แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  30.67K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) ตลาดน้ำอัมพวา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากกลับจากเที่ยวทะเลเมื่อปีก่อน พริมาคุยติดต่อกับสาวิช            อยู่เสมอ สาวิชเรียนอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม แต่วันเสาร์อาทิตย์บางทีเขาจะมาเที่ยวที่กรุงเทพฯ พ่อเขาเป็นคนสมุทรสงครามส่วนแม่เป็นคนกรุงเทพฯ เขาชอบโม้กับพริมาว่าทั้งเขาและพริมานั้นเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน

“ลูกแก้วเป็นลูกครึ่งไทยสวิส ส่วนเราเป็นลูกครึ่งกรุงเทพฯสมุทรสงคราม” สาวิชมักจะรบเร้าเสมอให้พริมาไปเที่ยวสมุทรสงคราม

“ลูกแก้วมาสิมาเที่ยวแม่กลอง เดี๋ยวเราพาไปเดินตลาดน้ำอัมพวา มานอนบ้านเราก็ได้ ชวนแม่มาด้วยนะเราคิดถึงพี่พิมพ์”

“ได้สิ ไว้ลูกแก้วจะชวนแม่นะ อยากให้สองรู้จักปลาทูจัง”

“เราก็อยากให้ลูกแก้วรู้จักขมิ้น ลูกแก้วจะได้มาเห็นตัวจริงนังหมิ้นไง รับรองว่าตกใจแน่ๆ“ พริมาฟังเรื่องของคนที่ชื่อขมิ้นเสมอ สาวิชชอบพูดถึงทุกครั้งเวลาที่พวกเขาคุยกัน จนปีกว่าๆ มานี้หล่อนรู้สึกเหมือนสนิททั้งกับสาวิชและเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยเหมือนกัน

“ได้ๆ ถ้าลูกแก้วไปเที่ยวสองต้องพาพี่เค้ามาเจอนะ” พริมามารู้ทีหลังว่าสาวิชแก่กว่าหล่อนสองปี เขารุ่นราวคราวเดียวกับนพคุณ

“โอ้ย! ไม่ต้องเรียกเราว่าพี่หรอก แค่สองปีเอง” สาวิชบอกและพริมาก็ไม่ขัด พวกเขาเลยเรียกแทนตัวเองเหมือนคนรุ่นเดียวกันมาตลอด สุดสัปดาห์นี้พริมา จะไปเที่ยวอัมพวา หล่อนชวนภารดีที่เพิ่งจะหาเวลาว่างพาลูกสาวไปเที่ยวได้เสียที คุณนพรักษ์นั้นว่างเสมอเพราะเขาเป็นข้าราชการจึงหยุดทุกเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ส่วนภารดีนั้นวันหยุดไม่แน่นอน     บางทีวันธรรมดาถ้าหล่อนอยากหยุดหล่อนก็หยุดเสียอย่างนั้น พริมาชวนยามา ไปด้วยซึ่งดูหล่อนจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ และคเชนทร์จะตามไปด้วย

“นายรู้ได้ยังไง?” ยามาถามคเชนทร์ วันนี้เขาเดินลงมาจากชั้น 3 ชั้น ม.6 ของเขา มาที่ห้องพริมาที่อยู่ชั้น 1 ซึ่งเป็นชั้นของเด็ก ม.4

“ก็พี่พิมพ์ชวน” เขาหันไปยักคิ้วให้ยามา เขาเดินลงมานัดแนะกับพริมา ว่าพรุ่งนี้เขาจะเอารถมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่บ้านหล่อนและขึ้นรถที่นั่น

“เขาก็ชวนตามมารยาท นี่ก็ยังจะไปเนอะ”

“ก็เหมือนเธอไง มารยาทของเราสองคนก็คงจะเหมือนๆ กันน่ะแหละ” ตอนนี้เพื่อนๆในห้องเริ่มหันมามองแล้ว เพราะเสียงของยามานั้นไม่ได้เบาเลย คเชนทร์ก็เช่นกันยามาดังมาเท่าไหร่ เขาก็ตอบไปดังเท่านั้น

“โอเคค่ะ พี่ตุลย์ไปที่บ้านสักแปดโมงนะคะ ไปกินข้าวที่บ้านก่อนนะ” พริมารีบห้ามทัพ หล่อนหันไปมองรอบห้องวันนี้ชัยยศยังไม่ได้มาห้องนี้ เขาคงไปส่งของที่ห้องอื่นอยู่...ค่อยโล่งใจหน่อย คเชนทร์ไปแล้ว...เขาผิวปากสบายใจ เดินออกไปทิ้งยามาให้มองตาม หล่อนยังไม่หายคันปาก

“รีบไล่มันไปทำไม กำลังสนุกเลย” ยามาหันมาว่าเพื่อน พริมาส่ายหัว

“นี่ๆ ถ้าพวกแกมีลูกน่ะ ฉันขอตัวหนึ่งได้ป่ะ พ่อกับแม่...พันธุ์แท้ทั้งคู่เลย” ศศิธรหันมาบอก

“ต้องออกใบเพ็ดด้วยถึงจะมีราคา” อนาทินเข้าร่วมผสมโรง

“พวกแกไม่ต้องมาขอลอกการบ้านฉันเลยนะ” ยามาหาเป้าหมายใหม่ กำลังคันปากอยากด่าพอดี พวกนั้นแค่ยิ้มขำ เพราะรู้ดีเพื่อนแค่ด่าไปอย่างนั้น...มันเป็นสไตล์

วันเสาร์แปดโมงคเชนทร์มาตรงเวลาพอดี ยามามาก่อนแล้ว เพราะหล่อนนอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน.

“ตรงเวลาเชียวนะ” ยามาทักทาย

“แน่นอน...หล่อด้วยนะ” คเชนทร์ตอบพร้อมยักคิ้วแบบที่เขาชอบทำเป็นประจำ

“เกลียดจริง คิ้วนั่น”

“คิดถึงจังเลยมาอุ้มทีสิ”

“อุ้มบ้าอุ้มบออะไรของนาย” ยามาแหวใส่...หมอนี่นับวันยิ่งลามปาม

“ใครเขาจะอุ้มเธอ! ฉันหมายถึงไอ้นพคุณต่างหาก” เขาชี้ไปที่ไก่แจ้ของพริมาที่ตอนนี้ยามาอุ้มอยู่

“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเนี้ย? ถ้าเป็นลูกแก้วก็ว่าไปอย่างน่ารักน่าอุ้มหน่อย...อย่างเธอ” คเชนทร์มองยามาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหน้า

“ไม่ไหวๆ ไม่ใช่ตัวเล็กๆ นะ เรียกว่าลากแทนอุ้มเหอะถึงจะถูก” ยามาโยนไก่แจ้ของพริมาใส่คนปากเสีย มันตกใจบินไปเหยียบหัวเขาแล้วบินเลยไป

“เฮ้ย! เล่นอะไรของเธอเนี้ย” คเชนทร์บ่น แต่สาวน้อยหัวเสียเดินหนีเข้าบ้านไปแล้ว ก่อนออกจากบ้านพวกเขากินข้าวกันก่อน ตลอดเวลาคเชนทร์นั่งเล่นโทรศัพท์ไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป

“อะไรกัน...ตุลย์สุดหล่อมีแฟนเหรอเนี้ย?” ภารดีเป็นทักขึ้น          เรียกความสนใจให้คนรอบข้างหันมามอง นพคุณได้ยินเพื่อนในห้องพูดกันว่าตอนนี้มีสาวน้อยรุ่นน้อง ม.4 มาแอบหลงรักไอ้ตุลย์หน้าหมาอยู่ เด็กคนนั้นหน้าตาน่ารักท่าทางเรียบร้อย หล่อนไม่ได้สวยมากชนิดที่ต้องเหลียวหลังแบบแพรวพณิต หรือน่ารักใสซื่อแบบพริมา แต่เด็กคนนั้นมีเสน่ห์ช่างพูดจาทำให้หน้าตาธรรมดากลายเป็นสาวน้อยทรงเสน่ห์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขาไม่แน่ใจว่าเด็กคนนั้นชื่ออะไร แต่เคยเห็นหล่อนเอาของมาให้คเชนทร์ที่ห้องอยู่หลายหน

“ฟงแฟนที่ไหนกัน พี่พิมพ์ก็ว่าไป ผมไม๊มี๊ไม่มี” คเชนทร์ทำเสียงได้น่าหมั่นไส้อย่างที่สุด ยามาที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังเก็บข้อมูล หมอนี่มีสาวๆ มาชอบมากมาย แต่ไม่เคยเห็นเขาคุยส่วนตัวกับใครแบบนี้เลย...น่าแปลก!     นพคุณมองพริมา...ถ้าคเชนทร์มีแฟนแล้วพริมาล่ะ หล่อนชอบไอ้ตุลย์หน้าหมาหรือเปล่า? แล้วหล่อนจะเสียใจหรือเปล่า? พริมากำลังตั้งใจฟังแม่ของหล่อนกับคเชนทร์คุยกันอยู่...เขาดูไม่ออกว่าสีหน้าแบบนั้นหล่อนรู้สึกอย่างไร แต่ดูหล่อนจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย

 

“พี่พิมพ์นอนกับคุณลุง ยัยปลาทูกับไอ้คุณ แล้วลูกแก้วก็นอนกับพี่          ลงตัวพอดีเป๊ะ!” คเชนทร์ว่าพลางกอดคอพริมา พวกพริมามาถึงโฮมสเตย์ที่ภารดีจองไว้ใกล้ๆ กับตลาดก็เกือบเที่ยงพอดี พวกเขาออกจากบ้านมาตอนเก้าโมง แต่ก็แวะเที่ยวกันมาตลอดทาง

“ใจเย็นๆ ตุลย์ ให้พ่อกับแม่มาคุยให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนนะ ทำแบบนี้ ลูกแก้วเสียหาย แล้วไหนจะสาวน้อยที่ส่งไลน์กันดิ๊งดั๊งนั่นอีก ไม่ไหวๆ มันรุงรังเกินไป” ภารดีร่วมวงเล่นสนุกด้วย แต่มีคนที่ไม่สนุกเลยยืนหน้าหงิก...หงุดหงิด!

“เลิกพูดเล่น แล้วเอาของไปเก็บเถอะตุลย์” นพคุณพูดเสียงเย็น    เขาเหลือบมองเห็นไอ้ตุลย์หน้าหมายังกอดคอสาวน้อยอยู่ ทำไมหล่อนไม่เขยิบหนีออกมานะ? ให้มันยืนกอดคออยู่ได้!ภารดีนั่นก็แปลก...ปล่อยให้ผู้ชายถึงเนื้อถึงตัวลูกสาวตัวเองไม่ห้ามสักคำ

“ฉันไม่ได้พูดเล่นนะเว้ย” คเชนทร์เถียงทันควัน

“ไปๆ เอาของไปเก็บดีกว่าลูกแก้ว ยืนเป็นที่พักแขนอยู่ได้” กลายเป็นยามาที่เดินเข้ามาลากเพื่อนสาวของหล่อนให้ออกมา นพคุณมองอยู่เขาอยากให้รางวัลเพื่อนพริมา...หล่อนมาได้จังหวะพอดี เขาเผลอส่งยิ้มสะใจให้คเชนทร์ แต่ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เขาเหลือบไปเห็นภารดีมองอยู่ หล่อนเลิกคิ้วยืนมองเหมือนสังเกตพฤติกรรมของทุกคน...เป็นเขาที่ร้อนตัว นพคุณรีบขนของตัวเองเข้าที่พักไปทิ้งคเชนทร์ที่ยังยืนบ่นอยู่ว่าอยากนอนกับพริมา ภารดีขมวดคิ้ว หล่อนเผลอทำปากยื่นเหมือนกับที่พริมาชอบทำไม่มีผิด

“คิดอะไรอยู่คุณพิมพ์?” คุณนพรักษ์เดินเข้ามาทัก เขายิ้มมองภรรยาด้วยความเอ็นดู

“ก็แค่...อืม...สงสัยอะไรนิดหน่อยค่ะ” คุณนพรักษ์เลิกคิ้วแทนคำถาม   แต่ภรรยาสาวสวยของเขาเข้ามากอดแขน หล่อนอ้อนแบบนี้ทีไรใจเขาก็อ่อนยวบทุกที

“ไว้ให้พิมพ์แน่ใจก่อนนะ แล้วพิมพ์จะเล่าให้ฟัง” แม่เลี้ยงคนสวยของนพคุณหัวเราะคิกคัก

“คุณใจร้ายมากนะ ยิ่งทำแบบนี้ผมยิ่งอยากรู้” คุณนพรักษ์ยกแขนขึ้นโอบภรรยา หล่อนตัวเล็กนิดเดียว จึงกลายเป็นเหมือนไปซุกอยู่ใต้รักแร้เขาไม่มีผิด ภารดีเอามือโอบเอวเขาไว้

“เอาน่า...ลางสังหรณ์พิมพ์ไม่เคยพลาด น่าสนุกฮิฮิ” คุณนพรักษ์กอดภารดี นอกจากคุณอารีแล้วเขาไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้อีก แต่ภารดีทำให้ความคิดเขาเปลี่ยน...เปลี่ยนอย่างที่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน

 

พริมานัดแนะกับสาวิชว่าจะมาเจอกันเย็นนี้ และสาวิชจะพาเพื่อน         รักของเขามาด้วย

“นี่ปลาทู วันนี้จะได้เจอพี่ขมิ้นแล้วล่ะ”

“อ๋อ...คนที่ลูกแก้วบอกว่าเพื่อนของเขาทักผิดนึกว่าเป็นลูกแก้วน่ะเหรอ?” ยามาจำได้ พริมาไม่น่าจะเหมือนใครได้อีกก็ยังมีคนมาทักผิด หล่อนอยากเห็นแล้วสิว่าเด็กคนนั้นจะหน้าตาอย่างไร ช่วงเย็นภารดีจึงให้พริมานัดสาวิชมาเจอกันที่ร้านอาหารจะได้กินข้าวด้วยกัน ระหว่างนี้ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเดินเล่นได้ตามอัธยาศัย พริมาไปเดินเล่นกับยามาโดยมีคเชนทร์ตามไปเป็นช่างภาพ ช่วงนี้เขาบ้ากล้องขนาดหนักมาเที่ยววันนี้เขาก็ขนอุปกรณ์มาซะเต็มกระเป๋ามากกว่าของใช้ส่วนตัวของเขาเสียอีก

“นี่เสื้อผ้าไม่ได้เอามาเปลี่ยนเลยใช่ไหม? ถ้าจะใส่ชุดเดิมจนถึงพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาเดินใกล้เลยนะ รังเกียจ!” ยามาว่า หล่อนเห็นสัมภาระเขามีแต่อุปกรณ์กล้อง

“รังเกียจพี่ พี่เสียใจนะ” คเชนทร์ทำท่าจะเข้าไปกอด ยามารู้จักเขาดี หล่อนหลบทันเฉียดฉิว ผู้คนที่ตลาดมากมายเพราะเป็นวันหยุด กว่าจะเดินรอบครบทุกซอยก็คงจะเกือบเย็นพอดี

“ไปลูกแก้ว เดี๋ยวเราไปถ่ายรูปตรงโน้นกัน...น้องปลาทูไหม้จะไปด้วยก็ได้นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่ถ่ายให้รูปสองรูป” ยามาหมั่นไส้ในความมีน้ำใจของเขาอย่างยิ่ง

 

นพคุณไม่ได้ไปเดินเล่นที่ตลาด เขาไม่ชอบคนเยอะๆ และเขาก็ไม่           สนิทที่จะไปเดินกับยามาและคเชนทร์ สองคนนั่นน่ารำคาญ...พวกเขา กัดกันตลอดเวลา แต่หลังๆ มานี่ สิ่งที่เขาเคยกลัวก็เกิดขึ้น...ถ้าเขาอยู่ด้วย สองคนนั่นจะสงบศึกและหันมาเล่นงานเขาแทน พวกนั้นนิสัยเหมือนเด็ก     เขาไม่ไปเล่นด้วยให้เสียเวลาเด็ดขาด ปล่อยให้เด็กๆ ไปวิ่งเล่นเถอะ ผู้ใหญ่อย่างเขาอยู่ที่นี่ดีกว่า...ช่างเงียบสงบดีแท้

รอจนใกล้เวลานัด ร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากที่พัก พวกเขาเห็นร้านตั้งแต่มาถึงแล้ว เลยนัดกันว่าให้แต่ละคนไปเดินเล่นแล้วไปเจอกันที่ร้านอาหารในตอนเย็น นพคุณดูเวลาเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมง เขาสามารถไปเดินเล่นก่อนได้ เขาปิดหนังสือที่อ่านมาตลอดบ่าย แล้วออกไปเดินเล่นดูผู้คนข้างนอก บรรยากาศตอนนี้เริ่มเย็นสบาย เพราะแดดเริ่มอ่อนลงมากแล้ว ตลอดทางที่เดินมีของขายเยอะแยะไปหมด แต่ผู้คนไม่น่าจะลดลงเพียงแต่ว่าเดินเล่นเวลานี้ให้ความรู้สึกสบายกว่าตอนกลางวัน ระหว่างทางที่เดินไปนั้นนพคุณเห็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขา...คุ้นเคยเหมือนเคยเห็นที่ไหน? จังหวะที่เหลียวไปมองนั่นเองเขาชนเข้ากับคนคนหนึ่ง ทำเอาทั้งคู่เซกันไปเล็กน้อยดีที่คนค่อนข้างเยอะจึงทำให้เดินได้ไม่เร็วมาก การชนจึงไม่ถึงกับทำให้ใครล้มลงไปได้

“อุ๊ย!” เสียงผู้หญิง...ตอนแรกนพคุณไม่รู้ว่าชนกับใคร รู้แต่ว่าคนที่เขาชนนั้นตัวเล็กกว่า แต่ยังไม่เห็นว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

“ขอโทษครับ เป็นอะไรรึเปล่า?” เขากล่าวพร้อมกับคว้าตัวหญิงสาวไว้ได้ทัน ก่อนจะเซไปไกลกว่านี้ นพคุณขอโทษเพราะรู้ตัวว่าผิด ก่อนชนนั้นเขามัวแต่หันไปมองเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่อีกฝั่งถนน

“ไม่เป็นไร ต้องขอโทษด้วยเหมือนกันค่ะ”

“เอ๊ะ?” นพคุณเผลออุทานเมื่อเห็นหน้าของคนที่เขาชนได้ถนัดตาเป็นครั้งแรก

“ขมิ้น!” เสียงเรียกชื่อทำให้นพคุณรู้สึกตัว เขาหันไปมองคนต้นเสียง คนที่ทำให้เขาเหลียวมองจากฝั่งนี้จนถึงกับไปชนเข้ากับคนอื่น

“สอง!” ใช่สาวิชจริงๆ นพคุณได้ยินเด็กสาวคนที่เขาชนเอ่ยชื่อเขา

“เอ๊ะ?” คราวนี้เป็นเสียงสาวิชบ้างที่แปลกใจ เขาจำนพคุณได้

“คุณ” สาวิชเรียกพร้อมฉีกยิ้มกว้าง นพคุณยิ้มตอบพร้อมมองสลับไปมาระหว่างสองคน

“เหมือนใช่ไหม?” สาวิชเลิกคิ้วเชิงถาม

“คล้ายๆ แต่ถ้าเห็นแวบแรกก็เหมือนกันมาก” นพคุณตอบสาวิช     แต่สายตาเขากลับจ้องไปยังผู้หญิงตรงหน้าอย่างสงสัย

“ตอนเห็นลูกแก้วครั้งแรกผมเกือบจะเข้าไปกอดเลย” สาวิชเล่าถึงความหลังครั้งที่เจอพริมาที่ชายหาด นพคุณขมวดคิ้ว...จะเข้าไปกอดได้ยังไง? แต่สาวิชไม่ได้ยิน เพราะนพคุณแค่นึกในใจ เขายังคุยจ้อเรื่องที่เจอพริมาไม่หยุด

“แกจะเข้าไปกอดผู้หญิงมั่วๆ ตามท้องถนนไม่ได้หรอกนะ ใครเห็นเข้า เค้าจะหาว่าแกบ้ากาม”

“หืม? หล่อๆ แบบนี้นี่นะบ้ากาม มีแต่คนเค้าอยากให้กอด” สาวิชไม่พูดเปล่า เขาเข้าไปกอดเด็กสาวไว้แน่น เล่นเอานพคุณมองตาโต

“แกอย่ามาเล่นบ้ากลางถนนแบบนี้นะ” สาวิชหัวเราะ แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ได้ว่าเขาจริงจังนัก นพคุณไม่แน่ใจว่าสองคนนี่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

“นี่เพื่อนเราเองชื่อขมิ้นนะ ส่วนคนนี้นพคุณ”

“แล้วพี่พิมพ์ล่ะ?” อัมพวาสงสัยเพราะสาวิชไม่ได้บอกว่าจะมาเจอใครบ้าง หล่อนจึงรู้จักแค่ภารดีกับพริมา

“เอ้อ...” นพคุณเห็นเพื่อนภารดียืนเกาหัวไม่รู้จะลำดับญาติ          แม่เลี้ยงของเขาอย่างไรดี จึงพูดตัดบทเพราะถ้าให้ยืนอธิบายกันตรงนี้คงยาว
                “เราเดินไปที่ร้านพร้อมกันไหม? หรือพวกเธอจะแวะไปที่ไหนก่อนรึเปล่า?” อัมพวาหันมายิ้มให้เขา รอยยิ้มนี้เขาคุ้นเคย...นอกจากแวบแรกที่เห็นว่าเหมือนกันแล้ว แต่รอยยิ้มนี่สิเหมือนคนคนเดียวกันมากกว่า ถ้าจะดูอย่างตั้งใจแล้วอัมพวากับพริมาค่อนข้างคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่ทำให้ยังแยกกันออก เพราะส่วนสูงของสาวน้อยทั้งสองคนไม่เท่ากัน อัมพวาดูตัวสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่หน้าตาผิวพรรณทั้งคู่จัดว่าละม้ายคล้ายกันเป็นอย่างมาก และที่เหมือนที่สุดคือดวงตา...ตาสีน้ำตาลอมเขียว นพคุณเคยสังเกตสีตาของพริมาดูบางครั้งก็เป็นสีเทา คงแล้วแต่มุมมองของแสง แต่ถ้าดูชัดๆ สีตาของสาวน้อยเป็นสีน้ำตาลออกเขียวๆ แปลกและสวย เพราะเด็กนั่นนั่นแหละที่มีตาสีแปลก...ทำให้บางทีเขาก็ชอบเผลอไปมอง

“แฮ่ม!” สาวิชกระแอมเบาๆ เรียกใครบางคนออกจากภวังค์          นพคุณยิ้มแก้เขิน เขาเสมองไปทางอื่น

“คิดถึงคนที่ไม่ได้อยู่แถวนี้รึเปล่า?” สาวิชแซว

“พวกเราไม่มีธุระที่ไหนหรอก เรากับสองนัดเจอกันแถวนี้แหละ      ว่าจะเดินไปพร้อมกัน ก็มาเจอนายนี่แหละ” อัมพวาหันไปบอก หล่อนไม่เข้าใจที่สาวิชพูด ปกติอัมพวาจะไม่ชอบคุยกับผู้ชาย นอกจากสาวิชแล้วอัมพวา มีเพื่อนไม่มากนัก ยิ่งเพื่อนผู้ชายหล่อนไม่ชอบคุยด้วยสักเท่าไหร่ เพราะพวกผู้ชายชอบผู้หญิงสวย ถ้าไม่สวยก็มักจะโดนนินทาหรือโดนแกล้ง หล่อนโดนมาหมดทุกอย่าง แต่พักนี้พวกนี้มาแปลก ทั้งพวกที่เคยว่าหล่อนหรือพวกที่เคยแกล้งหล่อน หลังๆ มานี่พวกนี้ทำดีกับหล่อน

“ดีจากหลังตีนเป็นหน้ามือเลย” สาวิชเคยบอก และหล่อนก็เห็นตามนั้น อัมพวาจึงไม่ชอบคุยกับพวกเด็กผู้ชาย หล่อนคิดว่าพวกนี้ไม่จริงใจ

“ไม่ใช่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ตอแหล ผู้ชายบทจะตอแหล ก็ตอแหลได้เก่งกว่าผู้หญิงซะอีก ” สาวิชคนเดิมเป็นคนบอก

“เพราะแกสวยไง๊! ลองสกปรกเกรอะกรังแบบตอนเด็กๆ สิ ใครมันจะมาเหลียว ยกเว้นฉันนะ! ฉันเป็นเพื่อนกับแกตั้งแต่แกยังเป็นลูกเป็ด ฉันตาแหลม มองดูป๊าดเดียวก็รู้แล้วว่าแกน่ะสวย แกน่ะเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง” สาวิชคนเดิมเป็นคนบอก อัมพวาชักไม่แน่ใจ...ที่หล่อนอคติกับผู้ชาย เพราะที่พวกนั้นแกล้งหล่อน หรือเพราะที่สาวิชพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน แต่กับนพคุณหล่อนก็ยังแปลกใจที่ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบหรือรังเกียจเขาแบบพวกผู้ชายทั่วไป

“งั้นเรารีบเดินไปที่ร้านกันเถอะ พี่พิมพ์ไลน์มาบอกว่าทุกคนไปถึงกันหมดแล้ว เหลือเราสามคน” สาวิชก้มอ่านไลน์แล้วหันมาบอก พวกเขาจึงรีบเดิน ตลอดทางจึงไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก ร้านอาหารตั้งอยู่ริมแม่น้ำ เป็นเรือนไม้คล้ายๆ กับบ้านส่วนใหญ่ที่อยู่แถวๆ นี้ นพคุณคาดว่าเดิมทีคงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่เจ้าของดัดแปลงตกแต่งจนเป็นร้านอาหารและมันดูเข้ากันดีกับบรรยากาศรอบข้าง บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่และมีพื้นที่รอบๆ จึงไม่ได้ดูแออัดเหมือนตึกแถวในโซนตลาด ลูกค้าจึงได้ทั้งบรรยากาศใต้ร่มไม้และริมแม่น้ำไปพร้อมกัน

“ร้านนี้แพงเหมือนกันนะเนี้ย เคยแต่ผ่านไม่เคยคิดแวะอยากกิน” สาวิช หันไปกระซิบกับเพื่อน ตอนนี้คนในร้านที่กำลังรออยู่ เห็นพวกเขาแล้ว พริมาลุกขึ้นวิ่งออกมาอย่างตื่นเต้น นพคุณขมวดคิ้ว เด็กนั่นจะวิ่งทำไม ขาก็สั้นออกแบบนั้นเดี๋ยวก็ได้เรื่องล้มหน้าคะมำอีกจนได้ และเป็นดังคาดจริงๆ สาวน้อยกำลังจะล้ม แต่สาวิชเห็นแล้วและเขาอยู่หน้าสุด เด็กหนุ่มจึงคว้าตัวพริมาไว้ได้พอดี นพคุณเห็นคเชนทร์กับยามาลุกขึ้นยืน แต่เมื่อเห็นว่าไม่เป็นไรพวกนั้นจึงนั่งลงตามเดิม

“เห็นไหมขมิ้น สาวๆ มีแต่จะวิ่งเข้ามากอดฉัน” สาวิชหันไปยักคิ้วให้อัมพวา

“แล้วเราน่ะ จะวิ่งทำไม? ถ้าล้มหน้าฟาดไปก็หมดสวยกันพอดี” นพคุณ พยักหน้าสาวิชพูดได้ตรงใจพอดี

“ลูกแก้วดีใจนี่นา ลูกแก้วคิดถึงสองจะแย่” พริมาเงยหน้ามองสาวิช สาวน้อยยิ้มสดใส คนอื่นที่ยืนอยู่อีกสองคนมองอยู่ คนหนึ่งประหลาดใจ...สาวน้อยคนนี้หน้าตาละม้ายคล้ายหล่อนไม่มีผิด ส่วนอีกคนหงุดหงิดใจ...หล่อนรู้จักคำว่าคิดถึงมากน้อยแค่ไหน แล้วคิดถึงนี่คิดถึงยังไง? พริมาเหลือบไปเห็นอัมพวา หล่อนมีสีหน้าแปลกใจไม่ต่างกัน ผู้หญิงคนนี้...

“อุ๊ย!” แทนความประหลาดใจพริมาเผลออุทานออกมา เรียกเสียงหัวเราะให้สาวิช เขาตั้งท่ารออยู่แล้วว่าถ้าสองคนนี้เจอกันจะทำหน้ายังไง

“อุ๊ย!” คราวนี้พริมาอุทานอีกเป็นครั้งที่สอง หล่อนหันไปเห็นนพคุณที่ตอนนี้ยืนหน้าคว่ำ...คุณชายใหญ่ทรงพิโรธอีกแล้ว คราวนี้เรื่องอะไรหนอ?   สาวิชอีกเช่นเคย เขารอดูอยู่ อืม...เล่นใหญ่อีกสักหน่อยคงจะดี

“ใช่ลูกแก้วคนเดียวซะที่ไหนล่ะที่คิดถึง สองก็คิดถึงเหมือนกัน ไหนๆ มากอดดีๆ สิ ไม่ใช่วิ่งมาชนแบบนี้” สาวิชอ้าแขนกว้าง พริมาไม่รีรอหล่อนเข้าไปกอดชายหนุ่มแน่น อัมพวายืมมองหล่อนไม่แปลกใจเพราะสาวิชเล่าเรื่อง พริมาให้ฟังอยู่บ่อยๆ หล่อนรู้จักพริมามาตลอดเพียงแต่ว่าไม่เคยเจอกันสักที วันนี้ได้เจอกันแล้วหล่อนรู้สึกดีใจอย่างประหลาด อาจเป็นเพราะได้ฟังเรื่องของพริมาเสมอจนทำให้รู้สึกเหมือนสนิทและรู้จักกันมานาน อัมพวาเหลือบไปมองนพคุณเขาคงดีใจเหมือนกัน เพราะพวกเขาก็รู้จักกันมาก่อน...แต่ไม่ใช่แบบที่คิด อัมพวาขมวดคิ้ว หล่อนเป็นพวกความรู้สึกไว นพคุณคนที่ยิ้มสุภาพที่หล่อนเจอเมื่อกี้ ตอนนี้ยืนหน้าคว่ำ ถ้าคิ้วเขาผูกปมได้ มันคงผูกปมได้หนึ่งปมและแถมโบว์อีกหนึ่งอันทีเดียว สาวิชหันมาทางอัมพวา เขาเอาข้อศอกกระทุ้งเพื่อน...แกคิดเหมือนฉันใช่ไหมล่ะ?

“ซึนเดเระ” สาวิชหันมาพูดกับอัมพวา เด็กสาวพยักหน้าตอบ      หล่อนไม่เคยเจอผู้ชายแบบนี้กับตัว เคยเจอแต่ผู้ชายตอแหล เจอซึนเดเระก็น่ารักดีเหมือนกัน

“ต้องแกล้งสิ จะได้หายซึน” สาวิชกระซิบกระซาบกับเพื่อน พริมากับนพคุณไม่เข้าใจพวกนี้ใช้รหัสลับอะไรกัน

“เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ” นพคุณตัดบท (เดี๋ยวจะมายืนกอดกันจนเช้าไม่ได้กินข้าวกันพอดี)

“เดี๋ยวก่อนสอง ลูกแก้วคิดอะไรออกแล้ว” พริมาดึงชายเสื้อสาวิช พร้อมกระซิบอะไรบางอย่าง

“ตกลงให้เราเข้าไปก่อนพร้อมหมิ้นเหรอ?”

“อืม เล่นให้เนียนล่ะ แม่ต้องแปลกใจมากๆ เลย” สาวิชและอัมพวาเดินเข้าไปในร้าน นพคุณกำลังจะเดินตามเข้าไป แต่พริมาดึงมือเขาไว้

“ยืนดูตรงนี้ดีกว่าค่ะ ลูกแก้วอยากรู้แม่จะทำหน้ายังไง?” หล่อนดึงนพคุณให้หลบออกมายืนห่างๆ แต่มองเห็นหน้าทุกคนชัดเจน

“แอบดูตรงนี้เห็นชัดเลย” พริมาพูดสายตาก็มองไปที่โต๊ะ

“ใช่...เห็นชัดเลย” นพคุณไม่ได้มองไปที่โต๊ะแต่เขาเผลอมองตา       สีน้ำตาลอมเขียวนั่นอีกแล้ว ตากลมๆ โตๆ เหมือนลูกแก้วสมชื่อหล่อนเลย  แต่ชื่อของหล่อนก็แปลได้หลายความหมาย เหมือนแก้วตาดวงใจ...สำหรับเขาหล่อนเป็นแบบไหนนะ? พริมาไม่รู้ตัว...หล่อนไม่เคยระวังตัว หล่อนใกล้ชิดผู้ชายทุกคนได้อย่างสนิทใจ ผู้ชายที่อยู่ใกล้หล่อนต้องรักและเอ็นดูหล่อนไปหมด ทั้งพ่อเขา คเชนทร์ สาวิช...และตัวเขาก็ด้วยไหมนะ? ขณะที่นพคุณกำลังจะหงุดหงิด สาวน้อยก็หัวเราะและหันมาบอกเขา

“ไปกันเถอะค่ะ ทุกคนทำหน้าตลกจัง” พริมาจูงมือนพคุณเดินไปที่โต๊ะ เด็กหนุ่มมองมือตัวเองที่เด็กหญิงจับอยู่...เขาสะบัดมือออก แล้วเดินนำหน้าหล่อนไปอย่างไว เขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ เขาจะไม่หลงกลเด็กนี่เป็นอันขาด พริมาได้แต่ยืนงงมองตามแผ่นหลังของเขาไป นี่หล่อนทำผิดอีกแล้วหรือ? พริมาเดินมาที่โต๊ะทุกคนยังทำหน้าประหลาดใจไม่หาย              ยิ่งเห็นหล่อนนั่งลงข้างๆ อัมพวาทุกคนในโต๊ะยิ่งเงียบเหมือนพูดอะไรไม่ถูก

“เมื่อกี้แม่เกือบทักผิดอยู่เหมือนกันนะ แหม! แต่ใครจะจำลูกตัวเองไม่ได้กันล่ะ” ภารดีหันมาเล่า

“ลุงสิ ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ ดูเผินๆ เหมือนกันมากเลย” คุณนพรักษ์ยังแปลกใจไม่หาย

“ปลาทูไม่พลาดหรอก เพื่อนทั้งคนจำได้”

“อย่าๆ ฉันเห็นเธอพึมพำว่าลูกแก้วไปเปลี่ยนชุดตอนไหนอยู่เลยเมื่อกี้นี้” ยามาหมั่นไส้ถองคเชนทร์ไปทีหนึ่ง เขารู้อยู่แล้วเลยหลบทัน สาวิชแนะนำอัมพวาให้ทุกคนรู้จัก

“ชื่ออัมพวานี่ใครตั้งให้เหรอ?” คุณนพรักษ์สงสัย เด็กสาวลูกครึ่งแต่ชื่อไทยแถมเป็นชื่ออำเภอที่พวกเขากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ในตอนนี้

“แม่ค่ะ...อืม ตอนตั้งชื่อให้ก็คงไม่คิดว่าจะได้กลับมาอยู่ที่นี่มั้งคะ    คงจะใช้แทนความคิดถึง” เด็กสาวตอบไปเรื่อย แต่สายตาเหมือนคิดถึงใครบางคน

“ตอนแรกคงจะอยากตั้งชื่อให้ว่าแม่กลองแหละ แต่มันไม่ใหญ่เท่าอำเภอเลยเลือกใช้ชื่ออำเภอแทน” สาวิชเสริม

“งั้นหนูก็เป็นลูกครึ่งเหรอจ๊ะ?” ภารดีถามบ้าง ลูกครึ่งอะไรหนอหน้าตาเด็กสาวถึงมาละม้ายคล้ายลูกสาวหล่อนได้

“น่าจะใช่มั้งคะ หมิ้นก็จำหน้าพ่อไม่ได้แล้วเหมือนกัน ตอนพ่อออกจากบ้านไปหมิ่นก็ยังเด็ก” เด็กสาวทำท่านึก นพคุณอึดอัดพวกนี้จะซักอัมพวาไปทำไม เขาฟังคำตอบแรกของหล่อนก็พอจะเดาได้แล้วว่าอัมพวาน่าจะมีปัญหาทางบ้านอะไรสักอย่าง...คนพวกนี้ไม่มีเซ้นส์เอาซะเลย

“ที่บ้านพี่ขมิ้นทำสวนขมิ้นเหรอคะ? ลูกแก้วอยากไปเที่ยวจัง นอกจากขมิ้นแล้วมีผลไม้อื่นๆ อีกไม๊?” พริมาชวนคุยบ้าง

“มีสิ ยายพี่ปลูกมะพร้าวแล้วก็ชมพู่ ลำไย มีทุกอย่าง อย่างละนิดอย่างละหน่อย” อัมพวาหันไปตอบคนที่นั่งข้างหล่อน

“ว้าว ลูกแก้วอยากไป” พริมาดูตื่นเต้น หล่อนยังไม่เคยเห็นบ้านสวนจริงๆ ที่มีสวนผลไม้อยู่ในบริเวณบ้านเลยสักครั้ง

“อย่างละนิดอย่างละหน่อยอะไรกันล่ะ! ยายขวัญน่ะผู้ค้ารายใหญ่ของจังหวัดเลยนะ สวนแกมีร้อยเอเคอร์ได้ล่ะมั้ง” อัมพวาส่ายหัวสาวิชพูดมากไปเสมอ

“อย่าไปสนใจเลยค่ะ ไอ้วิชมันชอบเล่นใหญ่ จะเล่าอะไรก็ใหญ่ไว้ก่อนเสมอ ...ถ้าลูกแก้วว่างก็ไปเที่ยวได้นะ ยายน่าจะแปลกใจ” อัมพวาคิดถึงยายของหล่อน ถ้ายายหล่อนเห็นพริมาคงแปลกใจน่าดู พวกเขากินข้าวกันนั่งคุยกันไปจนเกือบสามทุ่ม ภารดีถ่ายรูปลูกสาวกับอัมพวาไว้หลายรูป รวมถึงตัวหล่อนและเด็กสาวด้วย

“นี่ถ้าใครมาบอกว่าคุณไปมีลูกสาวแอบไว้ที่บ้านสวนอีกคนผมคงจะเชื่อนะเนี้ย”

“นั่นสิคะ! ฉันเองก็เชื่อเหมือนกัน”

“ฮ่าๆ คุณจะเชื่อด้วยนี่นะ” คุณนพรักษ์ขำกับมุขของภารดี หล่อนจะเชื่อข่าวลือด้วยอีกคนได้อย่างไร แต่ถ้าไม่เห็นกับตาเขาคงคิดว่าอัมพวาเป็นญาติหรือไม่ก็พี่น้องของพริมาแน่ๆ เพราะดูบางมุมพวกหล่อนคล้ายกันมากหยั่งกะฝาแฝด!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา