แก้วนพคุณ
-
21) วันเกิด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนพคุณกับพริมาเกิดเดือนเดียวกัน ปีนี้เป็นวันเกิดอายุครบ 15 ปี ของหล่อน เด็กหญิงจึงตกลงกับแม่ว่าจะจัดงานวันเกิดพร้อมกันไปเลย โดยจัดวันเกิดของนพคุณแค่คนเดียว
“จัดรวมกันไปเลยค่ะแม่ ของลูกแก้วเกิดก่อน แต่ค่อยจัดพร้อมกับวันเกิดพี่คุณนะคะ” สาวน้อยบอกมารดา หลังจากคุณตาคุณยายเสียไปจากอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อ 2 ปีก่อน พริมาก็ไม่ได้จัดงานวันเกิดอีกเลย ความจริงถ้าแม่ไม่บอกพริมาก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ พริมารู้สึกแปลกๆ ปีนี้หล่อนจะอายุ 15 ปี จะเปลี่ยนจากเด็กหญิงเป็นนางสาว...หล่อนจะโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว พวกเขาไม่ได้บอกนพคุณ เพราะกะทำให้เขาประหลาดใจ คุณนพรักษ์เป็นคนบอก ภารดีจึงได้รู้ว่านพคุณก็เกิดเดือนเดียวกันกับลูกสาวของหล่อน
“ตั้งแม่เขาตายไปเมื่อปีก่อน บ้านเราก็ไม่มีงานรื่นเริงอะไรหรอก”
“เราก็ไม่ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่โตนี่คะ ดูๆ แล้วตาคุณเองก็คงจะไม่ชอบนัก พิมพ์ว่าเราไปทำบุญที่วัดกันดีกว่าค่ะ จะได้ทำบุญให้พี่อารีด้วย” ภารดีเสนอ
“อีกอย่างลูกแก้วก็เกิดเดือนนี้เหมือนกัน ลูกแก้วก็ไม่ได้จัดงานวันเกิดเลย ตั้งแต่พ่อกับแม่พิมพ์ตายไปเมื่อ 2 ปีก่อน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เราไปทำบุญกัน แล้วค่อยไปแวะหาอะไรกินกันก็พอ”
“ตกลงค่ะ”
วันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดเขา นพคุณเกือบลืมไปแล้วถ้าเพื่อนบางคน ไม่ส่งข้อความมา ปีที่แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะมีเรื่องน่าเสียใจเกินกว่าจะมาสนใจหรือจัดงานวันเกิดงี่เง่าอะไรแบบนั้น ปีนี้เปลี่ยนไป บ้านเขาจู่ๆ ก็มีคนมาอยู่เพิ่มขึ้นแบบที่เขาก็คิดไม่ถึงมาก่อน นพคุณกำลังนั่งคิดถึงเรื่องวันเกิดของเขาอยู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“พ่อเองตาคุณ” เสียงคุณนพรักษ์บอกอยู่หน้าห้อง นพคุณเดินไปเปิดประตูให้พ่อ
“อาทิตย์นี้ว่างไหม?” พ่อเขาถามทันทีที่เข้ามาถึง
“ก็...ว่างนะครับ”
“วันอาทิตย์นี้วันเกิดลูกนี่นา เราไปทำบุญกันนะ” นพคุณกะไว้แล้วว่าพ่ออาจจะมาคุยเรื่องวันเกิดเขา ถ้าพ่อจะจัดงานเขาคงจะปฏิเสธ แต่พ่อเขาชวนทำบุญ งานนี้ถ้านพคุณปฏิเสธคงจะน่าเกลียดเกินไป
“เดี๋ยวเราเตรียมอาหารไปวัดกันนะ จะได้ทำบุญให้แม่เขาด้วย”
“ได้ครับ” เขารับคำสั้นๆ พ่อของเขาออกไปแล้ว นพคุณคิดอย่างใจลอย อย่างน้อยพ่อก็ยังคิดถึงแม่ คิดถึงเขา บางทีการที่มีภารดีอาจจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เขาคิด อาจจะมีสักวันหนึ่งที่เขายอมรับได้ แม้ตอนนี้เองเขาก็เริ่มจะชินกับการมีตัวปัญหาสองคนอยู่ในบ้านแล้วด้วยซ้ำไป เช้าวันอาทิตย์นพคุณตื่นแต่เช้า พ่อบอกไว้แล้วว่าจะเตรียมของไปทำบุญที่วัด เขาตื่นมาเพื่อจะได้ไปตลาด หาของที่จะเอาไปทำบุญให้แม่...ของที่แม่ชอบ แต่พอเขาลงไปข้างล่างกลับพบว่าทุกคนตื่นกันหมดแล้ว ภารดีกับพริมาอยู่ในครัว มองจากตรงนี้ดูเหมือนภารดีจะเป็นลูกมือของลูกสาวเสียมากกว่า นพคุณสงสัยว่าถ้าภารดีทำกับข้าวไม่เก่งแล้วพริมาได้วิชามาจากใคร? แต่จากที่เห็นตอนนี้แน่นอนแล้วว่าพริมาไม่น่าจะได้วิชามาจากภารดีแน่นอน
“แม่อย่าคนแบบนั้นสิคะ”
“อ้าว...”
นพคุณได้ยินสองสาวเถียงกัน จะว่าเถียงก็ไม่น่าจะใช่แต่ดูเหมือนภารดีจะสงสัยไปเสียทุกอย่างมากกว่า เด็กหนุ่มเลยเลี่ยงเดินไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ติดกับห้องครัวแทน เขาเห็นพ่อจัดของอยู่
“อ้าวตาคุณตื่นเช้าจังวันนี้ พ่อนัดไว้เก้าโมงนี่นา เราไปทันฉันเพลแน่นอนลูกจะรีบตื่นมาทำไม?”
“ตอนแรกผมว่าจะไปตลาด...ไม่นึกว่าทุกคนจะตื่นกันหมดแล้ว” นพคุณ มองนาฬิกา ตอนนี้แค่หกโมงครึ่ง ของจัดไว้เรียบร้อยขนาดนี้ คนพวกนี้ตื่นกี่โมงกันนะ
“เจ้าของวันเกิดไม่ต้องทำหรอกนะ ไม่ได้จัดงานเลี้ยงให้ใหญ่โตอะไรก็ขอให้พวกพ่อจัดของให้ก็แล้วกัน ถือว่าเป็นของขวัญ” คุณนพรักษ์บอก เมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของลูกชาย
“นี่กะว่าพอลูกลงมาจะเซอร์ไพร์สซะหน่อย กะจะแอบจัดของกันให้พร้อม ก่อนลูกจะลงมา”
“งั้นผมเห็นแล้ว ยังไงก็ขอช่วยบ้างนะครับ”
“เอาสิ! ยกของตรงนี้ไปไว้ในรถแล้วกัน”
ภารดีเดินออกมาจากในครัวพอดี หล่อนยิ้มหวานให้สามีรวมถึงหว่านรอยยิ้มมาให้เขาด้วย นพคุณมองรอยยิ้มของภารดี...พริมายิ้มเหมือนแม่ หน้าตาลูกครึ่งของคนเป็นลูกสาวอาจจะไม่เหมือนแม่ แต่แปลกที่พอยิ้มแล้วสองคนนี้กลับละม้ายคล้ายกัน นพคุณยิ้มตอบเบาๆ อย่างน้อยหลายอย่างที่ภารดีทำหล่อนก็ไม่เคยมาพูดเอาหน้ากับเขาเลยสักครั้งเดียว
“แม่คะ” เสียงพริมาเรียกภารดีจากในครัว ทำให้ภารดีหันมายิ้มแหยๆ ให้สามี
“คุณครูเรียกแล้ว ไปก่อนนะคะ อันนี้จัดเสร็จแล้วค่ะ เอาไปไว้ในรถได้เลย” ภารดียื่นกล่องที่หล่อนถือออกมาให้สามีแล้วรีบกลับเข้าไปในครัวตามเสียงเรียกของลูกสาว
พวกเขาออกจากบ้านกันตอนแปดโมงครึ่ง จากตอนแรกที่ว่าจะออกกัน ตอนเก้าโมง แต่นพคุณตื่นขึ้นมาก่อน และทุกอย่างจัดการเสร็จเร็วก่อนเวลา ที่กำหนด ถึงวัดประมาณเก้าโมงกว่าๆ พวกเขาขนของลงไปและจัดการเตรียมไว้ ถวายพระ วันนี้วันหยุดนอกจากพวกนพคุณแล้ว ก็ยังมีคนเอาข้าวมาวัดกันอีกเยอะ เพราะพวกเขามาถึงกันเร็ว กว่าจะตีกลองเพลก็ต้องรออีกเป็นชั่วโมง พริมาจึงขอแม่ไปเดินเล่นเพราะตอนเข้ามาหล่อนเห็นท่าน้ำ
“ไปสิ กลับมาก่อนสิบเอ็ดโมงนะ” ภารดีไม่ขัด หล่อนนั่งเล่นอยู่กับสามีในศาลา ส่วนนพคุณนั้นออกไปเดินเล่นนานแล้ว
“ค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วเอาอาหารปลามาฝาก” พริมาหัวเราะเสียงใส วันนี้สาวน้อยใส่ชุดลูกไม้สีขาว หล่อนมวยผมไว้อย่างเรียบร้อยสมกับเป็นกุลสตรีไทย แต่ขัดตรงที่หน้าตาออกจะสากลไปหน่อย ชุดนี้เป็นของภารดี พริมาโตเท่ากับแม่แล้ว ชุดหลายชุดของภารดีพริมาจึงใส่กับแม่ได้อย่างสบาย
“ลูกสาวแต่งตัวน่ารักจัง เดี๋ยวนี้วัยรุ่นแต่งตัวเข้าวัดกันน่าเกลียด บางคนใส่กางเกงขายาวก็จริงแต่ขาดไปถึงไหนต่อไหน” คุณป้าข้างๆ หันมาบอกภารดี เล่นเอาคนเป็นแม่ยิ้มแก้มปริ
“เห็นหน้าฝรั่งแบบนั้นแต่หัวใจไทยค่ะ” ภารดีบอกพร้อมกับยิ้มหวาน คุณป้ายิ้มตอบ หล่อนเห็นแล้วว่าเด็กสาวผิดแผกไปจากคณะที่หล่อนมาด้วย คนตัวเล็กผิวสีน้ำผึ้งไม่พี่สาวก็คงจะเป็นแม่ แต่ผู้ชายสองคนหล่อนคาดเดา ไม่ออกว่าเกี่ยวพันกันอย่างไร เพราะผู้ชายไม่มีใครเป็นฝรั่งสักคน คงไม่ใช่พ่อของเด็กผู้หญิงแน่นอน...คิดไปก็ปวดหัว ไม่ใช่เรื่องของหล่อน
“มาที่นี่กันบ่อยเหรอจ๊ะ ป้ามาทุกวันพระแต่ไม่เคยเห็นพวกหนูเลย” คุณป้าชวนคุย เพราะพวกภารดีค่อนข้างเด่นกว่าคนอื่นๆ
“ไม่ได้มากันบ่อยหรอกครับ พอดีวันนี้วันเกิดลูกชายผม ก็เลยมาทำบุญกัน อีกอย่างจะได้ทำบุญให้แม่เขาที่ตายไปด้วยน่ะครับ” คุณนพรักษ์ตอบแทนภารดี เขานั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาอยู่ตลอด
“อ้อๆ ดีๆ วันเกิดมาวัดดีกว่าไปเที่ยวหรือจัดงานอะไรให้เปลืองเงินเปลืองทอง” คุณป้าพยักหน้าเห็นด้วย
พริมาออกมาเดินเล่นถึงท่าน้ำ มีปลามากมายและคนก็มากเช่นกัน สาวน้อยเดินไปซื้ออาหารปลามาสองถุง ระหว่างรอเวลานั่งให้อาหารปลา ตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน สาวน้อยนั่งโยนอาหารปลาไปเรื่อยๆ หล่อนเพลินจนไม่ได้สังเกตรอบๆ ตัว มีกลุ่มเด็กผู้ชายถ่ายรูปเล่นกันอยู่ หนึ่งในนั้นสังเกตเห็น พริมาและชี้ให้เพื่อนๆ ดู
“น่ารักว่ะ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น
“มึงนี่! ในวัดก็ไม่เว้น”
“กูก็แค่ดูเฉยๆ มึงถ่ายรูปให้ติดน้องเค้าหน่อยดิวะ กูจะเอาไปดูที่บ้าน“
“ไปยืนมุมนั้นดิ เอาให้เนียน” ระหว่างที่พวกนั้นคุยกัน นพคุณเดินมาพอดี เขาเดินไปนั่งข้างๆ พริมาแล้วหยิบอาหารปลามาถุงหนึ่ง พริมาหันมามอง อย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร หล่อนแปลกใจที่ไม่รู้ว่านพคุณเดินมาตอนไหน
“เอ้า! แฟนมา...มึงจะให้กูถ่ายไม๊? ติดสามคนกันไปเลย” นพคุณได้ยิน แต่เขาทำเฉย ส่วนพริมาหล่อนไม่ได้สนใจอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเป้าหมายอะไรของใคร สาวน้อยได้แต่ตั้งใจให้อาหารปลา
“เอาอีกถุงไม๊? เดี๋ยวไปซื้อมาให้” นพคุณหันมาถาม เมื่อเห็นว่าสาวน้อย ดูจะสนุกกับการให้อาหารปลาเป็นพิเศษ พริมาพยักหน้า
“เอามาสองถุงเลยค่ะ” นพคุณยิ้มขำแล้วลุกไปซื้ออาหารปลาตรงซุ้มที่อยู่ถัดไป
“มากับแฟนเหรอครับ?” วัยรุ่นกลุ่มเดิม ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมแพ้ เขาไม่อยากตัดสินเอง ต้องถามให้รู้...ได้ยินเองกับหูถึงจะเชื่อ
“ค่ะ” พริมาตอบรับสั้นๆ หล่อนหันไปยิ้มให้พวกเขา เล่นเอาคนถามหน้าแดงเพราะเขินไปเหมือนกัน
“เห็นไม๊? กูบอกแล้ว มึงก็ไม่เชื่อยังจะเข้ามาถามเขาอีก”
“อยากรู้ก็ต้องถามสิ” คนถามหันมายักคิ้วให้พริมาและเดินกลับไปสมทบ กับกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา พวกนั้นเดินสวนกับนพคุณที่เดินถืออาหารปลากลับมา
“ฮ่าๆ มึงหล่อไม่ได้ขี้ตีนไอ้หนุ่มนั่นหรอก ถ้ากูเป็นน้องเค้าก็เลือก ได้ไม่ยากหรอกว่าจะเลือกใคร” นพคุณเห็นแล้ว...พวกนั้นเข้ามาคุยกับพริมา เขารีบเดินกลับมาและสวนทางกับพวกนั้นพอดี เขาเดินไปไม่ทันว่าพวกนั้น คุยอะไรกัน แต่แค่เห็นไกลๆ โรคประจำตัวก็กำเริบ...หงุดหงิด!!!
“คุยอะไรกัน?” พริมาจับน้ำเสียงได้ หล่อนรู้คุณชายใหญ่หงุดหงิด อีกแล้ว เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย
“ก็...พวกพี่เค้ามาถามอะไรนิดหน่อยค่ะ” พริมายังนั่งยิ้มให้อาหารปลาด้วยอารมณ์ปกติ หล่อนเริ่มชินและเริ่มจะเรียนรู้แล้วว่าคุณชายใหญ่ ก็เป็นแบบนี้แหละ นาทีแรกอารมณ์ดีผ่านไปอีกห้านาทีอารมณ์เขาก็เปลี่ยนได้ตลอด จะให้ปรับอารมณ์ไปตามเขาคงปวดหัวตายเลย...ปล่อยไปน่าจะดีกว่า เดี๋ยวสักพักเขาก็กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม
“ก็นี่...คุยอะไรล่ะ” นพคุณยิ่งอารมณ์เสียหนักขึ้น คำถามของเขากลับไม่ได้คำตอบ
“พี่เค้าถามว่ามากับแฟนเหรอ?” พริมาออกแรงปาอาหารไปไกลกว่าเดิม ส่งผลให้ปลาอีกฝูงที่อยู่ถัดไปขยับกันคึกคัก ส่วนฝูงเดิมก็พยายามจะแหวกไปอยู่ตรงที่อาหารตกถึง
“แล้วตอบไปว่ายังไง?” นพคุณนั่งลงข้างๆ เขาซื้ออาหารปลามาอีกสองถุง
“ความจริงลูกแก้วก็ไม่ได้มากับแฟนนะ...แต่ขี้เกียจคุยนานก็เลยตอบว่า ค่ะ!” พริมาตอบคำถาม หล่อนไม่ได้หันกลับมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่นพคุณเห็นว่าแก้มของสาวน้อยมีสีเรื่อขึ้นเล็กน้อยตอนตอบคำถามเขา
“พอบอกว่าค่ะ พวกพี่เค้าก็เดินกลับไป” นพคุณพอปะติดปะต่อเรื่องราวต่อจากนั้นได้ พวกนั้นหมายถึงเขา คนที่เป็นแฟนพริมา คนที่พวกนั้นถามหล่อน
“ดีแล้ว พวกนั้นจะได้ไม่มาตอแยให้น่ารำคาญ” พริมาหันมาเลิกคิ้ว นพคุณกระแอมเบาๆ
“มองอะไร?...เอ้า! นี่อาหารปลาของเธอ”
“แต่ลูกแก้วยังไม่มีแฟนนะ ความจริงก็ไม่อยากโกหก ที่โรงเรียนก็ชอบมีคนมาถาม แต่ส่วนใหญ่ปลาทูจะเป็นคนตอบ” สาวน้อยรับเอาอาหารปลาจากเขามาแกะ หล่อนลุกขึ้นยืนและเดินขยับเปลี่ยนไปนั่งให้อาหารปลาอีกมุมหนึ่ง นพคุณลุกตามไป เขาเคยได้ยินพวกเด็กผู้ชายในห้องพูดถึงพริมาอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนพริมาเริ่มจะโตเป็นสาวแล้ว และเริ่มเป็นที่สนใจไม่น้อยทีเดียว แต่เขาไม่รู้ว่าหล่อนสนใจใครเป็นพิเศษหรือเปล่า
“แล้วเพื่อนเธอ...เอ่อ...ปลาทูตอบไปว่ายังไง?” พริมาหันมายิ้ม หัวใจนพคุณกระตุกวาบ เขาไม่ชอบรอยยิ้มนี้...มันทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
“พี่คุณก็ไปถามปลาทูสิคะ ลูกแก้วก็ไม่รู้เหมือนกัน” นพคุณกำลังจะถามต่อว่าหล่อนจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่พริมาเดินกลับไปทางศาลาแล้ว สาวน้อยหยุดเดินและหันมามองเขาที่ยังยืนอยู่ที่ท่าน้ำ
“พี่คุณไม่ไปเหรอคะ? จะได้เวลาพระฉันเพลแล้วค่ะ”
“อ่อ...” นพคุณแปลกใจ...พริมาหัดต่อปากต่อคำเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? พวกเขาเดินกลับไปนั่งในศาลา คนเยอะมากกว่าเดิม คงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดคนจึงมาวัดกันมากกว่าวันปกติ
“พ่อขอให้คุณมีความสุขมากๆ นะ คิดอะไรก็ขอให้สมปรารถนา คำอวยพรอาจจะเชยไปหน่อยแต่ก็ครอบคลุมที่สุดแล้วล่ะ” คุณนพรักษ์หันมาบอกลูกชาย
“แล้วคุณก็อุทิศส่วนกุศลให้แม่เค้าด้วยนะลูก”
“ครับ” นพคุณหันไปยิ้มให้บิดา เขาสังเกตเห็นอาหารที่เอามาทำบุญวันนี้ส่วนใหญ่เป็นของชอบของคุณอารีทั้งนั้น และส่วนใหญ่พริมากับภารดีเป็นคนทำทั้งหมด เขาคิดว่าพ่อน่าจะเป็นคนบอกว่าแม่เขาชอบอะไรบ้าง อย่างน้อยวันนี้วันเกิดเขานอกจากเขาจะมีความสุขแล้ว ก็หวังว่าแม่เขาจะรับรู้และมีความสุขด้วยเหมือนกัน
“จัดรวมกันไปเลยค่ะแม่ ของลูกแก้วเกิดก่อน แต่ค่อยจัดพร้อมกับวันเกิดพี่คุณนะคะ” สาวน้อยบอกมารดา หลังจากคุณตาคุณยายเสียไปจากอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อ 2 ปีก่อน พริมาก็ไม่ได้จัดงานวันเกิดอีกเลย ความจริงถ้าแม่ไม่บอกพริมาก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ พริมารู้สึกแปลกๆ ปีนี้หล่อนจะอายุ 15 ปี จะเปลี่ยนจากเด็กหญิงเป็นนางสาว...หล่อนจะโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว พวกเขาไม่ได้บอกนพคุณ เพราะกะทำให้เขาประหลาดใจ คุณนพรักษ์เป็นคนบอก ภารดีจึงได้รู้ว่านพคุณก็เกิดเดือนเดียวกันกับลูกสาวของหล่อน
“ตั้งแม่เขาตายไปเมื่อปีก่อน บ้านเราก็ไม่มีงานรื่นเริงอะไรหรอก”
“เราก็ไม่ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่โตนี่คะ ดูๆ แล้วตาคุณเองก็คงจะไม่ชอบนัก พิมพ์ว่าเราไปทำบุญที่วัดกันดีกว่าค่ะ จะได้ทำบุญให้พี่อารีด้วย” ภารดีเสนอ
“อีกอย่างลูกแก้วก็เกิดเดือนนี้เหมือนกัน ลูกแก้วก็ไม่ได้จัดงานวันเกิดเลย ตั้งแต่พ่อกับแม่พิมพ์ตายไปเมื่อ 2 ปีก่อน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เราไปทำบุญกัน แล้วค่อยไปแวะหาอะไรกินกันก็พอ”
“ตกลงค่ะ”
วันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดเขา นพคุณเกือบลืมไปแล้วถ้าเพื่อนบางคน ไม่ส่งข้อความมา ปีที่แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะมีเรื่องน่าเสียใจเกินกว่าจะมาสนใจหรือจัดงานวันเกิดงี่เง่าอะไรแบบนั้น ปีนี้เปลี่ยนไป บ้านเขาจู่ๆ ก็มีคนมาอยู่เพิ่มขึ้นแบบที่เขาก็คิดไม่ถึงมาก่อน นพคุณกำลังนั่งคิดถึงเรื่องวันเกิดของเขาอยู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“พ่อเองตาคุณ” เสียงคุณนพรักษ์บอกอยู่หน้าห้อง นพคุณเดินไปเปิดประตูให้พ่อ
“อาทิตย์นี้ว่างไหม?” พ่อเขาถามทันทีที่เข้ามาถึง
“ก็...ว่างนะครับ”
“วันอาทิตย์นี้วันเกิดลูกนี่นา เราไปทำบุญกันนะ” นพคุณกะไว้แล้วว่าพ่ออาจจะมาคุยเรื่องวันเกิดเขา ถ้าพ่อจะจัดงานเขาคงจะปฏิเสธ แต่พ่อเขาชวนทำบุญ งานนี้ถ้านพคุณปฏิเสธคงจะน่าเกลียดเกินไป
“เดี๋ยวเราเตรียมอาหารไปวัดกันนะ จะได้ทำบุญให้แม่เขาด้วย”
“ได้ครับ” เขารับคำสั้นๆ พ่อของเขาออกไปแล้ว นพคุณคิดอย่างใจลอย อย่างน้อยพ่อก็ยังคิดถึงแม่ คิดถึงเขา บางทีการที่มีภารดีอาจจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เขาคิด อาจจะมีสักวันหนึ่งที่เขายอมรับได้ แม้ตอนนี้เองเขาก็เริ่มจะชินกับการมีตัวปัญหาสองคนอยู่ในบ้านแล้วด้วยซ้ำไป เช้าวันอาทิตย์นพคุณตื่นแต่เช้า พ่อบอกไว้แล้วว่าจะเตรียมของไปทำบุญที่วัด เขาตื่นมาเพื่อจะได้ไปตลาด หาของที่จะเอาไปทำบุญให้แม่...ของที่แม่ชอบ แต่พอเขาลงไปข้างล่างกลับพบว่าทุกคนตื่นกันหมดแล้ว ภารดีกับพริมาอยู่ในครัว มองจากตรงนี้ดูเหมือนภารดีจะเป็นลูกมือของลูกสาวเสียมากกว่า นพคุณสงสัยว่าถ้าภารดีทำกับข้าวไม่เก่งแล้วพริมาได้วิชามาจากใคร? แต่จากที่เห็นตอนนี้แน่นอนแล้วว่าพริมาไม่น่าจะได้วิชามาจากภารดีแน่นอน
“แม่อย่าคนแบบนั้นสิคะ”
“อ้าว...”
นพคุณได้ยินสองสาวเถียงกัน จะว่าเถียงก็ไม่น่าจะใช่แต่ดูเหมือนภารดีจะสงสัยไปเสียทุกอย่างมากกว่า เด็กหนุ่มเลยเลี่ยงเดินไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ติดกับห้องครัวแทน เขาเห็นพ่อจัดของอยู่
“อ้าวตาคุณตื่นเช้าจังวันนี้ พ่อนัดไว้เก้าโมงนี่นา เราไปทันฉันเพลแน่นอนลูกจะรีบตื่นมาทำไม?”
“ตอนแรกผมว่าจะไปตลาด...ไม่นึกว่าทุกคนจะตื่นกันหมดแล้ว” นพคุณ มองนาฬิกา ตอนนี้แค่หกโมงครึ่ง ของจัดไว้เรียบร้อยขนาดนี้ คนพวกนี้ตื่นกี่โมงกันนะ
“เจ้าของวันเกิดไม่ต้องทำหรอกนะ ไม่ได้จัดงานเลี้ยงให้ใหญ่โตอะไรก็ขอให้พวกพ่อจัดของให้ก็แล้วกัน ถือว่าเป็นของขวัญ” คุณนพรักษ์บอก เมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของลูกชาย
“นี่กะว่าพอลูกลงมาจะเซอร์ไพร์สซะหน่อย กะจะแอบจัดของกันให้พร้อม ก่อนลูกจะลงมา”
“งั้นผมเห็นแล้ว ยังไงก็ขอช่วยบ้างนะครับ”
“เอาสิ! ยกของตรงนี้ไปไว้ในรถแล้วกัน”
ภารดีเดินออกมาจากในครัวพอดี หล่อนยิ้มหวานให้สามีรวมถึงหว่านรอยยิ้มมาให้เขาด้วย นพคุณมองรอยยิ้มของภารดี...พริมายิ้มเหมือนแม่ หน้าตาลูกครึ่งของคนเป็นลูกสาวอาจจะไม่เหมือนแม่ แต่แปลกที่พอยิ้มแล้วสองคนนี้กลับละม้ายคล้ายกัน นพคุณยิ้มตอบเบาๆ อย่างน้อยหลายอย่างที่ภารดีทำหล่อนก็ไม่เคยมาพูดเอาหน้ากับเขาเลยสักครั้งเดียว
“แม่คะ” เสียงพริมาเรียกภารดีจากในครัว ทำให้ภารดีหันมายิ้มแหยๆ ให้สามี
“คุณครูเรียกแล้ว ไปก่อนนะคะ อันนี้จัดเสร็จแล้วค่ะ เอาไปไว้ในรถได้เลย” ภารดียื่นกล่องที่หล่อนถือออกมาให้สามีแล้วรีบกลับเข้าไปในครัวตามเสียงเรียกของลูกสาว
พวกเขาออกจากบ้านกันตอนแปดโมงครึ่ง จากตอนแรกที่ว่าจะออกกัน ตอนเก้าโมง แต่นพคุณตื่นขึ้นมาก่อน และทุกอย่างจัดการเสร็จเร็วก่อนเวลา ที่กำหนด ถึงวัดประมาณเก้าโมงกว่าๆ พวกเขาขนของลงไปและจัดการเตรียมไว้ ถวายพระ วันนี้วันหยุดนอกจากพวกนพคุณแล้ว ก็ยังมีคนเอาข้าวมาวัดกันอีกเยอะ เพราะพวกเขามาถึงกันเร็ว กว่าจะตีกลองเพลก็ต้องรออีกเป็นชั่วโมง พริมาจึงขอแม่ไปเดินเล่นเพราะตอนเข้ามาหล่อนเห็นท่าน้ำ
“ไปสิ กลับมาก่อนสิบเอ็ดโมงนะ” ภารดีไม่ขัด หล่อนนั่งเล่นอยู่กับสามีในศาลา ส่วนนพคุณนั้นออกไปเดินเล่นนานแล้ว
“ค่ะ เดี๋ยวลูกแก้วเอาอาหารปลามาฝาก” พริมาหัวเราะเสียงใส วันนี้สาวน้อยใส่ชุดลูกไม้สีขาว หล่อนมวยผมไว้อย่างเรียบร้อยสมกับเป็นกุลสตรีไทย แต่ขัดตรงที่หน้าตาออกจะสากลไปหน่อย ชุดนี้เป็นของภารดี พริมาโตเท่ากับแม่แล้ว ชุดหลายชุดของภารดีพริมาจึงใส่กับแม่ได้อย่างสบาย
“ลูกสาวแต่งตัวน่ารักจัง เดี๋ยวนี้วัยรุ่นแต่งตัวเข้าวัดกันน่าเกลียด บางคนใส่กางเกงขายาวก็จริงแต่ขาดไปถึงไหนต่อไหน” คุณป้าข้างๆ หันมาบอกภารดี เล่นเอาคนเป็นแม่ยิ้มแก้มปริ
“เห็นหน้าฝรั่งแบบนั้นแต่หัวใจไทยค่ะ” ภารดีบอกพร้อมกับยิ้มหวาน คุณป้ายิ้มตอบ หล่อนเห็นแล้วว่าเด็กสาวผิดแผกไปจากคณะที่หล่อนมาด้วย คนตัวเล็กผิวสีน้ำผึ้งไม่พี่สาวก็คงจะเป็นแม่ แต่ผู้ชายสองคนหล่อนคาดเดา ไม่ออกว่าเกี่ยวพันกันอย่างไร เพราะผู้ชายไม่มีใครเป็นฝรั่งสักคน คงไม่ใช่พ่อของเด็กผู้หญิงแน่นอน...คิดไปก็ปวดหัว ไม่ใช่เรื่องของหล่อน
“มาที่นี่กันบ่อยเหรอจ๊ะ ป้ามาทุกวันพระแต่ไม่เคยเห็นพวกหนูเลย” คุณป้าชวนคุย เพราะพวกภารดีค่อนข้างเด่นกว่าคนอื่นๆ
“ไม่ได้มากันบ่อยหรอกครับ พอดีวันนี้วันเกิดลูกชายผม ก็เลยมาทำบุญกัน อีกอย่างจะได้ทำบุญให้แม่เขาที่ตายไปด้วยน่ะครับ” คุณนพรักษ์ตอบแทนภารดี เขานั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาอยู่ตลอด
“อ้อๆ ดีๆ วันเกิดมาวัดดีกว่าไปเที่ยวหรือจัดงานอะไรให้เปลืองเงินเปลืองทอง” คุณป้าพยักหน้าเห็นด้วย
พริมาออกมาเดินเล่นถึงท่าน้ำ มีปลามากมายและคนก็มากเช่นกัน สาวน้อยเดินไปซื้ออาหารปลามาสองถุง ระหว่างรอเวลานั่งให้อาหารปลา ตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน สาวน้อยนั่งโยนอาหารปลาไปเรื่อยๆ หล่อนเพลินจนไม่ได้สังเกตรอบๆ ตัว มีกลุ่มเด็กผู้ชายถ่ายรูปเล่นกันอยู่ หนึ่งในนั้นสังเกตเห็น พริมาและชี้ให้เพื่อนๆ ดู
“น่ารักว่ะ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น
“มึงนี่! ในวัดก็ไม่เว้น”
“กูก็แค่ดูเฉยๆ มึงถ่ายรูปให้ติดน้องเค้าหน่อยดิวะ กูจะเอาไปดูที่บ้าน“
“ไปยืนมุมนั้นดิ เอาให้เนียน” ระหว่างที่พวกนั้นคุยกัน นพคุณเดินมาพอดี เขาเดินไปนั่งข้างๆ พริมาแล้วหยิบอาหารปลามาถุงหนึ่ง พริมาหันมามอง อย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร หล่อนแปลกใจที่ไม่รู้ว่านพคุณเดินมาตอนไหน
“เอ้า! แฟนมา...มึงจะให้กูถ่ายไม๊? ติดสามคนกันไปเลย” นพคุณได้ยิน แต่เขาทำเฉย ส่วนพริมาหล่อนไม่ได้สนใจอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเป้าหมายอะไรของใคร สาวน้อยได้แต่ตั้งใจให้อาหารปลา
“เอาอีกถุงไม๊? เดี๋ยวไปซื้อมาให้” นพคุณหันมาถาม เมื่อเห็นว่าสาวน้อย ดูจะสนุกกับการให้อาหารปลาเป็นพิเศษ พริมาพยักหน้า
“เอามาสองถุงเลยค่ะ” นพคุณยิ้มขำแล้วลุกไปซื้ออาหารปลาตรงซุ้มที่อยู่ถัดไป
“มากับแฟนเหรอครับ?” วัยรุ่นกลุ่มเดิม ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมแพ้ เขาไม่อยากตัดสินเอง ต้องถามให้รู้...ได้ยินเองกับหูถึงจะเชื่อ
“ค่ะ” พริมาตอบรับสั้นๆ หล่อนหันไปยิ้มให้พวกเขา เล่นเอาคนถามหน้าแดงเพราะเขินไปเหมือนกัน
“เห็นไม๊? กูบอกแล้ว มึงก็ไม่เชื่อยังจะเข้ามาถามเขาอีก”
“อยากรู้ก็ต้องถามสิ” คนถามหันมายักคิ้วให้พริมาและเดินกลับไปสมทบ กับกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา พวกนั้นเดินสวนกับนพคุณที่เดินถืออาหารปลากลับมา
“ฮ่าๆ มึงหล่อไม่ได้ขี้ตีนไอ้หนุ่มนั่นหรอก ถ้ากูเป็นน้องเค้าก็เลือก ได้ไม่ยากหรอกว่าจะเลือกใคร” นพคุณเห็นแล้ว...พวกนั้นเข้ามาคุยกับพริมา เขารีบเดินกลับมาและสวนทางกับพวกนั้นพอดี เขาเดินไปไม่ทันว่าพวกนั้น คุยอะไรกัน แต่แค่เห็นไกลๆ โรคประจำตัวก็กำเริบ...หงุดหงิด!!!
“คุยอะไรกัน?” พริมาจับน้ำเสียงได้ หล่อนรู้คุณชายใหญ่หงุดหงิด อีกแล้ว เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย
“ก็...พวกพี่เค้ามาถามอะไรนิดหน่อยค่ะ” พริมายังนั่งยิ้มให้อาหารปลาด้วยอารมณ์ปกติ หล่อนเริ่มชินและเริ่มจะเรียนรู้แล้วว่าคุณชายใหญ่ ก็เป็นแบบนี้แหละ นาทีแรกอารมณ์ดีผ่านไปอีกห้านาทีอารมณ์เขาก็เปลี่ยนได้ตลอด จะให้ปรับอารมณ์ไปตามเขาคงปวดหัวตายเลย...ปล่อยไปน่าจะดีกว่า เดี๋ยวสักพักเขาก็กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม
“ก็นี่...คุยอะไรล่ะ” นพคุณยิ่งอารมณ์เสียหนักขึ้น คำถามของเขากลับไม่ได้คำตอบ
“พี่เค้าถามว่ามากับแฟนเหรอ?” พริมาออกแรงปาอาหารไปไกลกว่าเดิม ส่งผลให้ปลาอีกฝูงที่อยู่ถัดไปขยับกันคึกคัก ส่วนฝูงเดิมก็พยายามจะแหวกไปอยู่ตรงที่อาหารตกถึง
“แล้วตอบไปว่ายังไง?” นพคุณนั่งลงข้างๆ เขาซื้ออาหารปลามาอีกสองถุง
“ความจริงลูกแก้วก็ไม่ได้มากับแฟนนะ...แต่ขี้เกียจคุยนานก็เลยตอบว่า ค่ะ!” พริมาตอบคำถาม หล่อนไม่ได้หันกลับมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่นพคุณเห็นว่าแก้มของสาวน้อยมีสีเรื่อขึ้นเล็กน้อยตอนตอบคำถามเขา
“พอบอกว่าค่ะ พวกพี่เค้าก็เดินกลับไป” นพคุณพอปะติดปะต่อเรื่องราวต่อจากนั้นได้ พวกนั้นหมายถึงเขา คนที่เป็นแฟนพริมา คนที่พวกนั้นถามหล่อน
“ดีแล้ว พวกนั้นจะได้ไม่มาตอแยให้น่ารำคาญ” พริมาหันมาเลิกคิ้ว นพคุณกระแอมเบาๆ
“มองอะไร?...เอ้า! นี่อาหารปลาของเธอ”
“แต่ลูกแก้วยังไม่มีแฟนนะ ความจริงก็ไม่อยากโกหก ที่โรงเรียนก็ชอบมีคนมาถาม แต่ส่วนใหญ่ปลาทูจะเป็นคนตอบ” สาวน้อยรับเอาอาหารปลาจากเขามาแกะ หล่อนลุกขึ้นยืนและเดินขยับเปลี่ยนไปนั่งให้อาหารปลาอีกมุมหนึ่ง นพคุณลุกตามไป เขาเคยได้ยินพวกเด็กผู้ชายในห้องพูดถึงพริมาอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนพริมาเริ่มจะโตเป็นสาวแล้ว และเริ่มเป็นที่สนใจไม่น้อยทีเดียว แต่เขาไม่รู้ว่าหล่อนสนใจใครเป็นพิเศษหรือเปล่า
“แล้วเพื่อนเธอ...เอ่อ...ปลาทูตอบไปว่ายังไง?” พริมาหันมายิ้ม หัวใจนพคุณกระตุกวาบ เขาไม่ชอบรอยยิ้มนี้...มันทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
“พี่คุณก็ไปถามปลาทูสิคะ ลูกแก้วก็ไม่รู้เหมือนกัน” นพคุณกำลังจะถามต่อว่าหล่อนจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่พริมาเดินกลับไปทางศาลาแล้ว สาวน้อยหยุดเดินและหันมามองเขาที่ยังยืนอยู่ที่ท่าน้ำ
“พี่คุณไม่ไปเหรอคะ? จะได้เวลาพระฉันเพลแล้วค่ะ”
“อ่อ...” นพคุณแปลกใจ...พริมาหัดต่อปากต่อคำเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? พวกเขาเดินกลับไปนั่งในศาลา คนเยอะมากกว่าเดิม คงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดคนจึงมาวัดกันมากกว่าวันปกติ
“พ่อขอให้คุณมีความสุขมากๆ นะ คิดอะไรก็ขอให้สมปรารถนา คำอวยพรอาจจะเชยไปหน่อยแต่ก็ครอบคลุมที่สุดแล้วล่ะ” คุณนพรักษ์หันมาบอกลูกชาย
“แล้วคุณก็อุทิศส่วนกุศลให้แม่เค้าด้วยนะลูก”
“ครับ” นพคุณหันไปยิ้มให้บิดา เขาสังเกตเห็นอาหารที่เอามาทำบุญวันนี้ส่วนใหญ่เป็นของชอบของคุณอารีทั้งนั้น และส่วนใหญ่พริมากับภารดีเป็นคนทำทั้งหมด เขาคิดว่าพ่อน่าจะเป็นคนบอกว่าแม่เขาชอบอะไรบ้าง อย่างน้อยวันนี้วันเกิดเขานอกจากเขาจะมีความสุขแล้ว ก็หวังว่าแม่เขาจะรับรู้และมีความสุขด้วยเหมือนกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ