แก้วนพคุณ
-
31) ของขวัญภารดี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพริมานั่งหน้าเครียดอ่านหนังสือ...สำหรับนพคุณแล้วสิ่งที่เห็นนั้น แปลกประหลาดยิ่งกว่าเห็นไก่แจ้ของหล่อนพูดได้เสียอีก เป็นไปได้อย่างไรที่คนไม่ชอบหนังสือเรียนอย่างพริมาจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออย่างตั้งใจขนาดนี้ ความสงสัยทำให้เขาอดเดินเข้าไปดูไม่ได้
“อ่านอะไรอยู่?” สาวน้อยสะดุ้ง แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเป็นนพคุณหล่อนดูโล่งใจ
“เฮ้อ! พี่คุณนี่เอง ลูกแก้วตกใจหมด นึกว่าแม่กลับบ้านเร็ว” นพคุณนั่งลงข้างพริมาที่ตอนนี้นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาห้องรับแขก
“ลูกแก้วจะทำเค้กให้แม่ค่ะ กำลังหาตัวอย่างที่น่าสนใจอยู่” ว่าแล้วเชียวนพคุณเดาถูก ลูกสาวภารดีไม่มีทางตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเรียนแน่นอน
“วันเสาร์นี้วันเกิดแม่ค่ะ ลูกแก้วจะทำเค้กให้แม่ พี่คุณว่าอันไหนสวยคะ?” วันนี้วันอังคาร ในขณะที่พริมากำลังง่วนอยู่กับการหาเค้กที่หล่อนจะทำให้แม่ในวันเสาร์นี้ ภารดีก็ยังไม่ถึงบ้าน หลังๆ มานี้พริมากลับบ้านเอง...บางวันยามา ก็ตามกลับมาเที่ยวเล่นที่บ้านด้วยในวันที่สายสุดาแม่ของหล่อนกลับดึก (ซึ่งก็ดึกเกือบทุกวัน) แต่วันนี้กว่านพคุณจะถึงบ้านก็เกือบสองทุ่มแล้ว ช่วงนี้ใกล้กีฬาสีเขาซ้อมฟุตบอลแทบทุกวัน และเขาได้ยินมาว่ายามาก็ต้องซ้อมวิ่งเหมือนกัน เพราะเพื่อนสาวของพริมาสมัครเป็นนักกีฬากีฑาประจำสีของตัวเอง ส่วนคุณนพรักษ์พ่อของเขาก็คงจะกลับมาพร้อมกับแม่เลี้ยงเขา นพคุณเริ่มจะอยากรู้แล้วว่าแม่เลี้ยงของเขาจะงานยุ่งอะไรกันนักหนา และงานผู้จัดการตลาดนั้นมันต้องกลับบ้านดึกๆ แบบนี้ตลอดเลยหรือ? แล้วถ้าพริมาไม่ได้อยู่ที่นี่หล่อนจะอยู่กับใคร?
“พี่คุณ?” พริมาชะโงกหน้ามามอง...แค่ถามความเห็นว่าเค้กในหนังสือที่หล่อนดูอยู่นั้นแบบไหนแม่น่าชอบ มันยากขนาดทำให้นพคุณต้องคิดหนักเลยหรือ? หล่อนถามตั้งนานแล้วเห็นเขานั่งเงียบใช้ความคิดอยู่ ไม่ตอบเสียที
“อ่อ...ไหนขอดูหน่อยสิ” นพคุณเอาหนังสือเค้กของพริมามาพลิกดู มีแต่เค้กหน้าตาสวยๆ ทั้งนั้น
“พี่ว่าลูกแก้วทำแบบไหนแม่ก็ชอบหมดแหละ เอาแบบนี้สิ...เพื่อนของลูกแก้วอาจจะชอบ เผื่อบางทีเขาอาจจะอยากช่วย” นพคุณชี้ไปที่แบบคัพเค้ก ที่ดูสวยและดูทำง่าย
“จริงด้วย! ปลาทูกับพี่ตุลย์ต้องชอบแน่ๆ เลยค่ะ”
“ไอ้ตุลย์?” นพคุณขมวดคิ้ว (ถ้าจะสังเกตให้ดีจะรู้สึกได้ว่าเสียงก็เปลี่ยนด้วย) พริมาพยักหน้า เพราะเสาร์นี้พวกพริมานัดแนะกันว่าจะจัดงานวันเกิดภารดีที่บ้าน กว่าแม่หล่อนจะกลับถึงบ้านก็น่าจะสองทุ่ม พวกนพคุณกับยามาก็คงจะซ้อมฟุตบอลซ้อมวิ่งเสร็จพอดี และหล่อนนัดกับคุณลุงไว้แล้วว่าให้พาแม่ไปไหนก็ได้ถ้าทำงานเสร็จแล้ว ค่อยกลับเข้าบ้านมาสองทุ่ม และห้ามให้แม่กินอะไรเยอะเป็นอันขาด
“โอ้โห งานยากเหมือนกันนะนี่ ลุงว่าลูกแก้วบอกแม่เขาไปเลยดีกว่าว่าจะมีงานเลี้ยง ลุงกลัวหลุดโกหกไม่เก่งเลยด้วยสิ” คุณนพรักษ์โอดครวญแต่สุดท้ายก็รับปากแต่โดยดี พริมาเล่าให้นพคุณฟังว่าหล่อนวางแผนอะไรไว้บ้าง
“ใช่ค่ะ พี่ตุลย์จะมาด้วย...ดีเลยแบบนี้พี่ตุลย์กับปลาทูจะได้ช่วยลูกแก้วแต่งหน้าเค้กได้ งั้นเอาแบบนี้แหละค่ะ เหมือนที่พี่คุณว่า ลูกแก้วทำอะไรให้แม่ก็คงจะชอบ แม่ก็เหมือนลูกแก้วนั่นแหละ ถ้าแม่ทำอะไรหรือให้ทำอะไรลูกแก้วก็ไม่ขัด” นพคุณเชื่อว่าพริมาไม่ขัด ขนาดแม่หล่อนมีพ่อใหม่พริมาก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย...ผิดกับเขา ถ้าเขาต้องโดนบังคับหรือให้ทำอะไรตามใจใครเขาคงไม่ยอมง่ายๆ
“จริงเหรอ?”
“คะ?”
“หมายถึงแม่ให้ทำอะไรก็ทำ?” นพคุณถามเพราะสงสัย แต่เขาก็แน่ใจว่าพริมาพูดจริง เพราะสองปีที่ผ่านมาเขาเห็นเองกับตา ภารดีจัดการ ทุกอย่างให้ลูกสาวหมด แม้พริมาจะมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่บางทีหล่อนก็ไม่ค่อยคิดอะไรมากนัก แม่ให้ทำอะไรก็ทำ พาไปไหนก็ไป ซื้ออะไรมาให้ก็ใช้ เหมือนอย่างของที่หล่อนใช้ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋าหรือรองเท้า แม่หล่อนหามาให้ทั้งหมด พริมาไม่เคยเรียกร้องอยากได้อะไรเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป แต่ก็ดูจะไม่เสียหายอะไร เพราะของแต่ละอย่างที่ภารดีหามาให้ลูกสาวนั้น มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น พริมาโชคดีที่รสนิยมของภารดีไม่เลวร้าย
“แล้วถ้าแม่จับแต่งงาน?” เขาเห็นในละครบ่อยๆ ที่พระเอกนางเอกโดนจับคลุมถุงชน ในชีวิตจริงมันจะมีความสุขได้อย่างไร ถูกบังคับให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ จะรักได้จริงเหมือนในละครหรือเปล่าเขายังสงสัย
“ก็...ได้นะคะ” พริมาตอบหน้าตาเฉย และนพคุณเห็นแล้วว่าหล่อนไม่ได้ตอบประชดเขา
“แต่งงานนะ?” นพคุณเริ่มหงุดหงิด เด็กนี่จะบ้าหรือไง ถ้าแม่หล่อนจับแต่งงานก็แต่งได้หน้าตาเฉยไม่มีความคิดเป็นของตัวเองรึยังไง
“ค่ะ ลูกแก้วเชื่อว่าแม่หวังดี ถ้าแม่เลือกให้...ลูกแก้วยังไงก็ได้”
“เธอจะยอมแต่งงานกับคนที่แม่หามาให้ง่ายๆ เลยงั้นเหรอ?” คนที่ถามเองเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว
“คุณลุงเป็นคนดีไหมคะ?” นพคุณไม่ตอบแต่เขารู้...แน่นอนพ่อเขาเป็นคนดี
“เพราะคุณลุงเป็นคนดี ลูกแก้วเลยรักคุณลุงได้ไม่ยาก และแม่ก็คิดดีแล้ว ว่าทั้งแม่และลูกแก้วจะอยู่กับคุณลุงได้ เพราะฉะนั้นถ้าแม่จะให้ลูกแก้วแต่งงานกับใคร แม่ก็ต้องเลือกคนดีให้ลูกแก้ว” นพคุณมองพริมาเหมือนเห็นของแปลกที่มาจากต่างดาว ภารดีเลี้ยงลูกด้วยยากล่อมประสาทหรือไงนะ เด็กนี่ถึงเชื่อฟังหล่อนไปเสียทุกอย่าง นพคุณลุกขึ้นแล้วเดินกระฟัดกะเฟียดขึ้นห้องไป พริมานั่งงง...หล่อนงงอย่างที่สุด อยู่ ๆ คุณชายใหญ่ก็เดินหน้าหงิกปึงปังขึ้นบันได เขาไม่ได้ว่าอะไรหล่อน...แต่อาการน่ะชัดเจน คุณชายใหญ่งอน!
“เป็นอะไรอีกวะเนี้ย” พริมาเกาหัวแกรก ถึงจะชินกับอาการแบบนี้ แต่หล่อนก็ไม่เข้าใจความคิดของเขาอยู่ดี...ชินกับเข้าใจมันต่างกัน สมองหล่อนก็มีน้อยนิดแค่นี้ จะให้เข้าใจความคิดของคุณชายใหญ่มันยากเกินไป ความคิดเขามันซับซ้อนเกินกว่าสมองของพริมาจะคิดถึง เอาวะ...ตอนนี้เอาแค่ชินไปก่อน แต่วันหนึ่งหล่อนคงจะเข้าใจคุณชายใหญ่ได้มากกว่านี้...สักวันหนึ่ง
เช้าวันเสาร์พวกเพื่อนๆ พริมามากันตั้งแต่บ่าย วันนี้วันเสาร์ซ้อม ตั้งแต่เช้าเลยเลิกเร็ว ที่กะไว้ตอนแรกว่าจะเลิกช้าเลยมากันเร็วก่อนกำหนด วันนี้ยามาถึงขนาดยอมซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์คเชนทร์มาที่บ้าน ส่วนนพคุณตามมาถึงทีหลัง ตอนเขาไขกุญแจเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกนั้นดังไปถึงหน้าบ้าน บ่อยครั้งที่บ้านเขากลายเป็นสถานที่นัดสังสรรค์ของเพื่อนพริมาไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มเดินขึ้นบนบ้านไปอาบน้ำแต่งตัว ลงมาก็เกือบสี่โมงเย็น
“พี่คุณ!” พริมายืนเรียกเขาที่ตีนบันได หล่อนคงได้ยินเสียงปิดประตูหรือไม่ก็ยืนรออยู่แล้ว นพคุณมองลงไปเห็นสาวน้อยยืนยิ้มสดใสกลับมา หัวใจเด็กหนุ่มกระตุกวาบ ช่วงนี้เขาเป็นอะไรใจมันกระตุกแบบนี้บ่อยๆ
“มาบีบเค้กกันค่ะ อบเสร็จแล้ว” สาวน้อยเดินมาดึงมือเขา นพคุณทำท่าขัดขืนเล็กน้อยพอเป็นพิธี(เพราะสองคนในครัวมองอยู่) ยามาเบะปากแล้วหันไปสนใจกับเค้กที่หล่อนตั้งใจบีบต่อ ส่วนคเชนทร์ นพคุณเห็นแววตาขบขัน...และมันทำให้เขาหงุดหงิด นพคุณเห็นกองครีมเละๆ กองอยู่บนถาดของยามา...จากภาพที่เห็นเพื่อนพริมาคงบีบครีมลงเค้กและมันไม่สวยอย่างใจนึก แม่เจ้าประคุณคงขูดออกแล้วบีบใหม่...เค้กในมือที่ถือคงบีบมาหลายรอบแล้วสินะ และเหมือนเคยยามาเหมือนมีตาที่สามหล่อนรู้เสมอว่าเขาแอบมอง และวันนี้เขาหลบตาหล่อนไม่ทัน ยัยปลาดุกฟูของคเชนทร์จึงแลบลิ้นใส่เขา นพคุณไม่ได้โกรธ เพราะเขาเริ่มจะชินเสียแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีใครมาทำท่าทางหรือแสดงกิริยาแบบนี้ใส่เขา เขาคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง...และยิ่งใครคนนั้นเป็นรุ่นน้องด้วยแล้ว แต่ตอนนี้เขาโตแล้วและยัยปลาดุกฟูของไอ้หน้าหมายังเด็ก เขาจะไม่ถือสาเด็กหรอก นิสัยแบบนี้ มีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ทำกัน
“พี่มีของขวัญให้พี่พิมพ์ด้วยนะ พวกไอ้เมษ์ก็ฝากมา” คเชนทร์ ชูกระเป๋าที่เขาใส่ของขวัญของตัวเองและของพี่สาวที่ฝากมาให้ภารดีอวดสาวน้อย พริมายิ้มขอบคุณหล่อนรู้ว่าแม่จะต้องดีใจ
“ไม่ได้สิ...ชอบสาวก็ต้องเอาใจแม่เขาหน่อย ลูกสาวสวยๆ แบบนี้ต้องเข้าทางแม่ ถ้าแม่เปิดทางให้ก็หายห่วง ไอ้พวกผู้ชายคนอื่นน่ะจิ๊บจ๊อย” คเชนทร์พูดเสียงดัง เขาพูดไปก็ควักของขวัญออกมาจากกระเป๋าแล้ววางเรียงกัน...กล่องของคณิสราใหญ่ที่สุด
“อย่าไปสนใจของไอ้เมษ์เลย มันก็ห่อใหญ่ขโมยซีนไปอย่างนั้นแหละ ของพี่ถึงกล่องเล็กแต่เลอค่า” คเชนทร์รีบบอก เพราะพริมาดูจะสนใจของในกล่องของคณิสราเป็นพิเศษ สองทุ่มพอดีเป๊ะที่คุณนพรักษ์ส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะถึงบ้าน คเชนทร์รีบไปขยับรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ มาจอดในที่ ลับตาและกลับมาสมทบกับพริมาและยามาที่สวนหลังบ้าน...นพคุณไปนั่งเล่นในห้องรับแขก เขาขอดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า เสียงรถเข้ามาจอดแล้ว...สักพักภารดีกับคุณนพรักษ์ถึงเดินเข้าบ้านมา พริมาออกมาจากในครัวให้ พวกเพื่อนๆ ถือเค้กแอบไว้อยู่
“แม่กินข้าวมารึยังคะ? วันนี้ก็กลับมืดเหมือนเคย” พริมาทักเสียงใส
“ยังเลยหิวมาก วันนี้แม่เลิกเร็วแต่คุณลุงนั่นแหละที่ติดธุระเลยกลับมืด” ภารดีโยนความผิดให้สามี ที่เขาทำหล่อนกลับบ้านมืด คุณนพรักษ์หันไป ยักคิ้วให้พริมาส่งซิกถามว่าทำดีหรือยัง พริมาแอบยกหัวแม่มือส่งไปให้เขา
“คุณลุงบอกแม่ว่าลูกรอกินข้าว เลยไม่ได้แวะกินข้าวมาจากข้างนอก รอนานไหมหิวรึเปล่า” ภารดียิ้มถามลูกสาว พริมาส่ายหน้าหล่อนเดินไปจูงมือ แม่เข้าไปในครัว และเมื่อภารดีนั่งลงปุ๊บไฟในครัวก็ดับลงปั๊บ คเชนทร์กับยามา ถือเค้กเข้ามาจากประตูหลังบ้าน ตอนแรกภารดียังไม่เข้าใจ แต่พอได้ฟังเพลงวันเกิดที่เพื่อนพริมาร่วมกัน (แหกปาก) ร้องนั่นแหละ ถึงรู้ว่าลูกสาวจัดเซอร์ไพรส์ ให้หล่อน ระหว่างที่เพื่อนๆ กำลังง่วนอยู่กับการนำเสนอของขวัญ พริมาเดินไปดึงมือนพคุณให้เข้ามาในครัว
“ไปค่ะ ไปกินข้าวกัน” สาวน้อยยิ้มสดใสเช่นเคย และเพราะหล่อน เขาถึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานได้ (นึกว่าจะทิ้งกันให้นั่งหง่าวอยู่หน้าทีวีซะแล้ว) พริมาจับมือเขาแน่นและมันอบอุ่นเหลือเกิน...พวกเขากินข้าวและคุยกันจนเกือบห้าทุ่ม คเชนทร์พกเบียร์มาด้วยในกระเป๋าเป้ แต่ไม่มีใครกินกับเขา...เขาแค่ยักไหล่ ไม่เป็นไรกินคนเดียวได้...อย่างน้อยก็มีเพื่อนนั่งกินเบียร์ (คนเดียว) เขาเล่าว่าพวกพี่สาวนั้นคอแข็งกว่าเขาเสียอีก พวกหล่อนเป็นเพื่อนกินเหล้าของพ่อ เขาแค่ตัวสำรอง
“พ่อน่ะลำเอียงสุดๆ เลยล่ะ รักแต่พวกลูกสาวมากกว่าลูกชายคนเล็กอย่างผมเสียอีก” เหมือนตัดพ้อแต่พอดูหน้าแล้วคนเล่าไม่ได้สลดอะไรคนฟังก็เบาใจ
“พวกนั้นน่ะนะมันแสบจะตาย รักเข้าไปได้ยังไง” นพคุณสงสัยว่าคเชนทร์คงจะเริ่มเมาแล้ว เพราะปกติเขาพูดมากแต่ตอนนี้พูดมากขึ้นไปอีก
“อร๊าย! แมงสาบ! ...เฮ้อ ไม่ใช่นี่หว่าตาฝาด” คเชนทร์ทำท่าขนลุกขนพอง เขาบอกพวกที่นั่งเงียบฟังเขาว่าพวกพี่สาวเคยแกล้งเขา จนทุกวันนี้เขาเกลียดและกลัวแมลงสาบ (ยามาตั้งใจฟังเป็นพิเศษ)
“ยิ่งตอนบินนะ บรื๋อ! ตอนมันบินน่ะ” ยามาส่ายหัวไอ้หน้าหมีพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
“ยังไม่เมานะยัยปลาทู ปลาดุกฟู ปลาปิรันย่า!” คเชนทร์คิดฉายาใหม่ๆ ให้ยามาเรื่อยๆ ยามากัดฟันกรอด นี่เห็นว่าอาการไม่ปกตินะ สติไม่มี ไม่งั้นได้เจอแม่ไม้มวยไทยแน่ เป็นอันว่าพริมาต้องโทรศัพท์ไปบอกคณิสราว่าวันนี้คงต้องให้คเชนทร์นอนค้างที่บ้าน เพราะเขาเมาแล้วไม่อยากให้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน คเชนทร์ตัวใหญ่พวกเขาจึงแบกไอ้หมีขึ้นชั้นสองไม่ไหว
“ให้มันนอนในครัวนี่แหละ” ยามาออกความเห็น ยังเคืองไม่หาย มาเรียกหล่อนว่าปลาปิรันย่า
“งั้นเดี๋ยวเอาผ้าห่อมาให้...นอนในห้องรับแขกแล้วกัน โซฟาใหญ่อยู่น่าจะได้” ภารดีออกความเห็น นพคุณโล่งใจ เพราะถ้าคเชนทร์ไปนอนชั้นสองก็คงไม่พ้นห้องเขา พวกเขาช่วยกันเก็บของ พริมากับยามาช่วยกันล้างจาน คุณนพรักษ์กับนพคุณหิ้วคเชนทร์ไปนอน ภารดีขึ้นไปเอาผ้าห่ม จัดแจงเก็บกวาดเรียบร้อยทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน ภารดีหอบของขวัญขึ้นห้องไปแล้ว หล่อนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามันมีของขวัญเกินไปหนึ่งชิ้น (เกินจากที่นั่งดูเมื่อตอนหัวค่ำ)
“คุณพิมพ์ เป็นอะไรนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” สามีอดยิ้มตามไม่ได้ที่เห็นภรรยาตนเองนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อืม จะเรียกว่ายิ้มน้อยคงไม่ใช่ ยิ้มใหญ่น่าจะเข้าท่ากว่า เพราะที่เห็นนี่คือยิ้มจนตาหยี...หยีชนิดที่ว่าลืมกลัวตีนกาขึ้น แบบที่หล่อนบ่นอยู่เป็นประจำ ว่าเขาชอบทำให้หล่อนหัวเราะมากจนริ้วรอยจะทะลุโบท็อกซ์ออกมาอยู่แล้ว
“ก็...นี่ค่ะ” ภารดีหันไปยักคิ้วให้สามีพร้อมส่งของในมือ...ที่มาของรอยยิ้ม
“หือ? ลิปสติก ใครให้คุณมาเนี้ย ยี่ห้อนี้ที่คุณให้ผมดูในมือถืออยู่นี่นา” ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีเจ้าแม่ F ของออนไลน์...ก็ไม่อยากสนใจหรอกนะ แต่ถ้าเห็นผ่านตาทุกวันยังไงก็จำได้บ้าง
“ช่ายยยย” คนพูดลากเสียงยาว เพื่อเน้นคำตอบของตัวเอง
“อย่าบอกนะว่ามีหนุ่ม ๆ แอบส่งของขวัญมาให้คุณเนี้ย ผมชักหึงซะแล้วสิ”
“แหม หนุ่มให้น่ะจริงค่ะ หนุ่มหล่อซะด้วย แต่ไม่น่าจะจีบมั้งคะ เฮ้อ ก็เสียดายอยู่เหมือนกันนะเนี้ย”
“ใครกัน! หนุ่มที่ไหน? คุณบอกผมมาเลยนะ” สามีแกล้งทำเสียงเข้มพร้อมดึงภรรยาของเขาเข้ามากอด
“อื้มมม นี่ค่ะ อ่านเองดีกว่า” หญิงสาวส่งการ์ดใบงามสีฟ้าสดใส ให้สามีอ่านข้อความที่เขียนมา เพราะหล่อนรู้ว่าถึงแม้ในการ์ดจะไม่มีชื่อผู้ส่ง แต่สามีสุดที่รักต้องจำลายมือเจ้าของการ์ดได้อย่างแน่นอน
“ห๊ะ!!! คุณพิมพ์นี่คุณพัฒนามาขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย?” คุณนพรักษ์ตาโตคราวนี้เขาแปลกใจจริง ๆ
“ช่ายยยย”
“อื้อหือ เมียผมทำเอาอึ้งไปเลยนะเนี้ย ว่าแต่ไอ้หมอนี่มันร้ายนะ แล้วชอบไหมครับของขวัญ?”
“ถูกใจมากๆ ค่ะ ที่สำคัญนะ ฮ่าๆๆ ลิปสติกนี่สีแดงซะด้วย คนซื้อรู้ใจเป็นที่สุด” ภารดีรูดลิปสติกทาอวดสามี มันเป็นสีแดงสดแบบที่หล่อนชอบทาบ่อยๆ นพคุณช่างสังเกตและคราวนี้เขาให้ของขวัญชิ้นแรกกับหล่อน และเป็นของขวัญที่ถูกใจเสียด้วย
“อ่านอะไรอยู่?” สาวน้อยสะดุ้ง แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเป็นนพคุณหล่อนดูโล่งใจ
“เฮ้อ! พี่คุณนี่เอง ลูกแก้วตกใจหมด นึกว่าแม่กลับบ้านเร็ว” นพคุณนั่งลงข้างพริมาที่ตอนนี้นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาห้องรับแขก
“ลูกแก้วจะทำเค้กให้แม่ค่ะ กำลังหาตัวอย่างที่น่าสนใจอยู่” ว่าแล้วเชียวนพคุณเดาถูก ลูกสาวภารดีไม่มีทางตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเรียนแน่นอน
“วันเสาร์นี้วันเกิดแม่ค่ะ ลูกแก้วจะทำเค้กให้แม่ พี่คุณว่าอันไหนสวยคะ?” วันนี้วันอังคาร ในขณะที่พริมากำลังง่วนอยู่กับการหาเค้กที่หล่อนจะทำให้แม่ในวันเสาร์นี้ ภารดีก็ยังไม่ถึงบ้าน หลังๆ มานี้พริมากลับบ้านเอง...บางวันยามา ก็ตามกลับมาเที่ยวเล่นที่บ้านด้วยในวันที่สายสุดาแม่ของหล่อนกลับดึก (ซึ่งก็ดึกเกือบทุกวัน) แต่วันนี้กว่านพคุณจะถึงบ้านก็เกือบสองทุ่มแล้ว ช่วงนี้ใกล้กีฬาสีเขาซ้อมฟุตบอลแทบทุกวัน และเขาได้ยินมาว่ายามาก็ต้องซ้อมวิ่งเหมือนกัน เพราะเพื่อนสาวของพริมาสมัครเป็นนักกีฬากีฑาประจำสีของตัวเอง ส่วนคุณนพรักษ์พ่อของเขาก็คงจะกลับมาพร้อมกับแม่เลี้ยงเขา นพคุณเริ่มจะอยากรู้แล้วว่าแม่เลี้ยงของเขาจะงานยุ่งอะไรกันนักหนา และงานผู้จัดการตลาดนั้นมันต้องกลับบ้านดึกๆ แบบนี้ตลอดเลยหรือ? แล้วถ้าพริมาไม่ได้อยู่ที่นี่หล่อนจะอยู่กับใคร?
“พี่คุณ?” พริมาชะโงกหน้ามามอง...แค่ถามความเห็นว่าเค้กในหนังสือที่หล่อนดูอยู่นั้นแบบไหนแม่น่าชอบ มันยากขนาดทำให้นพคุณต้องคิดหนักเลยหรือ? หล่อนถามตั้งนานแล้วเห็นเขานั่งเงียบใช้ความคิดอยู่ ไม่ตอบเสียที
“อ่อ...ไหนขอดูหน่อยสิ” นพคุณเอาหนังสือเค้กของพริมามาพลิกดู มีแต่เค้กหน้าตาสวยๆ ทั้งนั้น
“พี่ว่าลูกแก้วทำแบบไหนแม่ก็ชอบหมดแหละ เอาแบบนี้สิ...เพื่อนของลูกแก้วอาจจะชอบ เผื่อบางทีเขาอาจจะอยากช่วย” นพคุณชี้ไปที่แบบคัพเค้ก ที่ดูสวยและดูทำง่าย
“จริงด้วย! ปลาทูกับพี่ตุลย์ต้องชอบแน่ๆ เลยค่ะ”
“ไอ้ตุลย์?” นพคุณขมวดคิ้ว (ถ้าจะสังเกตให้ดีจะรู้สึกได้ว่าเสียงก็เปลี่ยนด้วย) พริมาพยักหน้า เพราะเสาร์นี้พวกพริมานัดแนะกันว่าจะจัดงานวันเกิดภารดีที่บ้าน กว่าแม่หล่อนจะกลับถึงบ้านก็น่าจะสองทุ่ม พวกนพคุณกับยามาก็คงจะซ้อมฟุตบอลซ้อมวิ่งเสร็จพอดี และหล่อนนัดกับคุณลุงไว้แล้วว่าให้พาแม่ไปไหนก็ได้ถ้าทำงานเสร็จแล้ว ค่อยกลับเข้าบ้านมาสองทุ่ม และห้ามให้แม่กินอะไรเยอะเป็นอันขาด
“โอ้โห งานยากเหมือนกันนะนี่ ลุงว่าลูกแก้วบอกแม่เขาไปเลยดีกว่าว่าจะมีงานเลี้ยง ลุงกลัวหลุดโกหกไม่เก่งเลยด้วยสิ” คุณนพรักษ์โอดครวญแต่สุดท้ายก็รับปากแต่โดยดี พริมาเล่าให้นพคุณฟังว่าหล่อนวางแผนอะไรไว้บ้าง
“ใช่ค่ะ พี่ตุลย์จะมาด้วย...ดีเลยแบบนี้พี่ตุลย์กับปลาทูจะได้ช่วยลูกแก้วแต่งหน้าเค้กได้ งั้นเอาแบบนี้แหละค่ะ เหมือนที่พี่คุณว่า ลูกแก้วทำอะไรให้แม่ก็คงจะชอบ แม่ก็เหมือนลูกแก้วนั่นแหละ ถ้าแม่ทำอะไรหรือให้ทำอะไรลูกแก้วก็ไม่ขัด” นพคุณเชื่อว่าพริมาไม่ขัด ขนาดแม่หล่อนมีพ่อใหม่พริมาก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย...ผิดกับเขา ถ้าเขาต้องโดนบังคับหรือให้ทำอะไรตามใจใครเขาคงไม่ยอมง่ายๆ
“จริงเหรอ?”
“คะ?”
“หมายถึงแม่ให้ทำอะไรก็ทำ?” นพคุณถามเพราะสงสัย แต่เขาก็แน่ใจว่าพริมาพูดจริง เพราะสองปีที่ผ่านมาเขาเห็นเองกับตา ภารดีจัดการ ทุกอย่างให้ลูกสาวหมด แม้พริมาจะมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่บางทีหล่อนก็ไม่ค่อยคิดอะไรมากนัก แม่ให้ทำอะไรก็ทำ พาไปไหนก็ไป ซื้ออะไรมาให้ก็ใช้ เหมือนอย่างของที่หล่อนใช้ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋าหรือรองเท้า แม่หล่อนหามาให้ทั้งหมด พริมาไม่เคยเรียกร้องอยากได้อะไรเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป แต่ก็ดูจะไม่เสียหายอะไร เพราะของแต่ละอย่างที่ภารดีหามาให้ลูกสาวนั้น มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น พริมาโชคดีที่รสนิยมของภารดีไม่เลวร้าย
“แล้วถ้าแม่จับแต่งงาน?” เขาเห็นในละครบ่อยๆ ที่พระเอกนางเอกโดนจับคลุมถุงชน ในชีวิตจริงมันจะมีความสุขได้อย่างไร ถูกบังคับให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ จะรักได้จริงเหมือนในละครหรือเปล่าเขายังสงสัย
“ก็...ได้นะคะ” พริมาตอบหน้าตาเฉย และนพคุณเห็นแล้วว่าหล่อนไม่ได้ตอบประชดเขา
“แต่งงานนะ?” นพคุณเริ่มหงุดหงิด เด็กนี่จะบ้าหรือไง ถ้าแม่หล่อนจับแต่งงานก็แต่งได้หน้าตาเฉยไม่มีความคิดเป็นของตัวเองรึยังไง
“ค่ะ ลูกแก้วเชื่อว่าแม่หวังดี ถ้าแม่เลือกให้...ลูกแก้วยังไงก็ได้”
“เธอจะยอมแต่งงานกับคนที่แม่หามาให้ง่ายๆ เลยงั้นเหรอ?” คนที่ถามเองเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว
“คุณลุงเป็นคนดีไหมคะ?” นพคุณไม่ตอบแต่เขารู้...แน่นอนพ่อเขาเป็นคนดี
“เพราะคุณลุงเป็นคนดี ลูกแก้วเลยรักคุณลุงได้ไม่ยาก และแม่ก็คิดดีแล้ว ว่าทั้งแม่และลูกแก้วจะอยู่กับคุณลุงได้ เพราะฉะนั้นถ้าแม่จะให้ลูกแก้วแต่งงานกับใคร แม่ก็ต้องเลือกคนดีให้ลูกแก้ว” นพคุณมองพริมาเหมือนเห็นของแปลกที่มาจากต่างดาว ภารดีเลี้ยงลูกด้วยยากล่อมประสาทหรือไงนะ เด็กนี่ถึงเชื่อฟังหล่อนไปเสียทุกอย่าง นพคุณลุกขึ้นแล้วเดินกระฟัดกะเฟียดขึ้นห้องไป พริมานั่งงง...หล่อนงงอย่างที่สุด อยู่ ๆ คุณชายใหญ่ก็เดินหน้าหงิกปึงปังขึ้นบันได เขาไม่ได้ว่าอะไรหล่อน...แต่อาการน่ะชัดเจน คุณชายใหญ่งอน!
“เป็นอะไรอีกวะเนี้ย” พริมาเกาหัวแกรก ถึงจะชินกับอาการแบบนี้ แต่หล่อนก็ไม่เข้าใจความคิดของเขาอยู่ดี...ชินกับเข้าใจมันต่างกัน สมองหล่อนก็มีน้อยนิดแค่นี้ จะให้เข้าใจความคิดของคุณชายใหญ่มันยากเกินไป ความคิดเขามันซับซ้อนเกินกว่าสมองของพริมาจะคิดถึง เอาวะ...ตอนนี้เอาแค่ชินไปก่อน แต่วันหนึ่งหล่อนคงจะเข้าใจคุณชายใหญ่ได้มากกว่านี้...สักวันหนึ่ง
เช้าวันเสาร์พวกเพื่อนๆ พริมามากันตั้งแต่บ่าย วันนี้วันเสาร์ซ้อม ตั้งแต่เช้าเลยเลิกเร็ว ที่กะไว้ตอนแรกว่าจะเลิกช้าเลยมากันเร็วก่อนกำหนด วันนี้ยามาถึงขนาดยอมซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์คเชนทร์มาที่บ้าน ส่วนนพคุณตามมาถึงทีหลัง ตอนเขาไขกุญแจเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกนั้นดังไปถึงหน้าบ้าน บ่อยครั้งที่บ้านเขากลายเป็นสถานที่นัดสังสรรค์ของเพื่อนพริมาไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มเดินขึ้นบนบ้านไปอาบน้ำแต่งตัว ลงมาก็เกือบสี่โมงเย็น
“พี่คุณ!” พริมายืนเรียกเขาที่ตีนบันได หล่อนคงได้ยินเสียงปิดประตูหรือไม่ก็ยืนรออยู่แล้ว นพคุณมองลงไปเห็นสาวน้อยยืนยิ้มสดใสกลับมา หัวใจเด็กหนุ่มกระตุกวาบ ช่วงนี้เขาเป็นอะไรใจมันกระตุกแบบนี้บ่อยๆ
“มาบีบเค้กกันค่ะ อบเสร็จแล้ว” สาวน้อยเดินมาดึงมือเขา นพคุณทำท่าขัดขืนเล็กน้อยพอเป็นพิธี(เพราะสองคนในครัวมองอยู่) ยามาเบะปากแล้วหันไปสนใจกับเค้กที่หล่อนตั้งใจบีบต่อ ส่วนคเชนทร์ นพคุณเห็นแววตาขบขัน...และมันทำให้เขาหงุดหงิด นพคุณเห็นกองครีมเละๆ กองอยู่บนถาดของยามา...จากภาพที่เห็นเพื่อนพริมาคงบีบครีมลงเค้กและมันไม่สวยอย่างใจนึก แม่เจ้าประคุณคงขูดออกแล้วบีบใหม่...เค้กในมือที่ถือคงบีบมาหลายรอบแล้วสินะ และเหมือนเคยยามาเหมือนมีตาที่สามหล่อนรู้เสมอว่าเขาแอบมอง และวันนี้เขาหลบตาหล่อนไม่ทัน ยัยปลาดุกฟูของคเชนทร์จึงแลบลิ้นใส่เขา นพคุณไม่ได้โกรธ เพราะเขาเริ่มจะชินเสียแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีใครมาทำท่าทางหรือแสดงกิริยาแบบนี้ใส่เขา เขาคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง...และยิ่งใครคนนั้นเป็นรุ่นน้องด้วยแล้ว แต่ตอนนี้เขาโตแล้วและยัยปลาดุกฟูของไอ้หน้าหมายังเด็ก เขาจะไม่ถือสาเด็กหรอก นิสัยแบบนี้ มีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ทำกัน
“พี่มีของขวัญให้พี่พิมพ์ด้วยนะ พวกไอ้เมษ์ก็ฝากมา” คเชนทร์ ชูกระเป๋าที่เขาใส่ของขวัญของตัวเองและของพี่สาวที่ฝากมาให้ภารดีอวดสาวน้อย พริมายิ้มขอบคุณหล่อนรู้ว่าแม่จะต้องดีใจ
“ไม่ได้สิ...ชอบสาวก็ต้องเอาใจแม่เขาหน่อย ลูกสาวสวยๆ แบบนี้ต้องเข้าทางแม่ ถ้าแม่เปิดทางให้ก็หายห่วง ไอ้พวกผู้ชายคนอื่นน่ะจิ๊บจ๊อย” คเชนทร์พูดเสียงดัง เขาพูดไปก็ควักของขวัญออกมาจากกระเป๋าแล้ววางเรียงกัน...กล่องของคณิสราใหญ่ที่สุด
“อย่าไปสนใจของไอ้เมษ์เลย มันก็ห่อใหญ่ขโมยซีนไปอย่างนั้นแหละ ของพี่ถึงกล่องเล็กแต่เลอค่า” คเชนทร์รีบบอก เพราะพริมาดูจะสนใจของในกล่องของคณิสราเป็นพิเศษ สองทุ่มพอดีเป๊ะที่คุณนพรักษ์ส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะถึงบ้าน คเชนทร์รีบไปขยับรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ มาจอดในที่ ลับตาและกลับมาสมทบกับพริมาและยามาที่สวนหลังบ้าน...นพคุณไปนั่งเล่นในห้องรับแขก เขาขอดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า เสียงรถเข้ามาจอดแล้ว...สักพักภารดีกับคุณนพรักษ์ถึงเดินเข้าบ้านมา พริมาออกมาจากในครัวให้ พวกเพื่อนๆ ถือเค้กแอบไว้อยู่
“แม่กินข้าวมารึยังคะ? วันนี้ก็กลับมืดเหมือนเคย” พริมาทักเสียงใส
“ยังเลยหิวมาก วันนี้แม่เลิกเร็วแต่คุณลุงนั่นแหละที่ติดธุระเลยกลับมืด” ภารดีโยนความผิดให้สามี ที่เขาทำหล่อนกลับบ้านมืด คุณนพรักษ์หันไป ยักคิ้วให้พริมาส่งซิกถามว่าทำดีหรือยัง พริมาแอบยกหัวแม่มือส่งไปให้เขา
“คุณลุงบอกแม่ว่าลูกรอกินข้าว เลยไม่ได้แวะกินข้าวมาจากข้างนอก รอนานไหมหิวรึเปล่า” ภารดียิ้มถามลูกสาว พริมาส่ายหน้าหล่อนเดินไปจูงมือ แม่เข้าไปในครัว และเมื่อภารดีนั่งลงปุ๊บไฟในครัวก็ดับลงปั๊บ คเชนทร์กับยามา ถือเค้กเข้ามาจากประตูหลังบ้าน ตอนแรกภารดียังไม่เข้าใจ แต่พอได้ฟังเพลงวันเกิดที่เพื่อนพริมาร่วมกัน (แหกปาก) ร้องนั่นแหละ ถึงรู้ว่าลูกสาวจัดเซอร์ไพรส์ ให้หล่อน ระหว่างที่เพื่อนๆ กำลังง่วนอยู่กับการนำเสนอของขวัญ พริมาเดินไปดึงมือนพคุณให้เข้ามาในครัว
“ไปค่ะ ไปกินข้าวกัน” สาวน้อยยิ้มสดใสเช่นเคย และเพราะหล่อน เขาถึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานได้ (นึกว่าจะทิ้งกันให้นั่งหง่าวอยู่หน้าทีวีซะแล้ว) พริมาจับมือเขาแน่นและมันอบอุ่นเหลือเกิน...พวกเขากินข้าวและคุยกันจนเกือบห้าทุ่ม คเชนทร์พกเบียร์มาด้วยในกระเป๋าเป้ แต่ไม่มีใครกินกับเขา...เขาแค่ยักไหล่ ไม่เป็นไรกินคนเดียวได้...อย่างน้อยก็มีเพื่อนนั่งกินเบียร์ (คนเดียว) เขาเล่าว่าพวกพี่สาวนั้นคอแข็งกว่าเขาเสียอีก พวกหล่อนเป็นเพื่อนกินเหล้าของพ่อ เขาแค่ตัวสำรอง
“พ่อน่ะลำเอียงสุดๆ เลยล่ะ รักแต่พวกลูกสาวมากกว่าลูกชายคนเล็กอย่างผมเสียอีก” เหมือนตัดพ้อแต่พอดูหน้าแล้วคนเล่าไม่ได้สลดอะไรคนฟังก็เบาใจ
“พวกนั้นน่ะนะมันแสบจะตาย รักเข้าไปได้ยังไง” นพคุณสงสัยว่าคเชนทร์คงจะเริ่มเมาแล้ว เพราะปกติเขาพูดมากแต่ตอนนี้พูดมากขึ้นไปอีก
“อร๊าย! แมงสาบ! ...เฮ้อ ไม่ใช่นี่หว่าตาฝาด” คเชนทร์ทำท่าขนลุกขนพอง เขาบอกพวกที่นั่งเงียบฟังเขาว่าพวกพี่สาวเคยแกล้งเขา จนทุกวันนี้เขาเกลียดและกลัวแมลงสาบ (ยามาตั้งใจฟังเป็นพิเศษ)
“ยิ่งตอนบินนะ บรื๋อ! ตอนมันบินน่ะ” ยามาส่ายหัวไอ้หน้าหมีพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
“ยังไม่เมานะยัยปลาทู ปลาดุกฟู ปลาปิรันย่า!” คเชนทร์คิดฉายาใหม่ๆ ให้ยามาเรื่อยๆ ยามากัดฟันกรอด นี่เห็นว่าอาการไม่ปกตินะ สติไม่มี ไม่งั้นได้เจอแม่ไม้มวยไทยแน่ เป็นอันว่าพริมาต้องโทรศัพท์ไปบอกคณิสราว่าวันนี้คงต้องให้คเชนทร์นอนค้างที่บ้าน เพราะเขาเมาแล้วไม่อยากให้ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน คเชนทร์ตัวใหญ่พวกเขาจึงแบกไอ้หมีขึ้นชั้นสองไม่ไหว
“ให้มันนอนในครัวนี่แหละ” ยามาออกความเห็น ยังเคืองไม่หาย มาเรียกหล่อนว่าปลาปิรันย่า
“งั้นเดี๋ยวเอาผ้าห่อมาให้...นอนในห้องรับแขกแล้วกัน โซฟาใหญ่อยู่น่าจะได้” ภารดีออกความเห็น นพคุณโล่งใจ เพราะถ้าคเชนทร์ไปนอนชั้นสองก็คงไม่พ้นห้องเขา พวกเขาช่วยกันเก็บของ พริมากับยามาช่วยกันล้างจาน คุณนพรักษ์กับนพคุณหิ้วคเชนทร์ไปนอน ภารดีขึ้นไปเอาผ้าห่ม จัดแจงเก็บกวาดเรียบร้อยทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน ภารดีหอบของขวัญขึ้นห้องไปแล้ว หล่อนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามันมีของขวัญเกินไปหนึ่งชิ้น (เกินจากที่นั่งดูเมื่อตอนหัวค่ำ)
“คุณพิมพ์ เป็นอะไรนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” สามีอดยิ้มตามไม่ได้ที่เห็นภรรยาตนเองนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อืม จะเรียกว่ายิ้มน้อยคงไม่ใช่ ยิ้มใหญ่น่าจะเข้าท่ากว่า เพราะที่เห็นนี่คือยิ้มจนตาหยี...หยีชนิดที่ว่าลืมกลัวตีนกาขึ้น แบบที่หล่อนบ่นอยู่เป็นประจำ ว่าเขาชอบทำให้หล่อนหัวเราะมากจนริ้วรอยจะทะลุโบท็อกซ์ออกมาอยู่แล้ว
“ก็...นี่ค่ะ” ภารดีหันไปยักคิ้วให้สามีพร้อมส่งของในมือ...ที่มาของรอยยิ้ม
“หือ? ลิปสติก ใครให้คุณมาเนี้ย ยี่ห้อนี้ที่คุณให้ผมดูในมือถืออยู่นี่นา” ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีเจ้าแม่ F ของออนไลน์...ก็ไม่อยากสนใจหรอกนะ แต่ถ้าเห็นผ่านตาทุกวันยังไงก็จำได้บ้าง
“ช่ายยยย” คนพูดลากเสียงยาว เพื่อเน้นคำตอบของตัวเอง
“อย่าบอกนะว่ามีหนุ่ม ๆ แอบส่งของขวัญมาให้คุณเนี้ย ผมชักหึงซะแล้วสิ”
“แหม หนุ่มให้น่ะจริงค่ะ หนุ่มหล่อซะด้วย แต่ไม่น่าจะจีบมั้งคะ เฮ้อ ก็เสียดายอยู่เหมือนกันนะเนี้ย”
“ใครกัน! หนุ่มที่ไหน? คุณบอกผมมาเลยนะ” สามีแกล้งทำเสียงเข้มพร้อมดึงภรรยาของเขาเข้ามากอด
“อื้มมม นี่ค่ะ อ่านเองดีกว่า” หญิงสาวส่งการ์ดใบงามสีฟ้าสดใส ให้สามีอ่านข้อความที่เขียนมา เพราะหล่อนรู้ว่าถึงแม้ในการ์ดจะไม่มีชื่อผู้ส่ง แต่สามีสุดที่รักต้องจำลายมือเจ้าของการ์ดได้อย่างแน่นอน
“ห๊ะ!!! คุณพิมพ์นี่คุณพัฒนามาขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย?” คุณนพรักษ์ตาโตคราวนี้เขาแปลกใจจริง ๆ
“ช่ายยยย”
“อื้อหือ เมียผมทำเอาอึ้งไปเลยนะเนี้ย ว่าแต่ไอ้หมอนี่มันร้ายนะ แล้วชอบไหมครับของขวัญ?”
“ถูกใจมากๆ ค่ะ ที่สำคัญนะ ฮ่าๆๆ ลิปสติกนี่สีแดงซะด้วย คนซื้อรู้ใจเป็นที่สุด” ภารดีรูดลิปสติกทาอวดสามี มันเป็นสีแดงสดแบบที่หล่อนชอบทาบ่อยๆ นพคุณช่างสังเกตและคราวนี้เขาให้ของขวัญชิ้นแรกกับหล่อน และเป็นของขวัญที่ถูกใจเสียด้วย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ