แก้วนพคุณ
-
30) แข่งขัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนพคุณเห็นพริมาฝึกไก่มาหลายวันแล้ว คราวก่อนไอ้หน้าหมาพา หล่อนไปดูแข่งไก่แถวบ้านมัน และสาวน้อยก็ดูจะติดใจหนักหนา ไอ้หน้าหมาจะรู้ไหมว่ามันสร้างแรงบันดาลใจให้ยัยเพี้ยนถึงขนาดนี้ วันนี้พ่อของเขาอยู่บ้านและเขาได้ยินเสียงสองคนนั่นคิดหาวิธีให้ไอ้ไก่บ้านั่นขันให้ได้
“มันก็ขันเยอะกว่าเมื่อก่อนนะคะคุณลุง แต่ลูกแก้วเห็นที่สนามแข่งบางตัวมันขันเยอะกว่านี้” พริมารายงานผลให้พ่อเลี้ยงฟังว่าที่หล่อนไปดูงานมามันต้องเอามาฝึกอะไรบ้าง
“จะหลอกล่อมันยังไงดี ลูกแก้วลองดูแล้ว มันก็ขันบ้างไม่ขันบ้างแล้วแต่อารมณ์” เด็กสาวบอกอย่างเป็นกังวล เพราะไปสนามแข่งรอบนี้ หล่อนจะให้นพคุณเข้าสังเวียนไปแข่ง (ขัน) ในสนามจริง คิดแล้วก็นึกถึง ยานกเขาขัน...ถ้ามันใช้กับไก่ได้ก็คงดี
“แต่ถ้าเรากดดันเกินไป ลุงว่าจากที่มันจะขันเยอะ ๆ จะกลายเป็นไม่ขันนะ” คุณนพรักษ์ออกความเห็นเพราะดูแล้วไก่แจ้ของพริมาน่าจะเป็นไก่ติสท์แตกอยู่ไม่น้อย
“นั่นสิคะ...แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันไม่ขันก็ไม่เป็นไร ลูกแก้วแค่อยากให้นพคุณออกไปเจอไก่ตัวอื่นบ้าง แต่ถ้ามันขันเยอะและได้รางวัลมาก็ดี งั้นแล้วแต่มันก็แล้วกันค่ะ ไปแข่งเล่นๆ ขำๆ” พริมาตัดสินใจได้แล้ว หล่อนจะไม่บังคับให้ไก่รักของหล่อนทำสิ่งที่มันไม่อยากทำ หล่อนแค่อยากให้ มันออกไปข้างนอก ไปเปิดหูเปิดตา ระหว่างที่คิดหาทาง (แบบไม่บังคับ) เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“ปลาทูแน่เลย” พริมาหันไปบอกคุณนพรักษ์แล้ววิ่งหายไปทางหน้าบ้าน พริมาวิ่งไปถึงหน้าบ้านก็เห็นเพื่อนเกาะรั้วยืนยิ้มอยู่แล้ว ยามาส่งยิ้มสวย ให้เพื่อนรัก และชูของในมือที่หล่อนถือมาให้พริมาดู
“เสร็จพอดีพร้อมออกงานนะไอ้นพคุณ” สาวร่างสูงส่งกระเป๋าใส่ไก่ ที่หล่อนเป็นคนตัดเองกับมือให้พริมา มันเป็นกระเป๋าลายพรางสีชมพู ลายพรางน่ะของไก่ แต่สีชมพูน่ะของเจ้าของ พบกันครึ่งทางนะ
“สวยจังเลย ปลาทูเก่งจัง” พริมายิ้มชอบใจ หล่อนขอให้ยามาตัดกระเป๋าให้ ไม่กี่วันเพื่อนรักหล่อนก็เอากระเป๋ามาให้ มันเสร็จทันวันแข่งพอดี
“มันยากก็ตอนตัดแพทเทริน์นั่นแหละ แต่พอได้ส่วนประกอบครบตัดเย็บก็ไม่ยากเท่าไหร่” ช่วงหลังๆ มานี่หล่อนเริ่มตัดเสื้อใส่เอง
“อุตส่าห์ไปเรียนมาก็ต้องเอามาใช้ประโยชน์สิ” ยามาเล่าพร้อมอวดเสื้อตัวสวยที่หล่อนเป็นคนออกแบบและตัดใส่เองให้พริมาดู
“วันหลังปลาทูตัดชุดให้ลูกแก้วกับแม่บ้างนะ สวยจังลูกแก้วชอบ” พริมา ชมชุดที่เพื่อนใส่มาวันนี้ ยามาออกแบบมาได้เหมาะกับตัวเอง...ใส่แล้วดูดี ใครจะรู้ว่าแบบเสื้อสวยๆ ผ้าสวยๆ ราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย เพราะยามาจ่ายแค่ค่าผ้าเท่านั้น ที่เหลือหล่อนทำเองทั้งหมด
“เดี๋ยวพี่ตุลย์ก็มาแล้ว เมื่อกี้ลูกแก้วอ่านไลน์ บอกว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ปลาทูหิวรึเปล่าไปกินข้าวก่อนได้นะ” พริมาเดินนำเพื่อนไปหลังบ้าน หล่อนจะลองเอานพคุณใส่กระเป๋า ดูว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน และต้องให้มันอยู่ในกระเป๋าตั้งแต่ตอนนี้เลย...มันจะได้ชิน ยามาเข้าครัวแล้วเปิดหาข้าวกินเอง หล่อนรู้ทุกซอกทุกมุมในบ้านนี้พอๆ กับพริมา เรียกได้ว่าอยู่บ้านนี้มาพร้อมๆ กันก็ว่าได้ วันนี้พริมาทำข้าวต้มหมูเหมือนเดิมและได้ลูกมือกิตติมศักดิ์คือคุณนพรักษ์นั่นเอง
“ข้าวต้มอร่อยจัง...ฝีมือคุณลุงเหรอคะ?” ยามายิ้มถามในมือก็ถือชามยืนมองมาจากประตูหลังบ้าน คุณนพรักษ์กับพริมากำลังจัดแจงใส่ไก่ให้เข้าที่ในกระเป๋า
“ฝีมือลุง 30 ลูกแก้ว 70” คุณนพรักษ์ตอบยิ้มๆ วันนี้พริมาสอนเขา ทำข้าวต้มหมู เขายืนดูและเห็นแล้วว่ามันไม่ยากเลย
“พี่พิมพ์ไม่กลับบ้านเหรอคะ เมื่อวานปลาทูไปที่ตลาดเห็นบอกว่าเมื่อคืนนอนที่บ้านโน้น” ยามากินข้าวต้มหมดไปแล้วรอบหนึ่ง กำลังจะต่อรอบสอง
“ใช่จ๊ะ...เดี๋ยวสายๆ ลุงก็จะออกไปรับ วันนี้ไม่น่าจะกลับมืดนะ และพรุ่งนี้เห็นคุณพิมพ์บอกว่าจะหยุดไม่ได้เข้าไปที่ตลาด ดีเหมือนกันพรุ่งนี้วันอาทิตย์ไม่ได้หยุดมาหลายวันอาทิตย์แล้วนะ ลุงอยากให้คุณพิมพ์พักบ้าง” ยามาพยักหน้า หล่อนเข้าไปช่วยภารดีทำงานเมื่อวาน เพื่อขอหยุดในวันนี้ แต่ก็มีงานบางส่วนที่หล่อนเอากลับมาทำที่บ้าน ดูจากงานที่สะสมไว้...น่าจะต้องใช้เวลาเคลียร์อีกนาน
“พี่เมษ์...เอ้อ...พี่ของตุลย์น่ะค่ะ ปลาทูรู้มาว่าพี่เมษ์จบบัญชี ถ้าพี่พิมพ์อยากให้เสร็จเร็วๆ ปลาทูว่าเราต้องหาคนช่วยมากกว่านี้ และต้องเป็นคนที่ชำนาญ ยิ่งเป็นผู้สอบบัญชีได้ยิ่งดี” คุณนพรักษ์ยิ้ม ภารดีกับพริมาโชคดี...พวกหล่อนได้ผู้ช่วยและเพื่อนที่แสนดี เสียงรถบีบแตรที่หน้าบ้าน การสนทนาจึงต้องหยุดลง พริมาทำหน้าที่เหมือนเดิม หล่อนวิ่งไปเปิดประตูรั้ว
“พี่ตุลย์...มาแล้วเหรอคะ” พริมายิ้มสดใสให้หนุ่มบิ๊กไบค์ เขาจอดรถไว้หน้าบ้านไม่ได้เอามาจอดในบ้าน
“ไปกันยัง? เดี๋ยวไปไหว้คุณลุงก่อนนะ” คเชนทร์เดินเข้าบ้าน เขาเดินยิ้มมองบ้านนพคุณ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเขาจะเข้าออกบ้านหลังนี้บ่อยๆ และไม่ใช่ในฐานะเพื่อนเก่าของนพคุณด้วย แต่เป็นเพื่อนของพริมา! (บางทีก็มาในฐานะเพื่อนภารดี)
“คุณลุงครับบบบบ” คเชนทร์ส่งเสียงไปก่อนที่ตัวจะไปถึงเสียอีก เขาเดินผ่านครัวเห็นเพื่อนรักพริมาล้างจานอยู่ หล่อนช่างมีน้ำใจส่งสายตาขวางๆ ให้เขาที่กำลังเดินเข้ามา
“ไงจ๊ะ! น้องปลาทู...ไหม้” คเชนทร์ส่งยิ้มทรงเสน่ห์ที่สาวๆ หลายคนหลงใหลกลับไปให้...ขวางมาเท่าไหร่ก็กวนประสาทกลับไปเท่านั้น จะได้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย ยามาเบะปาก...หล่อตายชัก!
“คุณลุงไม่ไปด้วยกันเหรอครับ?” คเชนทร์ทักขึ้นหลังจากยกมือไหว้ ผู้สูงวัย คุณนพรักษ์ยิ้มและรับไหว้ เขามองพวกเด็กๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนบ้านเขาจะคึกคักมีคนเยอะแบบนี้ไหมหนอ นพคุณมีเพื่อนไม่มากและเขาไม่ค่อยชวนเพื่อนมาที่บ้าน รวมถึงไม่ไปบ้านเพื่อนด้วย นอกจากจะไปเจอกันที่เรียนพิเศษเท่านั้น แต่ตอนนี้บ้านเขามีเด็กวัยรุ่นอยู่เต็มบ้าน หายเหงาดีเหมือนกัน
“วันนี้ลุงขอตัวนะ แต่คราวหน้าไปแน่ๆ พาคุณพิมพ์ไปด้วย”
“พร้อมรึยังนพคุณ?” คเชนทร์ก้มลงมองไก่แจ้พริมา ที่ตอนนี้นอนหลับอยู่ในกระเป๋า มันลืมตามามองเขานิดเดียวและหลับตานอนต่อ
“ไปค่ะ ลูกแก้วพร้อมแล้ว นพคุณก็พร้อม” สาวน้อยกระชับกระเป๋าแทนคำยืนยัน วันนี้หล่อนจะพานพคุณขึ้นสังเวียน พวกเขาไหว้ลาคุณนพรักษ์ และพากันเดินไปหน้าบ้าน
“เดี๋ยวนายขี่รถนำไปนะ ฉันกับลูกแก้วจะนั่งแท็กซี่ตามไป” ยามาที่กำลังเดินไปจะปิดประตูรั้วหันไปบอก
“อะไร? ก็ไปพร้อมกันสิ ซ้อนสามนี่แหละจะไปนั่งรถแท๊กซี่ทำไมเสียเวลา” คเชนทร์ขมวดคิ้ว ยัยปลาทูเรื่องมากอีกแล้ว
“จะซ้อนไปได้ยังไง...มันแน่น” ยามาเริ่มเท้าเอว
“มันจะแน่นยังไง มีแต่ตัวผอมๆ นั่งซ้อนไปนี่แหละ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงแล้ว อย่าเรื่องมากน่า” คเชนทร์ส่ายหัวและสีหน้าท่าทางแบบนั้นทำให้ยามายิ่ง “ขึ้น” หล่อนมองมอเตอร์ไซค์ จะนั่งยังไง? ให้พริมานั่งกลางหรือหล่อนนั่งกลาง แต่มันแน่นแบบนี้มันเบียด...ใกล้เกินไป ไอ้เชนมันก็พูดได้สิยังไงมันก็ได้ เปรียบอยู่แล้ว
“ก็ถ้าน้องปลาทูอยากไปแท็กซี่ก็นั่งไปคนเดียวนะ ลูกแก้วไปกับพี่” คเชนทร์ท้าทาย เขาอยากรู้เพื่อนพริมาจะว่าอย่างไรต่อ
“ตอนแรกพี่นัดลูกแก้วไว้สองคน ใครจะไปนึกล่ะว่าน้องปลาทูจะไปด้วย” คเชนทร์กับยามายังเถียงกันอยู่อีกยาว พริมาได้แต่มองตาปริบๆ ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี ระหว่างที่ยามากับคเชนทร์กำลังเถียงกันอยู่นั้น นพคุณก็เดินออกมาจากบ้าน เขาลากพริมาขึ้นรถ วันนี้เขาใช้รถแม่เลี้ยงเพราะมันจอดว่างอยู่ สายๆ พ่อเขาจะไปรับแม่เลี้ยงที่ตลาด นพคุณจึงหันไปบอกพ่อว่าเขาจะขอใช้รถภารดีขับพาพริมาไปส่งที่ลานแข่งไก่ เสียงบีบแตรรถทำเอาสองหนุ่มสาว ที่ยืนลับฝีปากกันต้องหลบให้ เพราะอยู่ๆ รถที่จอดนิ่งสนิทก็ถอยออกมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“อ้าว! เฮ้ย! จะทิ้งกันแบบนี้เลยเหรอ?” ยามาตะโกนไล่หลัง นพคุณเปิดกระจกบอกคเชนทร์ให้ไปเจอกันที่ลานแข่งไก่ ไอ้หน้าหมาแค่เลิกคิ้วสงสัยที่อยู่ๆ ไอ้ขี้เก๊กก็เอารถออกพาพริมาไปสนามไก่ซะอย่างนั้น
“ไปๆ คราวนี้ก็นั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัดแล้วจ้า สองคนนั่นเขาไปกันแล้ว ถ้าน้องปลาทูอยากไปก็ต้องไปกับพี่ จะเอายังไง?” คราวนี้คเชนทร์เลียนแบบท่ายืนเท้าเอวของหล่อนได้เหมือนไม่มีผิด ยามาฮึดฮัดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คเชนทร์จึงยิ้มและเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รอ...สักพักก็มีแรงยวบตามมาจากเบาะหลัง ยามาขึ้นรถตามมาแต่โดยดี ให้ถึงสนามแข่งไก่ก่อนเถอะ ไอ้ขี้เก๊กโดนหล่อนด่าหูชาแน่
“กอดเอวด้วย” คเชนทร์สั่งเสียงเรียบ ยามายังนั่งเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้ หนุ่มบิ๊กไบค์จึงเร่งเครื่องจนคนนั่งข้างหลังแทบหล่นจากเบาะ
“นี่! ฉันเกือบตกไปแล้วนะ” ยามาแหวเสียงดัง
“ถ้าไม่กอดเอวก็ลงไป นั่งสองแถวหรือไม่ก็แท็กซี่ตามเข้าไปเอง” ยามา อยากจะร้องกรี๊ดๆ แต่หล่อนแค่อยาก...เพราะในชีวิตจริงยังไม่เคยทำ ถ้ากรี๊ดใส่หูไอ้เชนมันจะหูหนวกไหมนะ น่าลองดูสักที หลังจากฮึดฮัดเล่นท่าอยู่สองนาที (เล่นตัวพอเป็นพิธีอย่าให้มันนานเกินไปเดี๋ยวจะน่ารำคาญ) ยามาก็ยอมกอดเอวคเชนทร์แต่โดยดี หล่อนก้มหน้างุดกับหลังเขา นี่ถ้าใครมาเห็นเข้าขายหน้าตายเลยไอ้ปลาทูเอ้ย!
สนามแข่งไก่เป็นลานโล่งๆ อยู่ในสวน จึงไม่ร้อนเพราะมีร่มไม้ให้ยืนดู ลานแข่งมีคอนเรียงรายหลายแถวสำหรับไก่ยืนได้เป็นสิบๆ ตัว ตอนนี้คนกำลังเข้าไปลงทะเบียน ยามาเห็นแล้ว พริมากำลังยืนลงทะเบียนอยู่...ไอ้ขี้เก๊กยืนกอดอกอยู่ข้างๆ หนอย! ลงรถมอเตอร์ไซค์หล่อนตรงดิ่งไปหาเพื่อนทันที นพคุณเห็นแล้วเพื่อนพริมากำลังจ้ำพรวดๆ เดินมาอย่างมีอารมณ์ แต่เขาไม่สน จัดการกับยามาไม่ยาก ถ้าหล่อนด่าหรือว่ามาก็เฉยเสีย อย่าไปทะเลาะด้วย เดี๋ยวเหนื่อยเจ้าหล่อนก็เลิกไปเอง
“นี่!” ยามากำลังจะแหวใส่แต่คเชนทร์เดินมาลากคอหล่อนเสียก่อน
“ไปหาพ่อกัน โน่นยืนอุ้มไก่อยู่โน่น” ยามาโดนลากไปแล้ว งานนี้ นพคุณต้องขอบคุณไอ้หน้าหมาเพราะมันเข้ามาช่วยเขาอย่างเฉียดฉิว การแข่งไก่แบ่งเป็นคู่ๆ โดยกรรมการจะนับจำนวนครั้งการขัน...ถ้าตัวไหนขันมากกว่าอีกตัวก็จะชนะเข้ารอบไป โดยกรรมการเองก็มีหลายคน คนหนึ่งจะรับผิดชอบไก่หนึ่งคู่ มีกะลามะพร้าวเจาะรูวางบนโถใส่น้ำเป็นนาฬิกาจับเวลา แต่ละคนที่นำไก่มาแข่งขันกันในวันนี้ก็มีเทคนิคเฉพาะตัว นพคุณเห็นเด็กผู้ชายอายุสักประมาณ 7 – 8 ขวบ เอาไก่ใส่ถุงผ้า บ้างก็ใช้ผ้าขาวม้ามาทำเป็นกระเป๋าห่อตัวไก่เอาไว้ ของพริมาเองก็มีกระเป๋าใส่ไก่เหมือนกัน ภารดีสั่งซื้อให้ลูกสาวไว้หลายสิบใบแต่ละใบมีสีไม่ซ้ำกัน แต่วันนี้หล่อนใช้กระเป๋าใส่ไก่ที่ยามาตัดมาให้ใส่นพคุณของหล่อนมาขึ้นสังเวียน กระเป๋าไก่ลายพรางสีชมพู สังเกตเอาจากคนแถวนั้นพวกเขาบอกว่าเอาไก่ใส่กระเป๋าแล้วปิดให้มิดชิด...มืดสนิท
“หลอกมันไง ให้มันนึกว่ามืดอยู่ พอเอาออกมาจากกระเป๋ามันเห็นแสงสว่างก็จะขัน เพราะนึกว่าเช้าแล้วไงล่ะ” คุณลุงคนหนึ่งอธิบายให้ฟังเพราะเห็นว่ามีคนสนใจ นพคุณยังสงสัยว่าเทคนิคนี้จะใช้ได้จริงหรือ? แต่เจ้าของไก่ทั้งหลายก็เอาไก่ใส่กระเป๋ากันหลายคน (รวมทั้งพริมาด้วย) พริมาก้มลงมองกระเป๋าไก่ที่หล่อนใส่ไก่มาอย่างมีความหวัง หล่อนใส่เพราะนพคุณชอบ มันจะหลับและนิ่งเมื่ออยู่ในกระเป๋า แต่ถ้าทำให้มันขันเยอะขึ้นได้จริงก็จะดีมากๆ เลย
“พี่คุณ...ลูกแก้วตื่นเต้นจังค่ะ พี่คุณว่านพคุณจะตื่นเต้นไม๊?” ชายหนุ่ม ยิ้มขำกับคำถามของสาวน้อย เขาไม่ตื่นเต้นหรอก แต่ไอ้ไก่นั่นเขาไม่แน่ใจ ร้อยวันพันปีมันไม่เคยออกจากบ้านมาเจอคนเยอะขนาดนี้ เขาก็อยากจะเห็นหน้ามันเหมือนกันว่าตอนที่แม่มันควักมันออกมาจากถุงผ้านั่นมันจะทำหน้ายังไง...เอ๊ะ! แต่ไก่มันก็มีหน้าเดียวไหมนะ รอบแรกเริ่มแข่งกันแล้ว...ไก่แจ้พริมา ยังไม่ได้แข่งรอบนี้ พวกเขาไปยืนดูลุงเจริญ ที่กำลังเชียร์ไก่ของตัวเองให้ขันแข่งกับคู่แข่ง
“เอ้าๆๆๆๆๆ เร็วๆๆๆๆๆๆ” ลุงเจริญตะโกนเชียร์ไก่ตัวเองเสียงดัง พริมายืนมองคนอื่นๆ ที่เชียร์ไก่ของตัวเองด้วยเทคนิคเฉพาะตัวที่เจ้าของกับไก่ฝึกมาด้วยกัน แต่ละคนมีเสียงเชียร์ที่ต่างกัน บางคนตะโกนบางคนก็ปรบมือและโห่เสียงดัง...แล้วแต่ว่าฝึกกันมาอย่างไร มันคงจะขันเพราะจำเสียงเจ้าของได้มากกว่านพคุณวิเคราะห์จากไก่ที่ขันอยู่รอบๆ หรือไม่ก็เห็นเพื่อนขันก็เลยขันบ้าง ถึงรอบของพริมาแล้ว ระหว่างรอนกหวีดบอกเวลาเริ่ม นพคุณเห็นพริมาเหงื่อแตก...หล่อนคงนึกได้แล้วสินะ ว่าแข่งไก่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และไอ้ที่มีความหวังว่าจะเข้ารอบและคิดไกลไปถึงได้ถ้วยรางวัลนั้น ก็ดูจะเกินจริงไปสักหน่อย พริมาควักเจ้าไก่นพคุณออกมาจากกระเป๋า มันดิ้นเล็กน้อยเหมือนโดนขัดใจเพราะกำลังหลับสบาย พริมาคล้องโซ่เล็กๆ ที่ขาของมันและเกี่ยวไว้กับคอนกันมันบินหรือหนีไปที่อื่น ไก่แจ้พริมามองไปรอบๆ นพคุณมองอยู่ถ้ามันเป็นคนคงกำลังงัวเงียเมาขี้ตาสินะ พริมาพลาดแล้ว ความจริงน่าจะเอาไอ้ไก่ผีออกมาจากกระเป๋าก่อนเวลาเสียหน่อย ไม่ใช่เอาออกมาตอนที่จะแข่งแล้วแบบนี้
“นพคุณ!” พริมาตะโกนเรียกไก่ของตัวเอง เพราะหล่อนต้องอยู่ห่างออกมาหลังเชือกที่กั้นไว้ระหว่างเจ้าของกับไก่ เจ้าของจะเข้าไปใกล้ไก่ของตัวเองไม่ได้ในระหว่างแข่งขัน ทำได้เพียงส่งเสียงหรือไปยืนตรงจุดไหนก็ได้ให้มันเห็น แต่ต้องยืนหลังเชือกแดงที่กั้นไว้
“นพคุณ!” ยามาช่วยตะโกนเรียกด้วย หล่อนหายไปดูลุงเจริญที่แข่งไปก่อนแล้ว และดูเหมือนอารมณ์แม่สาวร่างสูงจะดีขึ้นมาก คเชนทร์ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ นพคุณเห็นไก่แจ้พริมาเอียงคอมองไปรอบๆ มันหันไปมองตามเสียงเรียก แต่ก็แค่มองเฉยๆ เสียงนกหวีดดังบอกเวลาเริ่มแข่งได้ แต่นพคุณไก่หันหลังหนีเจ้าของเสียแล้ว
“โธ่...นพคุณ!” พริมาหมดแรง นอกจากไม่ขันสักแอะมันยังหันหน้าหนีอีกต่างหาก
“มันน่าเตะตูดนัก” ยามาทั้งขำทั้งสงสาร...หล่อนขำไก่และสงสารเพื่อน พริมาพยายามตะโกนเรียก ทั้งเรียกทั้งตบมือเสียงดังแต่เจ้าไก่แจ้ดูเหมือนจะไม่สนใจ...นพคุณมองนิ่งเขานึกอะไรบางอย่างได้...จุดอ่อนของไอ้ไก่ผี!
“ว้าย!” พริมาอุทานเสียงดัง จู่ๆ นพคุณก็กระชากหล่อนจากตรงที่ยืนเรียกไก่อยู่...ลอยมาจนประจันหน้ากับเขา เด็กสาวตาเหลือกคุณชายใหญ่เป็นอะไรนะ?
“ทำไมดื้อนัก...ตีให้ตายเลยดีไหม?” นพคุณตวาดลั่น เสียงเขาทำเอาคนแถวนั้นรวมถึงคู่แข่งหยุดกิจกรรมหันมามองเขาพร้อมกันเป็นตาเดียว ยามาตั้งท่าจะเข้าไปขวาง แต่คเชนทร์ทียืนยิ้มดูอยู่คว้าเอวหล่อนไว้ทัน แล้วหิ้วเดินออกไปดูอยู่ห่างๆ
“ปล่อยนะเว้ยไอ้เชน! ไม่เห็นหรือไงไอ้คุณชายใหญ่เหวี่ยงอีกแล้ว” ยามาดิ้นแต่สู้แรงไอ้หมีไม่ได้
“พูดก็ไม่รู้เรื่องสั่งอะไรก็ไม่เคยทำตาม ดื้อตาใส...ไม่ต้องมามองตาแป๋วแบบนี้เลย ตีโชว์คนตรงนี้เลยดีไหม?” นพคุณเขย่าพริมาไปด้วยและส่งเสียงตำหนิหล่อนไปด้วย เสียงดังกว่าเวลาเขาว่าหล่อนที่บ้านหลายเท่า และมันได้ผลไอ้ไก่ผีหันมาแล้ว ตอนนี้มันขยับปีก นพคุณเหลือบมองในกะลามีน้ำไปเกือบครึ่งแล้ว...เขาต้องรีบ เขายังยืนว่าพริมาอยู่อย่างนั้น สาวน้อยคิดตามไม่ทัน ตอนนี้หล่อนเริ่มมีน้ำตาคลอ ไม่นานเลยสาวน้อยร้องไห้ออกมา...ได้ผล!!! นพคุณไก่ที่ยืนอยู่บนคอนส่งเสียงกรีดร้องจนไก่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ผงะตกใจ มันทั้งหวีดทั้งขันจนกรรมการไม่รู้จะนับอันไหน ยามาหยุดดิ้นแล้ว โอ้โหสุดยอด! ไอ้ขี้เก๊กฉลาดล้ำ....แต่ดูเหมือนพริมาจะยังรับไม่ทันหล่อนยังยืนร้องไห้อยู่ ปล่อยให้ร้องไห้ไปก่อนนะลูกแก้ว โทษที...มันได้ผล เสียงนกหวีดบอกว่าหมดเวลาและไก่แจ้ของพริมาเข้ารอบ!
“ฮู่...” นพคุณผ่อนลมหายใจ เขาหอบเพราะออกแรงตะโกนเสียงดังไปเมื่อครู่ ตลอดชีวิตยังไม่เคยมายืนตะโกนด่าใครแบบนี้มาก่อน...แถมต่อหน้าคนนับร้อย หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าที่เขาวีนและเหวี่ยงใส่สาวน้อยน่ารักที่ยืนอยู่ข้างหน้านี้เพราะอะไร แต่ดูเหมือนสาวน้อยจะยังไม่เข้าใจ ตอนนี้พริมายังยืนสะอื้นอยู่ นพคุณดึงพริมาที่ยังยืนร้องไห้อยู่มากอด เขายิ้มดีใจที่ไก่ผีนั่นเข้ารอบ...แต่ก็อดสงสารแม่ของเจ้าไก่ผีนั่นไม่ได้
“ลูกแก้ว หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไก่เข้ารอบแล้ว” นพคุณกระซิบบอก ยามายืนตาค้าง...ไอ้ขี้เก๊กกอดเพื่อนหล่อน กอดต่อหน้าคนเยอะแยะเลยด้วย เพื่อนรักพริมาหันรีหันขวาง คนเยอะแยะแบบนี้มีเด็กโรงเรียนเดียวกันบ้างหรือเปล่านะ
“นพคุณเข้ารอบเหรอคะ?” พริมาช้อนตาขึ้นมามอง หยาดน้ำตายังชุ่มอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลอมเขียวคู่สวย นพคุณหัวใจกระตุกวาบพริมามองเขาแบบนี้ไม่ดีเลย หัวใจเขามันเต้นจนจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว
“ไอ้หนุ่มนี่เทคนิคดีนะ เดี๋ยวลุงเอาไปซ้อมที่บ้านบ้าง...ทำเนียนด่าเมียด้วย มีแต่ได้กับได้ ฮ่าๆๆ” ลุงคนหนึ่งที่ยืนดูอยู่ตั้งแต่แรกพูดขึ้น เพราะเทคนิคของนพคุณทำให้ไก่แจ้พริมาขันและกรีดร้องจนนับออกมาได้มากที่สุดในจำนวนการขันของไก่ทั้งหมด
“พี่คุณ...” พริมาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอยู่ๆ นพคุณถึงว่าหล่อนเสียงดังแบบนั้น นพคุณหัวเราะ ยัยเพี้ยนหัวช้าตลอดแต่ก็น่ารักชะมัด พริมายิ้มเขิน หล่อนไม่เคยได้ยินเสียงนพคุณหัวเราะแบบนี้มาก่อน
“ลูกแก้วทำเสื้อพี่คุณเปื้อน...” สาวน้อยแก้เขินด้วยการก้มหน้าแล้วชี้ให้เด็กหนุ่มดูรอยคราบน้ำตา (ดูดีๆ มีขี้มูกด้วยนะ) ที่เลอะอยู่บนเสื้อเขา มันเลอะเมื่อกี้ตอนที่เขากอดหล่อน ใช่นพคุณกอดหล่อนต่อหน้าคนตั้งเยอะแยะ คิดมาถึงตรงนี้แก้มพริมาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“โอ้ว! สงสัยงานนี้จะแพ้ไอ้ไก่ม้ามืดซะแล้ว” ลุงเจริญเดินหัวเราะ มาแต่ไกล เขาเห็นแล้วไก่แจ้พริมาขันเก่ง ถ้าเป็นนักร้องมันคงเป็นนักร้อง สายแร๊พ...ในขณะที่ไก่ของลุงแค่ขันเบาๆ สบายๆ สไตล์ลูกกรุง และ
เป็นจริงดั่งคำลุงเจริญ นพคุณ (ไก่) ชนะได้รางวัลไปอย่างขาดลอย จากไก่กลายร่างเป็นม้า...ม้ามืดที่ใครก็คิดไม่ถึง พริมาไปรับถ้วยแล้ววิ่งยิ้ม ดีใจมาหานพคุณที่ยืนยิ้มดูอยู่เช่นกัน ตอนนี้ไก่แจ้พริมาลงกระเป๋าไปแล้ว ก่อนลงกระเป๋ามันส่งสายตาอาฆาตมาให้เขาหลายตลบทีเดียว
“พี่คุณ! ลูกแก้วได้ถ้วยรางวัลด้วยค่ะ มีเงินด้วยนะ” สาวน้อยวิ่งเข้าไปกอดเขาแน่น นพคุณยืนตัวแข็ง คนแถวนั้นหันมามองอีกแล้ว คราวนี้ ถ้าสังเกตให้ดี...ไอ้ขี้เก๊กแม้หน้าจะนิ่งแต่หูแดงไปทั้งแถบ พริมาดูจะไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของหล่อนทำเอาคนแถวนี้ไปไม่เป็น คเชนทร์เดินยิ้มมาแต่ไกล เขาเห็นทุกอย่าง
“เป็นไงลูกแก้ว แหม! มาครั้งแรกได้ถ้วยรางวัลเลยเหรอ พ่อพี่มาเป็นสิบครั้งแล้วไม่เห็นเคยได้อะไรเลย” คเชนทร์พูดไปก็รับถ้วยรางวัลมาจากมือพริมา เขาส่งยิ้มไปให้สาวน้อย หล่อนน่าจะดีใจมาก เพราะพริมาตั้งใจฝึกไก่มาหลายเดือนแล้ว
“ของพี่คุณค่ะ ถ้าไม่ได้พี่คุณวันนี้ลูกแก้วว่าไม่ได้เข้ารอบด้วยซ้ำ” พริมา ส่งซองเงินรางวัลให้นพคุณ สาวน้อยคิดไม่ถึงเหมือนกันว่านพคุณจะช่วยหล่อนจนได้เงินได้ถ้วยขนาดนี้ เพราะหลังจากเข้าใจกันแล้ว นพคุณต้องตะโกนแกล้งด่าพริมาอีกหลายรอบกว่าจะถึงรอบสุดท้ายและเอาชนะมาได้ ส่วนนพคุณ (ไก่) ก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน มันทั้งขันทั้งเกรี้ยวกราด พริมารู้ได้ในวันนี้ ว่าไก่แจ้ของหล่อนรักหล่อนมากเพียงใด ถ้าแปลเป็นภาษาคนได้มันคงด่า นพคุณไม่ยั้ง ด่าต่อเนื่อง...ยาวนาน
“พาไปเลี้ยงขนมก็แล้วกัน” นพคุณส่ายหน้าเขาไม่รับเงินจากพริมา
“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งปลาทู ระหว่างทางก็แวะกินขนมนะคะ” พริมา ชูซองเงินรางวัลยิ้มภูมิใจ รู้แล้วว่าหล่อนจะเอาเงินไปทำอะไรในวันนี้ พวกเขานัดแนะกันว่าจะไปร้านไหน คเชนทร์จะขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป ส่วนนพคุณกับ พริมาจะแวะเอาไก่แจ้ไปเก็บที่บ้านก่อน วันนี้มันทำงานดีและได้เวลาพักผ่อนแล้ว ระหว่างทางไปขึ้นพริมาและยามาเดินไปพร้อมกัน คเชนทร์เดินมาใกล้และก่อนที่สาวร่างสูงจะขึ้นรถ เขาคว้าตัวยามาลากไปขึ้นมอเตอร์ไซค์
“ไปด้วยกันสิจ๊ะ...เรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน” พริมายืนอ้าปากงง อยู่ว่าคเชนทร์กับยามาเล่นอะไรกัน แต่นพคุณเข้าใจสถานการณ์เขาเดินไปเปิดประตูฝั่งพริมาดันสาวน้อยเข้าไปนั่งและตัวเขาก็เข้าไปประจำที่ขับรถออกไปอย่างไว ทิ้งยามาที่ฮึดฮัดไว้ด้านหลัง
“ไอ้ขี้เก๊ก...แกอีกแล้วนะ!” ยามาตะโกนไล่หลังมา นพคุณเห็นจากกระจกหลัง เขากลั้นยิ้มแล้วขับรถหนีไปอย่างไว ระหว่างทางกลับบ้านพริมาแอบดูไก่ในกระเป๋าที่ตอนนี้มันเงียบเสียงไปแล้ว หล่อนเห็นมันหลับ สงสัยจะหมดแรง วันนี้มันทั้งขันทั้งกรีดร้องเสียงดังสุดๆ เสร็จจากส่องไก่ สาวน้อยก็มาพินิจพิจารณาถ้วยรางวัลในมือ พริมาภูมิใจอย่างสุดๆ
“ให้ถึงบ้านก่อนนะ ลูกแก้วจะอวดแม่อวดคุณลุง” พริมาหันไปยิ้มบอกนพคุณ
“คุณพ่อน่าจะดีใจนะ ฝึกด้วยกันมาตั้งนาน”
“ค่ะ! เสียดายจังวันนี้คุณลุงไม่ได้มาด้วย” นพคุณขับรถผ่านตลาดและกำลังจะผ่านดงกล้วยที่พริมามาวิ่งเล่นเมื่อสองสามปีก่อน เขายังจำได้ที่ยามาชี้ให้ดู รถแล่นผ่านทางโค้ง...แต่มันไม่ยอมโค้ง
“เอ๊ะ!” นพคุณอุทานเบาๆ เขาแตะเบรกเพื่อจะเลี้ยวรถ แต่มันไม่เบรค
“พี่คุณเป็นอะไรคะ?” พริมาหันไปมองอย่างตกใจ หล่อนเห็นแล้วว่ารถวิ่งแปลกๆ
“มันไม่เบรก...มันเบรกไม่ได้ ลูกแก้วรัดเข็มขัด” นพคุณหันไปบอก เขาตัดสินใจหักเลี้ยวสุดแรงเข้าไปในดงกล้วย อย่างน้อยต้นกล้วยก็ยังดีกว่าต้นไม้เนื้อแข็งอื่นหรือเสาไฟฟ้าเป็นไหนๆ โชคดีที่เขาขับรถมาไม่เร็ว พอรู้ตัวว่าเบรกไม่ได้ความเร็วจึงลดระดับมาไม่ถึง 40 แล้ว ตอนที่เขาเลี้ยวเข้าดงกล้วย รถเก๋งคันงามของภารดีเข้าไปจอดนิ่งสนิทในดงกล้วย...ดงกล้วยแห่งความทรงจำ นพคุณนึกในใจถ้าเขาถูกรางวัลที่หนึ่ง เขาจะมาขอซื้อที่ดินตรงนี้...เอาไว้ให้ พริมาวิ่งเล่น ส่วนเขาก็จะมาขับรถเล่นในนี้ เพราะดงกล้วยนี่แหละที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ คเชนทร์ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาทันเห็นเหตุการณ์พอดี เขาจอดมอเตอร์ไซค์และวิ่งตามลงไปอย่างตกใจสุดขีด ยามาตะโกนไล่หลังมา ตอนนี้หล่อนหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“ลูกแก้ว!!!” ยามาวิ่งไปถึงรถและแนบหน้าดูกับกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับ นพคุณเปิดประตูรถลงมา คเชนทร์วิ่งมาถึงแล้วเขายืนมองอยู่แต่ไอ้ขี้เก๊ก ไม่สนใจเขา นพคุณเดินไปเปิดประตูฝั่งพริมาและดึงสาวน้อยออกจากรถ มาสำรวจความเสียหาย เขาพลิกตัวพริมาอยู่หลายตลบและมีน้ำใจดูเลยไปถึงไก่แจ้ในกระเป๋าด้วย โชคดีที่นพคุณขับรถไม่เร็ว และเพราะดงกล้วย รถเก๋งคันงามของภารดีจึงไม่เสียหาย รวมถึงคนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงขับรถเข้ามาในนี้ล่ะ?” ยามาถามขึ้นเมื่อตั้งสติได้
“รถเบรกไม่ได้” นพคุณตอบพร้อมกับก้มไปดูที่คันเบรก เขาเคยเห็นในทีวีว่าบางทีก็มีของ...ขวดน้ำ รองเท้า หรืออะไรก็ตามไปขัดอยู่ทำให้รถเบรกไม่ได้ แต่กรณีนี้ไม่มีเลย
“ตอนขามาก็ปกติดีนี่นา...แปลก” ยามายืนฟังเงียบๆ รถคันนี้เป็นของภารดี และมันก็ยังใหม่มาก เพื่อนพริมามีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที หล่อนกดโทรศัพท์หาใครบางคน
“ค่ะพี่พิมพ์....” ยามาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ภารดีฟัง และยังยืนคุยอะไรกันอีกนาน แต่คนอื่นไม่ได้ยินเพราะแม่สาวร่างสูงเลี่ยงเดินออกไปคุยโทรศัพท์ในที่ที่ห่างออกไป คเชนทร์มองตามเขาหันไปกดโทรศัพท์บ้าง
“ครับพ่อ...” พริมาที่นั่งมองอยู่รู้ทันที...คเชนทร์โทรหาลุงเจริญ
“ลูกแก้ว...เป็นไงบ้าง?” นพคุณถามเสียงอ่อนโยน เหตุการณ์เมื่อกี้เขารู้ทันทีว่าเขาห่วงแม่สาวข้างตัวมากแค่ไหน ถ้ารถไปชนกับรถคันอื่น ตกคู ตกคลอง ชนไม้ใหญ่ หรือชนเสาไฟฟ้า...เขาคิดไม่ออกเลยว่าทั้งเขา พริมา และไอ้ไก่ผีจะเป็นอย่างไรบ้าง
“ลูกแก้วไม่เป็นอะไรเลยค่ะ พี่คุณล่ะคะ?” คราวนี้สาวน้อยจับเขาพลิกไปมาบ้าง นพคุณรู้สึกได้ว่ามือหล่อนสั่น เด็กหนุ่มจึงจับมือสาวน้อยไว้บีบเบาๆ เพื่อปลอบใจ ทั้งสองยืนมองกันนิ่ง...ไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจ
“เดี๋ยวพ่อจะมายกรถให้ อู่แถวนี้ก็มีนะ ไม่ไกล” คเชนทร์เดินมาบอก เขาเหลือบเห็นแล้วนพคุณกับพริมายืนจับมือกัน และเขาเข้าใจสถานการณ์ดี...เวลานี้ไม่ใช่เวลามาล้อ แต่ก็อดหมั่นไส้นิดหนึ่งไม่ได้ วันนี้หลายรอบแล้วนะไอ้ขี้เก๊ก...เดี๋ยวก็กอด...เดี๋ยวก็จับมือ
“บอกพี่พิมพ์กับคุณลุงแล้ว...กำลังมา” ยามาก็ตาไวเหมือนกัน แต่หล่อนก็เหมือนคเชนทร์ ตอนนี้ไม่ใช่เวลา....พวกเด็กๆ นั่งรออยู่ในดงกล้วย คเชนทร์ที่ตอนนี้หายตกใจแล้วเดินไปดึงกล้วยมาเกือบจะเป็นหวี (จะดึงมาทั้งหวีแต่มันขาดมาไม่ครบ) แล้วส่งให้เพื่อนๆ กินระหว่างที่นั่งรอรถยกของลุงเจริญ
“กินกล้วยแทนขนมไปก่อนแล้วกันนะ เอาให้นพคุณด้วยพี่ว่ามันหิวแล้ว” คเชนทร์ส่งกล้วยให้พริมา เพื่อให้หล่อนเอากล้วยให้ไก่กินไปก่อนระหว่างรอกลับบ้าน พวกเขากินกล้วยจนหมด (เอาเข้าจริงก็หิวเหมือนกันแฮะ) ส่วนน้ำในรถภารดีมีอยู่หลายขวด พริมาแจกน้ำให้ทุกคน หล่อนจัดการให้ทั้งน้ำคนน้ำไก่ “ค่อยยังชั่วหน่อย...กล้วยมันอร่อยที่สุดก็วันนี้เลย” ยามาเอนตัวพิงต้นกล้วย
“พ่อมาแล้ว” คเชนทร์ร้องบอก พร้อมตะโกนเรียกพ่อให้รู้ว่าพวกเขานั่งรออยู่ตรงนี้ ลุงเจริญยืนคุมรถยกมายกรถภารดีไปอู่ นพคุณรับนามบัตรและคุยรายละเอียดไว้เรียบร้อยจึงแยกย้าย รถไปเข้าอู่ ส่วนคนลุงเจริญอาสาพาไปส่ง “จะกลับบ้านเลยไม๊? ให้พ่อไปส่งไอ้คุณกับลูกแก้ว” คเชนทร์หันไปถามยามา
“ก็ได้” ยามาตอบรับง่ายๆ หล่อนขี้เกียจเล่นท่าแล้ววันนี้...หมดอารมณ์ เป็นอันว่าคเชนทร์ไปส่งยามา ส่วนลุงเจริญไปส่งพริมากับนพคุณที่บ้าน นพคุณแปลกใจที่ยามายอมให้คเชนทร์ไปส่งแต่โดยดี หล่อนคงคิดแล้ว ถ้ากลับไปบ้านเขา เดี๋ยวภารดีหรือไม่ก็พ่อเขาต้องออกไปส่งหล่อนอีกรอบ
“เจอกันนะลูกแก้ว ยังไงก็รอกินฟรีอยู่นะ” ยามาหันไปยิ้มให้เพื่อน พริมาโชคดีเท่าไหร่แล้ว ที่วันนี้รถหลบเข้ามาในดงกล้วย...ไอ้ขี้เก๊กเอาเข้าจริงเขามีสติที่สุด เขาเลือกเลี้ยวเข้าดงกล้วยได้ทันเวลา หล่อนนึกภาพไม่ออกเลย ถ้ามันไปชนกับรถคันอื่นจะเป็นยังไง หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็อาจจะเป็นภารดีที่ขับรถคันนี้ออกไปชน คิดแล้วก็ใจหายวันนี้ถือว่าโชคดีมากทีเดียว ตลอดทางที่คเชนทร์ไปส่งยามาที่บ้านหล่อนนั่งเงียบไปตลอดทาง นอกจากบอกทางให้ ไอ้หน้าหมีแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก วันนี้ยามายอมกอดเอวคเชนทร์แต่โดยดี คเชนทร์รู้สึกได้หัวยามาซบนิ่งอยู่กลางหลังของเขา...ยัยปลาทูคงจะตกใจ ไม่น้อยสินะ เขาเข้าใจ...ขนาดพวกพริมาไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ภาพที่เห็นวันนี้ก็น่ากลัวอยู่ดี ถ้าไม่มีดงกล้วยไม่รู้ป่านนี้สองคนนั่น (กับไก่อีกหนึ่ง) จะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าต้องเห็นเพื่อนเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตายัยปลาทูคงจะติดตาและฝังใจไปอีกนานแน่ๆ
“มันก็ขันเยอะกว่าเมื่อก่อนนะคะคุณลุง แต่ลูกแก้วเห็นที่สนามแข่งบางตัวมันขันเยอะกว่านี้” พริมารายงานผลให้พ่อเลี้ยงฟังว่าที่หล่อนไปดูงานมามันต้องเอามาฝึกอะไรบ้าง
“จะหลอกล่อมันยังไงดี ลูกแก้วลองดูแล้ว มันก็ขันบ้างไม่ขันบ้างแล้วแต่อารมณ์” เด็กสาวบอกอย่างเป็นกังวล เพราะไปสนามแข่งรอบนี้ หล่อนจะให้นพคุณเข้าสังเวียนไปแข่ง (ขัน) ในสนามจริง คิดแล้วก็นึกถึง ยานกเขาขัน...ถ้ามันใช้กับไก่ได้ก็คงดี
“แต่ถ้าเรากดดันเกินไป ลุงว่าจากที่มันจะขันเยอะ ๆ จะกลายเป็นไม่ขันนะ” คุณนพรักษ์ออกความเห็นเพราะดูแล้วไก่แจ้ของพริมาน่าจะเป็นไก่ติสท์แตกอยู่ไม่น้อย
“นั่นสิคะ...แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันไม่ขันก็ไม่เป็นไร ลูกแก้วแค่อยากให้นพคุณออกไปเจอไก่ตัวอื่นบ้าง แต่ถ้ามันขันเยอะและได้รางวัลมาก็ดี งั้นแล้วแต่มันก็แล้วกันค่ะ ไปแข่งเล่นๆ ขำๆ” พริมาตัดสินใจได้แล้ว หล่อนจะไม่บังคับให้ไก่รักของหล่อนทำสิ่งที่มันไม่อยากทำ หล่อนแค่อยากให้ มันออกไปข้างนอก ไปเปิดหูเปิดตา ระหว่างที่คิดหาทาง (แบบไม่บังคับ) เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น
“ปลาทูแน่เลย” พริมาหันไปบอกคุณนพรักษ์แล้ววิ่งหายไปทางหน้าบ้าน พริมาวิ่งไปถึงหน้าบ้านก็เห็นเพื่อนเกาะรั้วยืนยิ้มอยู่แล้ว ยามาส่งยิ้มสวย ให้เพื่อนรัก และชูของในมือที่หล่อนถือมาให้พริมาดู
“เสร็จพอดีพร้อมออกงานนะไอ้นพคุณ” สาวร่างสูงส่งกระเป๋าใส่ไก่ ที่หล่อนเป็นคนตัดเองกับมือให้พริมา มันเป็นกระเป๋าลายพรางสีชมพู ลายพรางน่ะของไก่ แต่สีชมพูน่ะของเจ้าของ พบกันครึ่งทางนะ
“สวยจังเลย ปลาทูเก่งจัง” พริมายิ้มชอบใจ หล่อนขอให้ยามาตัดกระเป๋าให้ ไม่กี่วันเพื่อนรักหล่อนก็เอากระเป๋ามาให้ มันเสร็จทันวันแข่งพอดี
“มันยากก็ตอนตัดแพทเทริน์นั่นแหละ แต่พอได้ส่วนประกอบครบตัดเย็บก็ไม่ยากเท่าไหร่” ช่วงหลังๆ มานี่หล่อนเริ่มตัดเสื้อใส่เอง
“อุตส่าห์ไปเรียนมาก็ต้องเอามาใช้ประโยชน์สิ” ยามาเล่าพร้อมอวดเสื้อตัวสวยที่หล่อนเป็นคนออกแบบและตัดใส่เองให้พริมาดู
“วันหลังปลาทูตัดชุดให้ลูกแก้วกับแม่บ้างนะ สวยจังลูกแก้วชอบ” พริมา ชมชุดที่เพื่อนใส่มาวันนี้ ยามาออกแบบมาได้เหมาะกับตัวเอง...ใส่แล้วดูดี ใครจะรู้ว่าแบบเสื้อสวยๆ ผ้าสวยๆ ราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย เพราะยามาจ่ายแค่ค่าผ้าเท่านั้น ที่เหลือหล่อนทำเองทั้งหมด
“เดี๋ยวพี่ตุลย์ก็มาแล้ว เมื่อกี้ลูกแก้วอ่านไลน์ บอกว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ปลาทูหิวรึเปล่าไปกินข้าวก่อนได้นะ” พริมาเดินนำเพื่อนไปหลังบ้าน หล่อนจะลองเอานพคุณใส่กระเป๋า ดูว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน และต้องให้มันอยู่ในกระเป๋าตั้งแต่ตอนนี้เลย...มันจะได้ชิน ยามาเข้าครัวแล้วเปิดหาข้าวกินเอง หล่อนรู้ทุกซอกทุกมุมในบ้านนี้พอๆ กับพริมา เรียกได้ว่าอยู่บ้านนี้มาพร้อมๆ กันก็ว่าได้ วันนี้พริมาทำข้าวต้มหมูเหมือนเดิมและได้ลูกมือกิตติมศักดิ์คือคุณนพรักษ์นั่นเอง
“ข้าวต้มอร่อยจัง...ฝีมือคุณลุงเหรอคะ?” ยามายิ้มถามในมือก็ถือชามยืนมองมาจากประตูหลังบ้าน คุณนพรักษ์กับพริมากำลังจัดแจงใส่ไก่ให้เข้าที่ในกระเป๋า
“ฝีมือลุง 30 ลูกแก้ว 70” คุณนพรักษ์ตอบยิ้มๆ วันนี้พริมาสอนเขา ทำข้าวต้มหมู เขายืนดูและเห็นแล้วว่ามันไม่ยากเลย
“พี่พิมพ์ไม่กลับบ้านเหรอคะ เมื่อวานปลาทูไปที่ตลาดเห็นบอกว่าเมื่อคืนนอนที่บ้านโน้น” ยามากินข้าวต้มหมดไปแล้วรอบหนึ่ง กำลังจะต่อรอบสอง
“ใช่จ๊ะ...เดี๋ยวสายๆ ลุงก็จะออกไปรับ วันนี้ไม่น่าจะกลับมืดนะ และพรุ่งนี้เห็นคุณพิมพ์บอกว่าจะหยุดไม่ได้เข้าไปที่ตลาด ดีเหมือนกันพรุ่งนี้วันอาทิตย์ไม่ได้หยุดมาหลายวันอาทิตย์แล้วนะ ลุงอยากให้คุณพิมพ์พักบ้าง” ยามาพยักหน้า หล่อนเข้าไปช่วยภารดีทำงานเมื่อวาน เพื่อขอหยุดในวันนี้ แต่ก็มีงานบางส่วนที่หล่อนเอากลับมาทำที่บ้าน ดูจากงานที่สะสมไว้...น่าจะต้องใช้เวลาเคลียร์อีกนาน
“พี่เมษ์...เอ้อ...พี่ของตุลย์น่ะค่ะ ปลาทูรู้มาว่าพี่เมษ์จบบัญชี ถ้าพี่พิมพ์อยากให้เสร็จเร็วๆ ปลาทูว่าเราต้องหาคนช่วยมากกว่านี้ และต้องเป็นคนที่ชำนาญ ยิ่งเป็นผู้สอบบัญชีได้ยิ่งดี” คุณนพรักษ์ยิ้ม ภารดีกับพริมาโชคดี...พวกหล่อนได้ผู้ช่วยและเพื่อนที่แสนดี เสียงรถบีบแตรที่หน้าบ้าน การสนทนาจึงต้องหยุดลง พริมาทำหน้าที่เหมือนเดิม หล่อนวิ่งไปเปิดประตูรั้ว
“พี่ตุลย์...มาแล้วเหรอคะ” พริมายิ้มสดใสให้หนุ่มบิ๊กไบค์ เขาจอดรถไว้หน้าบ้านไม่ได้เอามาจอดในบ้าน
“ไปกันยัง? เดี๋ยวไปไหว้คุณลุงก่อนนะ” คเชนทร์เดินเข้าบ้าน เขาเดินยิ้มมองบ้านนพคุณ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเขาจะเข้าออกบ้านหลังนี้บ่อยๆ และไม่ใช่ในฐานะเพื่อนเก่าของนพคุณด้วย แต่เป็นเพื่อนของพริมา! (บางทีก็มาในฐานะเพื่อนภารดี)
“คุณลุงครับบบบบ” คเชนทร์ส่งเสียงไปก่อนที่ตัวจะไปถึงเสียอีก เขาเดินผ่านครัวเห็นเพื่อนรักพริมาล้างจานอยู่ หล่อนช่างมีน้ำใจส่งสายตาขวางๆ ให้เขาที่กำลังเดินเข้ามา
“ไงจ๊ะ! น้องปลาทู...ไหม้” คเชนทร์ส่งยิ้มทรงเสน่ห์ที่สาวๆ หลายคนหลงใหลกลับไปให้...ขวางมาเท่าไหร่ก็กวนประสาทกลับไปเท่านั้น จะได้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย ยามาเบะปาก...หล่อตายชัก!
“คุณลุงไม่ไปด้วยกันเหรอครับ?” คเชนทร์ทักขึ้นหลังจากยกมือไหว้ ผู้สูงวัย คุณนพรักษ์ยิ้มและรับไหว้ เขามองพวกเด็กๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนบ้านเขาจะคึกคักมีคนเยอะแบบนี้ไหมหนอ นพคุณมีเพื่อนไม่มากและเขาไม่ค่อยชวนเพื่อนมาที่บ้าน รวมถึงไม่ไปบ้านเพื่อนด้วย นอกจากจะไปเจอกันที่เรียนพิเศษเท่านั้น แต่ตอนนี้บ้านเขามีเด็กวัยรุ่นอยู่เต็มบ้าน หายเหงาดีเหมือนกัน
“วันนี้ลุงขอตัวนะ แต่คราวหน้าไปแน่ๆ พาคุณพิมพ์ไปด้วย”
“พร้อมรึยังนพคุณ?” คเชนทร์ก้มลงมองไก่แจ้พริมา ที่ตอนนี้นอนหลับอยู่ในกระเป๋า มันลืมตามามองเขานิดเดียวและหลับตานอนต่อ
“ไปค่ะ ลูกแก้วพร้อมแล้ว นพคุณก็พร้อม” สาวน้อยกระชับกระเป๋าแทนคำยืนยัน วันนี้หล่อนจะพานพคุณขึ้นสังเวียน พวกเขาไหว้ลาคุณนพรักษ์ และพากันเดินไปหน้าบ้าน
“เดี๋ยวนายขี่รถนำไปนะ ฉันกับลูกแก้วจะนั่งแท็กซี่ตามไป” ยามาที่กำลังเดินไปจะปิดประตูรั้วหันไปบอก
“อะไร? ก็ไปพร้อมกันสิ ซ้อนสามนี่แหละจะไปนั่งรถแท๊กซี่ทำไมเสียเวลา” คเชนทร์ขมวดคิ้ว ยัยปลาทูเรื่องมากอีกแล้ว
“จะซ้อนไปได้ยังไง...มันแน่น” ยามาเริ่มเท้าเอว
“มันจะแน่นยังไง มีแต่ตัวผอมๆ นั่งซ้อนไปนี่แหละ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงแล้ว อย่าเรื่องมากน่า” คเชนทร์ส่ายหัวและสีหน้าท่าทางแบบนั้นทำให้ยามายิ่ง “ขึ้น” หล่อนมองมอเตอร์ไซค์ จะนั่งยังไง? ให้พริมานั่งกลางหรือหล่อนนั่งกลาง แต่มันแน่นแบบนี้มันเบียด...ใกล้เกินไป ไอ้เชนมันก็พูดได้สิยังไงมันก็ได้ เปรียบอยู่แล้ว
“ก็ถ้าน้องปลาทูอยากไปแท็กซี่ก็นั่งไปคนเดียวนะ ลูกแก้วไปกับพี่” คเชนทร์ท้าทาย เขาอยากรู้เพื่อนพริมาจะว่าอย่างไรต่อ
“ตอนแรกพี่นัดลูกแก้วไว้สองคน ใครจะไปนึกล่ะว่าน้องปลาทูจะไปด้วย” คเชนทร์กับยามายังเถียงกันอยู่อีกยาว พริมาได้แต่มองตาปริบๆ ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี ระหว่างที่ยามากับคเชนทร์กำลังเถียงกันอยู่นั้น นพคุณก็เดินออกมาจากบ้าน เขาลากพริมาขึ้นรถ วันนี้เขาใช้รถแม่เลี้ยงเพราะมันจอดว่างอยู่ สายๆ พ่อเขาจะไปรับแม่เลี้ยงที่ตลาด นพคุณจึงหันไปบอกพ่อว่าเขาจะขอใช้รถภารดีขับพาพริมาไปส่งที่ลานแข่งไก่ เสียงบีบแตรรถทำเอาสองหนุ่มสาว ที่ยืนลับฝีปากกันต้องหลบให้ เพราะอยู่ๆ รถที่จอดนิ่งสนิทก็ถอยออกมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“อ้าว! เฮ้ย! จะทิ้งกันแบบนี้เลยเหรอ?” ยามาตะโกนไล่หลัง นพคุณเปิดกระจกบอกคเชนทร์ให้ไปเจอกันที่ลานแข่งไก่ ไอ้หน้าหมาแค่เลิกคิ้วสงสัยที่อยู่ๆ ไอ้ขี้เก๊กก็เอารถออกพาพริมาไปสนามไก่ซะอย่างนั้น
“ไปๆ คราวนี้ก็นั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัดแล้วจ้า สองคนนั่นเขาไปกันแล้ว ถ้าน้องปลาทูอยากไปก็ต้องไปกับพี่ จะเอายังไง?” คราวนี้คเชนทร์เลียนแบบท่ายืนเท้าเอวของหล่อนได้เหมือนไม่มีผิด ยามาฮึดฮัดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คเชนทร์จึงยิ้มและเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รอ...สักพักก็มีแรงยวบตามมาจากเบาะหลัง ยามาขึ้นรถตามมาแต่โดยดี ให้ถึงสนามแข่งไก่ก่อนเถอะ ไอ้ขี้เก๊กโดนหล่อนด่าหูชาแน่
“กอดเอวด้วย” คเชนทร์สั่งเสียงเรียบ ยามายังนั่งเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้ หนุ่มบิ๊กไบค์จึงเร่งเครื่องจนคนนั่งข้างหลังแทบหล่นจากเบาะ
“นี่! ฉันเกือบตกไปแล้วนะ” ยามาแหวเสียงดัง
“ถ้าไม่กอดเอวก็ลงไป นั่งสองแถวหรือไม่ก็แท็กซี่ตามเข้าไปเอง” ยามา อยากจะร้องกรี๊ดๆ แต่หล่อนแค่อยาก...เพราะในชีวิตจริงยังไม่เคยทำ ถ้ากรี๊ดใส่หูไอ้เชนมันจะหูหนวกไหมนะ น่าลองดูสักที หลังจากฮึดฮัดเล่นท่าอยู่สองนาที (เล่นตัวพอเป็นพิธีอย่าให้มันนานเกินไปเดี๋ยวจะน่ารำคาญ) ยามาก็ยอมกอดเอวคเชนทร์แต่โดยดี หล่อนก้มหน้างุดกับหลังเขา นี่ถ้าใครมาเห็นเข้าขายหน้าตายเลยไอ้ปลาทูเอ้ย!
สนามแข่งไก่เป็นลานโล่งๆ อยู่ในสวน จึงไม่ร้อนเพราะมีร่มไม้ให้ยืนดู ลานแข่งมีคอนเรียงรายหลายแถวสำหรับไก่ยืนได้เป็นสิบๆ ตัว ตอนนี้คนกำลังเข้าไปลงทะเบียน ยามาเห็นแล้ว พริมากำลังยืนลงทะเบียนอยู่...ไอ้ขี้เก๊กยืนกอดอกอยู่ข้างๆ หนอย! ลงรถมอเตอร์ไซค์หล่อนตรงดิ่งไปหาเพื่อนทันที นพคุณเห็นแล้วเพื่อนพริมากำลังจ้ำพรวดๆ เดินมาอย่างมีอารมณ์ แต่เขาไม่สน จัดการกับยามาไม่ยาก ถ้าหล่อนด่าหรือว่ามาก็เฉยเสีย อย่าไปทะเลาะด้วย เดี๋ยวเหนื่อยเจ้าหล่อนก็เลิกไปเอง
“นี่!” ยามากำลังจะแหวใส่แต่คเชนทร์เดินมาลากคอหล่อนเสียก่อน
“ไปหาพ่อกัน โน่นยืนอุ้มไก่อยู่โน่น” ยามาโดนลากไปแล้ว งานนี้ นพคุณต้องขอบคุณไอ้หน้าหมาเพราะมันเข้ามาช่วยเขาอย่างเฉียดฉิว การแข่งไก่แบ่งเป็นคู่ๆ โดยกรรมการจะนับจำนวนครั้งการขัน...ถ้าตัวไหนขันมากกว่าอีกตัวก็จะชนะเข้ารอบไป โดยกรรมการเองก็มีหลายคน คนหนึ่งจะรับผิดชอบไก่หนึ่งคู่ มีกะลามะพร้าวเจาะรูวางบนโถใส่น้ำเป็นนาฬิกาจับเวลา แต่ละคนที่นำไก่มาแข่งขันกันในวันนี้ก็มีเทคนิคเฉพาะตัว นพคุณเห็นเด็กผู้ชายอายุสักประมาณ 7 – 8 ขวบ เอาไก่ใส่ถุงผ้า บ้างก็ใช้ผ้าขาวม้ามาทำเป็นกระเป๋าห่อตัวไก่เอาไว้ ของพริมาเองก็มีกระเป๋าใส่ไก่เหมือนกัน ภารดีสั่งซื้อให้ลูกสาวไว้หลายสิบใบแต่ละใบมีสีไม่ซ้ำกัน แต่วันนี้หล่อนใช้กระเป๋าใส่ไก่ที่ยามาตัดมาให้ใส่นพคุณของหล่อนมาขึ้นสังเวียน กระเป๋าไก่ลายพรางสีชมพู สังเกตเอาจากคนแถวนั้นพวกเขาบอกว่าเอาไก่ใส่กระเป๋าแล้วปิดให้มิดชิด...มืดสนิท
“หลอกมันไง ให้มันนึกว่ามืดอยู่ พอเอาออกมาจากกระเป๋ามันเห็นแสงสว่างก็จะขัน เพราะนึกว่าเช้าแล้วไงล่ะ” คุณลุงคนหนึ่งอธิบายให้ฟังเพราะเห็นว่ามีคนสนใจ นพคุณยังสงสัยว่าเทคนิคนี้จะใช้ได้จริงหรือ? แต่เจ้าของไก่ทั้งหลายก็เอาไก่ใส่กระเป๋ากันหลายคน (รวมทั้งพริมาด้วย) พริมาก้มลงมองกระเป๋าไก่ที่หล่อนใส่ไก่มาอย่างมีความหวัง หล่อนใส่เพราะนพคุณชอบ มันจะหลับและนิ่งเมื่ออยู่ในกระเป๋า แต่ถ้าทำให้มันขันเยอะขึ้นได้จริงก็จะดีมากๆ เลย
“พี่คุณ...ลูกแก้วตื่นเต้นจังค่ะ พี่คุณว่านพคุณจะตื่นเต้นไม๊?” ชายหนุ่ม ยิ้มขำกับคำถามของสาวน้อย เขาไม่ตื่นเต้นหรอก แต่ไอ้ไก่นั่นเขาไม่แน่ใจ ร้อยวันพันปีมันไม่เคยออกจากบ้านมาเจอคนเยอะขนาดนี้ เขาก็อยากจะเห็นหน้ามันเหมือนกันว่าตอนที่แม่มันควักมันออกมาจากถุงผ้านั่นมันจะทำหน้ายังไง...เอ๊ะ! แต่ไก่มันก็มีหน้าเดียวไหมนะ รอบแรกเริ่มแข่งกันแล้ว...ไก่แจ้พริมา ยังไม่ได้แข่งรอบนี้ พวกเขาไปยืนดูลุงเจริญ ที่กำลังเชียร์ไก่ของตัวเองให้ขันแข่งกับคู่แข่ง
“เอ้าๆๆๆๆๆ เร็วๆๆๆๆๆๆ” ลุงเจริญตะโกนเชียร์ไก่ตัวเองเสียงดัง พริมายืนมองคนอื่นๆ ที่เชียร์ไก่ของตัวเองด้วยเทคนิคเฉพาะตัวที่เจ้าของกับไก่ฝึกมาด้วยกัน แต่ละคนมีเสียงเชียร์ที่ต่างกัน บางคนตะโกนบางคนก็ปรบมือและโห่เสียงดัง...แล้วแต่ว่าฝึกกันมาอย่างไร มันคงจะขันเพราะจำเสียงเจ้าของได้มากกว่านพคุณวิเคราะห์จากไก่ที่ขันอยู่รอบๆ หรือไม่ก็เห็นเพื่อนขันก็เลยขันบ้าง ถึงรอบของพริมาแล้ว ระหว่างรอนกหวีดบอกเวลาเริ่ม นพคุณเห็นพริมาเหงื่อแตก...หล่อนคงนึกได้แล้วสินะ ว่าแข่งไก่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และไอ้ที่มีความหวังว่าจะเข้ารอบและคิดไกลไปถึงได้ถ้วยรางวัลนั้น ก็ดูจะเกินจริงไปสักหน่อย พริมาควักเจ้าไก่นพคุณออกมาจากกระเป๋า มันดิ้นเล็กน้อยเหมือนโดนขัดใจเพราะกำลังหลับสบาย พริมาคล้องโซ่เล็กๆ ที่ขาของมันและเกี่ยวไว้กับคอนกันมันบินหรือหนีไปที่อื่น ไก่แจ้พริมามองไปรอบๆ นพคุณมองอยู่ถ้ามันเป็นคนคงกำลังงัวเงียเมาขี้ตาสินะ พริมาพลาดแล้ว ความจริงน่าจะเอาไอ้ไก่ผีออกมาจากกระเป๋าก่อนเวลาเสียหน่อย ไม่ใช่เอาออกมาตอนที่จะแข่งแล้วแบบนี้
“นพคุณ!” พริมาตะโกนเรียกไก่ของตัวเอง เพราะหล่อนต้องอยู่ห่างออกมาหลังเชือกที่กั้นไว้ระหว่างเจ้าของกับไก่ เจ้าของจะเข้าไปใกล้ไก่ของตัวเองไม่ได้ในระหว่างแข่งขัน ทำได้เพียงส่งเสียงหรือไปยืนตรงจุดไหนก็ได้ให้มันเห็น แต่ต้องยืนหลังเชือกแดงที่กั้นไว้
“นพคุณ!” ยามาช่วยตะโกนเรียกด้วย หล่อนหายไปดูลุงเจริญที่แข่งไปก่อนแล้ว และดูเหมือนอารมณ์แม่สาวร่างสูงจะดีขึ้นมาก คเชนทร์ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ นพคุณเห็นไก่แจ้พริมาเอียงคอมองไปรอบๆ มันหันไปมองตามเสียงเรียก แต่ก็แค่มองเฉยๆ เสียงนกหวีดดังบอกเวลาเริ่มแข่งได้ แต่นพคุณไก่หันหลังหนีเจ้าของเสียแล้ว
“โธ่...นพคุณ!” พริมาหมดแรง นอกจากไม่ขันสักแอะมันยังหันหน้าหนีอีกต่างหาก
“มันน่าเตะตูดนัก” ยามาทั้งขำทั้งสงสาร...หล่อนขำไก่และสงสารเพื่อน พริมาพยายามตะโกนเรียก ทั้งเรียกทั้งตบมือเสียงดังแต่เจ้าไก่แจ้ดูเหมือนจะไม่สนใจ...นพคุณมองนิ่งเขานึกอะไรบางอย่างได้...จุดอ่อนของไอ้ไก่ผี!
“ว้าย!” พริมาอุทานเสียงดัง จู่ๆ นพคุณก็กระชากหล่อนจากตรงที่ยืนเรียกไก่อยู่...ลอยมาจนประจันหน้ากับเขา เด็กสาวตาเหลือกคุณชายใหญ่เป็นอะไรนะ?
“ทำไมดื้อนัก...ตีให้ตายเลยดีไหม?” นพคุณตวาดลั่น เสียงเขาทำเอาคนแถวนั้นรวมถึงคู่แข่งหยุดกิจกรรมหันมามองเขาพร้อมกันเป็นตาเดียว ยามาตั้งท่าจะเข้าไปขวาง แต่คเชนทร์ทียืนยิ้มดูอยู่คว้าเอวหล่อนไว้ทัน แล้วหิ้วเดินออกไปดูอยู่ห่างๆ
“ปล่อยนะเว้ยไอ้เชน! ไม่เห็นหรือไงไอ้คุณชายใหญ่เหวี่ยงอีกแล้ว” ยามาดิ้นแต่สู้แรงไอ้หมีไม่ได้
“พูดก็ไม่รู้เรื่องสั่งอะไรก็ไม่เคยทำตาม ดื้อตาใส...ไม่ต้องมามองตาแป๋วแบบนี้เลย ตีโชว์คนตรงนี้เลยดีไหม?” นพคุณเขย่าพริมาไปด้วยและส่งเสียงตำหนิหล่อนไปด้วย เสียงดังกว่าเวลาเขาว่าหล่อนที่บ้านหลายเท่า และมันได้ผลไอ้ไก่ผีหันมาแล้ว ตอนนี้มันขยับปีก นพคุณเหลือบมองในกะลามีน้ำไปเกือบครึ่งแล้ว...เขาต้องรีบ เขายังยืนว่าพริมาอยู่อย่างนั้น สาวน้อยคิดตามไม่ทัน ตอนนี้หล่อนเริ่มมีน้ำตาคลอ ไม่นานเลยสาวน้อยร้องไห้ออกมา...ได้ผล!!! นพคุณไก่ที่ยืนอยู่บนคอนส่งเสียงกรีดร้องจนไก่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ผงะตกใจ มันทั้งหวีดทั้งขันจนกรรมการไม่รู้จะนับอันไหน ยามาหยุดดิ้นแล้ว โอ้โหสุดยอด! ไอ้ขี้เก๊กฉลาดล้ำ....แต่ดูเหมือนพริมาจะยังรับไม่ทันหล่อนยังยืนร้องไห้อยู่ ปล่อยให้ร้องไห้ไปก่อนนะลูกแก้ว โทษที...มันได้ผล เสียงนกหวีดบอกว่าหมดเวลาและไก่แจ้ของพริมาเข้ารอบ!
“ฮู่...” นพคุณผ่อนลมหายใจ เขาหอบเพราะออกแรงตะโกนเสียงดังไปเมื่อครู่ ตลอดชีวิตยังไม่เคยมายืนตะโกนด่าใครแบบนี้มาก่อน...แถมต่อหน้าคนนับร้อย หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าที่เขาวีนและเหวี่ยงใส่สาวน้อยน่ารักที่ยืนอยู่ข้างหน้านี้เพราะอะไร แต่ดูเหมือนสาวน้อยจะยังไม่เข้าใจ ตอนนี้พริมายังยืนสะอื้นอยู่ นพคุณดึงพริมาที่ยังยืนร้องไห้อยู่มากอด เขายิ้มดีใจที่ไก่ผีนั่นเข้ารอบ...แต่ก็อดสงสารแม่ของเจ้าไก่ผีนั่นไม่ได้
“ลูกแก้ว หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไก่เข้ารอบแล้ว” นพคุณกระซิบบอก ยามายืนตาค้าง...ไอ้ขี้เก๊กกอดเพื่อนหล่อน กอดต่อหน้าคนเยอะแยะเลยด้วย เพื่อนรักพริมาหันรีหันขวาง คนเยอะแยะแบบนี้มีเด็กโรงเรียนเดียวกันบ้างหรือเปล่านะ
“นพคุณเข้ารอบเหรอคะ?” พริมาช้อนตาขึ้นมามอง หยาดน้ำตายังชุ่มอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลอมเขียวคู่สวย นพคุณหัวใจกระตุกวาบพริมามองเขาแบบนี้ไม่ดีเลย หัวใจเขามันเต้นจนจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว
“ไอ้หนุ่มนี่เทคนิคดีนะ เดี๋ยวลุงเอาไปซ้อมที่บ้านบ้าง...ทำเนียนด่าเมียด้วย มีแต่ได้กับได้ ฮ่าๆๆ” ลุงคนหนึ่งที่ยืนดูอยู่ตั้งแต่แรกพูดขึ้น เพราะเทคนิคของนพคุณทำให้ไก่แจ้พริมาขันและกรีดร้องจนนับออกมาได้มากที่สุดในจำนวนการขันของไก่ทั้งหมด
“พี่คุณ...” พริมาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอยู่ๆ นพคุณถึงว่าหล่อนเสียงดังแบบนั้น นพคุณหัวเราะ ยัยเพี้ยนหัวช้าตลอดแต่ก็น่ารักชะมัด พริมายิ้มเขิน หล่อนไม่เคยได้ยินเสียงนพคุณหัวเราะแบบนี้มาก่อน
“ลูกแก้วทำเสื้อพี่คุณเปื้อน...” สาวน้อยแก้เขินด้วยการก้มหน้าแล้วชี้ให้เด็กหนุ่มดูรอยคราบน้ำตา (ดูดีๆ มีขี้มูกด้วยนะ) ที่เลอะอยู่บนเสื้อเขา มันเลอะเมื่อกี้ตอนที่เขากอดหล่อน ใช่นพคุณกอดหล่อนต่อหน้าคนตั้งเยอะแยะ คิดมาถึงตรงนี้แก้มพริมาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“โอ้ว! สงสัยงานนี้จะแพ้ไอ้ไก่ม้ามืดซะแล้ว” ลุงเจริญเดินหัวเราะ มาแต่ไกล เขาเห็นแล้วไก่แจ้พริมาขันเก่ง ถ้าเป็นนักร้องมันคงเป็นนักร้อง สายแร๊พ...ในขณะที่ไก่ของลุงแค่ขันเบาๆ สบายๆ สไตล์ลูกกรุง และ
เป็นจริงดั่งคำลุงเจริญ นพคุณ (ไก่) ชนะได้รางวัลไปอย่างขาดลอย จากไก่กลายร่างเป็นม้า...ม้ามืดที่ใครก็คิดไม่ถึง พริมาไปรับถ้วยแล้ววิ่งยิ้ม ดีใจมาหานพคุณที่ยืนยิ้มดูอยู่เช่นกัน ตอนนี้ไก่แจ้พริมาลงกระเป๋าไปแล้ว ก่อนลงกระเป๋ามันส่งสายตาอาฆาตมาให้เขาหลายตลบทีเดียว
“พี่คุณ! ลูกแก้วได้ถ้วยรางวัลด้วยค่ะ มีเงินด้วยนะ” สาวน้อยวิ่งเข้าไปกอดเขาแน่น นพคุณยืนตัวแข็ง คนแถวนั้นหันมามองอีกแล้ว คราวนี้ ถ้าสังเกตให้ดี...ไอ้ขี้เก๊กแม้หน้าจะนิ่งแต่หูแดงไปทั้งแถบ พริมาดูจะไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของหล่อนทำเอาคนแถวนี้ไปไม่เป็น คเชนทร์เดินยิ้มมาแต่ไกล เขาเห็นทุกอย่าง
“เป็นไงลูกแก้ว แหม! มาครั้งแรกได้ถ้วยรางวัลเลยเหรอ พ่อพี่มาเป็นสิบครั้งแล้วไม่เห็นเคยได้อะไรเลย” คเชนทร์พูดไปก็รับถ้วยรางวัลมาจากมือพริมา เขาส่งยิ้มไปให้สาวน้อย หล่อนน่าจะดีใจมาก เพราะพริมาตั้งใจฝึกไก่มาหลายเดือนแล้ว
“ของพี่คุณค่ะ ถ้าไม่ได้พี่คุณวันนี้ลูกแก้วว่าไม่ได้เข้ารอบด้วยซ้ำ” พริมา ส่งซองเงินรางวัลให้นพคุณ สาวน้อยคิดไม่ถึงเหมือนกันว่านพคุณจะช่วยหล่อนจนได้เงินได้ถ้วยขนาดนี้ เพราะหลังจากเข้าใจกันแล้ว นพคุณต้องตะโกนแกล้งด่าพริมาอีกหลายรอบกว่าจะถึงรอบสุดท้ายและเอาชนะมาได้ ส่วนนพคุณ (ไก่) ก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน มันทั้งขันทั้งเกรี้ยวกราด พริมารู้ได้ในวันนี้ ว่าไก่แจ้ของหล่อนรักหล่อนมากเพียงใด ถ้าแปลเป็นภาษาคนได้มันคงด่า นพคุณไม่ยั้ง ด่าต่อเนื่อง...ยาวนาน
“พาไปเลี้ยงขนมก็แล้วกัน” นพคุณส่ายหน้าเขาไม่รับเงินจากพริมา
“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งปลาทู ระหว่างทางก็แวะกินขนมนะคะ” พริมา ชูซองเงินรางวัลยิ้มภูมิใจ รู้แล้วว่าหล่อนจะเอาเงินไปทำอะไรในวันนี้ พวกเขานัดแนะกันว่าจะไปร้านไหน คเชนทร์จะขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป ส่วนนพคุณกับ พริมาจะแวะเอาไก่แจ้ไปเก็บที่บ้านก่อน วันนี้มันทำงานดีและได้เวลาพักผ่อนแล้ว ระหว่างทางไปขึ้นพริมาและยามาเดินไปพร้อมกัน คเชนทร์เดินมาใกล้และก่อนที่สาวร่างสูงจะขึ้นรถ เขาคว้าตัวยามาลากไปขึ้นมอเตอร์ไซค์
“ไปด้วยกันสิจ๊ะ...เรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน” พริมายืนอ้าปากงง อยู่ว่าคเชนทร์กับยามาเล่นอะไรกัน แต่นพคุณเข้าใจสถานการณ์เขาเดินไปเปิดประตูฝั่งพริมาดันสาวน้อยเข้าไปนั่งและตัวเขาก็เข้าไปประจำที่ขับรถออกไปอย่างไว ทิ้งยามาที่ฮึดฮัดไว้ด้านหลัง
“ไอ้ขี้เก๊ก...แกอีกแล้วนะ!” ยามาตะโกนไล่หลังมา นพคุณเห็นจากกระจกหลัง เขากลั้นยิ้มแล้วขับรถหนีไปอย่างไว ระหว่างทางกลับบ้านพริมาแอบดูไก่ในกระเป๋าที่ตอนนี้มันเงียบเสียงไปแล้ว หล่อนเห็นมันหลับ สงสัยจะหมดแรง วันนี้มันทั้งขันทั้งกรีดร้องเสียงดังสุดๆ เสร็จจากส่องไก่ สาวน้อยก็มาพินิจพิจารณาถ้วยรางวัลในมือ พริมาภูมิใจอย่างสุดๆ
“ให้ถึงบ้านก่อนนะ ลูกแก้วจะอวดแม่อวดคุณลุง” พริมาหันไปยิ้มบอกนพคุณ
“คุณพ่อน่าจะดีใจนะ ฝึกด้วยกันมาตั้งนาน”
“ค่ะ! เสียดายจังวันนี้คุณลุงไม่ได้มาด้วย” นพคุณขับรถผ่านตลาดและกำลังจะผ่านดงกล้วยที่พริมามาวิ่งเล่นเมื่อสองสามปีก่อน เขายังจำได้ที่ยามาชี้ให้ดู รถแล่นผ่านทางโค้ง...แต่มันไม่ยอมโค้ง
“เอ๊ะ!” นพคุณอุทานเบาๆ เขาแตะเบรกเพื่อจะเลี้ยวรถ แต่มันไม่เบรค
“พี่คุณเป็นอะไรคะ?” พริมาหันไปมองอย่างตกใจ หล่อนเห็นแล้วว่ารถวิ่งแปลกๆ
“มันไม่เบรก...มันเบรกไม่ได้ ลูกแก้วรัดเข็มขัด” นพคุณหันไปบอก เขาตัดสินใจหักเลี้ยวสุดแรงเข้าไปในดงกล้วย อย่างน้อยต้นกล้วยก็ยังดีกว่าต้นไม้เนื้อแข็งอื่นหรือเสาไฟฟ้าเป็นไหนๆ โชคดีที่เขาขับรถมาไม่เร็ว พอรู้ตัวว่าเบรกไม่ได้ความเร็วจึงลดระดับมาไม่ถึง 40 แล้ว ตอนที่เขาเลี้ยวเข้าดงกล้วย รถเก๋งคันงามของภารดีเข้าไปจอดนิ่งสนิทในดงกล้วย...ดงกล้วยแห่งความทรงจำ นพคุณนึกในใจถ้าเขาถูกรางวัลที่หนึ่ง เขาจะมาขอซื้อที่ดินตรงนี้...เอาไว้ให้ พริมาวิ่งเล่น ส่วนเขาก็จะมาขับรถเล่นในนี้ เพราะดงกล้วยนี่แหละที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ คเชนทร์ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาทันเห็นเหตุการณ์พอดี เขาจอดมอเตอร์ไซค์และวิ่งตามลงไปอย่างตกใจสุดขีด ยามาตะโกนไล่หลังมา ตอนนี้หล่อนหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“ลูกแก้ว!!!” ยามาวิ่งไปถึงรถและแนบหน้าดูกับกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับ นพคุณเปิดประตูรถลงมา คเชนทร์วิ่งมาถึงแล้วเขายืนมองอยู่แต่ไอ้ขี้เก๊ก ไม่สนใจเขา นพคุณเดินไปเปิดประตูฝั่งพริมาและดึงสาวน้อยออกจากรถ มาสำรวจความเสียหาย เขาพลิกตัวพริมาอยู่หลายตลบและมีน้ำใจดูเลยไปถึงไก่แจ้ในกระเป๋าด้วย โชคดีที่นพคุณขับรถไม่เร็ว และเพราะดงกล้วย รถเก๋งคันงามของภารดีจึงไม่เสียหาย รวมถึงคนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงขับรถเข้ามาในนี้ล่ะ?” ยามาถามขึ้นเมื่อตั้งสติได้
“รถเบรกไม่ได้” นพคุณตอบพร้อมกับก้มไปดูที่คันเบรก เขาเคยเห็นในทีวีว่าบางทีก็มีของ...ขวดน้ำ รองเท้า หรืออะไรก็ตามไปขัดอยู่ทำให้รถเบรกไม่ได้ แต่กรณีนี้ไม่มีเลย
“ตอนขามาก็ปกติดีนี่นา...แปลก” ยามายืนฟังเงียบๆ รถคันนี้เป็นของภารดี และมันก็ยังใหม่มาก เพื่อนพริมามีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที หล่อนกดโทรศัพท์หาใครบางคน
“ค่ะพี่พิมพ์....” ยามาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ภารดีฟัง และยังยืนคุยอะไรกันอีกนาน แต่คนอื่นไม่ได้ยินเพราะแม่สาวร่างสูงเลี่ยงเดินออกไปคุยโทรศัพท์ในที่ที่ห่างออกไป คเชนทร์มองตามเขาหันไปกดโทรศัพท์บ้าง
“ครับพ่อ...” พริมาที่นั่งมองอยู่รู้ทันที...คเชนทร์โทรหาลุงเจริญ
“ลูกแก้ว...เป็นไงบ้าง?” นพคุณถามเสียงอ่อนโยน เหตุการณ์เมื่อกี้เขารู้ทันทีว่าเขาห่วงแม่สาวข้างตัวมากแค่ไหน ถ้ารถไปชนกับรถคันอื่น ตกคู ตกคลอง ชนไม้ใหญ่ หรือชนเสาไฟฟ้า...เขาคิดไม่ออกเลยว่าทั้งเขา พริมา และไอ้ไก่ผีจะเป็นอย่างไรบ้าง
“ลูกแก้วไม่เป็นอะไรเลยค่ะ พี่คุณล่ะคะ?” คราวนี้สาวน้อยจับเขาพลิกไปมาบ้าง นพคุณรู้สึกได้ว่ามือหล่อนสั่น เด็กหนุ่มจึงจับมือสาวน้อยไว้บีบเบาๆ เพื่อปลอบใจ ทั้งสองยืนมองกันนิ่ง...ไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจ
“เดี๋ยวพ่อจะมายกรถให้ อู่แถวนี้ก็มีนะ ไม่ไกล” คเชนทร์เดินมาบอก เขาเหลือบเห็นแล้วนพคุณกับพริมายืนจับมือกัน และเขาเข้าใจสถานการณ์ดี...เวลานี้ไม่ใช่เวลามาล้อ แต่ก็อดหมั่นไส้นิดหนึ่งไม่ได้ วันนี้หลายรอบแล้วนะไอ้ขี้เก๊ก...เดี๋ยวก็กอด...เดี๋ยวก็จับมือ
“บอกพี่พิมพ์กับคุณลุงแล้ว...กำลังมา” ยามาก็ตาไวเหมือนกัน แต่หล่อนก็เหมือนคเชนทร์ ตอนนี้ไม่ใช่เวลา....พวกเด็กๆ นั่งรออยู่ในดงกล้วย คเชนทร์ที่ตอนนี้หายตกใจแล้วเดินไปดึงกล้วยมาเกือบจะเป็นหวี (จะดึงมาทั้งหวีแต่มันขาดมาไม่ครบ) แล้วส่งให้เพื่อนๆ กินระหว่างที่นั่งรอรถยกของลุงเจริญ
“กินกล้วยแทนขนมไปก่อนแล้วกันนะ เอาให้นพคุณด้วยพี่ว่ามันหิวแล้ว” คเชนทร์ส่งกล้วยให้พริมา เพื่อให้หล่อนเอากล้วยให้ไก่กินไปก่อนระหว่างรอกลับบ้าน พวกเขากินกล้วยจนหมด (เอาเข้าจริงก็หิวเหมือนกันแฮะ) ส่วนน้ำในรถภารดีมีอยู่หลายขวด พริมาแจกน้ำให้ทุกคน หล่อนจัดการให้ทั้งน้ำคนน้ำไก่ “ค่อยยังชั่วหน่อย...กล้วยมันอร่อยที่สุดก็วันนี้เลย” ยามาเอนตัวพิงต้นกล้วย
“พ่อมาแล้ว” คเชนทร์ร้องบอก พร้อมตะโกนเรียกพ่อให้รู้ว่าพวกเขานั่งรออยู่ตรงนี้ ลุงเจริญยืนคุมรถยกมายกรถภารดีไปอู่ นพคุณรับนามบัตรและคุยรายละเอียดไว้เรียบร้อยจึงแยกย้าย รถไปเข้าอู่ ส่วนคนลุงเจริญอาสาพาไปส่ง “จะกลับบ้านเลยไม๊? ให้พ่อไปส่งไอ้คุณกับลูกแก้ว” คเชนทร์หันไปถามยามา
“ก็ได้” ยามาตอบรับง่ายๆ หล่อนขี้เกียจเล่นท่าแล้ววันนี้...หมดอารมณ์ เป็นอันว่าคเชนทร์ไปส่งยามา ส่วนลุงเจริญไปส่งพริมากับนพคุณที่บ้าน นพคุณแปลกใจที่ยามายอมให้คเชนทร์ไปส่งแต่โดยดี หล่อนคงคิดแล้ว ถ้ากลับไปบ้านเขา เดี๋ยวภารดีหรือไม่ก็พ่อเขาต้องออกไปส่งหล่อนอีกรอบ
“เจอกันนะลูกแก้ว ยังไงก็รอกินฟรีอยู่นะ” ยามาหันไปยิ้มให้เพื่อน พริมาโชคดีเท่าไหร่แล้ว ที่วันนี้รถหลบเข้ามาในดงกล้วย...ไอ้ขี้เก๊กเอาเข้าจริงเขามีสติที่สุด เขาเลือกเลี้ยวเข้าดงกล้วยได้ทันเวลา หล่อนนึกภาพไม่ออกเลย ถ้ามันไปชนกับรถคันอื่นจะเป็นยังไง หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็อาจจะเป็นภารดีที่ขับรถคันนี้ออกไปชน คิดแล้วก็ใจหายวันนี้ถือว่าโชคดีมากทีเดียว ตลอดทางที่คเชนทร์ไปส่งยามาที่บ้านหล่อนนั่งเงียบไปตลอดทาง นอกจากบอกทางให้ ไอ้หน้าหมีแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก วันนี้ยามายอมกอดเอวคเชนทร์แต่โดยดี คเชนทร์รู้สึกได้หัวยามาซบนิ่งอยู่กลางหลังของเขา...ยัยปลาทูคงจะตกใจ ไม่น้อยสินะ เขาเข้าใจ...ขนาดพวกพริมาไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ภาพที่เห็นวันนี้ก็น่ากลัวอยู่ดี ถ้าไม่มีดงกล้วยไม่รู้ป่านนี้สองคนนั่น (กับไก่อีกหนึ่ง) จะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าต้องเห็นเพื่อนเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตายัยปลาทูคงจะติดตาและฝังใจไปอีกนานแน่ๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ