ความคิดฟุ้งซ่านก็กลับมาอีก ชายหนุ่มหันไปมองเห็นสาวน้อยยืนยิ้มอยู่ รอยยิ้มแบบนี้เขารู้หล่อนกำลังประจบเขา...ชิ! ไม่หายงอนง่ายๆ หรอกนะ อืม! ไม่! เขาไม่เคยงอนซะหน่อย
“เอาแบบเย็นหรือร้อนคะ?” สาวน้อยยังไม่ลดละความพยายาม นพคุณไม่ตอบ เขาเดินไปหยิบน้ำเก๊กฮวยมาแก้วหนึ่ง จะร้อนหรือเย็นก็ช่างมันเถอะ
“ลูกแก้วนึกว่าพี่คุณยังสอบไม่เสร็จ ไม่กล้ากวนเลย มาเจอที่นี่ก็แปลกใจอยู่ ถ้ารู้ว่าว่างโทรชวนตั้งนานแล้ว” สาวน้อยกำลังจะเดินไปแล้วท่าทางแบบนี้คุณชายใหญ่คงไม่อยากคุยกับหล่อน...ไปดีกว่าไม่อยากโดนเหวี่ยง “ขอแบบเย็นแก้วหนึ่งสิ” นพคุณยืนมองมาอยู่...แบบนี้อารมณ์ค่อยดีขึ้นหน่อย กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ตั้งหลายชั่วโมง นี่ก็เพิ่งจะได้คุยกัน พริมากำลังจะพูดอะไรต่อแต่เสียงโทรศัพท์นพคุณดังขึ้นมาก่อน
“ฮัลโลแพรว...” พริมาชะงัก แพรวพณิตสินะ งั้นหล่อนไม่อยู่กวนดีกว่า
“อืม...ก็ตอนแรกไม่คิดจะมาหรอก ทำไมต้องให้เราบอก แพรวก็รู้แล้วนี่ ไอ้ตุลย์ก็ชวนในไลน์กลุ่มแล้ว ทุกคนในห้องก็เห็นกันหมด อ๋อ หมายถึงที่เรามาน่ะเหรอ โทษทีพอดีรีบๆ เลยไม่ได้ชวน” นพคุณคุยอีกสองสามคำ พอเขาวางสาย มองหาพริมาก็ไม่เจอแล้ว
“อ้าว...แล้วน้ำเก๊กฮวยเย็นล่ะ” นพคุณพึมพำ
“น่านะลูกแก้ว ไปเถอะ แค่สามวันเอง จะได้มีเพื่อนใหม่ๆ และอีกอย่างพี่เป็นศิษย์เก่าเรียนจบไปแล้วจะไปคนเดียวก็เขินๆ แต่พี่อยากไปอ่ะ พี่เป็นคนดี อยากช่วยเหลือสังคม” พริมายิ้มกับคำอวยตัวเองของคเชนทร์
“ไม่รู้แม่จะให้ไปรึเปล่า แล้วเพื่อนๆ ก็ไม่รู้จะมีใครไปมั่ง” พริมาแบ่งรับแบ่งสู้
“เดี๋ยวขอให้ พี่พิมพ์น่ะพูดง่ายจะตาย อีกอย่างไปงานนี้เดี๋ยวพี่ดูแลเอง นะๆ ไปเหอะ” พริมาแปลกใจที่คเชนทร์โทรหาหล่อนตั้งแต่เช้า หล่อนไม่เห็นหน้าเขามากี่เดือนแล้วนะ...สองสามเดือน คเชนทร์เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว...เขาเลือกเรียนสัตวแพทย์
“มันก็เท่ห์ดีนะ ใครก็เรียกหมอๆ ที่ไหนได้หมอควายไม่ใช่หมอคน” คเชนทร์บอกขำๆ ตอนที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยในคณะนั้น หลายคนยังงงที่อยู่ๆ คเชนทร์ก็เลือกเรียนคณะนี้ พริมาเห็นเขาบ้ากล้องแต่กลับไม่เลือกเรียนในสายที่ตนสนใจ
“กล้องไปเรียนข้างนอกก็ได้ แต่หมอควายน่ะเรียนแล้วก็ได้ใช้ประโยชน์ เอามารักษาไก่พ่อ...รักษาพวกไอ้เมษ์” เขาเล่าให้ภารดีฟังในวันที่มาเที่ยวที่บ้าน ถึงจะจบไปแล้ว แต่คเชนทร์ก็แวะมาหาพริมาบ้างถ้าเขาว่าง หรือผ่านมาเวลากลับบ้าน คเชนทร์เลือกอยู่หอแถวมหาวิทยาลัยและช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้กลับบ้าน พริมาไม่เจอเขามาเกือบสามเดือนแล้ว แต่จู่ๆ วันนี้เขาก็โทรมาตั้งแต่เช้า ขนาดออกตัวว่าเป็นศิษย์เก่า แต่เขาดูจะรู้ข่าวมากกว่าหล่อนเสียอีก
“ชวนน้องปลาดุกฟูไปด้วยนะ” คเชนทร์ทิ้งท้าย...เข้าเรื่องเสียที ถึงพริมาจะคิดช้า แต่หล่อนรู้ว่าพี่ชายนั้นมีแผน
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” คเชนทร์กับยามาทะเลาะกันตั้งแต่เขาเรียนจบ และหลังจากนั้นพวกนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย เวลาคเชนทร์มาที่บ้าน ถ้ายามาอยู่ด้วยหล่อนจะหลบขึ้นไปอยู่บนห้องพริมาและไม่ลงมาจนกว่า ไอ้หน้าหมีจะกลับบ้าน คเชนทร์เองก็จนปัญญา เขาบอกว่าโทรไปง้อแล้ว ยามาก็ไม่รับสาย
“แหม...รู้ทันแฮะ ก็พี่อยากจะปรับความเข้าใจกับน้องปลาทู...ไม่มีโอกาสเลย ลูกแก้วช่วยพี่หน่อยนะ คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ” คเชนทร์ขอร้องแกมบังคับ เขาตัดพ้อว่าพริมาไม่รักเขาหรือถึงจะไม่ช่วย และเรื่องที่เกิดเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ
“ก็ได้ค่ะ นี่เห็นแก่ความพยายามนะคะ ลูกแก้วจะช่วยก็ได้ แต่ลูกแก้วช่วยได้แค่นี้นะ ที่เหลือพี่ตุลย์ต้องจัดการเอาเอง ไม่งั้นปลาทูจะพาลมาโกรธลูกแก้วอีกคน” หล่อนเข้าใจว่าคเชนทร์ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนี้ และเพื่อนสุดที่รักของหล่อนก็แสนจะเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียเหลือเกิน
“ได้ๆ ชวนมาให้ได้ก็พอ อย่าบอกเสียก่อนล่ะว่าพี่ไปด้วย” คเชนทร์บอกเสียงแจ่มใส พริมาเผลอพยักหน้าเห็นด้วยทั้งที่หล่อนกำลังคุยโทรศัพท์คนปลายสายไม่ได้มาเห็นท่าทางเสียหน่อย วางสายได้สักพักภารดีก็ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์รูป “โอเค” หาลูกสาว ตอนแรกพริมาก็สงสัยว่าแม่ส่งอะไรมา แต่พอเห็นข้อความถัดไปถึงได้เข้าใจ...คเชนทร์ทำงานเร็ว
“เอาขนมอะไรไม๊ไปออกค่าย เดี๋ยวตอนเย็นแม่หิ้วไปให้” พริมายิ้ม แม่ไม่เคยขัดเลย ถ้าหล่อนอยากทำอะไรภารดีนั้นสนับสนุนทุกอย่าง หล่อนโชคดีแค่ไหนแล้วที่มีแม่แบบนี้
“แล้วแต่แม่เลยค่ะ ถ้าเดาไม่ผิดพี่ตุลย์น่าจะสั่งขนมไปเยอะแล้วมั้งคะ”
“ฮ่าๆ จริง...เรื่องปลาทูให้แม่ชวนให้ไหม?” ภารดีน่าจะรู้แผนจากคเชนทร์แล้ว และหล่อนน่าจะอาสาช่วยเต็มที่ หรือไม่ก็กลัวลูกสาวพลาด ก็ดีเหมือนกัน โกหกยามานั้นยาก ให้ภารดีช่วยน่าจะดีกว่า
“ดีเลยค่ะ งั้นลูกแก้วให้แม่ชวนนะคะ เสียวๆ กลัวถูกจับได้” พริมาคุยอยู่กับภารดีอีกสักพักก็ลุกไปเดินเล่นหลังบ้าน วันนี้หล่อนอยู่บ้านคนเดียว แม่ไปทำงาน...ช่วงนี้แม้แต่วันหยุดบางทีแม่หล่อนก็ไม่กลับบ้าน แต่หล่อนก็เบาใจ เพราะพ่อเลี้ยงไปเป็นเพื่อนแม่เสมอ สองคนนั่นตัวติดกันตลอดเวลา พ่อเลี้ยงหล่อนไปส่งแม่ที่ตลาด และตอนเย็นเขาก็แวะไปรับ ภารดีไม่ได้เอารถไปเองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว...ตั้งแต่รถเบรกแตกคราวก่อน พ่อเลี้ยงบอกว่าเป็นห่วงผู้หญิงขับรถคนเดียวเลยอาสาไปส่งจะดีกว่า เขายืนยันและบอกว่าไม่อยากเป็นหม้ายหนที่สองนั่นแหละภารดีถึงยอม ช่วงนี้พริมาเลยไม่ค่อยได้เจอแม่กับพ่อเลี้ยง ส่วนคุณชายใหญ่ช่วงนี้เขาอยู่หอแถวๆ มหาวิทยาลัย ใกล้สอบแล้วเขาเลยไม่ได้กลับบ้าน นพคุณสอบติดวิศวะจุฬาฯ และมันค่อนข้างไกลจากบ้านพอสมควร แต่ส่วนใหญ่เวลาเรียนเขาจะ ไป – กลับ บ้านเสมอ นอกจากช่วงที่มีรายงานหรือมีสอบถึงจะพักอยู่หอใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย และช่วงนี้สอบ พริมาไม่เจอเขามาเกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังดีที่ที่บ้านมีนพคุณอีกคน หล่อนเลยไม่เหงา นั่งเล่นไปสักพักโทรศัพท์ก็ดัง หน้าจอบอกว่าเป็นยามา
“ไปลงชื่อเลยเดี๋ยวไปด้วย” ยามาไม่ทักทาย แต่หล่อนบอกจุดประสงค์ทันทีที่โทรมา พริมาต้องเรียบเรียงเรื่องอีกแล้ว ทำไมแม่กับเพื่อนของหล่อนถึงได้เหมือนกันแบบนี้นะ
“รู้ได้ยังไง? ลูกแก้วยังไม่ได้ชวนเลย” พริมามัวแต่เล่นอยู่กับไก่จนลืมชวนเพื่อนตามคำขอของคเชนทร์เสียสนิท
“พี่พิมพ์บอก แหมๆ จะหนีไปคนเดียวรึไง นี่ถ้าพี่พิมพ์ไม่บอกลูกแก้วจะชวนปลาทูไม๊เนี้ย” ยามาทำเสียงกระเง้ากระงอดได้น่าหมั่นไส้มาก พริมาหัวเราะเสียงใสขำเพื่อนที่ “เล่นใหญ่” ได้ตลอดเวลา
“ชวนสิ แล้วปลาทูว่างใช่ไหม ต้องทำงานรึเปล่า?” ตลอดปิดเทอม ยามาไปทำงานกับภารดีที่ตลาด เพื่อนสาวของพริมาขยันทำงานเก็บเงิน หล่อนบอกว่าจะทำงานเก็บเงินไว้ไปจ่ายค่าเทอมจะได้ไม่ต้องรบกวนแม่ ช่วงนี้พริมาจึงไม่ได้เจอใครเลย...ได้ไปออกค่ายก็ดีเหมือนกัน แก้เหงา
“ว่างสิว่าง...เมื่อกี้พี่พิมพ์ให้ลางาน แล้วก็ให้เงินพิเศษด้วย ฮี่ๆๆ” ภารดีคงทำตามแผนทันทีที่คุยกับลูกสาวเสร็จ ยามาถึงโทรมาหาหล่อนได้เร็วขนาดนี้ พวกหล่อนเหมือนคเชนทร์ไม่มีผิด ทำงานเร็ว!
“งั้นลูกแก้วติดต่อลงชื่อเลยนะ เดี๋ยวจะได้รีบไปจัดกระเป๋า” พริมาต้องรีบไปรายงานคเชนทร์ เรื่องลงชื่อคงต้องให้เขาจัดการ ส่วนทางนี้หล่อนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว
“แหม...ทำไมรีบวางจัง แต่ก็ดี...เดี๋ยวปลาทูรีบไปเคลียร์งานก่อนดีกว่าจะได้ไปอย่างสบายใจ” พริมาลอบถอนหายใจ หล่อนต้องรีบตัดบทเพราะกลัวคุยนานแล้วเพื่อนรักจะจับได้ วางสายแล้วถึงโทรหาคเชนทร์บอกเขาว่าจัดการให้เรียบร้อยแล้ว น้ำเสียงคเชนทร์ฟังดูดีใจ เขาขอบอกขอบใจหล่อนยกใหญ่
“น้องปลาทูจะได้หายโกรธซะที บอกตรงๆ เลย โกรธกันแบบนี้อึดอัดจะแย่ อยากให้เป็นเหมือนเดิมเร็วๆ เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก” พริมายังไม่แน่ใจนัก เพื่อนหล่อนจะหายโกรธหรือจะโกรธหนักกว่าเดิม คราวนี้เผลอๆ อาจจะมีคนโดนฟาดงวงฟาดงาด้วย คิดแล้วก็หวาดเสียว หล่อนต้องซ้อมให้ดี...ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ห้ามหลุดนะลูกแก้ว...ห้ามหลุด!
นพคุณสอบวันสุดท้ายเหลือส่งรายงานก็เป็นอันเสร็จแล้วสำหรับ วิชานี้ คราวนี้เขาจะได้กลับบ้านเสียที กี่วันแล้วนะที่ไม่ได้เห็นหน้า เอ้ย! กลับไปบ้าน...ตั้งสองอาทิตย์คิดถึง (บ้าน) จะแย่ สอบเสร็จก็คลายเครียดเล่นโทรศัพท์ดูโน่นนี่เสียหน่อย เขาเห็นไลน์กลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยมวันนี้ขึ้นเตือนหลายข้อความ ไล่อ่านไปถึงรู้ว่าพวกเพื่อนๆ ชวนกันไปออกค่ายที่โรงเรียนเก่า อืม น่าสนุกเหมือนกันงานนี้จะได้เจอเพื่อนๆ ที่แต่ละคน จบแล้วแยกย้ายกันไปเรียนที่ต่างๆ ตั้งแต่จบมาเขาไม่เจอใครเลย ยกเว้นแพรวพณิตที่หล่อนสอบเข้าและเรียนที่เดียวกันกับเขา จึงถือได้ว่าแพรวพณิตเป็นเพื่อนสมัยเรียนคนเดียวที่เขาเจอบ่อยที่สุด ในไลน์เขาเห็นคเชนทร์เป็นหัวหอกในการล่ารายชื่อและมีหลายคนลงชื่อไปกับหมอนั่นด้วย
“ทำไมคนลงชื่อมีแต่ผู้ชายวะ พวกผู้หญิงไม่ไปกันมั่งเหรอ?” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น
“คนอื่นไม่รู้ แต่ฉันชวนไปได้สองเว้ย” คเชนทร์ตอบกลับมา อ่านมาถึงตรงนี้นพคุณขมวดคิ้วเขารู้สึกตงิดๆ ว่าสองคนที่คเชนทร์พูดถึง คือใคร...อาจจะเป็นแฟนสาวของเขากับเพื่อนของหล่อนก็ได้ ชื่ออะไรนะพลอยๆ อะไรสักอย่าง ไม่น่าจะใช่คนที่เขาคิด เพราะถ้าจำไม่ผิดคเชนทร์กับยามาทะเลาะกันอยู่ เขาจะชวนสองคนนั่นไปได้อย่างไร กำลังสงสัยเสียงโทรศัพท์ก็ดังพอดี...พ่อเขานั่นเอง
“ครับพ่อ” นพคุณรับสายพ่อทันที เขากับคุณนพรักษ์โทรคุยกันทุกวัน แต่วันนี้พ่อเขาโทรมาเร็วกว่าปกติ
“เป็นไงบ้างทำข้อสอบได้รึเปล่า”
“ได้ครับ...พ่อก็รู้ว่าผมเก่ง” นพคุณหัวเราะกลับไป พ่อเขาคงเป็นห่วงเพราะเขาอ่านหนังสือหนักมาหลายวันแล้ว
“นั่นสินะ ฮ่าๆ แล้ววันนี้จะกลับบ้านรึเปล่า หรือยังทำธุระไม่เสร็จ”
“น่าจะอีกสองสามวันครับ ขอส่งรายงานให้เรียบร้อยก่อนจะได้กลับไปอย่างสบายใจ” เขาคิดถึงบ้านเต็มทีแล้ว
“พักผ่อนบ้างนะลูก ไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง ดูอย่างสาวน้อยที่บ้านสิ พ่อได้ยินคุณพิมพ์บอกว่าจะไปออกค่ายกับที่โรงเรียน สงสัยอยู่บ้านคนเดียว จะเหงา” นพคุณเอะใจ พริมาจะไปออกค่าย? มันช่างตรงกันพอดีกับที่คเชนทร์บอก หรือสองคนนั่นจะนัดกัน?
“จะไปออกค่ายเหรอครับ?” นพคุณถามพ่อเรื่อยๆ แต่ในใจเขากำลังเก็บข้อมูล
“ใช่ๆ เห็นเจ้าตุลย์เป็นคนโทรมาขออนุญาตนะ สงสัยไม่กล้าขอเอง ลูกก็ไม่ต้องรีบกลับบ้านหรอก อีกสองสามวันกลับมาก็ไม่เจอใคร ช่วงนี้พ่อกับคุณพิมพ์ก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน ลูกจะไปเที่ยวหรือพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้” คุณนพรักษ์วางสายไปนานแล้ว...แต่นพคุณยังคิดทบทวนอยู่ นี่ถ้าพ่อไม่บอก เขาจะรู้ไหมว่ายัยเพี้ยนจะไปออกค่าย คิดแล้วก็หงุดหงิด ภารดีก็ใจดีเสียจริง มีผู้ชายโทรมาขอให้ลูกสาวหล่อนไปเที่ยวกับเขา แม่อย่างหล่อนก็ใจดีให้ไปไม่ว่าสักคำ (ถึงความจริงจะไม่ได้ไปเที่ยว และไม่ได้ไปกันสองคนก็เถอะ) บางทีเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง อาจจะต้องรีบส่งรายงาน งั้นคืนนี้ไม่นอนทำให้เสร็จวันนี้พรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน
พริมานัดกับยามาที่บ้านว่าจะออกไปขึ้นรถที่โรงเรียนพร้อมกัน รถออกหกโมงเย็น วันนี้ยามาขอเข้าไปเคลียร์บัญชีที่ตลาดให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับบ้านมาพร้อมภารดี ส่วนกระเป๋านั้นเพื่อนหล่อนเอามาฝากไว้ที่บ้านหลายวันแล้ว ภารดีกับยามากลับมาถึงบ้านก็เกือบสี่โมงเย็น สองสาวจัดการอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เกือบห้าโมงภารดีจึงขับรถออกไปส่งที่โรงเรียน ตอนที่ไปถึงนั้นมีคนรอขึ้นรถกันอยู่แล้ว พริมาแปลกใจเพราะส่วนใหญ่พวกที่ไปออกค่ายเป็นศิษย์เก่าเสียเกือบครึ่ง หล่อนมองหาคเชนทร์ แต่ยังไม่เห็นเขาเลย พวกเพื่อนๆ ที่เห็นก็มีมาริสา ศศิธรและแน่นอนชัยยศนั่นเอง พริมาดีใจอย่างน้อยก็ยังเจอคนรู้จัก
“อ้าว! มาด้วยเหรอเนี้ย” ศศิธรยิ้มทักทาย พวกเขานั่งอยู่กันสามคนและเห็นพริมากับยามาลงจากรถพอดีจึงโบกมือเรียก พริมาส่งสัญญาณให้เพื่อนๆ ช่วยขนของ เพราะภารดีจัดหนักซื้อขนมมาเต็มท้ายรถ เมื่อขนของเรียบร้อย หล่อนจึงหันไปบอกแม่ให้กลับไปก่อนได้เลยเพราะหล่อนมีเพื่อนอยู่ด้วยหลายคนแม่ไม่ต้องเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยกลับก็ได้ กลับไปตอนนี้ก็ไม่เจอใครอยู่ดี อยู่นี่ดีกว่าไม่เหงา” ภารดีเดินไปนั่งรวมอยู่กับพวกเพื่อนพริมา เห็นแม่เพื่อนเหมือนมองหาใครยามาจึงอดสงสัยไม่ได้
“มองหาใครเหรอพี่พิมพ์”
“เปล่าๆ พอดีเห็นเด็กพวกนี้เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อนน่ะ” ยามาคิดว่าภารดีตลก หล่อนจะรู้จักเด็กทั้งโรงเรียนได้อย่างไร ที่เคยเจอก็มีแค่ไม่กี่คน
“อืม...พวกศิษย์เก่าด้วยมั้ง บางคนปลาทูก็ไม่เคยเห็นนะ” ยามาสังเกตบ้าง งานนี้น่าจะมีศิษย์เก่าที่จบนานไปหลายรุ่นมารวมตัวกันเชียวล่ะ อาจารย์มาเรียกขึ้นรถแล้ว พวกเขาเดินทางด้วยรถบัสคันใหญ่สองคันรถ มองจากตรงนี้ เห็นมีคนบางส่วนขึ้นไปนั่งรออยู่บนรถแล้ว พริมาหันไปลาแม่ แล้วขึ้นรถไปพร้อมเพื่อนๆ บนรถมีทั้งศิษย์เก่าศิษย์ใหม่นั่งปนๆ กัน มีที่ว่างอยู่แถวกลางๆ เพราะด้านหน้าศิษย์เก่าจอง...ส่วนด้านหลังก็พวกที่ชอบสังสรรค์ปาร์ตี้ ชัยยศแยกตัวเดินตรงดิ่งไปนั่งแถวหลัง เขาหันมาบอกพวกพริมา...แถวหลังมันใช่ เหมาะกับหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขา จึงเหลือพริมา ยามา ศศิธรและมาริสาที่นั่งถัดๆ กันไป กำลังจะเดินไปนั่งหล่อนเห็นยามายืนมองนิ่ง...คเชนทร์โบกไม้โบกมือมาจากเบาะหลัง เพื่อนหล่อนไม่ได้ตอบอะไร แต่ฮึดฮัดเข้าไปนั่งริมหน้าต่างและนั่งมองออกไปด้านนอก เหมือนกำลังสงบสติอารมณ์ พริมาหันไปพยักหน้าให้เขาและกำลังจะตามไปนั่งข้างๆ เพื่อนพอดี หล่อนเห็นพลอยใส...แม่สาวน้อยแฟนเก่าคเชนทร์ก็มาด้วย หล่อนเหลือบมามองพวกพริมา แค่แวบเดียวและหันไปคุยกับเพื่อนต่อ พริมาเพลีย...พี่ตุลย์หนอพี่ตุลย์มาคราวนี้ไม่รู้จะได้เคลียร์หรือจะได้เรื่องใหม่ไปอีกกันแน่ และสุดท้ายคนที่ทำให้พริมางงยิ่งกว่าใครทั้งหมดคือ นพคุณ! คุณชายใหญ่มาได้อย่างไร? หล่อนไม่เจอเขามาเกือบสามอาทิตย์ ตอนแรกเขาบอกจะกลับบ้าน นึกว่าจะได้เจอกันก่อนจะมาออกค่าย แต่เขาก็ไม่กลับ แต่แล้วเขากลับมาโผล่อยู่ที่นี่ ความจริงพริมาอยากชวนเขามาด้วย แต่หล่อนเกรงใจ เพราะดูแล้วนพคุณน่าจะยุ่ง แล้วนี่เขามาไม่บอกหล่อนสักคำ...น่าน้อยใจอยู่เหมือนกัน
พริมานั่งลงข้างๆ เพื่อน งานออกค่ายคราวนี้รวมทุกคน (ที่อยากเจอและไม่อยากเจอ) มาอยู่ที่เดียวกันหมด...หรรษาแหละงานนี้! ยามานั่งเงียบมาตลอดทาง พริมาหวั่นใจกลัวเพื่อนจับได้ แต่ดูเหมือนเพื่อนสาวจะกำลังใช้ความคิดกับเรื่องอื่นเสียมากกว่า ด้านหลังพวกสายปาร์ตี้กำลังสนุกสุดเหวี่ยง พวกเขาแหกปากร้องเพลงกันมาตลอดทาง...และหัวหอกสายบันเทิงคือคเชนทร์นั่นเอง
“มอง...เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง...”คเชนทร์ร้องเพลงโปรดของเขา หลายคนยิ้มขำ เพราะเคยได้ยินบ่อยๆ สมัยเขาเป็นนักเรียนจนตอนนี้ขยับมาเป็นศิษย์เก่า...ผ่านมาก็หลายปีชายหนุ่มก็ยังไม่เปลี่ยนเพลง พริมาเห็นพลอยใส หันไปมองทางเบาะหลัง...สงสัยถ่านไฟเก่าจะคุซะแล้ว
นพคุณนั่งมองจากตรงนี้ พริมามองไปทางแฟนเก่าคเชนทร์บ่อยๆ หล่อนมองสลับไปทางพลอยใสกับคเชนทร์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล บางครั้งก็ถอนใจ เห็นแบบนี้แล้วเขาหงุดหงิด เขารีบเคลียร์รายงานและรีบส่งก่อนจะมาออกค่าย ความจริงเขาเสร็จธุระตั้งแต่สองวันก่อน แต่เขาไม่ได้กลับบ้าน อยากจะรอดูว่ายัยเพี้ยนจะชวนเขาไปออกค่ายหรือเล่าให้เขาฟังสักคำไหม แต่หล่อนก็ไม่ติดต่อมา เจอกันวันนี้หล่อนก็ไม่ทักทายเขาสักคำ ไม่เจอกันตั้งหลายวัน...ไม่คิดถึงกันบ้างเลยหรือไงนะ! ด้านหลัง...เสียงเงียบไปแล้วดูเวลาตอนนี้เกือบตีหนึ่ง ก็ยังดีที่พวกนั้นยังมีความเกรงใจไม่แหกปากไปจนถึงเช้า รอบตัวเขาตอนนี้หลายคนเริ่มหลับ รวมถึงแม่สาวน้อยคนนั้นด้วย รถมาถึงตีนดอยตอนตีห้า ทุกคนต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถตู้แทน พริมาไปขนของมีพวกชัยยศช่วย เพราะขนมของหล่อนนั้นมากมายเหลือเกิน คเชนทร์เข้ามาสมทบ ยามาเห็นไอ้หน้าหมีเดินมาก็บอกเพื่อนว่าจะไปรอหน้ารถตู้ พริมาหันไปยิ้มแหยๆ ให้คเชนทร์
“สู้ๆ นะคะพี่ตุลย์ ลูกแก้วออกตัวแรงไม่ได้เดี๋ยวโดนเหวี่ยง” คเชนทร์แค่ยิ้มๆ เขายักไหล่ ยังมีเวลาอีกตั้งสามวัน พริมาถือของเต็มสองมือ ขนาดว่าเพื่อนช่วยกันขนแล้ว ของก็ยังเยอะอยู่ดี และระหว่างเดินไปขึ้นรถตู้ อยู่ๆ ก็มีมือมาแย่งถุงไปจากมือหล่อน เสื้อผ้านั้นหล่อนสะพายเป้ แต่ของเต็มสองมือนั่นคือขนมที่ภารดีซื้อมาจากตลาด ทั้งหมดนี่น่าจะเป็นฝีมือภารดีกับยามาช่วยกันช้อป พริมาท่องไว้ในใจ อย่าให้ภารดีกับยามาซื้อของด้วยกันอีกเด็ดขาด
“อุ๊ย!” เด็กสาวอุทานเบาๆ นพคุณนั่นเอง เขาฉวยถุงขนมไปถือและเดินนำหน้าไปที่รถ พริมาเผลอทำปากยื่น เหมือนที่หล่อนชอบทำประจำตอนเผลอ ท่าทางแบบนี้คุณชายใหญ่ “งอน” อีกแล้ว หล่อนเดินหมดแรงตามไปที่รถ ยามายืนหน้าคว่ำมองมาอยู่ พริมากลัวเพื่อนจับได้เหลือเกิน...
“ทำไมช้านักล่ะ ปลาทูรออยู่ตั้งนานแล้ว” ยามาเดินมาจูงมือเพื่อนแล้วลากให้ขึ้นรถไป ทิ้งคเชนทร์กับนพคุณไว้ให้ยืนมองตากัน งานนี้ไอ้หน้าหมางานเข้าอย่างแรง เพราะเขาเห็นรถตู้คันถัดไปน้องพลอยใส แม่สาวแฟนเก่าไอ้เชนหน้าหมามองมาอยู่ อยากหว่านเสน่ห์ดีนักสมน้ำหน้า!
“อ้าว! นายก็มาด้วยเหรอ?” คเชนทร์ทักนพคุณ ความจริงเขาเห็น นพคุณตั้งแต่เมื่อวาน แต่ยังไม่มีโอกาสได้คุย พริมาคงชวนไอ้ขี้เก๊กมาด้วยแน่ๆ ก็ดีงานนี้เขาจะได้มีตัวช่วย เผื่อคนเก่าๆ มารวมกันยัยปลาดุกฟูจะได้คิดถึงมิตรภาพแสนหวานสมัยก่อน หล่อนอาจจะใจอ่อนยอมยกโทษให้เขาก็ได้ แต่งานนี้เขาเห็นแล้ว มีคนเก่าๆ เกินมาหนึ่งคน พลอยใสนั่นเอง!
พวกเขาถึงโรงเรียนแล้ว ที่พักคือห้องเรียนนั่นเอง โดยให้พักแยกกัน ชายฝั่งหนึ่งหญิงอีกฝั่งหนึ่ง งานที่ทำมีทั้งซ่อมหลังคา ทาสี มีให้เลือกสารพัด พริมาช่วยงานครัว เพราะงานนี้หล่อนถนัด ส่วนยามานั้นหล่อนไปวาดรูปที่ผนัง...นพคุณนึกถึงสมัยก่อนที่ยามาไปวาดรูปบนผนังหลังบ้านเขา ตอนนั้นเขาโวยวายว่าหล่อนเล่นอะไรเลอะเทอะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฝีมือยามานั้นดูถูกไม่ได้เลย คเชนทร์นั้นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เขาเลือกงานทาสี นพคุณเห็นแล้ว ไอ้เชนหน้าหมาพยายามจะง้อคืนดีเพื่อนพริมา เฮอะ! สมน้ำหน้ามัน อย่างยัยปลาทูน่ะง้อไม่ได้ง่ายๆ หรอก ยัยนั่นเจ้าคิดเจ้าแค้นจะตาย เขาไม่รู้รายละเอียดมากนักว่าพวกนี้ทะเลาะอะไรกัน แต่ดูเหมือนคเชนทร์จะทำยามา ถึงขั้นน้ำตาตก...และถ้ายามาน้ำตกได้แสดงว่าทะเลาะกันแรงมาก ได้ข่าวว่าพริมาก็โกรธมันเหมือนกัน แต่สุดท้ายทำไมถึงคืนดีกันง่ายนักเขาก็ไม่เข้าใจ...น่าจะโกรธ โกรธไปนานๆ หรือเลิกคบกันไปเลยก็ดี
นพคุณช่วยงานเกี่ยวกับสายไฟเขาเรียนมาด้านนี้และรู้สึกดีที่ได้ช่วยงานที่ตนเองถนัด สายไฟโรงเรียนนี้เก่ามากแล้ว และคงต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด งานนี้มีช่างไฟที่ทางโรงเรียนหามาด้วย พวกเขาได้งานใหญ่เลยทีเดียวระหว่างที่อยู่ที่นี่สามวัน แต่ละคนแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง จนเกือบสิบโมงพริมาและมาริสามาเดินแจกน้ำ วันนี้โรงครัวทำน้ำเก๊กฮวย และหล่อนกำลังเดินแจกน้ำให้กับพวกใช้แรงงานทั้งหลาย โชคดีช่วงนี้หน้าหนาอากาศ ไม่ร้อนทำงานกันจึงไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่...เหมือนทำงานอยู่ในห้องแอร์ น้ำเก๊กฮวยมีให้เลือกทั้งสองแบบจะร้อนหรือเย็นแล้วแต่ใครจะชอบ
“พี่คุณ...เอาน้ำไหมคะ?” นพคุณชะงัก เสียงที่คุ้นเคยถามเขา เขาทำงานจนลืมดูเวลาและลืมคิดฟุ้งซ่านไปชั่วขณะ แต่พอได้ยินเสียงนี้ความคิดฟุ้งซ่านก็กลับมาอีก ชายหนุ่มหันไปมองเห็นสาวน้อยยืนยิ้มอยู่ รอยยิ้มแบบนี้เขารู้หล่อนกำลังประจบเขา...ชิ! ไม่หายงอนง่ายๆ หรอกนะ อืม! ไม่! เขาไม่เคยงอนซะหน่อย
“เอาแบบเย็นหรือร้อนคะ?” สาวน้อยยังไม่ลดละความพยายาม นพคุณไม่ตอบ เขาเดินไปหยิบน้ำเก๊กฮวยมาแก้วหนึ่ง จะร้อนหรือเย็นก็ช่างมันเถอะ
“ลูกแก้วนึกว่าพี่คุณยังสอบไม่เสร็จ ไม่กล้ากวนเลย มาเจอที่นี่ก็แปลกใจอยู่ ถ้ารู้ว่าว่างโทรชวนตั้งนานแล้ว” สาวน้อยกำลังจะเดินไปแล้วท่าทางแบบนี้คุณชายใหญ่คงไม่อยากคุยกับหล่อน...ไปดีกว่าไม่อยากโดนเหวี่ยง “ขอแบบเย็นแก้วหนึ่งสิ” นพคุณยืนมองมาอยู่...แบบนี้อารมณ์ค่อยดีขึ้นหน่อย กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ตั้งหลายชั่วโมง นี่ก็เพิ่งจะได้คุยกัน พริมากำลังจะพูดอะไรต่อแต่เสียงโทรศัพท์นพคุณดังขึ้นมาก่อน
“ฮัลโลแพรว...” พริมาชะงัก แพรวพณิตสินะ งั้นหล่อนไม่อยู่กวนดีกว่า
“อืม...ก็ตอนแรกไม่คิดจะมาหรอก ทำไมต้องให้เราบอก แพรวก็รู้แล้วนี่ ไอ้ตุลย์ก็ชวนในไลน์กลุ่มแล้ว ทุกคนในห้องก็เห็นกันหมด อ๋อ หมายถึงที่เรามาน่ะเหรอ โทษทีพอดีรีบๆ เลยไม่ได้ชวน” นพคุณคุยอีกสองสามคำ พอเขาวางสาย มองหาพริมาก็ไม่เจอแล้ว
“อ้าว...แล้วน้ำเก๊กฮวยเย็นล่ะ” นพคุณพึมพำ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ