แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  30.63K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ในวันที่ฉันป่วย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ภารดีออกไปทำงานตั้งแต่เช้า พริมาตื่นมาเห็นแม่คุยโทรศัพท์ สีหน้า      เคร่งเครียดแล้วรีบออกไปทันที ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมเล็กสองสัปดาห์ ตอนแรกหล่อนกะว่าจะไปอยู่บ้านคุณตาเพราะไม่ได้ไปเที่ยวบ้านโน้นนานแล้ว แต่ภารดีบอกว่าช่วงนี้หล่อนยุ่ง ให้พริมาอยู่ที่นี่ดีแล้ว เพราะอย่างน้อยถ้าแม่ไม่อยู่ ก็มีคนดูแล...แต่วันนี้นอกจากแม่จะไม่อยู่ คุณลุงก็ยังไปสัมมนาต่างจังหวัด จึงเหลือหล่อนกับพี่ชาย (ที่แสนจะน่ารัก) อยู่บ้านกันสองคน รายหลังนั้นยังไม่ลงมาเลยจนป่านนี้ เมื่อคืนเขาก็กลับบ้านดึก ช่วงนี้นพคุณซ้อมฟุตบอลหนัก ไหนจะเพิ่งสอบอีก...คนอะไรจะตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีไปเสียหมด เหนื่อยตายเลย ถ้าเป็นหล่อนก็คงเลือกจะเอาอย่างเดียว พริมาจะเลือกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่        การเรียน...หล่อนไม่ชอบเรียนหนังสือเลยให้ตาย

            ปลายเดือนตุลาคมแล้ว ปีนี้อากาศข้างนอกหนาว ขนาดไม่ได้      เปิดแอร์...หรืออาจจะเป็นเพราะฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ข้างนอก...ปลายฝนต้นหนาว ตามปกติพริมาไม่ค่อยชอบเปิดแอร์นอนอยู่แล้ว นอกจากช่วงหน้าร้อนที่อากาศร้อนมากจริงๆ หล่อนชอบบ้านที่มีหน้าต่าง...เหมือนบ้านเดิมของหล่อนมากกว่า แต่เด็กหญิงก็พยายามจะปรับตัว เพราะแม่เลือกที่จะมาอยู่ที่นี่…แม่เลือกให้ทุกอย่างนั่นแหละ ในชีวิตนี้หล่อนมีแต่แม่ แม่รักและหวังดีกับหล่อนที่สุด     ไม่ว่าหล่อนชอบหรืออยากได้อะไรเพียงแต่เอ่ยปาก แม่จะหามาให้ทั้งหมด   แต่ส่วนใหญ่แล้วพริมาไม่ค่อยเรียกร้องอะไร แม่ชอบอะไรหล่อนก็ชอบ         “ดีซะอีกไม่ต้องคิดเอง เปลืองสมอง” พริมาพูดกับตัวเองบ่อยครั้ง...เหมือนกับการแต่งงาน หล่อนไม่ตกใจและดีใจด้วยซ้ำที่แม่จะมีความรัก เราไม่ควรเห็นแก่ตัวยึดพ่อแม่ไว้กับตัวเองในขณะที่ตัวเองก็ต้องการจะมีความรักมีครอบครัวด้วยเหมือนกัน เมื่อแม่บอกว่าจะแต่งงานหล่อนจึงเต็มใจและแม่ก็เลือกไม่ผิดคุณลุงเป็นคนดี...ผิดกับคนที่นอนเหงื่อแตกเพราะพิษไข้ อยู่บนเตียงในตอนนี้ ถ้าเขาคิดได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของหล่อน ก็คงจะมีความสุข ไม่วุ่นวายกันไปหมดแบบนี้ พริมายืนนิ่งมองคนป่วยอยู่ที่ปลายเตียง เสียงของคนในความคิดดังขึ้นจึงทำให้หล่อนตื่นจากภวังค์

            “มีอะไร?” คนป่วยลืมตาขึ้นมอง นพคุณประสาทสัมผัสไว เขาได้ยินเสียงเปิดประตู จึงลืมตาขึ้นดูและเห็นว่าใครที่เข้ามาในห้อง ตอนนี้หล่อนยืนอยู่ปลายเตียงเขา

            “เอ่อ....” สาวน้อยยิ้มแหยๆ ถ้าคุณลุงไม่ขอร้อง หล่อนไม่กล้าเข้ามาในห้องนี้แน่ๆ แค่คิดก็ยังไม่กล้า เมื่อกี้พ่อเลี้ยงหล่อนโทรมาบอกว่านพคุณป่วย ขอให้หล่อนช่วยเข้าไปดูเขาหน่อย

            “ลูกแก้ว...เห็นคุณพิมพ์บอกว่าหนูอยู่บ้านไม่ได้เข้าไปที่ตลาดด้วยกัน หนูช่วยเข้าไปดูพี่เค้าหน่อยได้ไหมลูก ตาคุณเสียงไม่ค่อยดีเลย ลุงคุยกับพี่เขาเมื่อกี้ไม่รู้ไม่สบายรึเปล่า” พริมารับคำ ตอนคุณนพรักษ์โทรมานั้น หล่อนกำลังกางผ้าใบปิดเล้าไก่กันฝนสาดอยู่หลังบ้าน วันนี้ฝนตกหนักหล่อนจึงไม่ต้องรดน้ำต้นไม้ที่หน้าบ้านเหมือนที่ทำประจำ ก่อนจะเข้ามาในห้องหล่อนเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องตั้งนานกว่าจะรวบรวมความกล้าเข้ามาได้...จะว่าไปจริงๆ แล้ว     พริมาก็โดนนพคุณเอ็ดหรือบ่นออกจะบ่อยไป

            “เอาวะ! ยังไงก็ไม่น่าจะโดนหนักไปกว่าทุกครั้งหรอกน่า” เข้ามาในห้องแล้ว ก็ได้แต่ยืนมองเขาจากปลายเตียง เพราะคนบนเตียงกำลังหลับ      จะให้ไปเรียกหล่อนก็ไม่กล้า ยืนอยู่ตรงนั้นเกือบสิบนาทีนั่นแหละ ถึงได้ยินเสียงเขาร้องถามมา...มันฟังดูไม่ค่อยดีเลย

            “ไปหาหมอไหมคะ?” คนถามถามด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ

            “ไม่ ไม่ต้อง นอนพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น”

            “หิวไหมคะ ?”

            “ถ้าฉันบอกว่าหิว เธอจะทำให้ฉันกินเหรอ?”

            “ก็...พอได้ค่ะ เอาเป็นข้าวต้มนะคะเร็วดี” วันนี้นับได้ว่านพคุณกับพริมา คุยกันได้นานกว่าปกติ เพราะตามปกติถ้าไม่เพราะนพคุณไปชวนทะเลาะ...จะให้คุยดีๆ ได้ ก็ไม่เคยเกินห้านาที นพคุณป่วย...คงเพราะอากาศเปลี่ยน นอนน้อย และซ้อมฟุตบอลหนัก...สงสัยเขาคงต้องแบ่งเวลาทำแต่ละอย่างเสียใหม่    เมื่อคืนกว่าจะถึงบ้านก็เกือบห้าทุ่ม ช่วงนี้ฝนตกบ่อย มีหลายวันที่เขาต้องซ้อมฟุตบอลกลางสายฝน

            เมื่อนพคุณไม่ได้ตอบอะไร...แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ พริมาจึงเข้าใจได้ว่าคุณชายใหญ่น่าจะไม่ขัดข้อง หล่อนจึงลงไปข้างล่าง หายไปเกือบ 20 นาที    ก็กลับมาพร้อมข้าวต้มร้อนๆ ที่หอมจนคนป่วยต้องแอบชำเลืองมอง

            “จะกินได้รึเปล่าเนี้ย?” นพคุณหรี่ตามองเมื่อเห็นพยาบาลจำเป็น    เดินเข้ามาพร้อมข้าวต้มร้อนๆ กลิ่นหอมฉุย คนถูกถามไม่ตอบแค่วางถาดอาหารไว้ข้างเด็กหนุ่ม ในถาดมีน้ำและยาพร้อม...พยาบาลจำเป็นของเขาวันนี้หล่อนทำงานดี
            “ปวดหัวน่ะ ลุกก็ไม่ค่อยไหว...ป้อนหน่อยสิ” นพคุณพูดหน้าตาเฉยเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ พริมาทำหน้าเหวอได้ตลกมากจนคนป่วยแอบขำ แต่ระดับนพคุณมีหรือเขาจะขำให้พริมาจับได้ เด็กหนุ่มแกล้งไอกลบเกลื่อน จนเด็กหญิงตกใจ พริมาทำอะไรไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยป้อนข้าวใคร ล่าสุดก็มีแค่ให้น้ำไก่...มันจะเหมือนกันไหมหนอ? คิดแล้วก็ขำ...ต่อไปคงไปคุย ได้แน่ว่าหล่อนเคยป้อนข้าวคนและก็ให้น้ำไก่ซึ่งทั้งไก่และคน...ทั้งสองชื่อเหมือนกัน
            “นพคุณ...คิกคิก” เด็กหญิงเผลอตัวเรียกชื่อพร้อมหัวเราะขำเบาๆ

            “อะไร?” คนถูกเรียกชื่อมองพร้อมขมวดคิ้วเบาๆ

            “อ้อ ...เปล่าค่ะ กินข้าวดีกว่าจะได้กินยา มาค่ะลูกแก้วป้อนให้” คงไม่ต่างจากให้น้ำไก่หรอกมั้งยัยลูกแก้วเอ๊ย! ว่าแล้วก็กุลีกุจอป้อนข้าวคนป่วย

            “หือ! ร้อน! เป่าหน่อยสิ” คนป่วยประท้วงพร้อมหันมามองตาขวาง…พริมายิ้มแหย

            “ขอโทษค่ะ มาค่ะกินใหม่ ลูกแก้วเป่าให้นะคะ” นพคุณยอมกิน      แต่โดยดี...เขากินข้าวต้มหมดชาม (แม้แต่ตัวเองยังแปลกใจ) ไม่รู้ว่าหิวหรือว่าอร่อยกันแน่ ที่ทำให้คนป่วยที่ตอนแรกคิดว่าจะกินอะไรไม่ลงกลับกินข้าวต้มฝีมือพริมาเสียหมดถ้วย (ความจริงก็เหลือไว้คำหนึ่งล่ะนะ เดี๋ยวยัยฝรั่งแคระจะได้ใจ)

            “กินอีกคำสิคะ จะหมดอยู่แล้ว” นพคุณส่ายหน้า พริมาไม่ได้สงสัยเลยว่าเขาจะมาอิ่มเอาสุดๆ ทำไมคำสุดท้าย...ดีนะที่เด็กนี่หัวช้าและยัยปลาทูเพื่อนรักของหล่อนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่

            “กินยานะคะ แล้วก็นอน...เดี๋ยวลูกแก้วจะมาดูเป็นระยะ” พริมาหันไปหยิบยาส่งให้

            “อ้าว...ลูกแก้วลืมเอาแก้วน้ำมาด้วย เอามาแต่ขวดน้ำ” นพคุณชี้ไปที่โต๊ะเขียนหนังสือปลายเตียง มีแก้วน้ำวางอยู่ เด็กหญิงมองตามแล้วเดินไปหยิบในแก้วยังมีน้ำเหลืออยู่

                “มีน้ำอยู่ในนี้ด้วย เดี๋ยวเอาไปเทดีกว่านะคะ ล้างแก้วเสียหน่อย” นพคุณ ทำท่าจะค้าน แต่สาวน้อยถือแก้วที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มนั้นตรงไปยังห้องน้ำ

            ห้องนอนบ้านคุณนพรักษ์มีสามห้อง และแต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว ห้องหล่อนเองก็เหมือนห้องนี้เพียงแต่ห้องน้ำอยู่คนละมุมเท่านั้นเอง ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำนั้น ไม่รู้เพราะรีบหรือลื่นกันแน่พริมาสะดุดล้ม นพคุณคาดการณ์ไว้ไม่ผิด แต่ครั้งนี้เขารับไว้ไม่ทัน พริมาใจหาย...สาวน้อยล้มคะมำพาดครึ่งตัวอยู่บนเตียง โชคดีที่อย่างน้อยหล่อนไม่เอาหน้าไปฟาดพื้น...แต่แก้วที่ถือไว้ในมือน่ะสิ ตอนนี้มันหายไปไหนแล้วหว่า?

            “อยู่นี่!” แปลกจังนพคุณตอบเหมือนอ่านความคิดของหล่อนออก   พริมาเงยหน้าขึ้นจากที่ล้มหัวคะมำ...หัวหล่อนไปนอนอยู่แทบเท้านพคุณพอดี อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไปนอนอยู่บนพื้นล่ะนะ แต่ภาพที่เห็นทำให้หล่อนตกใจเสียยิ่งกว่าล้มหัวคะมำเมื่อครู่เสียอีก นพคุณถือแก้วไว้ในมือ...แต่น้ำในแก้วนี่สิ มันไม่ได้อยู่ที่เดิม! มันกระจายเต็มที่นอนไปหมด

            “ว๊าย!!! ตายแล้ว พี่คุณ...ลูกแก้วขอโทษค่ะ” พริมาลนลาน       หล่อนคลานขึ้นมาจากปลายเตียง และภาพที่นพคุณเห็นนั้นน่าสยดสยอง    ยิ่งกว่าดูหนังผีเด็กจูออนเสียอีก เปลี่ยนจากผีเด็กผู้ชายมาเป็นผีเด็กผู้หญิง หน้าตาพริมาตอนนี้ก็ตะลึงตะลานน่ากลัวไม่แพ้ผีต้นฉบับเลยทีเดียว

            “อย่า!!! ไม่ต้องเข้ามา” ไม่ทันเสียแล้ว...พริมาคลานเข้ามาถึงข้างตัวเขา และหล่อนกำลังง่วนอยู่กับการสำรวจความเสียหายว่าน้ำจากแก้วที่หล่อน (ไม่ตั้งใจ) สาดมานั้น ทำความเสียหายมากน้อยแค่ไหน

            “เดี๋ยวลูกแก้วเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้นะคะ...ผ้าห่มด้วย แต่ก่อนอื่น    พี่คุณคงต้องเปลี่ยนเสื้อแล้วล่ะ เปียกหมดเลย...แล้วกางเกง?” พริมาทำท่าจะดึงผ้าห่มออก แต่หล่อนต้องหยุดกึกเมี่อเห็นสายตาที่นพคุณถลึงใส่ เด็กหญิงยิ้มแหยเหมือนเพิ่งนึกได้...สาวน้อยค่อยๆ ขยับตัวลงจากเตียง แก้มมีสีแดงระเรื่อ ขึ้นเล็กน้อย พริมายังงง...นี่หล่อนทะลึ่งขึ้นไปนั่งบนเตียงเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ แถมยังจะไปดึงผ้าห่มดูกางเกงเขาอีก นพคุณจะคิดว่าหล่อนสัปดนขนาดไหน ตายๆ ขายขี้หน้าที่สุด

            “ต้องเช็ดผมด้วยค่ะ เอิ่ม...คงไม่ต้องชุบน้ำเช็ดตัวแล้ว” นพคุณส่งสายตาขวางอย่างที่สุดมาให้ และพริมาต้องพยายามอย่างที่สุด...นาทีนี้หล่อนต้องหน้าด้านเข้าไว้ เขาจะว่าอะไรก็ต้องยอม มีอย่างที่ไหนเอาน้ำไปสาดคนป่วยบนเตียง พริมาหนอพริมา!

                นพคุณต้องลากสังขารไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ในห้องน้ำ ความจริงเขาลุกขึ้น มาอาบน้ำแล้วเมื่อเช้า ถึงจะป่วยแต่ก็พอจะอาบน้ำได้ แต่ใครจะคิดว่าจะมีคนเอาน้ำมาสาดเขาถึงบนเตียงแบบนี้ พริมาทำได้ทุกอย่างจริงๆ แม้เขาจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าหล่อนจะต้องทำอะไรพลาดสักอย่าง แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหล่อน จะพลาดขนาดนี้ ออกมาจากห้องน้ำ เขาเห็นพริมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อยแล้ว แต่ที่ไม่เรียบร้อยคือผ้าปูที่นอนของเขากลายเป็นคิตตี้สีชมพูครบชุด!

            “ลูกแก้วไม่รู้ว่าพี่คุณเอาผ้าปูที่นอนเก็บไว้ตรงไหน...เลยเอาของลูกแก้วมาเปลี่ยนให้ก่อน ไม่เป็นไรค่ะลูกแก้วให้ยืม” พริมาพูดเหมือนกับว่าหล่อนใจดียกของเล่นให้เด็กด้อยโอกาสก็ไม่ปาน นพคุณทำหน้าปั้นยากเขาหมดคำจะพูด ห้องของเขาที่ดูยังไงก็เป็นห้องผู้ชาย แต่เตียงนอนดันพิลึกจากผ้าปูที่นอนสีเทาพื้นๆ กลายเป็นคิตตี้สีชมพู...สดใสซะไม่มี!!!

            “ไม่ชอบเหรอคะ? มีลายเอลซ่า...” พริมาพูดต่อไม่จบ เพราะนพคุณ ยกมือห้าม

            “พอๆ ช่างเถอะ” เขาเดินขึ้นไปนอนลงบนเตียงตามเดิม...ปวดหัวแล้วก็รู้สึกว่าไข้จะกลับมากกว่าเดิมเสียอีก...ไม่รู้ว่าพริมาจะมาช่วยหรือจะมาทำให้เขาเป็นหนักกว่าเดิมกันแน่ พริมายืนมองตอนนี้เด็กหนุ่มหลับตาหนี หล่อนไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเขาง่วงนอนจริงหรือว่าไม่อยากคุยกับหล่อนกันแน่ สาวน้อยนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง...หล่อนรู้ดีว่าเวลาป่วยอารมณ์จะอ่อนไหวเป็นพิเศษ ตอนพริมาป่วยนั้น หล่อนอยากจะให้แม่อยู่ด้วยตลอดเวลา...แต่นพคุณไม่มีแม่ พริมาสูดลมหายใจอย่างแรง อยู่ๆ หล่อนก็สงสารนพคุณจับใจ เขาต้องเหงามากแน่ๆ เด็กหญิงคิดถึงตัวเอง...ถ้าภารดีต้องจากหล่อนไปตอนนี้เหมือนที่นพคุณต้องจากกับแม่ของเขา หล่อนจะทนได้อย่างไร สาวน้อยคิดแล้วก็น้ำตาไหล งั้นวันนี้หล่อนจะอยู่เป็นเพื่อนเขาทั้งวัน...เขาจะได้ไม่เหงา

            นพคุณหลับตาหนีได้สักพักเพื่อไล่พริมาออกจากห้อง เขาไม่อยากเอ่ยปาก เพราะจะดูใจร้ายเกินไปที่พอหล่อนหมดประโยชน์แล้วก็ไล่ออกจากห้องไปแบบนั้น เหมือนเสียงรอบตัวเงียบไปแล้ว แต่เขาไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู นพคุณลืมตาขึ้นมามอง เขาเห็นพริมานั่งจ้องเขาเหมือนแมวกำลังจ้องเหยื่อไม่มีผิด และถ้าเขาไม่เบลอเพราะพิษไข้หรือตาฝาดไป เขาเห็นหล่อนร้องไห้...อะไรวะ! นี่ขนาดเขาหลับและไม่ได้ว่าอะไรสักคำ เด็กนี่ก็ยังร้องไห้ได้ตลอด เวลาอยู่กับเขา เขาแอบชำเลืองดูใหม่ ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขายังไม่หลับ  จากที่เห็นตอนนี้เด็กหญิงเลิกร้องไห้แล้ว แต่หล่อนก็ยังจ้องเขาไม่เลิก...สยองชะมัด!
            พริมานั่งจ้องนพคุณอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมง หล่อนไม่อยากให้เขาคลาดสายตา เผื่อเขาต้องการอะไรจะได้ช่วยเหลือได้ทัน นพคุณเหนื่อย        เขาต้องทำเป็นหลับมานานเท่าไหร่แล้วนะ ยัยเด็กนี่เอาแต่นั่งจ้องเขาอยู่ได้          แม้หล่อนจะไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวน แต่หล่อนก็ทำให้เขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัวอยู่ดี มีเสียงขยับตัวแล้ว เขาแอบดูจากหางตาเห็นพริมาลุกขึ้นยืน (เฮ้อ...ออกไปซะทีเถอะแม่คู้ณ) แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังสักนิด เด็กหญิงนั่งลงบนพื้นข้างเตียงเขา นี่หล่อนจะมางีบในห้องเขาหรือนี่!!! พริมาเอาแขนหนุนหัวแทนหมอน ตัวหล่อนนั่งลงบนพื้นข้างเตียง แต่หัวพาดไว้บนเตียงเขา…เด็กหนุ่มหมดแรง แม้ไข้จะลดไปบ้างแล้วเพราะได้ยาที่พริมาเอามาให้ แต่ยังปวดหัวอยู่มาก เขาไม่มีแรงจะมาทะเลาะหรือแม้แต่พูดอะไรกับใครทั้งนั้น นพคุณหลับตาลง...ขอพักสักนิดให้อาการดีขึ้นเสียหน่อย แล้วค่อยว่ากัน...ปล่อยเด็กนี่นอนไปก่อน อย่างน้อยหล่อนจะได้ไม่มานั่งจ้องหน้าเขาให้เสียขวัญ

 

            ฝนตกนั้นเป็นอุปสรรคในการเดินทาง แต่สำหรับการนอนแล้ว               มันช่างทำให้หลับสบายเสียเหลือเกิน นพคุณหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่พอได้นอนพักแบบนี้แล้วอาการก็ดีขึ้นมาก ข้างนอกอากาศเย็น แต่นอนอยู่บนเตียงแบบนี้ช่างอุ่นสบาย...เดี๋ยวก่อน! อุ่นน่ะใช่...แต่เหมือนจะไม่ค่อยสบายนัก...เหมือนพื้นที่บนเตียงของเขาจะหายไปเกือบครึ่ง! นพคุณรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรกลมๆ มาเบียดอยู่ข้างๆ ตัวเขา และเมื่อหันไปดูถึงได้รู้ว่าแม่ตัวดี...แม่พยาบาลจำเป็นของเขานั้น ตอนนี้หล่อนขึ้นมานอนเบียดเขาอยู่บนเตียง พริมานอนหันหน้าไปอีกทางแต่หลังหล่อนเบียดอยู่ข้างตัวเขา...สาวน้อยขึ้นมานอนคุดคู้อยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ นี่เขาเผลอหลับไปนานแค่ไหนกัน? นพคุณเหลือบมองนาฬิกาที่ข้างฝา มันบอกเวลาหกโมงเย็น...พวกเขานอนไปเกือบสี่ชั่วโมงเลยหรือ? เด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาถอนหายใจ...เพลีย      นี่ตกลงใครดูแลใครกันแน่ อยากจะแกล้งปลุกอยู่เหมือนกัน แต่ดูจากท่าทางที่หลับสบายขนาดนี้ เขาก็ทำไม่ลง แก้มใสๆ ปากแดงๆ นั่น เวลาหลับ...ยัยเพี้ยน เหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด นพคุณอดใจไม่ไหว เขาเผลอเอามือไล้แก้มนวลเล่น สาวน้อยขยับตัวเล็กน้อยเหมือนรำคาญที่โดนรบกวนเวลานอนอันแสนสบายของหล่อน ทำให้เด็กหนุ่มชะงัก เขางงกับพฤติกรรมของตัวเอง

            “บ้าจริง!” เด็กหนุ่มลุกพรวดลงมายืนข้างเตียง เขาเซเล็กน้อย    ถึงแม้อาการจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังมึนหัวอยู่ไม่น้อย เมื่อกี้เขาทำบ้าอะไร? ถึงแก้มเด็กนั่นจะน่าจับ...น่าหยิกขนาดไหน เขาก็ไม่ควรจะทำอะไรแบบนั้น   ดีนะที่ไม่มีใครมาเห็นเข้า เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ...ช่วงนี้เขาไม่เข้าใจตัวเองหลายอย่าง เมื่อก่อนเขามีสติมากกว่านี้...เด็กนี่ทำร้ายสติเขา!!!

            “อยู่ไม่ได้แล้วเว้ย!” หนุ่มน้อยรีบผลุนผลันออกจากห้อง แต่เขาไม่กล้าทำเสียงดัง เพราะถ้าพริมาตื่น หล่อนต้องตามเขาลงไปข้างล่างอีกแน่ๆ วันนี้เขารับมือกับหล่อนไม่ไหวแล้วจริงๆ ปล่อยให้นอนอยู่นี่แหละดีแล้ว       เด็กหนุ่มทำทุกอย่างอย่างเบามือที่สุด ก่อนปิดประตูหนีไป เขาพึมพำบอกสาวน้อยเบาๆ

            “ฝันดีนะ ยัยเพี้ยน”

 

            ฝนหยุดตกแล้ว...แต่อากาศข้างนอกยังเย็นอยู่ แสงตะวันของวันนี้         ก็หมดลงแล้วเช่นกัน ทำให้ในห้องที่ไม่ได้เปิดไฟมืดเห็นเพียงแสงรำไรของแสงไฟที่ส่องมาจากไฟถนนด้านนอก พริมากระพริบตาไล่ความง่วง นี่เช้าแล้วหรือ? อืม...น่าจะตีห้า เพราะปกติบางวันพริมาก็ตื่นมาตอนตีห้า หล่อนมองไปรอบห้อง...ไม่คุ้น! พริมาต้องตั้งสติอยู่พักใหญ่ถึงนึกขึ้นได้ว่าหล่อนไม่ได้อยู่ในห้องตัวเอง และที่นอนอยู่นี่ก็ไม่ใช่เตียงตัวเอง

            “ตายแล้วพี่คุณ!!!” เด็กหญิงลุกขึ้นเปิดไฟ มองหานพคุณ แต่เขาไม่ได้อยู่ในห้อง นี่หล่อนยึดเตียงคนไข้หรือนี่ หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่าขึ้นมานอนบนเตียงเขาตอนไหน จะว่านพคุณลากหล่อนขึ้นมาก็คงจะเป็นไปไม่ได้        แค่ลำพังตัวเขาจะเดินยังเซ พริมาเอามือกุมขมับ ตายๆ วันนี้หล่อนทำป่วนหลายเรื่อง

            “แย่ๆ ลูกแก้ว ทำไมแย่แบบนี้” พริมาบ่นตัวเอง ขณะออกจากห้อง  นพคุณและลงบันไดไปข้างล่าง หล่อนดูนาฬิกาข้อมือมันบอกเวลาสองทุ่มครึ่ง!

            “หา!!! สองทุ่มเลยเหรอเนี้ย ก็เพราะฝนบ้านั่นแหละ ตกอยู่ได้...”

            พริมาชะโงกหน้าเข้าไปในครัว นพคุณอาจจะลงมาหาอะไรกิน หล่อนเห็นถาดกับชามข้าวต้มถูกล้างคว่ำไว้เรียบร้อย ...ตายๆ คนป่วยต้องทำเองหมดทุกอย่างเลย แล้วนี่เขาไปอยู่ไหนนะ สาวน้อยเดินจากในครัวไปดูที่ห้องรับแขก...นั่นไง! นพคุณนอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก น่าสงสารจริงๆ ห้องตัวเองก็มีแต่เข้าไปนอนไม่ได้ หล่อนนี่ใช้ไม่ได้จริง ๆ พริมานั่งเงียบๆ      ลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

            “ลูกแก้วขอโทษนะพี่คุณ”

            เพราะว่าเป็นไข้จึงทำให้หลับได้ทั้งวัน เมื่อตอนเย็นนพคุณตื่นและหนีพริมาลงมาข้างล่าง เขาห่มผ้าให้สาวน้อย...เก็บถาดข้าวลงมาและล้างคว่ำไว้หมดแล้ว ในหม้อยังมีข้าวต้มเหลืออยู่ นพคุณกินข้าวต้มที่เหลือและกินยาลดไข้อีกเม็ด...วันนี้เขาใจดีแวะไปแอบดูฝาแฝดที่สวนหลังบ้าน มันนอนคุดคู้อยู่ในเล้าเหมือนแม่ของมันไม่มีผิด นพคุณ (ไก่) เหลือบตามองแวบหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เหมือนเขาเป็นอากาศธาตุไม่คู่ควรกับการมองของมัน ชิ! ไอ้ไก่ผี ฉันก็ไม่ได้อยากจะมองแกนักหรอกถ้าไม่เห็นแก่ความดีของแม่แกวันนี้ล่ะนะ หลังจากนั้นก็กลับเข้าบ้านมานอนดูทีวีในห้องรับแขก จนง่วงและหลับไปอีกรอบ และไม่แน่ใจว่าเพราะนอนผิดที่หรืออย่างไร ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดพิกล นพคุณพลิกตัว...แม้โซฟาห้องรับแขกที่บ้านจะตัวใหญ่มาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้นอนสบายเหมือนเตียงนอนในห้องเขา และเพราะพลิกตัวนั่นแหละเขาถึงได้เห็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด...สายตา มันใกล้มาก ใกล้เสียจนจะชิดกับหน้าเขาอยู่แล้ว

            “เฮ้ย!!!” นพคุณร้องสุดเสียง เขาตกใจมากจนลืมไข้ไปชั่วพริบตา    พริมานั่นเอง...หล่อนเกาะขอบโซฟานั่งมองเขาอยู่ เขาจะบ้าตาย! นี่หล่อนจะฆ่าเขาใช่ไหม หล่อนทำได้อย่างหน้าซื่อๆ เลยด้วย วันนี้เขาไม่ไหวแล้วนะ    ต้องคุยให้รู้เรื่อง แต่ก่อนที่นพคุณจะพูดอะไรพริมาก็สะอื้นใส่เขาเสียก่อน

            “พี่คุณ...ลูกแก้วขอโทษ ลูกแก้วทำให้พี่คุณต้องมาลำบากนอนตากยุง ข้างล่างใช่ไหมคะ?” เด็กหญิงสูดขี้มูก...เจออีท่านี้แล้วเขาจะว่าอะไรได้       นพคุณที่ลุกขึ้นดันตัวเองจนแทบจะจมมิดหายไปในโซฟากำลังถลนตามอง  พริมาอยู่ นี่ขนาดเขาเป็นไข้นะ หล่อนยังป่วนเขาได้ขนาดนี้...

            “แต่พี่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกแก้วนั่งปัดยุงให้พี่คุณอยู่ตลอดเลย” สาวน้อยพยักหน้าพยายามให้เขาเห็นดีด้วย แต่นพคุณส่ายหน้าแล้วเขยิบตัวหนีลุกขึ้น เขาโล่งใจที่พริมาหลบทางให้แต่โดยดี บ้านเขาก็หลังไม่ได้เล็กเลย...แต่ทำไมหล่อนถึงได้ตามติดเขาไปทุกที่แบบนี้นะ ระหว่างนั้นเองเขาได้ยินเสียงรถจอดและมีคนเปิดประตูเข้าบ้าน...ภารดีนั่นเอง หล่อนกลับบ้านมาเกือบสี่ทุ่ม!!! แม่เลี้ยงคนสวยทิ้งลูกสาวไว้ป่วนเขาตลอดทั้งวัน พริมาทำดีแค่เอายากับข้าวให้เขากินเท่านั้น นอกนั้น...อย่าให้พูดเลย นพคุณเดินขึ้นบันได วันนี้กว่าเขาจะได้กลับเข้าห้องตัวเองก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มเชียวนะ ด้านหลังเขาเห็นแล้วมีการเคลื่อนไหว นพคุณหันมาทำตาขวางใส่พร้อมยกมือขึ้นห้าม

            “พอแล้ว ขอร้องล่ะ” เด็กหนุ่มบอกเสียงแผ่ว...พริมาเงยหน้าขึ้นมองเขาจากตีนบันได...หล่อนมองมาตาใสโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ได้ยังไงกันนะ เมื่อเห็นว่าสาวน้อยเข้าใจความหมาย เขาก็หันหลังเดินอย่างหมดแรงกลับเข้าห้องไป แต่ไม่วายรีบล็อคประตู...ร้อยวันพันปีไม่เคยล็อคประตูเลยสักครั้ง วันนี้ล็อคเสียหน่อยมีกลอนแล้วก็ต้องใช้!

            “ไงลูกแก้ว...ตาคุณเป็นยังไงบ้าง? คุณนพโทรบอกแม่แล้วว่าฝากหนูไว้ ให้คอยไปดูพี่เขา” ภารดีทักทายลูกสาว หล่อนจอดรถและปิดประตูบ้านเรียบร้อย พอเข้าบ้านมาก็เห็นลูกสาวยืนตาละห้อยอยู่ตรงตีนบันได

            “น่าจะดีขึ้นแล้วค่ะ เดินไม่เซเหมือนเมื่อเช้าแล้ว แต่ดูเหมือนพี่คุณ  จะเหนื่อยๆ แต่แม่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ วันนี้ลูกแก้วดูแลพี่คุณอย่างดีเลย         แทบไม่คลาดสายตาเลยค่ะ”

            “ดีมากจ้า ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ แม่จะได้โทรไปบอกคุณนพว่าลูกแก้วทำหน้าที่อย่างดี คุณนพจะได้หายห่วง” ภารดีลูบหัวลูกสาว พริมายิ้มจนตาหยี หล่อนภูมิใจที่แม่ชม วันนี้หล่อนทำดี...แค่ละไว้ไม่ได้บอกแม่ว่าเกือบครึ่งบ่ายหล่อนแย่งที่นอนคนป่วยจนเขาต้องระเห็จมานอนในห้องรับแขก แต่หล่อนก็ทำดีแก้ตัวด้วยการนั่งปัดยุงให้นพคุณอยู่ตั้งนาน (ก็ถือว่าเจ๊ากันไปแล้วกันนะ)

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา