แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  30.61K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) เพื่อนใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แม้จะขึ้น ม.4 แล้ว แต่เพื่อนในห้องก็ยังคงมีพวกหน้าเดิมๆ อยู่หลายคน                 ยกเว้นมาริสา ที่ ม.4 หล่อนเลือกเรียนสายวิทย์ จึงแยกไปอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่บางครั้งหล่อนก็จะมาขลุกอยู่กับพวกเพื่อนเก่าอยู่บ่อยๆ ยามาเลือกเรียนสายศิลป์ หล่อนเล่าว่าทะเลาะกับแม่อยู่เป็นเดือน เพราะว่าแม่อยากให้เป็นหมอ

“จะอะไรกับหมอนักหนา อาชีพอื่นที่หาเงินได้เยอะกว่าหมอก็มี   ปลาทูจะหาเงินให้เยอะกว่าและทำงานสบายกว่าอีกด้วยคอยดู” ยามาร้องไห้บ่นกับภารดีตอนที่หล่อนทะเลาะกับแม่

            “มันอนาคตของปลาทูนะ จะไปแข่งกับใครทำไม?” พริมาได้แต่นั่งฟังเพื่อนบ่น หล่อนโชคดีที่แม่ไม่บังคับอะไรเลย จะไม่เรียนต่อก็ยังได้ แต่ถึงพริมาจะไม่ชอบเรียนหนังสือแต่หล่อนก็รู้อะไรควรทำไม่ควรทำ

            “แม่หาว่าปลาทูติดเพื่อน! และที่เรียนสายศิลป์ก็เพราะตามเพื่อน...แม่ยังไม่รู้เลยว่าปลาทูชอบอะไร” ยามาพูดไปร้องไห้ไป แต่หล่อนก็ใจแข็งยืนยันหนักแน่นว่าหล่อนจะเรียนตามใจตัวเอง ไม่เรียนตามใจแม่

“ปลาทูหาค่าเทอมเองก็ได้...ทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายก็เยอะอยู่แล้ว          ถ้าจะเรียนหมอก็ต้องหาทุน ความอยากกับสิ่งที่เป็นไปได้น่ะมันสวนทางกันนะ” ภารดีเสนอจะออกค่าเทอมให้และถ้ายามาเป็นหมอแล้วค่อยเอาเงินมาใช้หล่อน

                “ไม่เอาหรอกค่ะ...ค่าเทอมก็ส่วนหนึ่ง แต่ปลาทูไม่ได้อยากเรียนหมออยู่แล้ว”

“งั้นมาทำงานให้พี่ เดี๋ยวให้เงินเดือนเท่า ป.ตรีเลย สนใจไหม? จบ ม.3 ได้เงินเท่า ป.ตรี” ยามามองภารดีตาโต เท่าที่รู้ภารดีเป็นผู้จัดการตลาด หล่อนจะฝากงานให้อย่างนั้นหรือ? ภารดีคงเส้นใหญ่ไม่เบา เพราะฝากงานให้เด็กอย่างหล่อนไม่พอ ยังเรียกเงินเดือนให้หล่อนได้อีกด้วย

            “เอาแค่เงินเดือน ม.3 พอค่ะ แค่ช่วยได้ปลาทูก็ขอบคุณมากแล้ว”  ยามาไม่อยากให้ภารดีเสียชื่อ และหล่อนไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นเด็กเส้น

            “ก็ได้ อืม...8,000 พอได้ไหม?” ภารดีให้ข้อเสนอ และนั่นมันมากกว่าที่ยามาคิดเสียอีก

                “แต่ปลาทูจะทำงานยังไง?” เด็กสาวอยากทำงานแต่หล่อนก็ยังต้องเรียน

                “เข้าไปวันเสาร์ อาจจะมีวันอาทิตย์บ้าง ที่เหลือเอาไปทำที่บ้านโอเคไหม?”

            “ได้ค่ะ” เด็กสาวยกมือไหว้แม่ของเพื่อน ถ้าหล่อนได้เงินมาช่วยแม่ อย่างน้อยก็ในส่วนของค่าเทอมก็น่าจะดีขึ้นบ้าง

“ดีๆ พี่จะให้ปลาทูทำบัญชีตลาดนะ ดูร้านค้าด้วยไม่ยากหรอกทำไปสักพักก็ได้เอง เดี๋ยวสอนให้ คราวนี้พี่จะได้มีเวลาไปเที่ยวช้อปปิ้งซื้อของบ้าง อยากไปเดินดูเองมั่ง เบื่อช้อปปิ้งออนไลน์แล้ว” ยามาคิดคำนวณตาม...บางทีภารดีอาจจะแบ่งเงินเดือนของหล่อนมาให้ยามา ถ้าเงิน 8,000 บาท แบ่งให้คนอื่นง่ายๆ แบบนี้ เงินเดือนภารดีจะมากขนาดไหน

            “คอยดูนะปลาทูจะเรียนจบที่อยากเรียนและทำงานให้ได้เงินเยอะๆ แม่จะได้รู้ว่าปลาทูไม่ได้ดื้ออยากเอาชนะแต่ปลาทูทำได้จริง”

 

ในห้องพริมาแม้จะมีเพื่อนเก่าๆ อยู่หลายคน แต่ก็มีเพื่อนใหม่ที่มา        จากโรงเรียนอื่นอยู่เกือบครึ่ง ในห้องมีการโหวตหัวหน้าห้องใหม่และเสียงส่วนใหญ่เลือกยามา เพราะมาริสาไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแล้ว มีคนลงแข่งเป็นหัวหน้าห้องด้วยคนหนึ่ง พริมาไม่เคยเห็นหน้าหล่อนมาก่อน แต่มารู้จักชื่อตอนที่ให้เพื่อนๆ โหวตคะแนน เธอคนนั้นชื่อพลอยใส...หล่อนมาจากโรงเรียนอื่น ที่มาเรียนต่อม.4 ที่นี่ หล่อนมีเพื่อนมาด้วยสองสามคนและเพื่อนๆ หล่อนนั่นเอง ที่เป็นคนเสนอชื่อ ตอนได้ยินชื่อตัวเองพลอยใสดูเขินๆ หล่อนหันไปตีแขนเพื่อนที่เสนอชื่อหล่อน เด็กสาวดูเป็นคนร่าเริงและยิ้มเก่ง หล่อนแจกยิ้มและแนะนำตัว พริมาคิดว่าพลอยใสมีเสน่ห์...ไม่ใช่สวยในแบบแรกเห็น แต่พอยิ่งมองถึงเห็นว่าสวยและท่าทางกิริยาที่น่ารักของหล่อนนั่นแหละที่เพิ่มเสน่ห์ให้เด็กสาวหน้าตาธรรมดาดูมีเสน่ห์ดึงดูดและน่ามอง แต่เพราะเพื่อนในห้องมีเด็กโรงเรียนเก่ามากกว่าและส่วนใหญ่จะรู้จักกันมานานพวกนั้นเลยลงคะแนนเลือกยามาเป็นหัวหน้าห้อง ได้คะแนนเสียงนำ...มติเป็นเอกฉันท์!

“งั้นฉันขอสละสิทธิ์ได้มะ มีคนเต็มใจทำหน้าที่แบบนี้ก็เหมาะแล้ว” ยามาออกความเห็นเพราะหล่อนไม่ได้อยากเป็นหัวหน้าห้องตั้งแต่แรก

“ไม่ได้! แกซี้ ผ.อ. ได้ผู้มีอิทธิพลเป็นหัวหน้าห้องน่ะดีแล้ว มีอำนาจต่อรองกับอาจารย์” เพื่อนคนหนึ่งออกความเห็น เพราะปีที่แล้ว ยามาอยู่ๆ ก็ได้อยู่ห้องเดิมทั้งที่ชื่อหล่อนอยู่ห้อง 1 จนหลายคนลือกันว่ายามาเป็นหลาน ผ.อ.

“ใช่...ไอ้ปลาทูเรียนเก่ง คุยภาษาเดียวกับอาจารย์ได้ ส่งไปเป็นผู้แทนราษฎรน่ะเหมาะแล้ว” ศศิธรเห็นด้วยอย่างแข็งขัน ปีนี้หล่อนก็ยังอยากมีเพื่อนเป็นหัวหน้าห้องเหมือนปีก่อน (มาริสาไม่ได้เรียนห้องนี้) เป็นเพื่อนกับหัวหน้าห้องมันก็ยืดได้เหมือนกันเว้ย...

“ไม่เอาเว้ย! ฉันในฐานะหัวหน้าห้องในตอนนี้ขอสั่งให้พวกแกเลิกโหวตฉันเป็นหัวหน้าห้อง และยกหน้าที่นี้ให้พลอยใสแทน อย่ามาบังคับไม่ชอบ!”   เห็นท่าเท้าสะเอวของเพื่อนพวกที่มาจากโรงเรียนอื่นนั่งมองอย่างตกตะลึง       แต่พวกเพื่อนเก่าๆ เห็นจนชินตาเสียแล้ว

“ตกลงเธอเป็นหัวหน้าห้องนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอก” ยามาตบไหล่พลอยใส ก่อนเดินกลับไปนั่งที่ ก่อนนั่งหล่อนและยังมีน้ำใจหันไปแลบลิ้นใส่ศศิธรที่นั่งมองอยู่ด้วย

 

            ขึ้น ม.4 และตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามีใครเป็นดาวเด่น...ภารดีนั่ง        ฟังยามาเล่าเรื่องที่โรงเรียนก็คิดตามและนั่งขำ ความคิดของเด็กๆ ที่จัดลำดับหน้าตาของเพื่อน...ในวัยนี้สิ่งที่ดึงดูดความสนใจคงเป็นแค่เรื่องหน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น หล่อนเคยผ่านมาแล้ว สมัยเรียนภารดีติด 1 ใน 10 สาวงามประจำโรงเรียนและหล่อนก็ภูมิใจนักหนา แต่ใครจะคิดว่าเป็นคนดังในตอนนั้นก็ใช่ว่าโตขึ้นมาจะได้ดีกันเสียที่ไหน หล่อนเองก็หลงไปกับสิ่งพวกนั้นจนเกือบถอนตัวไม่ขึ้น ภารดีได้ข่าวมาบ้างว่าสาวงามสิบคนเพื่อนเก่าของหล่อนสมัยนั้น...ได้ดีจริงๆ ไม่ถึงสามคน และหล่อนไม่ได้อยู่หนึ่งในสาม ที่เหลือก็พื้นๆ ธรรมดาทั่วไป ภารดีเคยเจอเพื่อนคนหนึ่ง (หนึ่งในสิบสาวงาม) ที่ตลาด...ตอนนี้จากสาวงามในตอนนั้นเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้

“ไอ้พิมพ์!” ผู้หญิงคนหนึ่งเรียกหล่อนที่ตลาด ภารดีหันไปมอง...หล่อนต้องคิดอยู่ตั้งนานว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร...อืม ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่หล่อนคนนั้นดูแก่กว่าภารดีหลายปีอยู่ หรือจะเป็นรุ่นพี่...ใครหว่า?

“กูเอง...แต๋มไง!” ภารดีนึกย้อนถึงความหลังสมัยเรียน เพื่อนชื่อแต๋ม หล่อนมีคนเดียว และแต๋มคนนั้น...พวกหล่อนแข่งกันสวยมาหลายเทอม     แต่แต๋มคนนี้...ไม่เหลือเค้าเลย

“อืม...พอดีกูยังลดไม่ลงน่ะ เพิ่งคลอดลูก” แต๋มบอกเพราะอ่านสายตาเพื่อนออก

“ก็อย่างว่าคนมันมีผัว...ลูกสามแล้วเว้ย” แต๋มยังอุตส่าห์อวดกลายๆ ว่าหล่อนมีสามีและตอนนี้มีลูกสามคน และที่น้ำหนักไม่ลดเพราะหล่อนเพิ่งคลอดลูกคนที่สาม แต่ดูเหมือนลูกคนที่สามหล่อนจะสองขวบแล้ว...แต๋มเพิ่งคลอดมาได้สองปีเท่านั้นเอง! พวกหล่อนไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ สองสาวและเด็กอีกสาม ลูกๆ ของแต๋มอายุไล่ๆ กัน สี่ขวบ สามขวบ และสองขวบ         เป็นเด็กผู้ชายทั้งหมดและดูท่าว่าจะซนมากทีเดียว

“ไม่เจอกันกี่ปีแล้ววะเนี้ย ไม่ได้ข่าวเลย รู้แต่ว่าแกหนีตามผัวฝรั่งไปอยู่เมืองนอก” ภารดียิ้ม...ใช่หล่อนได้ผัวฝรั่งและออกโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่จบ ม.6 ไม่ใช่แค่แต๋มที่รู้...แต่เค้ารู้กันทั้งตลาด

“จะสิบเจ็ดปีแล้ว” ภารดีจำได้เพราะมันเท่ากับอายุของลูกสาวพอดี

“แล้วนี่ยังไง? กลับมาเมื่อไหร่ แล้วผัวล่ะ? มีลูกรึยัง?” เพื่อนถามมาเป็นชุดยิ่งกว่าสอบสัมภาษณ์เวลาสมัครงานเสียอีก

“กลับมาเป็นสิบปีแล้ว ฉันเคยไปหาแกที่บ้าน...เค้าบอกว่าแกย้ายตามผัวไปนานแล้ว...ส่วนผัวฉันก็เลิกกันตั้งแต่สองปีแรกนั่นแหละ ได้ลูกสาวมาคนหนึ่ง” ภารดีเล่าความหลังและเอารูปพริมาให้เพื่อนดู

“โห! ลูกสาวสวยนะเนี้ย กูก็ไม่ได้กลับบ้านมานานมาก ส่วนใหญ่อยู่ที่เพชรบูรณ์ที่นี่ก็ไม่มีใคร พ่อกับแม่ก็ตายหมดแล้ว มาคราวนี้ก็มางานศพญาติที่สนิท หมดคนนี้ก็ไม่เหลือใคร ไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่” ภารดีคิดถึงความหลังหล่อนกับแต๋มเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน รู้จักสนิทสนมกัน แต่ก็แข่งกันอยู่กลายๆ (ตามวิถีคนสวย)

“เสียดายแกเลิกกับผัวไปแล้วเหรอ ฉันยังจำได้ มันเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนใช่ไหม? ชื่ออะไรน้า โจๆ “

“โจนาธาน” ภารดียิ้ม...เพื่อนยังจำสามีเก่าของหล่อนได้

“เออๆ ใช่ ตอนนั้นเรียกกันว่าโจน่าทาน ผู้หญิงทั้งโรงเรียนนี่แย่งกันน่าดู...แล้วไอ้พิมพ์ดาวเด่นก็เอาไปทานจริงๆ โห! ตอนนั้นนะมีแต่คนอิจฉา   แต่ใครจะคิดว่าแกก็กล้าบ้าบิ่นออกจากโรงเรียนบินหนีตามมันกลับบ้านข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลขนาดนั้นได้ แถมโจน่าทาน...ทานได้ไม่ถึงสองปีก็คายซะแล้ว” ภารดีขำยิ้มกับคำเปรียบเทียบของเพื่อน ใครจะว่าอะไรหล่อนไม่เคยโกรธเพราะมันเรื่องจริง

 

“พี่พิมพ์” ยามาเห็นภารดีเหมือนจะฟังอยู่...แต่ก็ดูใจลอยแปลกๆ           เพื่อนรักพริมาหยุดเล่าเรื่องที่โรงเรียนแล้วเรียกแม่เพื่อนกลับมาจากภวังค์

            “ฮ้า! โทษทีพอดีนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่เป็นดาวโรงเรียน” ภารดียิ้มขำ

“ไม่แปลกหรอกก็พี่พิมพ์สวย แต่นั่นแหละกลายเป็นว่าดาว ม.4 ปีนี้ มีหลายคน แล้วเชื่อไหมมีอยู่คนหนึ่งดูเผินๆ ไม่น่าจะติดโผกลับเป็นม้ามืดซะงั้น” ยามาเอารูปเพื่อนในห้องหล่อนให้ภารดีดู ภาพในมือถือที่ปรากฏเป็นรูปเด็กสาวหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง

“มีผู้ชายแย่งกันจีบยัยนี่หลายคนเลย ตอนแรกปลาทูก็สงสัยนะ ยัยนี่ไม่เห็นจะสวยโดดเด่นหรือสะดุดตาอะไร อืม...ถ้าเป็นยัยแพรวพณิตก็ว่าไปอย่าง...อันนั้นยอมรับก็ได้ว่าสวยจริง” วันนี้ยามาลงทุนชมคู่อริ ถึงหล่อนจะไม่ชอบแพรวพณิตแต่อย่างน้อยก็มีสายตายุติธรรมพอ

“แต่พอได้คุยนะพี่พิมพ์ ปลาทูรู้แล้วทำไมผู้ชายถึงชอบ ยัยพลอยใสน่ะ น่ารักพูดจาก็ไพเราะอ่อนหวานดูน่าทะนุถนอม พอดูนานๆ จากหน้าตาธรรมดาก็สวยซะงั้น” ยามาเล่าถึงเพื่อนในห้องให้ภารดีฟัง หล่อนดูจะชื่นชมเด็กคนนั้นอยู่ไม่น้อย

“เค้าเรียกว่าสวยพิศ...ยิ่งมองยิ่งสวย”

“ใช่ๆ สวยพิศ ถ้าปลาทูเป็นผู้ชายนะก็ชอบแบบยัยนี่แหละ”

“แล้วลูกแก้วไม่ติดโผกับเค้าบ้างเหรอ?” ภารดีแปลกใจลูกสาวหล่อนออกจะน่ารัก

“ติดซิ! อันนั้นยกไว้ไม่ต้องเล่าหรอก พี่พิมพ์ดูถูกลูกสาวตัวเองเกินไปแล้ว นี่ปลาทูก็ต้องทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาอยู่ทุกวัน เหนื่อยเหมือนกันหมามันมาจากไหนนักหนาก็ไม่รู้” ภารดีหัวเราะกับคำเปรียบเทียบนั้น หล่อนนั่งมองหน้าเพื่อนลูกสาว...ถ้าเป็นผู้ชายหล่อนคงจะชอบยามามากกว่า เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าตัวเองนั้นก็จัดอยู่ในสาวงามเหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้เจ้าตัวเก็บมันไว้...มันถึงยังไม่ฉายแววออกมาเท่านั้น

“แล้วปลาทูล่ะ ปีนี้โตเป็นสาวแล้วนะ มีหนุ่มๆ มาจีบบ้างรึเปล่า?”

“หนุ่มๆ ไม่กล้าหรอกพี่พิมพ์ สงสัยกลัวปาก ฮ่าๆ” ภารดีคิดว่ายามา เองก็รู้ตัวว่าปากเสียๆ ของหล่อนนั้น ทำให้เสน่ห์ของหล่อนหายไปมากอยู่     แต่ดูเจ้าตัวจะตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น

“แล้วปลาทูไม่อยากเป็นดาวกับเค้าบ้างเหรอ? พี่ว่าปลาทูสวยนะ” ยามาส่ายหัวดิก หล่อนไม่สนใจเรื่องจัดลำดับหน้าตาหรือความเด่นดังเหมือนที่เพื่อนๆ วัยเดียวกันสนใจนัก หล่อนสนใจเรียนมากกว่า บางทีพวกที่ไม่ดังอาจจะไปได้ดีกว่าติดโผก็ได้

“ก็จริงนะ เพื่อนพี่ตอนเรียนมันเป็นถึงกีฬาเขต ตอนนี้เห็นมันขายประกันอยู่...นึกว่าจะไปเป็นนักกีฬาอาชีพเสียอีก ส่วนคนที่ไม่เด่นดังอะไรบางคนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเรียนอยู่ห้องเดียวกันตอนนี้เป็นผู้บริหารเงินเดือนเป็นแสนๆ” หล่อนเปรียบเทียบให้ฟังว่าสิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิด ตอนนี้พวกยามายังเด็ก...มองอะไรไม่ไกลกันนัก ยังสนใจแต่สิ่งที่เห็นภายนอก แต่เมื่อโตขึ้นแล้วมองกลับไปจะรู้เองว่าเรื่องแบบนี้มันตลกและไร้สาระแค่ไหน แต่ภารดีไม่อยากขัด มันเป็นความสุขของช่วงวัย...ตอนหล่อนวัยเท่าพวกยามามันก็สนุกและตื่นเต้นดี เพียงแต่หล่อนไม่มีคนคอยบอกหรือแนะนำให้เดินไปให้ถูกทิศถูกทางเท่านั้น แต่พริมาไม่เหมือนกันลูกสาวหล่อนจะโตขึ้นอย่างสวยงาม เพราะภารดีจะทำทุกอย่างให้ลูกสาวได้โตขึ้นอย่างปลอดภัยและมีความสุข

แรกๆ พลอยใสกับยามาก็คุยกันดี แต่หลังๆ พวกหล่อนไม่ค่อยจะ          ลงรอยกันนัก พริมาเคยพยายามจะเข้าไปไกล่เกลี่ย เพราะรู้จักนิสัยของเพื่อนรักดีว่าอาจจะมีเหวี่ยงหรือวีนบ้าง และพวกพลอยใสเองก็เป็นเด็กที่ย้ายมาจากโรงเรียนอื่น ไม่เคยคลุกคลีหรือสนิทสนมกันมาก่อน...อาจจะไม่ค่อยพอใจนิสัยตรงไปตรงมาของยามานัก แต่พออยู่ไปสักพักพริมาก็ได้รู้เองกับตัวว่าพลอยใสเองก็มีอะไรซ่อนอยู่เหมือนกัน และถ้าไม่มีใครอยู่หรือไม่มีคนเห็น พริมารู้สึกได้ว่าพลอยใสแทบไม่อยากจะคุยกับหล่อน แต่หัวหน้าห้องกลับให้ความสนใจกับยามาเป็นพิเศษ เหมือนจะพยายามเอาชนะคะคานกันอยู่ตลอดเวลา

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา