แก้วนพคุณ
32) กีฬาสี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้เปิดงานกีฬาสีประจำปีของโรงเรียน พริมารอดตัวจากการเป็น เชียร์ลีดเดอร์ เพราะสาวน้อยเต้นคล่อมจังหวะได้เก่งจนเพื่อนๆ ปวดหัว เพื่อนในห้องลงมติเลือกคนสวยๆ ให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ พริมาคือหนึ่งในนั้น หล่อนปฏิเสธพัลวัน แต่เพื่อนๆ ไม่ยอม ยามาก็เกือบโดน แต่โชคดีที่หล่อนเป็นนักกีฬาวิ่งประจำสีน้ำเงิน หล่อนเลยรอดตัวอย่างหวุดหวิด ในแต่ละห้องนั้นนักเรียนไม่ได้อยู่สีเดียวกันทั้งหมด พวกเขาคละสีกัน ทำให้เด็กแต่ละห้องแต่ละชั้นที่ไม่เคยได้รู้จักกันจะได้มีเพื่อนใหม่ๆ ก็งานนี้ พริมากับยามาอยู่สีน้ำเงิน สองสาวตัวติดกันตลอดจนเพื่อนๆ อดแขวะไม่ได้
“แหม! เรียนห้องเดียวกันมาตลอด กีฬาสียังอยู่สีเดียวกันอีก” คนที่พูดก็คือศศิธรนั่นเอง หล่อนก็เรียนห้องเดียวกับพวกพริมา แต่มือไม่ดีจับได้สีชมพู แมนๆ แบบหล่อนให้ใส่สีชมพูจะบ้าตาย! ขอแลกกับใครก็ไม่มีใครให้แลก ใจร้ายชะมัด! และที่ตลกคือพวกเด็กผู้ชายหลายคนโหวตให้ศศิธรเป็นเชียร์ลีดเดอร์...ไม่ใช่ว่าสวยสะดุดตา แต่ศศิธรมีศัตรูเยอะ (อันนี้หล่อนบอกเอง) และคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งที่น่าขายหน้าที่สุด
“ฉันโหวตไอ้เก๋ด้วยคน” ยามาหัวเราะร่า ถึงกลับบ้านไปจะทะเลาะกับแม่ แต่อยู่ที่โรงเรียนหล่อนสนุกและมีความสุข
“พอๆ ไอ้ปลาทู แกอย่ามาบ้าตามไอ้พวกนี้” ศศิธรเท้าเอว ตอนนี้ สาวหล่อตัดยามาออกจากการเป็นคู่แข่งแล้ว เพราะปีนี้ยามาเป็นสาวเต็มตัว ผมก็ยาวแถมมีผู้ชายมาจีบตั้งหลายคน แม้เด็กสาวจะยังไม่มีท่าทีว่าชอบใคร แต่หล่อนไม่ใช่สาวหล่ออย่างแน่นอน แบบนี้ค่อยน่าคบหน่อย หนึ่งในหนุ่มที่ตามจีบยามาคือศิวกร เด็กผู้ชายที่เคยล้อยามาเรื่องผมของหล่อนเมื่อสองปีก่อน สรุปพริมาโดนเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ส่วนศศิธรก็โดนด้วย (เพราะเพื่อนแกล้ง) แต่พอถึงเวลาซ้อมสาวหล่อที่เกลียดนักหนา...กลับสนุกสุดๆ หล่อนเต้นได้ดีและชอบเสียด้วย แต่พริมานั้นหนัก...จากกิจกรรมเข้าจังหวะ เด็กสาวเปลี่ยนเป็นกิจกรรมคล่อมจังหวะได้อย่างแนบเนียน
“ไม่ใช่! ขานี้สิ แขนไปทางโน้น...โอ้ย! นี่เดินไปไหนมาไหนได้ยังไงเนี้ย” ศศิธร (ที่อยู่สีชมพู) มีน้ำใจสอนพริมา (ที่อยู่สีน้ำเงิน) เต้นไปบ่นไป หล่อนไม่เข้าใจทำไมพริมาเต้นไม่ได้เลย ขากับแขนสลับกันไปหมดจังหวะก็ไม่ทัน ทุกวันนี้หล่อนเดินได้ก็บุญแล้วสินะ สุดท้ายเพื่อน ๆ เลยถอดใจต้องปลด เชียร์ลีดเดอร์หน้าอินเตอร์ออกสายฟ้าแลบ
“งั้นไปถือป้ายแล้วกัน ถือป้ายเดินนำขบวนน่ะ ทำได้นะ? เดินปกติเลย แค่ในมือถือป้ายเข้าใจใช่ป่ะ?” ศศิธรที่ตอนนี้แต่งตั้งตัวเองเป็นแม่งานกำลังจัดการแก้ปัญหา(ทั้งที่อยู่คนละสี) พริมาพยักหน้า แค่ถือป้ายเดินถือว่าโชคดีมาก...ดีกว่าเชียร์ลีดเดอร์เป็นไหน ๆ
“จะทำให้ดีที่สุดเลยค่ะ” เด็กสาวรับปากเพื่อน
“อืม...ต้องไปหาผู้ชายตัวเตี้ยอีก เฮ้ย! ผู้ชายสีน้ำเงินใครตัวเตี้ยบ้างวะ? มาเดินถือป้ายหน่อย” ศศิธรไปแล้ว หล่อนต้องไปออกตามหาคนที่จะมาเดินถือป้ายประจำสีคู่กับพริมา สาวหล่อได้โจทย์ยากเสียด้วย เตี้ยและหล่อ!
วันงานเปิดกีฬาสีภารดีไม่ได้ไปทำงาน หล่อนแต่งตัวให้ลูกสาวตั้งแต่เช้า ภารดีนัดช่างแต่งหน้าทำผมมาที่บ้านตั้งแต่ตีสี่ ยามามานอนที่บ้าน หล่อนอยากอยู่ด้วยตอนที่พริมาแต่งตัว
“ปลาทูก็ถือป้ายนักกีฬาค่ะแม่” พริมาเล่าให้แม่ฟัง ภารดีจะแต่งหน้าให้เพื่อนสาวพริมาด้วย แต่สาวเจ้าปฏิเสธหัวสั่นหัวคลอน
“โอ้ย! แต่งไปก็เท่านั้นเลย ปลาทูใส่ชุดนักกีฬาปกตินี่แหละ เพิ่มภาระก็ไอ้ป้ายนี่ด้วยซ้ำ” เด็กสาวเล่าปากยื่นปากยาว หล่อนอุตส่าห์หนีไปเป็นนักกีฬาแล้วก็ไม่วายโดนถือป้ายอีก แต่ดีหน่อยตรงที่ไม่ต้องแต่งตัวอะไร...ใส่ชุดนักกีฬาได้เลย
“งั้นก็ต้องใส่ชุดนักกีฬาแซ่บๆ อาจารย์ไม่ได้บังคับนี่นา” ภารดียิ้ม มีเลศนัย จนยามาอดสงสัยไม่ได้ กว่าพริมาจะแต่งหน้าทำผมเสร็จก็เกือบหกโมงเช้า เสียงไก่แจ้ของหล่อนขันปลุกดังแว่วอยู่ข้างล่าง พวกเขาจะออกไปโรงเรียนกันตอนหกโมง พริมาลงมาข้างล่างนั่งรอแม่กับยามา หล่อนได้ยินเสียงแว่วๆ ของเพื่อนบ่นอยู่ข้างบน
“ชุดนี้มันได้เหรอคะ? โห...โชว์สะดือด้วย ปลาทูหนาว”
“นี่แหละสวย หุ่นดีแบบนี้จะอายอะไร ถ้าเป็นพี่นะหุ่นนางแบบแบบนี้จะใส่โชว์ทุกวันเลย” ภารดีจับเพื่อนสาวพริมาแต่งหน้าเล็กน้อย เพราะถ้ามากไปมันจะดูเล่นใหญ่ไปหน่อย ใส่ชุดกีฬาแต่หน้าแน่นมันจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นต้องแต่งหน้าให้สวย...แต่ให้ดูเหมือนไม่แต่ง ใช้เวลาไม่นาน ยามาก็ลงมาพร้อมกับภารดี ส่วนช่างแต่งหน้าเสร็จงานแล้ว หล่อนก็มีงานต่ออีกหลายที่
“คราวหน้าขอเป็นงานแต่งพี่พิมพ์นะฮ้า รอมาหลายปีแล้ว” เจตรินทร์ตามบัตรประชาชนที่ตอนนี้ได้ชื่อใหม่ในวงการว่าเจนนี่ หล่อนเป็น ช่างแต่งหน้าทำผมประจำตัวของภารดี...อยู่กันมานานจนรู้ใจ
“ได้เลย ถ้าได้แต่งงานเป็นจริงเป็นจังเมื่อไหร่จะเรียกใช้แน่นอน เคลียร์คิวให้ด้วยล่ะ” ภารดีคุยกับช่างแต่งหน้าระหว่างลงบันได ใกล้เวลาแล้ว เดี๋ยวหล่อนจะต้องไปโรงเรียนกับลูกสาว วันนี้คุณนพรักษ์ไม่ได้ไปทำงาน เขาลางานด้วยหนึ่งวัน เพราะอยากไปดูขบวนพาเหรดที่ภารดีนำเสนอว่าลูกสาว ได้ถือป้ายในงานโรงเรียน ส่วนนพคุณนั้นเขาไปส่งลูกชายก่อนแล้วตั้งแต่เช้าเพราะเขาต้องไปรวมตัวกับนักกีฬาคนอื่นๆ ที่โรงเรียน ส่งลูกชายเสร็จถึงกลับมารอรับสาวๆ ที่บ้าน พริมาเดินไปอวดโฉมตัวเองกับเจ้าไก่แจ้ของหล่อน วันนี้หล่อนขอโทษขอโพยเจ้าไก่แจ้ว่าหล่อนอุ้มมันไม่ได้ เดี๋ยวชุดสวยจะเลอะเทอะเสียก่อน แต่หล่อนจะถ่ายรูปคู่กับมันและที่สำคัญต้องให้เห็นฉากสวยๆ ที่กำแพงด้วย ยามากับภารดีมาสมทบ สามสาวหนึ่งไก่ถ่ายรูปโดยมีพ่อเลี้ยง พริมาเป็นตากล้องให้
“ว้าว...ปลาทูสวยจัง ชุดนี้แม่ซื้อมาตั้งนานแล้วนี่คะแต่ไม่เห็นแม่ใส่” พริมาชมเพื่อนรักของหล่อนที่ใส่ชุดกีฬาของภารดี ความจริงมันก็แค่ชุดธรรมดาแต่ถ้าหุ่นไม่ดีจริงใส่ออกมาก็ธรรมดา...แต่ยามาหุ่นสวย ใส่ชุดธรรมดาก็เลยไม่ธรรมดา!
“มีทุกสีเลยจ๊ะ...นี่ถ้าอยู่สีแดงจะแซ่บกว่านี้ สีน้ำเงินนี่สุภาพไปนิด” ภารดีเอียงคอมอง อยากจัดให้ใหญ่กว่านี้เสียดาย....
“ไปกันเถอะหกโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวรถเยอะวันนี้มีงานด้วยรถน่าจะติด” คุณนพรักษ์ชวนสาวๆ ที่ตอนนี้ยังสนุกกับการถ่ายรูปอยู่แถวกำแพงหลังบ้าน กว่าพวกสาวๆ จะไปถึงโรงเรียนก็เกือบหกโมงครึ่ง รถเยอะจริงอย่างที่พ่อเลี้ยงพริมาว่า เพราะเมื่อเช้าเขามาส่งลูกชาย รถก็เริ่มเยอะแล้ว แต่ตอนนี้ทั้งรถทั้งคนคึกคักเต็มถนนไปหมด พริมาเห็นถุงรองเท้าของนพคุณในรถด้านหลังฝั่งที่พวกหล่อนนั่ง...หรือว่าคุณชายใหญ่จะลืม?
“อ้าว...นั่นสิ สงสัยจะลืมนั่นแหละ เมื่อเช้ามาส่งก็เห็นรีบลงรถแล้ววิ่งหายไปเลย งั้นลุงฝากลูกแก้วเอาไปให้พี่เค้าด้วยนะลูก” พวกพ่อแม่ต้องไปหาที่จอดรถ สองสาวเลยลงรถไปรวมกับพวกเพื่อน ๆ ก่อน พริมาส่งข้อความไลน์หานพคุณ หล่อนถ่ายรูปถุงรองเท้าส่งไปให้เขาดูด้วย
“อยู่ริมสนาม” นพคุณตอบกลับมาสั้นๆ พริมาจ้องโทรศัพท์...ตอบแบบนี้คือให้ไปหาหรือไม่ต้องล่ะ? ยิ่งบอกว่าไม่ให้ทักเวลาอยู่ที่โรงเรียนด้วย พวกนักกีฬาและขบวนพาเหรดเริ่มไปรวมตัวกันอยู่แถวสนามฟุตบอลแล้ว เห็นเพื่อนยืนลังเลยามาตัดความรำคาญ
“มา...ปลาทูเอาไปให้เอง ก็ไม่ได้ห้ามปลาทูไม่ให้เข้าไปทักนี่!” ยามาทำท่าจะฉวยถุงรองเท้า แต่พริมาเบี่ยงหลบ เอาวะ รีบๆ แอบเอาไปให้ ก็ไม่น่าจะมีคนสังเกตหรอก
“เดี๋ยวลูกแก้วไปเอง” ยามาชักสนุก อยากรู้นักว่าไอ้ขี้เก๊กจะว่ายังไง หล่อนจำได้ว่าหมอนั่นห้ามพริมาทักเขาที่โรงเรียน ฮึ! วันนี้คนเยอะเสียด้วย ไอ้ยศอยู่ไหนวะ?
แต่ดูเหมือนไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะตลอดทางเดินไปหานพคุณนั้น มีคนมองสาวน้อยตลอดทาง บางคนก็มาขอถ่ายรูป พวกเด็กผู้ชายที่หล่อน ไม่รู้จักมากันตั้งหลายคน ยามาที่เดินไปด้วยก็ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ บางทีพวกเด็กผู้ชายก็ขอถ่ายรูปกับหล่อนด้วย และวันนี้หล่อนใจดีใครอยากถ่ายมาลย กี่รูปก็ได้ว่าง!
นพคุณนั่งอยู่ริมสนามตอนที่ยัยเพี้ยนไลน์มาหาเขา เมื่อเช้าเขาออกมาก่อน จึงไม่เห็นว่าหล่อนแต่งหน้าแต่งตัวแล้วจะออกมาสวยแค่ไหน วันนี้ฟุตบอลยังไม่แข่งแต่พวกนักกีฬาก็ต้องเดินอยู่ในขบวนพาเหรดเหมือนกัน และถึงวันนี้เขาจะไม่ได้แข่งแต่โค้ชก็นัดซ้อมอยู่ดี
นั่งอยู่ตรงนี้เขาเห็นหล่อนแล้ว...พริมา พวกนักกีฬานั่งรวมกลุ่มกันอยู่ เขาได้ยินเสียงเด็กผู้ชายคุยกัน และชี้ให้ดูสาวๆ ที่เดินในขบวน...ไม่ว่าจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ดัมเมเยอร์ หรือสาวๆ ที่ถือป้ายแต่งตัวสวยๆ กันเต็มไปหมด บางคนก็เดาว่าใช่คนที่พวกเขารู้จักหรือเปล่า
“มาแต่เช้ามันคุ้มดีแท้ มีอาหารตาเต็มไปหมด...นั่นๆ พี่แพรวลีดเดอร์สีแดงนี่หว่า สวยชะมัดเข้าไปขอถ่ายรูปด้วยได้ป่าววะ” พวกเด็กผู้ชายดูตื่นเต้น พวกนี้เริ่มโตและสนใจสาวๆ กันแล้ว
“น้องพริมานี่หว่า...น่ารักอ่ะ คนนี้ข้าจองเว้ยไปขอถ่ายรูปด้วยดีกว่า” ว่าแล้วเด็กชายก็ลุกขึ้นและวิ่งตรงไปยังทางที่พริมากำลังเดินมา นพคุณหงุดหงิด...เขาเห็นแล้วตลอดทางเดินสองสาวนั่นถูกขอถ่ายรูปมาตลอดทาง ทั้งเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิง โดยเฉพาะพวกเด็กผู้ชาย! พวกพริมานั้นก็ใจดีเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่ได้ และดูท่าว่าจะยังอีกนานกว่าพวกหล่อนจะเดินมาถึงที่เขานั่งรอ เอ้ย! นั่งอยู่ นพคุณลุกขึ้นเดินไปยังที่สาวๆ ยืนถ่ายรูปกับบรรดาหนุ่มน้อย ม. ต้น และหนุ่มใหญ่ ม.ปลาย วันนี้พริมาน่ารักสดใส...คุ้มราคาที่ภารดีลงทุนจ้างช่างแต่งหน้าส่วนตัวมาถึงบ้าน หล่อนคุยโวว่าช่างแต่งหน้าคนนี้แต่งกันมานานตั้งแต่พริมายังเด็ก เพราะลูกสาวหล่อนได้เข้าร่วมงานแสดงแบบนี้ทุกปี
“พี่ยามาครับ” เด็กชายคนหนึ่งสะกิดแขนยามา หล่อนก้มลงมอง เห็นเป็นเด็กชายตัวเล็ก น่าจะ ม.1 เด็กสาวยิ้มเอ็นดู...ตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง เขายิ้มเขินตอนที่สาวร่างสูงหันมามอง
“จะถ่ายรูปกับพี่เหรอ?” ยามาถาม เพราะในมือเขาถือกล้องถ่ายรูป เด็กชายพยักหน้าเขาชื่อชัยวิทย์เป็นน้องชายของชัยยศ และวันนี้พี่ชายมอบหน้าที่ให้เขาตามเก็บรูปในโรงเรียน...และถ้าภาพไหนถูกใจเขาจะได้เงิน ค่าขนม ยามาโพสท่าให้เด็กชายถ่ายอย่างสนุกสนาน ตอนแรกเขาดูจะเขินๆ แต่พอถ่ายไปได้สักพักก็เริ่มสนุก ยามาลากพริมามาถ่ายด้วยและยังโฆษณา อีกด้วยว่าใครชอบใจภาพไหนก็ไปขอซื้อกับชัยยศในเพจ เพราะเขารับจ้าง อัดรูป...สั่งได้ส่งถึงห้อง
“ถ่ายให้พี่หน่อยสิไอ้หนู แล้วอัดรูปมาให้ด้วยนะ เอาหมดเลย” คเชนทร์เดินแหวกคนเข้ามาและมือไวคว้าตัวยามากับพริมามาถ่ายรูป ตัดหน้าคนอื่นที่ยืนรออยู่หน้าตาเฉย พริมายิ้มสดใสแต่ยามาดูไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือ
“โอ้โห...น้องปลาดุฟูของพี่ใส่ชุดสวยเชียว หยั่งกะนางแบบ” คเชนทร์อดเย้าไม่ได้ และยิ่งเย้าสาวเจ้าก็ดูจะฮึดฮัด...นั่นแหละที่เขาชอบ
“แหม...ปีนี้พี่ ม.6 แล้วนะ ปีหน้าก็ไม่ได้เห็นหน้ากันแบบนี้แล้ว ก็ต้องเก็บภาพไว้ดูเป็นที่ระลึกหน่อยสิ” เด็กหนุ่มปล่อยพริมาแล้ว แต่ยังกอดคอยามาไว้แน่น และตอนนี้สายตาหลายคู่มองมาอย่างสนใจ ยามาดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ไอ้หมอนี่ทำไมมันชอบแกล้งหล่อนนักนะ
“จะเอายังไง?” ยามาถามเสียงเย็น
“ยิ้มสวยๆ สิ เดี๋ยวพี่ปล่อย” คเชนทร์ยืนรออย่างอดทน เขาว่าง ยืนกอดคอแบบนี้ตลอดทั้งเช้าก็ยังได้ และยามารู้ว่าหมอนี่มันเอาจริง บทจะกวนประสาทเขาทำได้อย่างน่าทึ่ง เด็กสาวถอนใจ...หล่อนหันไปยิ้มกับกล้อง ยิ้มสวยจนชนิดหนุ่มๆ แถวนั้นตะลึงกันทีเดียว หล่อนไปอยู่ไหนมานะ ทำไมพวกเขาไม่เคยสังเกตว่ายังมีสาวสวยที่ชื่อยามาอยู่อีกคน
“ปลาทู...มาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยสิ” เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น คเชนทร์เลิกคิ้วหันไปมองใครนะช่างกล้ามาขอถ่ายรูปกับยัยปลาดุกฟู...เขาจำได้ ว่าหมอนั่นชื่อศิวกร ตอนนี้คเชนทร์ปล่อยยามาแล้ว เขาเดินไปสมทบกับ พริมาที่ยืนหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาใครบางคน
“มองหาใครเหรอลูกแก้ว?” คเชนทร์มองตามสายตาของพริมา
“หาพี่คุณค่ะ ลูกแก้วเอารองเท้ามาให้...พี่คุณลืมไว้ในรถ” คเชนทร์เห็นแล้วว่าคนที่พริมากำลังตามหานั่งอยู่ตรงไหน...วันนี้เขามาสาย จอดรถเสร็จ กำลังจะเดินมารวมกลุ่มกับพวกนักกีฬาก็เห็นพวกเด็กผู้ชายรุมถ่ายรูปกับสาวๆ อยู่พอดี เขาเห็นพริมาเดินมาจะถึงที่นพคุณนั่งอยู่แล้วถ้าไม่มัวมายืนถ่ายรูปอยู่ตรงนี้ นพคุณนั่งหน้าหงิกมองอยู่...หมอนั่นก็ทำหน้าแบบนั้นตลอดตั้งแต่เขาจำความได้ กี่ปีแล้วนะที่พวกเขารู้จักกัน...สิบกว่าปี แม้จะไม่ใช่เพื่อนสนิท (เพราะไลฟ์สไตล์ช่างต่างกัน) แต่ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหมอนั่นนิสัยเป็นยังไง และตอนนี้เขารู้ว่านพคุณไม่พอใจ จากหางตาเห็นแล้วว่ามีความเคลื่อนไหว
“ฝากพี่เอาไปให้ก็ได้ ยังไงก็ต้องเจออยู่แล้ว” คเชนทร์ขันอาสา เขาเคยได้ยินยามาเหน็บนพคุณว่าเด็กหนุ่มห้ามไม่ให้พริมาทักทายหรือบอกให้คนอื่นๆ รู้ว่าพวกเขารู้จักกัน
“งั้นลูกแก้วฝากพี่ตุลย์ไปให้ดีกว่า ตอนแรกปลาทูจะเป็นคนเอามาให้ แต่ลูกแก้วว่าไม่น่าจะดี” พริมากำลังจะส่งถุงรองเท้าให้คเชนทร์แต่มีมือ มาแย่งไปเสียก่อน
“รอตั้งนานแล้วกว่าจะเดินมาถึง” นพคุณนั่นเองที่ดึงถุงรองเท้าไป คเชนทร์ยิ้มอ่อน...หมอนี่ออกตัวแรงแฮะ คนก็ตั้งเยอะแยะ...สั่งไว้เองแท้ๆ ว่าไม่ให้เข้ามาทัก แต่พอตัวเอง...แกรนด์โอเพนนิ่งเชียวนะไอ้ขี้เก๊ก ยังมีพวกที่ยืนรอจะถ่ายรูปกับสาวๆ อีกหลายคน คนเริ่มเยอะเพราะใกล้ถึงเวลาตั้งแถว ตรงนี้เป็นมุมรวมตัวของพวกสาวๆ ที่แต่งตัวสวยๆ เดินในขบวนพาเหรดพอดี พวกเด็กผู้ชาย ม.ต้น ม.ปลาย จึงมารวมกันอยู่แถวนี้...ก็วิวมันดี
“เอามาให้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปเดินถ่ายรูป” นพคุณตำหนิพริมาที่ปล่อยให้เขารอนาน
“ขอโทษค่ะ” สาวน้อยหน้าสลด จนคเชนทร์อดสงสารไม่ได้
“มันใช่ความผิดของลูกแก้วที่ไหน ตัวเองลืมไว้ในรถเองแท้ๆ” ยามาแหวกคนมาแหวใส่ ไอ้หมอนี่มันเยอะนัก ต้องด่าให้อายคน
“วู้! ลูกแก้วหมดธุระแล้วนี่นา คราวนี้ก็คิวว่าง งั้นพี่จองต่อเลยมาๆ มาถ่ายรูปกันต่อดีกว่า ไปตรงโน้นดีไม๊เปลี่ยนมุมบ้าง มาจ้าน้องปลาดุกฟูเราต้องไปด้วยกันนะ” คเชนทร์เกี่ยวแขนพริมาลากเดินออกไป และไม่วายหันไปคว้าคอเพื่อนสาวของพริมาด้วย เพราะเห็นแล้วว่าหล่อนยังไม่อยากจะไปนัก นพคุณยืนมองนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้สนใจแม่สาวตัวสูงที่แม้จะโดนลากคอให้เดินตามไปแล้ว แต่สายของหล่อนยังจ้องเขาอยู่จนตาแทบจะถลน...แต่เขามองแม่สาวอีกคน วันนี้หล่อนใส่ชุดสีน้ำเงินกระโปรงยาวแต่ฟูฟ่องน่ารัก บนหัวก็มีมงกุฎเล็กๆ เหมือนเจ้าหญิง...เจ้าหญิงตัวน้อย และวันนี้อีกนั่นแหละที่เขากลืนน้ำลายตัวเอง...เขาบอกหล่อนเองว่าไม่ให้คุยกับเขาที่โรงเรียน แต่พอหล่อนบอกว่าเขาลืมรองเท้าไว้บนรถจะเอามาให้ เขากลับไม่ห้าม ความจริงเขาจะให้พ่อเอามาให้หรือวิ่งกลับไปเอาที่รถก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นว่าพริมาจะเป็นคนเอามาให้เขาถึงพอใจมากกว่า แต่ที่น่าแปลกใจคือตัวเขาเองนั่นแหละที่อดรนทนไม่ได้จนต้องเดินเข้าไปหาหล่อนเอง ปีนี้เขา ม.6 แล้ว ปีหน้าจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่พริมาเพิ่งจะ ม.4 หล่อนจะอยู่ที่นี่อีก 2 ปี แต่เขาไปแล้ว...อยู่ที่นี่เขายังได้ยินความเป็นไปบ้าง แต่ถ้าแยกกันไปล่ะ? นพคุณสับสน แล้วเขาจะมาว้าวุ่นใจเป็นวัยรุ่นมีความรักแบบนี้ทำไม เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนวัยรุ่นน่ะใช่ แต่มีความรักน่ะไม่ใช่แล้ว อาการแบบนี้มีสอนในหนังสือไหมนะ แล้วมันเล่มไหน? เรื่องอะไร? เขาจะได้เอามาอ่าน เขาไม่ชอบเลยความรู้สึกแบบนี้เขาไม่เข้าใจ...หงุดหงิด!
ขบวนพาเหรดตั้งแถวแล้ว พวกกองเชียร์นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ ส่วนผู้ปกครองนั่งอยู่รอบๆ สนาม พริมาถือป้ายประจำสีน้ำเงิน เดิมทีนั้นหล่อนถือป้ายกับเด็กผู้ชาย ม.1 (ตัวเล็กสุดเท่าที่หาได้แล้ว) แต่เพราะมันเป็นพริมา...หล่อนเดินพาเพื่อนสะดุดล้มกันระเนระนาด จนศศิธรแม่งาน (แต่อยู่สีชมพู) ต้องคิดหาวิธีใหม่ หล่อนทำป้ายประจำสีใหม่
“ถือคนเดียวไปเลยนะ ไม่ต้องเดินพ่วงใคร อยากล้มก็ล้มไปคนเดียว” เป็นอันว่าป้ายสีน้ำเงินนั้นทำมาสองอัน แยกกันถือระหว่างเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย และดูเหมือนวิธีของศศิธรจะถูกใจใครหลายคนทีเดียว ส่วนยามา หล่อนอยู่ขบวนหลังที่เป็นส่วนของนักกีฬา สาวน้อยร่างสูงดูโดดเด่น และชุดของภารดีมันช่างอวดทรวงทรงองเอวได้ดีจริงๆ พอมันอยู่บนร่างของ ยามาแล้ว มันน่ามองเหลือเกิน ตอนนี้แม่สาวนักกีฬารูดซิบเปิดเสื้อคลุมตัวนอก เผยให้เห็นชุดด้านในที่หล่อนบ่นที่บ้านว่ามันโชว์สะดือ แต่พอเอาเข้าจริง ยามาใส่ออกมาไม่ได้ดูโป๊หรือน่าเกลียดเลย มันดูออกจะทะมัดทะแมง จนสาวๆ บางคนมองมาด้วยความอิจฉา
“แหม...เล่นใหญ่นะปลาทู ชุดนักกีฬาของแกเนี้ย” เพื่อนคนหนึ่งทักขึ้น ยามาแค่ยักไหล่ เดี๋ยวพอวิ่งจริงหล่อนก็ต้องเปลี่ยนชุดกลับไปใส่ชุดของทีมวิ่งสีน้ำเงินเหมือนเดิม ที่ดูโดดเด่นไม่แพ้กันน่าจะเป็นส่วนของทีมเชียร์ลีดเดอร์ สีแดงที่มีแพรวพณิตเป็นหัวหอก ยามาเห็นหล่อนมองพริมาและยังมีน้ำใจหว่านหางตามาให้หล่อนด้วย ยามาเบะปาก...นังนี่...แรดเงียบ!
สีน้ำเงินยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสีแดงและสีชมพู ยืนตรงนี้ก็เห็นคนที่หล่อนรู้จักทุกคนชัดเจน แพรวพณิตนั้นสวยจริง หล่อนก็ฉลาด และถ้ายามาเดาไม่ผิดยัยนั่นชอบนพคุณ...ถ้าพวกนั้นได้กันก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทั้งหน้าตาหัวสมองไปในทางเดียวกันหมด แต่แพรวพณิตก็เหมือนยามาหล่อนรู้สึกได้ว่าจะจับคู่นพคุณเหมือนดั่งใจคิดนั้นทำได้ยาก ส่วนฝั่งสีชมพูด้านหน้าทำให้ยามาอดยิ้มไม่ได้ เพราะหล่อนเห็นศศิธร...ศศิธรที่วันนี้สวยจนหลายคนจำไม่ได้ ถ้าศศิธรกลับใจเป็นสาวล่ะก็น่าจะมีผู้ชายหลายคนมาชอบหล่อนเยอะทีเดียว
“นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเต้นแล้วสนุกดีนะ ฉันไม่ใส่หรอกนะไอ้ชุดบ้านี่” ศศิธรรีบออกตัว แต่ชุดเชียร์ลีดเดอร์ของสีชมพูนั้นไม่ได้ร้อนแรงและสั้นแบบสีแดง มันเป็นเสื้อแขนยาวและกางเกงขาวยาวที่ทำออกมาดูดีทีเดียว...ไม่ต้องใส่สั้นๆ ก็สวยได้ และวันนี้ศศิธรใส่วิกผมยาว นั่นเองที่ทำให้หลายคนจำหล่อนไม่ได้ ถัดมาแถวหลังข้างๆ หล่อนนั่นแหละ ทีมนักกีฬาสีชมพู...ฮึ! ไอ้เชน! คเชนทร์ผิวปากแซวยามา หล่อนพยายามไม่หันไปมองแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เลิก พอเห็นว่าหล่อนไม่สนใจคราวนี้เขาร้องเพลง
“มองงงงง เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง หากเธอไม่สวยฉันจะไม่มอง หากเธอไม่แจ่มฉันจะไม่จ้อง ฉันจะไม่มองให้หัวใจเต้น” คเชนทร์ลากลูกคอได้เสนาะเหมือนนักร้องมืออาชีพ นักกีฬาคนอื่นๆ ที่อยู่แถวนั้นชอบใจหัวเราะกันเสียงดังจนแถวอื่นๆ ต้องหันมามอง จากไม่เขินคราวนี้เขินสิ! ไอ้หมอนี่มันกวนประสาทเก่ง
“เพิ่งรู้นะเนี้ยว่าน้องปลาดุกฟูซ่อนรูป จิจิจิ! หุ่นนี่ดีหยั่งกะนางแบบ” คเชนทร์พูดเสียงดัง จนคนที่ไม่ได้มองต้องชะโงกหน้าอยากเห็นคนที่เขาพูดถึง ยามาอยากจะขว้างป้ายใส่ปากเขานัก แต่หล่อนก็มืออาชีพเหมือนกัน พอเห็นว่ามีคนเริ่มมอง ยามายืนวางมาดสวยสง่าส่งสายตาท้าทายกลับไป พอเสร็จสิ้นพิธีงานเปิดกีฬาสีพวกในสนามก็แยกย้าย ส่วนใหญ่ก็ไปถ่ายรูปกับผู้ปกครองและเพื่อนๆ ส่วนกีฬาจะเริ่มแข่งตอนบ่าย
“ลูกแก้ว ปลาทู” เสียงภารดีเรียกลูกสาวดังชัดเจน นพคุณเห็น พ่อเขากวักมือเรียกเขาอยู่เหมือนกัน วันนี้เขาลุ้นอยู่ว่าพริมาจะสร้างวีรกรรมล้มโชว์ต่อหน้าสาธารณชนหรือไม่...เสียดายจังที่ราบรื่นดี ไม่งั้นภารดีจะได้เห็นวีรกรรมลูกสาวเองกับตาแทนที่จะฟังเอาจากยามา
“พี่พิมพ์ คิดถึงจัง” คเชนทร์วิ่งแซงหน้าทุกคนไปหาภารดี เขาทำหน้าเศร้าเล่าความจริง ว่าที่บ้านไม่มีใครมาดูเขาเลย วันนี้เขาเลยต้องยืมผู้ปกครองคนอื่น และเขาจะยืมภารดีให้เป็นผู้ปกครองของเขาหนึ่งวัน ภารดีหัวเราะร่าส่งกล้องให้คุณนพรักษ์ถ่ายรูปให้ เพราะหล่อนจะส่งรูปไปให้คณิสราดูว่าน้องชายของหล่อนนั้นน่าสงสารขนาดไหน
“มาเรามาถ่ายรูปหมู่กัน” ภารดีหันไปวานผู้ปกครองแถวนั้นถ่ายรูปให้พวกเขา มีนักเรียนหลายคนมองมา เพราะสงสัยว่านพคุณ คเชนทร์ ยามา และพริมานั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร คุณนพรักษ์เหลือบมองลูกชายที่มีสีหน้าเรียบเฉย...เขาไม่ได้มีท่าทีหงุดหงิดหรือไม่พอใจอะไร
“มาตาคุณมาถ่ายรูปคู่กับพ่อหน่อย” คุณนพรักษ์เดินไปกอดคอลูกชาย นพคุณหันไปยิ้มให้พ่อเผยให้เห็นลักยิ้มที่แก้มเขาชัดเจนทีเดียว ภารดีเป็นคนถ่ายให้
“เมื่อเช้าตาคุณออกจากบ้านไปก่อนยังไม่ได้ถ่ายรูปกับลูกแก้วเลย มาๆ ขอรูปคู่รูปหนึ่งนะ” ปกติภารดีไม่ค่อยได้คุยกับเขาบ่อยนัก มีอะไรหล่อนจะฝากมาบอกผ่านลูกสาวหรือไม่ก็พ่อของเขา แต่วันนี้หล่อนคุยกับเขา นพคุณแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไร
“ครับ” ยามากับคเชนทร์ตาค้างพร้อมกัน พวกเขางงกับคำตอบของนพคุณ ทำไมว่าง่ายจังวะ? ภารดีหามุมจัดท่าให้เรียบร้อย และสองพี่น้องนั่น ก็ทำตามอย่างว่าง่าย พริมานั้นไม่น่าแปลกใจเพราะหล่อนว่าง่ายอยู่แล้ว แต่นพคุณนี่สิ ยามาหรี่ตามอง เมื่อเช้าไอ้ขี้เก๊กมันลืมถุงรองเท้าจริงรึเปล่านะ? ชักสงสัย และที่ทำให้แปลกใจที่สุดเขากำลังยิ้ม...ไอ้นพคุณมันยิ้มเหรอวะ?
“โอ้โห! หล่อมากเลยดูสิ เดี๋ยวส่งให้ในไลน์นะ” ภารดีเอารูปในกล้องให้นพคุณดู เขาดูเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไร เสร็จจากถ่ายรูป พวกเขาไปกินข้าวเที่ยงกันต่อ สักพักนพคุณ คเชนทร์และยามาขอตัวออกมาก่อนเพราะพวกเขาเป็นนักกีฬา ยามามีแข่งบ่ายนี้ ส่วนสองหนุ่มมีนัดซ้อม
“เย็นนี้อาจจะกลับค่ำนะครับ” นพคุณหันไปบอกพ่อก่อนไป พวกนพคุณเดินไปลับตาแล้ว ภารดีจึงหันมาพูดกับสามี
“วันนี้ได้รูปคู่ด้วยนะคะ...นี่ดู” ภารดีโชว์รูปคู่พริมากับนพคุณที่ถ่ายโดยฝีมือหล่อนอวดสามี
“โอ้โห...ก้าวหน้านะเนี้ย กี่ปีแล้วนะคุณพิมพ์...เกือบสามปีแล้วสิ” คุณนพรักษ์นั่งนับช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เหมือนเพิ่งไม่กี่วันที่นพคุณตะโกนโวยวายลั่นบ้าน...จากวันนั้นผ่านมาสามปีแล้วหรือนี่
“ยังไม่ก้าวหน้าค่ะ ถ้าก้าวหน้าต้องได้รูปคู่กับพิมพ์นะ” ภารดียิ้มหวานบอกสามี
“เห็นตาคุณเหวี่ยงๆ แบบนั้น เอาเข้าจริงพวกเขาสนิทกันมากกว่าที่เราเห็นอีกนะ สนิทกันมากกว่าพิมพ์กับตาคุณ หรือสนิทมากกว่าลูกแก้วกับคุณอีกนะคุณนพ” ภารดีเปรียบเทียบคู่ของหล่อนกับนพคุณและคู่ของพริมากับคุณนพรักษ์ ถึงหล่อนจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่ก็สังเกตอยู่และพอจะรู้ว่าเวลาสามปีที่ผ่านมาเด็กสองคนนั่นผูกพันกันอยู่พอสมควร อย่างที่หล่อนเคยได้ยินมานั่นแหละ นพคุณเป็นคนลึกซึ้งและคนอย่างเขาต้องใช้เวลา ถ้าพวกหล่อนมีความอดทน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมนพคุณจะยอมรับเอง
“แม่คะ ไอศครีมมาแล้ว” พริมาถือไอศครีมมาเต็มสองมือ เด็กสาวนั่งลงข้างแม่ หล่อนไม่ต้องรีบเพราะไม่มีแข่งเหมือนคนอื่น แต่ช่วงบ่ายต้องเปลี่ยนชุดไปเชียร์ยามาแข่งวิ่ง
“แม่กับคุณลุงกลับก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวลูกแก้วฝากชุดกลับบ้าน”
“วันนี้แม่ว่าง เดี๋ยวอยู่ดูปลาทูวิ่งก่อน” พริมาพยักหน้าหล่อนยิ้มสดใสให้มารดาและหันไปถามพ่อเลี้ยงว่าจะกินไอศครีมด้วยกันไหม หล่อนจะไปซื้อมาอีก
“ลูกแก้วกินเถอะลูก ลุงอิ่มแล้ว” คุณนพรักษ์นั่งมองดูเด็กสาว ปีนี้หล่อนโตขึ้น (ยกเว้นส่วนสูงที่ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงนัก) พริมาเริ่มจะเป็นสาวแล้ว แม้จะยังไม่ดูเป็นสาวเต็มตัวเหมือนยามา แต่หล่อนก็โตขึ้นกว่าปีก่อนมาก ตอนที่เขาเจอหล่อนครั้งแรกพริมายังเป็นเด็กหญิง..และอาจเป็นเพราะพริมาที่ทำให้เขาตัดสินใจทำอะไรหลายอย่างในตอนนั้น เขานั่งมองสองแม่ลูกที่ตอนนี้สลับกันกินไอศครีมของแต่ละคน เพราะสองคนสั่งมาคนละรส ถ้าตอนนั้น...เมื่อสามปีก่อน...ถ้าสองแม่ลูกนี่ไม่ได้เจอเขา...ป่านนี้พวกหล่อนจะเป็นอย่างไรหนอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ