แก้วนพคุณ
29) สวนยายขวัญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพวกภารดีออกจากโฮมสเตย์เกือบเที่ยง สาวิชโทรมาบอกภารดีว่า ให้พวกหล่อนมากินข้าวที่บ้านยายขวัญ เพราะอัมพวาบอกยายไว้แล้ว ว่าจะมีแขกมาเที่ยวที่บ้าน หลังจากโทรมาสักพักสาวิช ก็มาถึงโฮมสเตย์ เพื่อนั่งรถไปพร้อมกับพวกภารดี
“ไม่ไกลหรอกครับ ห่างจากตลาดน้ำประมาณ 4 – 5 กิโล” ไกด์นำทางบอกลูกทัวร์ เมื่อคืนหลังจากกลับจากร้านอาหารภารดีคุยไลน์กับสาวิชและขอไลน์ของอัมพวาจากเขาด้วย หล่อนจะได้ส่งรูปที่ถ่ายที่ร้านอาหารให้สาวน้อยบ้านสวน...สาวิชเลยตั้งกลุ่มไลน์ใหม่เป็นสามคน มีเขา ภารดี และอัมพวา คุยไปคุยมาอัมพวาจึงชวนให้ภารดีมาเที่ยวที่สวนยายของหล่อน ช่วงนี้ผลไม้เยอะมากพวกเขาจะได้เอาผลไม้กลับไปกินที่กรุงเทพด้วย ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าพวกภารดีจะมีเวลามาเที่ยวที่สมุทรสงครามอีก
“คราวหน้าถ้ามาอีกแล้วจำทางไม่ได้ก็ถามชาวบ้านได้ สวนยายขวัญน่ะใครๆ ก็รู้จักทั้งนั้นแหละ ยายขวัญคนดังของอำเภอ” สาวิชเล่าไปหัวเราะไป จนคนในรถจินตนาการแตกต่างกันไปว่าคนดังระดับอำเภอนั้น จะดังในแง่ไหน แต่ก่อนที่สาวิชจะได้อธิบายว่าคนดังของอำเภอนั้นดังในแง่ไหนรถของพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางพอดี
“เลี้ยวตรงนี้เลยครับ” สาวิชชี้ปากทางเข้าสวน สวนยายขวัญไม่มีป้ายบอก เป็นทางเข้าเล็กๆ ที่รถแทบจะสวนกันไม่ได้ ดูเปลี่ยวอยู่เหมือนกัน ถ้าจะมาแถวนี้ในตอนกลางคืน อัมพวาบอกว่าที่บ้านหล่อนนั้นมีแต่ผู้หญิง ผู้หญิงสามคนดูแลสวนทั้งหมด ผู้คนสมัยนี้น่ากลัว พวกหล่อนไม่กลัวกันหรืออย่างไรนะ? นพคุณสังเกตรอบๆ ถ้าที่ผ่านเข้ามานั้นเป็นสวนของยายขวัญทั้งหมด คำว่า “สวนร้อยเอเคอร์” ที่สาวิชบอกไว้ที่ร้านอาหารนั้นดูจะไม่เกินจริงเลย
“สวนยายขวัญเริ่มจากตรงไหนเหรอครับ?” นพคุณถามสาวิชเพราะเขาสงสัย บางทีอาจจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิดก็ได้
“ก็ตั้งแต่ปากทางเข้านั่นแหละ สองข้างทางนั่นก็สวนยายแกทั้งนั้น ส่วนใหญ่แกคุมเองทั้งหมด...แก่แล้วแต่ยังเปรี้ยว” สาวิชตอบยิ้มๆ เขาเน้นคำว่าแก่และนั่งขำอยู่คนเดียว รถเข้ามาจอดในตัวบ้าน บ้านยายขวัญเป็นบ้านไม้สองชั้น รอบๆ บ้านนั้นเป็นต้นไม้ครึ้มไปหมด พริมาเห็นอัมพวายืนรออยู่แล้ว ข้างๆ สาวบ้านสวนเป็นผู้หญิงสองคน คนหนึ่งตัวสูงกว่าคนอื่นๆ อายุหล่อนน่าจะอ่อนกว่าหรือไม่ก็พอๆ กับพริมา ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงที่ดูสูงวัยที่สุดในนั้น แต่พริมาเดาไม่ถูก ถ้าหล่อนคือ “ยายขวัญ” ที่สาวิชบอกนั้น “ยาย” จะอายุเท่าไหร่ พริมาคิดว่าคนเป็นยายต้องอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบหรือมากกว่านั้น แต่นี่ดูเหมือนว่า “ยาย” ของอัมพวาหรือที่สาวิชเรียกว่า “แก่แล้วยังเปรี้ยว” นั้นดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินห้าสิบด้วยซ้ำ พวกเขาลงจากรถและเข้าไปทักทายเจ้าของบ้านที่ยืนยิ้มรออยู่ พริมาลงมาเป็นคนสุดท้ายเพราะภารดีบอกว่าอยากเห็นสีหน้าของสองสาวที่ยังไม่เคยเห็นว่าหลานสาวและลูกสาวของทั้งสองฝ่ายนั้นหน้าตาละม้ายคล้ายกันขนาดไหน เมื่อคืนหล่อนย้ำกับสาวิชและอัมพวาว่าอย่าเพิ่งเอารูปของพริมาให้คนที่บ้านดู เอาไว้ให้เห็นเองกับตาน่าจะสนุกกว่า
“เฮ้ย!”
“อุ้ย!” เสียงอุทานพร้อมกันเป็นของสองสาวที่ทุกคนรอดูท่าทางอยู่แล้ว เสียงแรกเป็นของยายขวัญ ขนาดคนเป็นยายแท้ๆ ยังแปลกใจ ส่วนอีกเสียงเป็นของใบบุญที่อัมพวาแนะนำว่าคือ “น้าสาว” ของหล่อน พริมาที่ไม่เก่งคณิตศาสตร์...และยังเจ็บช้ำกับการสอนการบ้านเจมส์ใช้สมองอย่างหนักในการคำนวณและเรียบเรียงอายุของสาวๆ บ้านสวนแต่ละคน ถ้าใบบุญเป็นน้าก็แสดงว่าเป็นน้องของแม่ แต่อัมพวาก็ดูจะแก่กว่าน้าสาวของตัวเองเสียอีก แสดงว่ายายขวัญมีลูกหลง? แต่อัมพวาบอกว่าบ้านหล่อนไม่มีผู้ชายและตาก็ตายไปนานแล้วตั้งแต่หล่อนยังไม่เกิด เพราะฉะนั้นถ้ายายขวัญได้ลูกคนที่สองที่น่าจะห่างจากลูกคนแรกเป็นสิบๆ ปี แล้วลูกสาวของยายล่ะจะอายุเท่าไหร่ตอนที่มีหลานให้แก แล้วลูกสาวแกไปไหน? แล้วตกลงยายขวัญอายุเท่าไหร่นะ? เห็นหน้ายุ่งๆ ของพริมา สาวิชก็หัวเราะ เขาเข้ามาจูงมือสาวน้อยช่างสงสัย ให้ไปยืนใกล้ๆ กับหลานยายขวัญ แม้หลายคนจะเห็นภาพนี้แล้วเมื่อวาน แต่ก็ยังอดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี ภารดีควักกล้องออกมาถ่ายรูปรัวๆ อีกหลายรูป คเชนทร์เองก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน พวกเขานั่งกินข้าวกันที่ใต้ถุนบ้าน ลมพัดเย็นสบาย...ยายขวัญที่ตอนนี้ยังไม่หายแปลกใจ หล่อนยังจ้องพริมาเป็นระยะ เหมือนดูให้แน่ใจว่าพริมาเป็นคนจริงๆ ภารดีแอบขำเพราะยายขวัญนั้นอาการคล้ายหล่อนเมื่อวานไม่มีผิด จากการสอบถามพวกเขาถึงรู้ว่าแท้จริงแล้ว ยายของอัมพวาอายุแค่สี่สิบแปดปี เรียกว่าคุณยายยังสาวก็ว่าได้ และดูเหมือนพวกแม่พวกยายยังสาวจะคุยกันถูกคอ ภารดีขอไลน์ของพี่ขวัญ (อันนี้หล่อนบอกว่าเรียกยายคงจะไม่เหมาะ) เอาไว้ติดต่อ หล่อนจะกลับมาเที่ยวที่บ้านนี้อีกแน่ๆ อัมพวาและใบบุญรับช่วงเป็นไกด์ต่อจากสาวิช สองสาวบ้านสวนพาพวกพริมาไปเก็บลำไยในสวน สวนลำไยของยายขวัญขุดเป็นร่องน้ำไว้หลายร่อง มันเหมือนบ่อปลาขนาดใหญ่ที่มีแนวดินผุดขึ้นมาเป็นแนวยาวในบ่อเว้นระยะห่างเท่าๆ กัน การจะลงไปเก็บลำไยในบ่อนั้น ต้องลงเรือพายไปเก็บจากแนวดินแต่ละแนว มีต้นลำไยไม่ต่ำกว่าสิบต้น ในแต่ละแนวดิน และลำไยแต่ละต้นของยายขวัญก็ดกเหลือเกิน กว่าจะเก็บได้หมด ในแต่ละแถวน่าจะใช้เวลาเป็นวันๆ แล้วผู้หญิงแค่สามคนจะทำไหวได้ยังไงนะ
“จ้างคนเก็บทั้งนั้นแหละ ยายขวัญแค่รอรับตังค์ ไม่ต้องไปขายเองมีคนมารับมาเก็บให้เสร็จสรรพในสวนนี่แหละ” สาวิชช่วยบรรยายแก้ความสงสัยให้พริมาและเพื่อนๆ ขณะพายเรือพาคนกรุงไปเทียบแนวดินเพื่อขึ้นไปเก็บลำไย พวกเขาเก็บลำไยกันมามากทีเดียว อัมพวาบอกว่าให้เก็บไปเยอะเท่าไรก็ได้เท่าที่พวกเขาจะเอาไปไหว พริมากับยามาคุยกันว่าจะเอาไปฝากเพื่อนที่โรงเรียนด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็กินไม่หมดแน่ๆ
“เดี๋ยวไปเก็บชมพู่กับมะม่วงด้วยนะคะ” ใบบุญหันมาบอกนพคุณ เวลาไม่มีอะไรทำเขาชอบสังเกตสิ่งรอบตัวและตอนนี้เขาสังเกตน้าสาวของอัมพวา ใบบุญเป็นคนยิ้มเก่ง หล่อนคุยจ้อแข่งกับสาวิชตลอดเวลาที่พวกเขาเก็บผลไม้กัน แต่ที่น่าสนใจคือสาวน้อยไม่เหมือนอัมพวาเลย แต่จะไม่เหมือนอัมพวาก็ไม่แปลกเพราะหลานสาว (ที่อายุมากกว่า) ของใบบุญเป็นลูกครึ่ง...ไม่เหมือนกันก็ปกติ แต่กับยายขวัญที่เป็นแม่ดูยังไงใบบุญก็ไม่มีส่วนคล้ายด้วยเหมือนกัน อาจจะเหมือนฝั่งพ่อ นพคุณเดาไปเรื่อย ในขณะที่ใบบุญและสาวิชแข่งกันนำเสนอผลผลิตอยู่นั้น ต่างจากอัมพวาที่ไม่ค่อยจะพูดอะไรนัก เพราะหล่อนไม่ใช่คนช่างจ้อหรือว่าญาติและเพื่อนของหล่อนแย่งพูดหมดแล้วอันนี้นพคุณก็ยังไม่แน่ใจ
“ไม่มาช่วยเก็บก็ไม่ต้องมาขอกินเลยนะ” ยามาหันไปบ่นคเชนทร์ ที่ตอนนี้เอาแต่เดินถ่ายรูปไปทั่ว
“โห..น้องปลาดุกฟูใจร้ายจัง พี่ก็กำลังทำงานไงจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะถ่ายรูปสวยๆ ให้น้องปลาดุกฟูนะคะ ถ่ายให้สักครึ่งตัวดีไม๊ เอาสวยๆ” คเชนทร์กดชัตเตอร์ เขาถ่ายรูปยามาออกมาครึ่งตัวจริงๆ ครึ่งตัวแบบแบ่งครึ่งตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ใช่ครึ่งตัวแบบแบ่งท่อนบนหรือท่อนล่าง ในรูปจึงทำให้เห็นสวนลำไยแต่มีตัวยามาแค่ครึ่งตัวฝั่งซ้ายติดอยู่ริมๆ ขอบๆ ของรูป
“ถ่ายแบบนี้ไปไกลๆ เลยไป” ยามาฮึดฮัด หมอนี่ไม่ช่วยแล้วยังมากวนประสาทหล่อนอีก คเชนทร์หัวเราะชอบใจ
“ฮ่าๆ แหม...พี่ล้อเล่นจ้า มาๆ ถ่ายให้สวยๆ ดีๆ เลย” ยามาเบะปาก หล่อนไม่ได้หวังอะไรกับไอ้คเชนทร์ขี้โม้นักหรอกแค่ไม่มากวนประสาท ให้ปวดหัวแค่นี้หล่อนก็ดีใจแล้ว พริมาก็กำลังง่วนกับการเก็บลำไย ในชีวิตหล่อนเพิ่งจะเคยเห็นสวนลำไยก็วันนี้ ตอนอยู่บ้านตากับยายก็อยู่แต่ในตลาด จะเห็นลำไยก็มาเป็นลังแล้ว ไม่เคยเห็นลำไยบนต้นแบบนี้สักที ไหนจะชมพู่กับมะม่วงอีก ถ้าให้มาที่นี่บ่อยๆ หล่อนจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ระหว่างที่ สาวน้อยกำลังเก็บผลไม้นั้น ก็มีสาวิชตามคอยประกบตลอดเวลา นพคุณจำได้ ที่ทะเลเมื่อปีก่อนสาวิชก็ชอบเข้ามาคุยกับพริมาแบบนี้ โรคเก่าของเขาจะกำเริบอีกแล้ว...หงุดหงิด! พริมาช่างขี้สงสัยเหลือเกินหล่อนถามโน่นถามนี่ได้ตลอดเวลา และสาวิชก็ดูจะตอบคำถามของหล่อนได้หมด ไม่ใช่สวนตัวเอง สักหน่อยทำไมรู้ดีนักนะ นพคุณแอบคิดในใจ
“ลองชิมดูไหมคะ?” เสียงอัมพวาถามขึ้น หล่อนแกะลำไยแล้วยื่นให้นพคุณ เด็กหนุ่มรับมาตามมารยาท ความจริงเขายังไม่อยากจะกินลำไยตอนนี้ แต่จะปฏิเสธก็ดูจะน่าเกลียดเกินไป ลำไยบ้านยายขวัญเนื้อเยอะเม็ดเล็ก ตอนแรกกะว่าจะชิมแค่ที่อัมพวายื่นมาให้แต่เอาเข้าจริงเขากินไปหลายลูกจนเห็นแววตาขบขันของฝาแฝดพริมานั่นแหละเขาถึงรู้ตัว
“เก็บท้องไว้กินมะม่วงกับชมพู่ด้วยนะ” อัมพวาแซว นพคุณแปลกใจเพราะสาวน้อยคนนี้ไม่ค่อยจะพูดมากนัก แต่วันนี้หล่อนกลับมาชวนเขาคุย
“คุณอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดเลยเหรอ?” นพคุณหาเรื่องคุย พริมาเกิดที่สวิสฯ แล้วอัมพวาล่ะ เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน บางทีหล่อนอาจจะเกิดที่เมืองนอกเหมือนลูกครึ่งหลายๆ คน
“ไม่ได้เกิดที่นี่หรอกค่ะ เกิดที่ชุมพร” อัมพวาเล่าไปก็ตัดกิ่งลำไยไปด้วย นพคุณแปลกใจ บ้านแม่ บ้านยาย อยู่สมุทรสงคราม แล้วทำไมหล่อนไปเกิดไกลถึงชุมพร อาจจะบ้านพ่อ...แต่ถ้าพ่อเป็นฝรั่ง...เห็นหน้านพคุณยุ่งเหยิง อัมพวายิ้มขำ...หลายคนก็สงสัยแบบเขานี่แหละ แต่หล่อนก็ชอบตอบคำถามคนเหล่านั้นไว้แค่นี้ แต่นพคุณดูจะไม่ได้อยากรู้เหมือนคนอื่นๆ เขาแค่ถาม...ถ้าหล่อนไม่อยากบอกดูแล้วเด็กหนุ่มตรงหน้าก็คงจะไม่ใช่คนเซ้าซี้อะไร
“ตอนมาอยู่ที่นี่ก็หกขวบแล้ว ยายไปรับมาจากชุมพร...รับแม่กับฉันมาพร้อมกัน” อัมพวามีแววตาเศร้าแค่วูบเดียว แต่นพคุณที่สังเกตอยู่แล้ว เขาเห็นและรู้สึกได้ทันที
“ลำไยนี่...เตี้ยแบบนี้ก็มีลูกแล้วเหรอ?” นพคุณเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น รู้มากไปก็แค่นั้น ไม่ได้ช่วยอะไร แถมบางเรื่องทำ จิตตกเสียเปล่าๆ
“เตี้ยแบบนี้ เพราะคอยตัดค่ะ เค้าเรียกทรงเตี้ยระยะชิด ปลูกไว้สองปีก็ได้ผลผลิตแล้วค่ะ แต่ต้องคอยดูแลตัดกิ่งหน่อยนะ” อัมพวายิ้มพอใจ...นพคุณ ทำให้หล่อนเห็นมุมดีๆ ของพวกผู้ชายขึ้นมาบ้าง เสียงหัวเราะของพริมาทำให้ทั้งสองคนชะงัก นพคุณขมวดคิ้วเขากลับไปทำหน้าเหมือนตอนก่อนที่หล่อนเข้ามาชวนคุยไม่มีผิด ก่อนเข้ามาชวนคุยหล่อนเห็นแล้วว่านพคุณดูหงุดหงิด และตัวต้นเหตุทำให้หงุดหงุดก็อยู่ใต้ต้นลำไยถัดไปสองสามต้น...น่าสนุก! เพราะอยากรู้ว่าจะเหมือนที่เพื่อนหล่อนคิดไหม อัมพวาเลยขอเข้ามาลองเชิงดูเสียหน่อย และหล่อนก็เห็น...สาวน้อยน่ารักคนนั้นคอยมองมาทางนี้บ่อยๆ และคนทางนี้ก็ใช่ย่อย ถ้าเขาเผลอ...ซึ่งก็ดูจะเผลอบ่อยเสียเหลือเกิน เขาจะคอยหันไปมองทางนั้น...ทางที่แม่สาวฝาแฝดของหล่อนยืนอยู่ ฮึ! สาวิชทำงานดี...สาวิชเคยเล่าเรื่องที่ทะเลให้หล่อนฟัง ตอนแรกหล่อนก็คิดว่าเพื่อนอาจจะเพ้อเจ้อมโนไปเรื่อยเปื่อยตามสไตล์คนช่างฝัน แต่ที่ไหนได้เซ้นส์ความรัก ของเพื่อนรักหล่อนนี่ช่างแม่นยำเหมือนที่เจ้าตัวชอบอวยตัวเอง พอได้เห็นท่าทางนพคุณ ตั้งแต่เจอกันเมื่อวาน...เพื่อนรักอัมพวาเดาถูก สองคนนี่มี something wrong!
“ทะแม่งๆ แปลกๆ แหละแก ฉันดูออก คนผู้ชายนะหล๊อหล่อ แต่หน้านี้หงิกตลอดเวลา ส่วนแม่สาวที่ฉันบอกว่าหน้าเหมือนแกน่ะน่ารัก ยัยนั่นใสๆ แบ๊วๆ อ่อนต่อโลก เหมือนนิยายออนไลน์จากเว็บเด็กดีที่ฉันชอบอ่านไม่มีผิด” สาวิชเคยเล่าไว้เมื่อปีก่อน ตอนนั้นอัมพวายังจำท่าทางประกอบของเพื่อนได้ เหมือนที่หลายคนชอบเปรียบเทียบ...สาวิช “เล่นใหญ่รัชดาลัย” และเขาเป็นอย่างนั้นเสมอเวลาเล่าเรื่องที่ถูกใจ วันนี้หล่อนกับสาวิชแบ่งงานกันทำ คนหนึ่งเข้าชาร์จผู้หญิงส่วนหล่อนชาร์จผู้ชาย
“แกไม่ต้องอะไรมากหรอก..ฉันรู้แกไม่ชอบผู้ชาย ก็แค่ลองสังเกตดูว่าจริงอย่างที่ฉันบอกรึเปล่า” เห็นเพื่อนรบเร้าอัมพวาก็บ้าจี้เล่นไปกับเขาด้วย และก็จริงอย่างสาวิชว่าสองคนนี้มี something wrong! อัมพวาคิดเอาเองจากเรื่องที่สาวิชเล่ามา หล่อนก็พอจะจับใจความได้ว่าพ่อของนพคุณกับแม่ของพริมาเป็นแฟนกัน ในมุมของพ่อแม่นั้นหล่อนไม่อยากจะคาดคะเน แต่ในมุมของนพคุณหล่อนเข้าใจ แม่ของเขาตายไปไม่นานอยู่ๆ พ่อเขาก็เอาผู้หญิงเข้ามาอยู่ในบ้าน ถ้าเป็นหล่อนก็คงจะทำใจไม่ได้ แล้วนี่ถ้าเกิดมีปัญหาความรักของตัวเองเข้ามาอีก ความวัวยังไม่หายความควายเข้ามาแทรก และคนที่ดูแล้วจะคิดมากคิดเยอะคิดรอบคอบแบบเด็กหนุ่มคนนี้เขาจะสับสนขนาดไหน อายุแค่นี้ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้หล่อนเข้าใจดี แล้วเขาจะยอมรับหัวใจตัวเองยังไง ในเมื่อความรักของพ่อกับแม่เลี้ยงเขายังยอมรับไม่ได้ ไหนจะความความสัมพันธ์ของพวกเขาอีก มันจะไปในทิศทางไหน? อัมพวาเห็นใจนพคุณอย่างที่สุด...หล่อนเข้าใจเขาดีเชียวล่ะ
“ความรักบางทีมันก็ห้ามไม่ได้นะคะ ถ้าเจอคนดีๆ บางทีเงื่อนไขต่างๆ เราก็ต้องมองข้ามไปบ้าง ใครจะว่าหรือพูดอะไร ก็ช่างเขาเถอะ ไม่มีใครรู้เรื่องของเราเท่ากับตัวเราหรอก ถ้ามัวแต่มาสนใจความคิดหรือคำพูดของคนอื่นคนที่ทุกข์ก็คือเรา” นพคุณไม่เข้าใจว่าเด็กสาวคนนี้หมายถึงใครหรือหล่อนต้องการจะสื่อสารอะไร? อัมพวาพูดเสร็จก็เดินไปสมทบกับพวกพริมา หล่อนอยากรู้เหมือนกันว่าสาวิชพูดอะไร พริมาถึงหัวเราะเสียงดังจนคนแถวนี้ยืนลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข
พวกเด็กๆ กลับมาจากในสวนแล้ว วัยรุ่นทั้งหลายช่วยกันขน ผลไม้ไปไว้ท้ายรถ แล้วไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ข้างบ้าน ยายขวัญเอาข้าวเหนียวเปียกลำไยมาเสิร์ฟแขก หล่อนบอกว่าลำไยปีนี้ผลผลิตดี กินไม่หวาดไม่ไหว ต้องแปรรูปสารพัด นี่ก็กำลังศึกษาการทำลำไยอบแห้งและลำไยกระป๋อง ถ้าปีไหนผลผลิตเยอะจนราคาตกต่ำ ก็เอาไปขายแบบอื่นที่ขายได้ทั้งปีและราคาดีน่าจะดีกว่า
“เอาไปทำวุ้นก็ได้ค่ะลูกแก้วเคยเห็น” พริมาเปิดรูปในมือถือให้ยายขวัญดู ใบบุญดูจะสนใจอยู่ไม่น้อยหล่อนชอบทำครัวและของกินที่บ้านก็ฝีมือหล่อนทั้งนั้น
“ถ้าให้ข้าทำก็เผามันไปเลย ไอ้ครัวน่ะ” ยายขวัญบอกไปหัวเราะไป คเชนทร์ยิ้มพยักพเยิดว่ามีอีกคนที่น่าจะเผาครัวได้ดีไม่แพ้กัน ยามารู้ว่าเขาหมายถึงใคร...หล่อนขว้างลำไยใส่หัวเขาและมันก็แม่นเหมือนจับวาง กำลังจะปาอีกถ้าพริมาไม่ห้าม
“อย่าเล่นของกินสิปลาทู” นพคุณแปลกใจ ที่ยามาไม่ดื้อเหมือนทุกที...แถมเพื่อนพริมายังรู้สึกผิดหันไปขอโทษยายขวัญที่เอาลำไยมาปาเล่น
“ช่างมันเถอะฮ่าๆ พ่อแง่แม่งอน...แบบนี้ถ้าได้กันสงสัยลูกจะดก” ยายขวัญพูดตรงจนหลายคนอดยิ้มขำไม่ได้ คเชนทร์ดูจะชอบใจ ส่วนยามาได้แต่นั่งหน้าเจื่อน
“ดีครับผมชอบ ลูกเต็มบ้านสนุกดี” เพราะที่บ้านเขาก็คนเยอะ ถ้าเขาจะมีลูกก็อยากมีเยอะๆ เหมือนกัน
“สนุกบ้าอะไรของนายล่ะ!” ยามาแหวใส่ นพคุณเห็นหล่อนหน้าแดง...เพื่อนพริมาก็มีมุมนี้เหมือนกันเขาไม่อยากจะเชื่อ ยามาเหมือนจะเห็นว่าเขามองอยู่ หล่อนหันมาตั้งท่าจะแหวใส่เขาอีกคน แต่นพคุณไวกว่าเขาหลบตาทัน เพื่อนพริมาจึงได้แต่มองตาขวางกลับมา ยายขวัญพาพวกภารดีไปดูปืนที่แขวนเรียงรายเต็มผนัง ส่วนใหญ่จะเป็นปืนลูกซอง
“สะสมน่ะ ชอบ บางทีว่างๆ ก็เอามายิงเล่น นี่ก็ฝึกลูกฝึกหลานให้มันยิงเป็นทุกคนแหละ แต่ไอ้บุญน่ะมันไม่ชอบได้ยินเสียงปืนแล้วปิดหูวิ่งเข้าบ้านทุกที” คุณนพรักษ์หายข้องใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงสามคนถึงอยู่กันในบ้านสวนแบบนี้ได้อย่างไม่กลัว หลังบ้านมีคอกหมา ส่วนใหญ่จะเป็นหมาไทย...ทั้งบางแก้วและหลังอาน
“เอาเข้าคอกก่อน มันดุ” ยายขวัญหันมาบอก หมาในคอกส่งเสียงเห่า เพราะมีผู้มาเยือนที่พวกมันไม่รู้จัก จนยายขวัญหันไปด่านั่นแหละพวกนั้นถึงเงียบ
“สวยๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ” คุณนพรักษ์เกาะคอกดูอย่างสนใจ ไทยหลังอานสีเม็ดมะขาม...เขาเคยเห็นในเพจที่ภารดีเอาให้ดูตอนหาสัตว์เลี้ยงให้ลูกสาว แต่จากหมาสุดท้ายภรรยาของเขาตัดสินใจซื้อไก่แจ้ให้พริมาแทน
“เอาไปสักตัวสองตัวไหมล่ะ? นี่ก็เพิ่งออกลูกมันหย่านมแล้ว ไม่ไหวเยอะเป็นฝูง นี่ว่างๆ ว่าจะฝึกให้มันลากแคร่พาไปซื้อของที่ตลาด”
“ที่บ้านก็มีไก่แจ้อยู่ตัวหนึ่งครับ” คุณนพรักษ์เสียดายเจ้าหมาหลังอาน แสนสวย...ขนาดไก่แจ้ยังเป็นปัญหาถ้าเอาหมาไปอีกตัวเขาว่าจะยิ่งไปกันใหญ่
“อยากได้ก็มาเอาไปนะ ไม่ขายหรอกให้ฟรี มีคนมาขอซื้อตัวตั้งหลายบาท แต่จะขายก็สงสารมัน แต่มาคิดๆ ดู ถ้าเขาเสียตังค์มาซื้อก็คงจะเอาไปดูแลอย่างดีนั่นแหละ”
ใต้ต้นไม้พวกพริมายังนั่งเล่นกันอยู่ เพราะเข้าสวนกันจนเหนื่อย จึงไม่อยากจะลุกไปเดินเล่นที่ไหนอีก สาวิชนั่งประกบพริมาชวนสาวน้อยคุยตลอด จนอัมพวาแอบสงสารใครบางคน...เพื่อนหล่อนนี่เล่นสนุกเกินไปแล้ว ใบบุญแยกไปตลาด หล่อนบอกว่าพรุ่งนี้จะทำกับข้าวไปวัด
“ยังไม่ได้ไปซื้อของเลยค่ะ คราวหน้ามาเที่ยวกันอีกนะคะไว้บุญจะทำกับข้าวรอ” สาวน้อยยิ้มและบอกลา หล่อนขี่มอเตอร์ไซค์ไปแล้ว เหลือไว้แต่นพคุณ สาวิช พริมา ยามา คเชนทร์และอัมพวา สาวิชสวมวิญญาณไกด์ ชี้ให้พริมาดูบ่อปลาหลังบ้าน คอกหมา สวนมะนาวฝั่งโน้นที่พวกหล่อนไม่ได้ไป (หมดแรงแล้วเดินไม่ไหว) และเล้าไก่
“เล้าไก่เหรอ?” พริมาสนใจเป็นพิเศษเพราะที่บ้านของหล่อนก็มีไก่ นพคุณยิ้ม เขาเผลอมองสาวน้อยที่ทำท่าตื่นเต้นจนเกินเหตุ จะอะไรนักหนาขนาดบ้านไอ้ตุลย์หน้าหมายังมีเล้าไก่เลย แล้วบ้านสวนร้อยเอเคอร์ของยายขวัญ จะมีบ้างก็ไม่น่าจะแปลก ยามานั่งมอง...ไอ้ขี้เก๊กนี่ชักจะยังไง วันนี้เดี๋ยวก็หงุดหงิด เดี๋ยวก็แอบยิ้ม แล้วเพื่อนพริมาที่รู้จักกันที่ทะเลนี่ก็ท่าทางแปลก จะว่ามาชอบยัยลูกแก้วก็ไม่น่าจะใช่ เซ้นส์หล่อนมันบอก
“นี่! ถามอะไรหน่อยสิ พี่น่ะ เป็นเกย์ป่ะ?” สาวิชที่กำลังคุยเล่นอยู่กับพริมาแทบสำลักคำพูด เพื่อนพริมาคนนี้นี่เหลือทนจริงๆ เขาเห็นตั้งแต่ เมื่อวานแล้วว่าหล่อนค่อนข้างพูดตรงๆ (ปากไม่ดี) แต่ช่างฉลาด และที่น่าโมโห คือเพื่อนรักของเขานี่สิ...อัมพวากำลังนั่งหัวเราะ หล่อนหัวเราะจริงจัง แบบถ้าคนไม่ค่อยสนิทกันจะไม่ค่อยได้เห็นนัก
“ไอ้หมิ้น! แกหยุดหัวเราะเลยนะ” อัมพวายังคงขำอยู่ หล่อนเพิ่งรู้ นอกจากหล่อนกับสาวิชที่คอยสังเกตพวกนี้แล้ว ก็ยังมีคนสังเกตพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน
“ปลาทูว่า...พี่น่ะ! ไม่เป็นเกย์ก็เป็นตุ๊ด ไม่งั้นอย่างยายขวัญมีเหรอจะให้ผู้ชายแท้ๆ เข้าออกบ้านได้สะดวกแบบนี้ บ้านนี้ก็มีแต่ผู้หญิงจะปล่อยให้หลานสาวแสนสวยไปไหนมาไหนกับผู้ชายได้ยังไง ขืนมีผู้ชายเข้ามาแหยมไม่ดูตาม้าตาเรือ ปลาทูว่ายายขวัญได้ยิงปืนขึ้นฟ้าแน่ๆ“ ยามาวิเคราะห์ได้ตรงจุด จนนพคุณกับคเชนทร์นั่งเงียบวิเคราะห์ตาม ส่วนพริมาหล่อนไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไร เพราะรู้มาตั้งนานแล้ว
“ลูกแก้วไม่ได้บอกอะไรใครเลยนะคะ” พริมาหันไปบอกสาวิชที่ตอนนี้หรี่ตามองหล่อนอยู่
“ปกติก็เกลียดอยู่แล้วนะชะนีน่ะ ยิ่งเจอชะนีฉลาดยิ่งเกลียด!” นพคุณ และคเชนทร์อ้าปากค้างพร้อมกัน หมายความว่าอย่างไร? สาวิชเป็น...อย่างนั้นหรือ?
“นั่นไง!” ยามาตบแคร่เสียงดัง คเชนทร์ที่ไม่ได้สนใจสาวิชตั้งแต่แรก เขาเห็นแล้วว่าเพื่อนพริมาที่เจอกันเมื่อวานนั้นเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ออกจะหน้าตาดีที่สุดในนี้เสียด้วยซ้ำ และยิ่งเห็นสาวิชชอบคุยเล่นกับพริมาแล้วนพคุณ ฮึดฮัด เขาก็ยิ่งสะใจ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสาวิชจะ...โถ! เสียดายหน้าตาหล่อๆ...หล่อแบบนี้แล้วไม่ได้ใช้อย่างที่ธรรมชาติให้มาช่างเสียของจริงๆ นพคุณนึกทบทวน เขาพลาดอะไรไป? ตั้งแต่ที่ทะเลคราวก่อนมาจนถึงตอนนี้ทำไมเขาถึงไม่สังเกต หรือเพราะความหวงบังตา ไม่สิ! หวงบ้าหวงบออะไร แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะดูเหมือนเด็กหนุ่มหน้าตาดี (มาก) คนนี้จะเป็นที่ถูกอกถูกใจพริมาเป็นพิเศษ และเขาไม่ชอบใจเลย แต่ตอนนี้พริมาจะชอบเขามากแค่ไหนก็ได้...เขาโอเค โอเคมากๆ ยามาเห็นแล้วพอหล่อนถามสาวิช และได้คำตอบ ทุกคนทำหน้าแตกต่างกัน ไอ้หน้าหมีนี่หนักสุด หล่อนเห็นเขานั่งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น...อัมพวาก็เอาแต่หัวเราะ ส่วนเพื่อนของหล่อน...ยัยลูกแก้วนี่น่าจะรู้มานานแล้ว แต่คนที่น่าหมั่นไส้ที่สุดคือไอ้ขี้เก๊ก...ที่ตอนนี้นั่งยิ้มหน้าบานเกินความจำเป็น จะดีใจอะไรนักหนาที่รู้ว่าสาวิชไม่ใช่ชายแท้...ตอนนี้ยามายังไม่รู้ว่าสาวิชเป็นคิงหรือเป็นควีน...แต่หล่อนจะไม่ถามต่อหรอกนะ หมั่นไส้คนมีความสุข!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ