แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  31.21K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) ข้าวกลางวััััััััััััััััััััน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คเชนทร์นั่งอยู่ริมสนามมาได้สักพักแล้ว ชั่วโมงนี้ตามปกติแล้วมีเรียน      แต่วันนี้อาจารย์งดสอนแต่ฝากงานไว้ให้ทำส่งในคาบหน้า ตอนนี้เขาเลยว่าง เพื่อนๆ ในห้องก็กระจัดกระจายกันไป พวกที่ขยันก็อยู่ในห้อง นั่งทำงานที่อาจารย์สั่งไว้ (แน่นอนหนึ่งในนั้นคือนพคุณ) ส่วนอีกกลุ่มก็ออกไปวิ่งเล่นข้างนอก (แน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือเขา)

            “งานให้ส่งคาบหน้าจะทำคาบนี้ทำไม” คเชนทร์ตอบเพื่อนที่ถามเขาว่า จะไม่อยู่ทำงานให้เสร็จก่อนหรือ นพคุณได้ยินเสียงสนทนาพอดี เขาไม่ผิดหวังเพราะคาดเดาไว้แล้วว่าคเชนทร์ต้องเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ออกไปเที่ยวเล่นแน่ๆ ตอนนี้อายุ 17 ถือว่าโตแล้ว น่าจะมีความรับผิดชอบหรือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้อง แต่นี่เพื่อนๆ ของเขาบางส่วนยังคิดแต่จะเล่นสนุกกันไปวันๆ เท่านั้น

            “พวกนี้โตๆ กันแล้ว ยังจะมัวแต่ไปเที่ยวเล่นกันอยู่ได้ไร้สาระจริงๆ” แพรวพณิตนั่นเอง หล่อนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กขยัน และเพราะขยันจึงเรียนดี สมองดีก็ส่วนหนึ่งแต่ความขยันก็มีส่วนช่วยอย่างมาก แพรวพณิตให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่าง และเพราะหล่อนขยัน ที่ 3 ของห้องจึงเป็นของหล่อน นพคุณได้ที่ 1 เขากับหล่อนจึงจัดว่าเป็นคนชนชั้นเดียวกัน คนอย่างนพคุณเท่านั้นที่จะเหมาะสมกับหล่อน และสาวๆ ในห้องรู้ดีว่าแพรวพณิตหมายตานพคุณเอาไว้ ในห้องจึงไม่มีใครเข้าร่วมช่วงชิงกับหล่อน แต่นอกห้องนี่สิควบคุมยาก ถ้าควบคุมคนนอกไม่ได้ก็ต้องควบคุมคนใน หล่อนจะต้องรีบสานสัมพันธ์กับนพคุณอย่างเร่งด่วน แต่หล่อนเดาไม่ถูกว่านพคุณรู้สึกอย่างไรกันแน่       เพราะเขาสุภาพกับทุกคน นพคุณกับแพรวพณิตได้ทำงานกลุ่มด้วยกันเสมอ       ตอนแรกคิดว่าจะวุ่นวายเพราะในห้องมีเด็กนักเรียนผู้หญิงอยู่ด้วย ต่างจากโรงเรียนชายล้วนที่เขาย้ายมา แต่ผิดคาดในห้องเรียนของเขากลับสงบต่างจากที่คิด และเพื่อนคนแรกของเขาในโรงเรียนกลับเป็นผู้หญิงซึ่งก็คือแพรวพณิตนั่นเอง หล่อนเป็นคนฉลาดพูดไม่กี่คำก็เข้าใจ และเขาชอบตรงที่ไม่ต้องพูดมาก นพคุณรู้สึกได้ว่าแพรวพณิตคิดอะไรกับเขามากกว่าเพื่อน    แต่การจะตัดสัมพันธ์เพียงเพราะมีคนมาชอบก็ไม่ถูก แพรวพณิตไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นถ้าเขาเฉยเสียไม่แสดงท่าทีอะไร คนฉลาดแบบหล่อนก็คงจะเข้าใจไปเอง เขาหันไปสังเกตรอบๆ ห้องตอนนี้เหลือคนอยู่ในห้องนั่งทำงานตามคำสั่งอาจารย์อยู่ไม่ถึง 10 คน ส่วนพวกไร้สาระของแพรวพณิตอีกเกือบ 30 คน ออกไปเที่ยวเล่นนอกห้องแล้ว พวกนั้นกระจัดกระจายกันออกไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ บ้างก็ไปโรงอาหาร บ้างก็ไปโรงยิม ส่วนคเชนทร์นั้นเขาไปเตะบอลกับเพื่อนๆ แต่เพราะอากาศร้อนเกินไปเขาจึงแยกตัวออกมานั่งดูเพื่อนๆ ที่ริมสนามแทน

            “ไม่ไหวโว้ย! แกดูแดดสิ มันจะเผาตายเอาได้นะ ทุกวันนี้ก็เข้มพอแล้ว ถ้าโดดแดดขนาดนี้มันจะเข้มจนเกินงาม...หมดหล่อกันพอดี” คเชนทร์บอกเพื่อนๆ ขณะถอนตัวออกจากสนาม...ระหว่างที่นั่งดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยคเชนทร์เห็นพริมาวิ่งอยู่ริมสนาม ตอนแรกกะจะเข้าไปทัก เพราะมีของที่คณิสราฝากมาพอดี ตอนออกจากห้องเขาก็เอาออกมาด้วย เพราะกะว่าจะแวะไปหาที่ตึก ม.3 แต่จังหวะช่างเหมาะที่ห้องพริมากำลังเรียนวิชาพละ และกำลังวิ่งรอบสนามที่เขานั่งเล่นกันอยู่พอดี มองจากตรงนี้เขาเห็นพริมาวิ่งเหยาะๆ อยู่คนเดียว เพื่อนสาวคนสนิทของหล่อนหายไปไหนนะ?

            “อ้อ...นั่น” คเชนทร์พึมพำขณะมองเห็นคนที่เขากำลังมองหา        วันแรกที่เขาเจอหล่อนก็คล้ายๆ กับวันนี้...ยามาใส่ชุดพละ และด้วยทรงผมของหล่อนนั่นเองที่ทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าหล่อนเป็นเด็กผู้ชาย...ซึ่งตอนนี้กับตอนนั้นก็ยังไม่แตกต่างอะไรนัก ผมของยามาก็ยังเป็นทรงเดิม แต่ความจริงถ้าตั้งใจมองให้ดีหล่อนก็ไม่ได้ดูเหมือนผู้ชายขนาดนั้น แค่เพียงเพราะหล่อนตัวสูง...เผลอๆ อาจจะสูงที่สุดในบรรดาพวกเด็กผู้หญิงในห้อง...ผิวสีน้ำผึ้งกับผมรองทรง จะโทษเขาก็ไม่ได้ที่จะมองเผินๆ แล้วคิดเอาว่าหล่อนเป็นเด็กผู้ชาย คเชนทร์ขำตัวเอง ปกติเขาไม่เคยพลาด เรื่องผู้หญิงเขาชำนาญ เพราะพี่ๆ ของเขาก็เป็นผู้หญิงและมีถึงสามคน เขาจึงค่อนข้างรู้จักนิสัยใจคอหรือมารยาหญิง เป็นอย่างดี แต่นั่นมันเป็นลักษณะนิสัยนี่! มันไม่ใช่ภาพลักษณ์ภายนอกสักหน่อย จึงไม่ผิดถ้าเขาจะคิดว่ายามาเป็นผู้ชายเพียงเพราะแค่เห็นแวบแรก

            “โอ้ว!” คเชนทร์อุทานเพราะตอนนี้คนที่เขานั่งสังเกตกำลังน็อครอบ พริมา ยามาวิ่งครบรอบแล้วพริมายังวิ่ง (คลาน) ไปไม่ถึงไหน เขาเห็นยามาพูดอะไรสักอย่างตอนที่วิ่งผ่านพริมาแล้วหัวเราะชอบใจ พวกเพื่อนๆ ก็ขำไปด้วย มีแต่พริมาที่หน้างอเพราะโดนเพื่อนล้อเลียน

            “ยัยปลาทูวิ่งเร็วแฮะ” เด็กหนุ่มนั่งมองเพลินไปเรื่อยจนนับได้ว่า      ยามาวิ่งน็อครอบพริมาไปสามรอบแล้ว พริมาเคยเล่าว่าเพื่อนของหล่อนคนนี้ เรียนเก่ง ถ้าดูจากภายนอกแบบนี้ ก็คงไม่อยากจะเชื่อนัก เพราะยามาไม่มีมาดแบบเด็กเรียนเลยสักนิด ถ้าบอกว่าเป็นหัวโจกพาเพื่อนหนีเรียนหรือยกพวกตีกับเด็กโรงเรียนอื่น นั่นแหละเขาจะเชื่อมากกว่า คเชนทร์แอบนินทายามาในใจเพลินจนเพิ่งสังเกตเห็นว่าเด็กๆ ห้องพริมาเลิกเรียนกันแล้ว           และตอนนี้ได้เวลาพักเที่ยงพอดี

            “ไงสาวน้อยไปกินข้าวกันไหม?” คเชนทร์เดินไปดักหน้าพริมาที่กำลังจะเดินกลับเข้าไปในอาคารเรียน

            “อ้าว! พี่ตุลย์” พริมายิ้มสดใสทักทาย...หล่อนไม่คิดว่าจะมาเจอคเชนทร์หน้าตึกเรียน พวกเพื่อนๆ เหมือนจะแยกย้ายกันไป แต่ความจริงแล้ว พวกนั้นเหลือบดูอยู่ห่างๆ

            “ลูกแก้วก็กำลังจะไปกินข้าวค่ะ แต่ไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์ลงมาด้วยเลยจะขึ้นไปเอาก่อน” พริมาอธิบายยืดยาว เป็นจังหวะเดียวกับที่ยามาวิ่งกลับลงมาเจอกับพวกเขาพอดี ในมือหล่อนถือกระเป๋าไว้สองใบ

                “ไม่ต้องขึ้นไปแล้วม้างงง เพื่อนสาวเกียร์หมาของลูกแก้วเอาลงมาให้แล้ว นั่นไง” คเชนทร์พยักพเยิดไปทางยามาที่ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา

            “เอ้า! ปลาทูเอามาให้แล้ว ถ้ารอลูกแก้วคงอีกนาน ไปกันเถอะเดี๋ยวคนเยอะ” ยามายื่นกระเป๋าสตางค์ของพริมาที่หล่อนวิ่งขึ้นไปหยิบมาส่งให้

            “พี่ตุลย์ชวนไปกินข้าว” พริมาตอบสั้นๆ ถ้าเพื่อนหล่อนไม่ไปด้วยหล่อนก็ไม่บังคับ

            “ชวนกินข้าว...ก็ต้องเลี้ยงช่ายมะ?” ยามาเลิกคิ้วถาม

            “แน่นอนพี่เลี้ยงเอ๊ง น้องปลาทูไหม้เอ้ย! น้องปลาทูจะไปด้วยกันไม๊จ๊ะ?” คเชนทร์ยักไหล่ เห็นท่าทางของผู้ชายตรงหน้ายามาคิดว่าท่ายักไหล่ของเขานั้น ก็ไม่ได้กวนประสาทน้อยไปกว่าท่ายักคิ้วของเขาเลย

            “ก็ดีนะ ตอนนี้มีคนจับตามองอยู่...ฉันจะไปเป็นก้างเสียหน่อย       ไม่อยากให้ลูกแก้วตกเป็นเป้าสายตา” หล่อนส่งสายตาให้รู้ว่าพวกเพื่อนๆ กำลังทำเหมือนไม่ฟังหรือสนใจอยู่รอบๆ และหนึ่งในนั้น มีชัยยศอยู่ด้วย      (มันมาตอนไหนกันนะ?)

            “โอ้ว! เพื่อนลูกแก้วนี่มีน้ำใจ ยอมไปเป็นก้างด้วย เอางี้...เปลี่ยนจากก้างมาเป็นตัวหลอกไม๊จ๊ะ?” ไม่พูดเปล่าคเชนทร์เดินไปโอบไหล่เพื่อนพริมาท่ามกลางสายตาของพวกเพื่อนๆ (ที่ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะ) แต่ยืนและเดินอยู่รอบๆ ยามาตกใจคิดไม่ถึงว่าคเชนทร์จะทำอย่างนี้ หล่อนตัวแข็งทื่อ...แต่แค่เพียงแป๊บเดียวก็ตั้งสติได้

            “อย่ามารุ่มร่ามนะ ฉันไม่ใช่แฟนคลับหรือพวกที่คลั่งนาย” คเชนทร์หัวเราะชอบใจ เขายอมปล่อยมือที่โอบไหล่หล่อนออกแต่โดยดี ไม่รู้เป็นอะไร เวลาได้เถียงกับยัยนี่ทีไรมันรู้สึกสนุกดี เหมือนเขากำลังปะทะคารมกับพวกพี่สาวก็ไม่ปาน บางทีเขาก็คิดว่าถ้าเขามีน้องสาวอีกคนหล่อนจะมีนิสัยเหมือนพวกพี่สาวเขาไหม? แต่ไม่มีทาง! ถ้าเขามีน้องสาวขึ้นมาจริงๆ เขาจะเป็นคนเลี้ยงและสอนน้องเอง ไม่มีทางยอมให้น้องของเขาได้เรียนรู้อะไรจากพวกนั้นเป็นอันขาด ถ้ามีน้องสาว น้องของเขาต้องเหมือนพริมา น่ารัก เรียบร้อยและว่าง่าย
            “อายเหรอจ๊ะ? จะอายอะไรคนเยอะแยะ” เขาพยักพเยิดให้หล่อนดูว่ามีคนมองอยู่...หลายคนทีเดียว วันนี้น่าจะมีข่าวลือแปลกๆ อีกแน่ๆ น่าสนุกจัง อยากรู้แล้วสิว่าจะลือกันว่าอย่างไร

            “ไม่ต้องอายหรอกน่า...เอาเสื้อพี่ไปใส่ก็เหมือนมีพี่โอบอยู่รอบกาย” ยามาตาโต หล่อนไม่เคยคิดไปถึงขนาดนั้น แต่หมอนี่ช่างคิดและช่างหาคำพูดมากวนประสาทหล่อนได้มากทีเดียว

            “ไปค่ะไปกันเถอะ นะๆ “ พริมารีบเข้ามาห้ามทัพก่อนที่สองคนนี้จะเลยเถิดไปถึงขั้นทะเลาะกันท่ามกลางดงเผือก

                “ไปสิ ไปๆ เถอะนะ” คเชนทร์เลียนแบบคำพูดพริมา พร้อมเดินนำไปก่อน สองสาวเดินตามไปท่ามกลางสายตาชาวสวน (เผือก)

            “แหม...พอมีผู้ชายมารับก็ทิ้งเพื่อนเลยนะ กินข้าวเที่ยงด้วยกัน       ทุกวันแท้ๆ” ศศิธรตัดพ้อ

            “เป็นฉันก็ไปนะ ไปแบบไม่คิดเลย” ชัยยศตอบแทนสองสาวที่เดินตามคเชนทร์ไปทางโรงอาหาร เขาพอจะดูออกว่าศศิธรเล็งจะจีบสาวคนใหม่ และสาวคนใหม่ก็คือพริมา จากคลังข่าวของเขามีข้อมูลว่าศศิธรกับแฟนเก่านั้น เลิกกันไปแล้ว เพราะสาวน้อย...แฟนเก่าของศศิธรพบรักใหม่เป็นเด็กช่าง            จากวิทยาลัยเทคนิคที่อยู่ติดกัน

            พวกพริมาสั่งข้าวแล้ว และหาที่นั่งกันเรียบร้อย เด็กอื่นๆ เริ่มทยอยกันมาที่โรงอาหารเพราะได้เวลาพักเที่ยงพอดี ยามาสั่งข้าวมาสองจานกับก๋วยเตี๋ยวอีกหนึ่งชาม ซึ่งเป็นอาหารในส่วนของหล่อน คเชนทร์แน่ใจว่ายามาไม่น่าจะกินอาหารเที่ยงแบบนี้ทุกวันแน่ๆ ดูเหมือนเขาจะโดนหล่อนเล่นงานเข้าให้แล้ว

            “ปลาทู...หิวเหรอ?” พริมาเสียอีกที่เป็นคนเอ่ยปากถามแทนเขา คเชนทร์นั่งดูอยู่แต่ไม่ได้ว่าอะไร ถ้ายามาจะกินได้มากขนาดนั้น และเขาก็ออกปากเองว่าจะจ่าย...เขาก็จ่ายได้ไม่มีปัญหา

            “หิวๆ ...ปกติจ่ายเองเลยต้องกินแบบอดๆ อยากๆ วันนี้ได้กินฟรี       ก็ต้องกินให้เต็มที่ นี่เป็นมื้อที่ปลาทูกินอิ่มที่สุดตั้งแต่เรียนโรงเรียนนี้เลยนะ” ยามาทำหน้าได้น่าสงสารมาก...มากเกินไปจนน่าสงสัย

            “พี่ตุลย์ขา...ปลาทูกินขนมกับไอติมด้วยได้ไหมคะ?” ยามาทำเสียงออดอ้อนได้น่ากลัวทีเดียว

            “เดี๋ยวลูกแก้วจ่ายเอง ปลาทูจะกินอะไร” พริมาเกรงใจเด็กหนุ่ม หล่อนรู้ว่ายามาแกล้งเขาถึงแม้ว่าหล่อนจะกินได้มากแบบที่สั่งมาจริงๆ ก็เถอะ

            “ไม่เป็นไรลูกแก้ว พี่บอกจะเลี้ยงก็เลี้ยงสิ กินเลยขออย่างเดียว         สั่งอะไรมาก็กินให้หมดเท่านั้นแหละ” คเชนทร์ตอบยิ้มๆ เขาก็อยากจะดูเหมือนกันว่ายามาจะกินได้มากถึงขนาดไหน

            “ขอบคุณค่ะ” ยามายกมือไหว้ท่วมหัว และหันไปกินของตรงหน้าต่อ พริมาเห็นท่าทางของเพื่อนก็หันไปยิ้มแหยๆ ให้คเชนทร์

            “วันนี้พี่ตุลย์ไม่มีเรียนเหรอคะ ลูกแก้วเห็นพี่ตุลย์นั่งอยู่ริมสนาม”

            “อ้าว...เห็นด้วยเหรอ?”

            “ตอนแรกก็ไม่เห็นหรอก แต่พวกเพื่อนๆ ผู้หญิงในห้องเห็น” ยามา ตอบคำถามแทนพริมา...หล่อนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหารด้วยซ้ำ

                “อ๋อ...ปกติของคนหล่อน่ะน้อง พี่ชินแล้ว” คเชนทร์เท้าคางยิ้มโปรยเสน่ห์ ให้ยามา สาวน้อยตรงหน้าเขาเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้ว เบะปาก คเชนทร์ไม่โกรธแต่เขาขำกับหน้าตาท่าทางของหล่อนมากกว่า

            “เฮ้อ...เป็นคนหล่อนี่ลำบากนะ จะทำอะไรก็อยู่ในสายตาไปซะหมด” คเชนทร์ทำท่าทางอ่อนอกอ่อนใจเสียเต็มประดา

            “ตอนนี้ก็เป็นนะ อยู่ในสายตาหลายคู่เสียด้วย” ยามาไม่ได้มองขึ้นมาจากจานข้าวแต่หล่อนเห็นแล้ว มีสายตาสงสัยจากหลายคนที่เห็นคเชนทร์นั่งกินข้าวกับพวกหล่อน คงจะเป็นเพราะที่นั่งของพวกหล่อนด้วยที่นั่งอยู่กลางโรงอาหารพอดี ใครผ่านไปผ่านมาก็เห็นกันหมด

            “พี่เลือกที่นั่งทำเลดีใช่ไหมล่ะ จะได้มองเห็นคนอื่นชัดๆ “

            “คนอื่นก็มองเห็นชัดๆ ด้วยใช่ไหม?”

            พริมาไม่รู้สองคนนี้คุยอะไรกัน หล่อนเพิ่งหันไปสังเกตรอบๆ ตัวก็ตอนที่ พวกนี้คุยกันนี่แหละ ห่างไปสองสามโต๊ะหล่อนเห็นพวกมาริสา ชัยยศ และศศิธรนั่งกินข้าวอยู่ และดูเหมือนพวกนั้นก็กำลังมองมาทางหล่อนด้วยเหมือนกัน

            “นั่งตรงนี้ไหมคุณ?” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อที่คุ้นเคย พริมาชะงัก...หันไปมองตามเสียงโดยอัตโนมัติ และหล่อนก็เห็นเขาจริงๆ นพคุณกำลังเดินมาพร้อมกันผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ดูจากดาวที่ปกเสื้อของหล่อนแล้วสีเดียวกันปีเดียวกันกับเขา หล่อนน่าจะเป็นเพื่อนห้องเดียวกับเขานั่นแหละ และเหมือนตอนนี้นพคุณจะเห็นแล้วว่าพริมามองอยู่ เขาก็ยืนนิ่งมองมาเช่นกัน พริมาเดาเอาจากท่าทางที่เขายืนมองมานั้น คงจะกำลังส่งสัญญาณไม่ให้หล่อนลืมตัวทักทายเขา และให้ทำตามที่เขาเคยสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้ทักเขาที่โรงเรียนและให้ทำเหมือนไม่รู้จักกัน พริมาจึงพยายามอย่างที่สุดที่จะทำตามคำสั่งของเขา...ไม่งั้นกลับบ้านไปมีหวังคุณชายใหญ่วีนใส่หล่อนอีกแน่นอน

 

            หลังจากทำงานที่อาจารย์สั่งไว้เสร็จก็เกือบเที่ยงพอดี แพรวพณิต           จึงชวนนพคุณลงไปกินข้าว เพราะตามปกติเขาก็กินข้าวกับแพรวพณิตอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้เพื่อนๆ ในกลุ่มบางคนก็ออกมาก่อนแล้ว          จึงเหลือเขากับแพรวพณิตเดินมาด้วยกันแค่สองคน และเมื่อหาที่นั่งนั่นแหละเขาจึงสังเกตเห็นเพื่อนร่วมห้องเขานั่งกินข้าวกับเพื่อนร่วมบ้าน...พริมา         กับคเชนทร์กินข้าวอยู่ด้วยกัน พวกนั้นเปิดตัวกลางโรงอาหารกันเลยสินะ คเชนทร์ก็ดังอยู่พอสมควรในหมู่สาวๆ การที่เขามานั่งกินข้าวกับสาวกลางโรงอาหารแบบนี้ก็คิดได้ว่าเขาตั้งใจจะคบจริงแบบเปิดเผย ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มานั่งในที่สะดุดตาแบบนี้ ถึงว่า...พอได้ยินว่าอาจารย์ไม่อยู่หมอนี่ถึงกระดี๊กระด๊านัก ที่แท้นัดสาวไว้นั่นเอง เด็กนั่นก็เหมือนกัน...พอเห็นเขาแล้วหน้าซีดเผือดเลย คงกลัวเขาจะเอาเรื่องของหล่อนไปฟ้องแม่น่ะสิ!

            พริมาพยามยามอย่างที่สุดที่จะไม่หันไปมองหรือสนใจนพคุณ หล่อนเกือบหลุดเผลอทักทายเขาไปแล้วเชียว ในขณะที่พริมานั่งพยายามอยู่นั้น      ยามากับคเชนทร์ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าสองคนนี่ทำไมถึงทำท่าทางแปลกๆ อีกคนก็นั่งหน้าคว่ำ (อืม...แต่ปกติก็คว่ำอยู่แล้ว) อีกคนก็ดูลุกลี้ลุกลน

                “ไง! หัวกะทิทั้งสอง ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ” คเชนทร์ชะโงกหน้าข้ามไปถาม เพราะเขานั่งข้างพริมาและแพรวพณิตนั่งถัดไป ส่วนนพคุณอยู่ฝั่งตรงข้าม
            “แน่นอน...ใครจะไปมัว...ไปเที่ยวเล่นแบบเธอล่ะ” แพรวพณิต      ตอบคำถามและกวาดตามองไปด้วย หล่อนเพิ่งสังเกตว่าเพื่อนร่วมห้องของหล่อนนั้นไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว แต่เขากินข้าวอยู่กับสาวถึงสองคน (แม้อีกคนจะไม่ค่อยเหมือนสาวสักเท่าไหร่) ยามาไม่ค่อยชอบใจนัก หล่อนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพริมากับคเชนทร์ จึงเห็นหน้าแพรวพณิตชัดเจน หล่อนรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเหน็บคเชนทร์ แต่ก็ไม่ควรจะเหมารวมมาเหน็บพวกหล่อนด้วย ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รู้อะไร จะมาเที่ยวว่าคนอื่นตามความคิดตัวเองไม่ได้

                “เรียนๆ เล่นๆ ก็ไม่เห็นเป็นไร สมัยนี้เรียนอย่างเดียวก็ไม่เห็นจะเอาตัวรอด” ยามาพูดลอยๆ หล่อนไม่ได้มองไปทางแพรวพณิตด้วยซ้ำ นพคุณที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกับยามาชะงัก...เอาแล้ว! บรรยากาศแบบนี้เขาคุ้นเคยดี แพรวพณิตถูกหมายหัวเข้าเสียแล้ว เพราะเมื่อกี้เขาไม่ทันสังเกตคนรอบข้าง เขามัวแต่มองพริมา ว่าหล่อนจะทักเขาหรือไม่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ยามา เริ่มเปิดสงคราม

            “ไม่รอดหรอกน้อง มีแต่พวกสิ้นคิดนั่นแหละที่คิดแบบนี้” แพรวพณิตหันมาตอกกลับ หล่อนเห็นดาวที่อกเสื้อแล้ว พวกนี้เป็นรุ่นน้อง...จะมาปล่อยให้ต่อปากต่อคำหรือมาปีนเกลียวหล่อนคงไม่ได้

            “ก็เห็นพวกสิ้นคิดได้ดีกันเยอะแยะนะ อีกอย่างคนเราน่ะ ก็ต้องมีสังคมบ้างจะมาเรียนอย่างเดียวแล้วเที่ยวดูถูกคนอื่นที่ไม่เป็นเหมือนตัวเองน่ะ เขาเรียกว่าพวกโลกแคบ...จากสถิติก็อาจจะได้ดี แต่ไม่เห็นมีดีสักคน พวกเก่งแต่งานแต่สังคมรังเกียจน่ะพี่ เคยเห็นป่ะ?” ยามาเลิกคิ้วถาม...คเชนทร์เห็นท่าทางของหล่อนแล้วทำให้เขานึกถึงพวกพี่สาวของเขาขึ้นมาจับจิต แต่งานนี้เขาจะไม่ยุ่ง นั่งดูอย่างเดียวสนุกเป็นบ้า!

            “แพรว...กินข้าวเถอะ” นพคุณเองที่ออกตัวห้ามทัพ แพรวพณิตตั้งท่าจะพูดต่อ แต่เห็นนพคุณที่ทำหน้ายุ่งนั่งอยู่ตรงข้ามหล่อนแล้วก็เลยหยุดเสีย ปกติหล่อนไม่เคยเห็นเขาทำหน้าแบบนี้ หรือว่าหล่อนจะทำอะไรผิดไป...แต่ตอนที่พูดเขาก็ไม่ได้มองหน้าหล่อนด้วยซ้ำ แพรวพณิตมองตามสายตาของเด็กหนุ่ม ก็เห็นว่าเขามองสาวน้อยน่าตาน่ารักที่นั่งอยู่ติดกับหล่อน หล่อนเห็นหน้าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เต็มหน้า เพราะหล่อนนั่งหันข้างให้ แต่เห็นแค่เสี้ยวหน้าก็รู้แล้วว่าสาวน้อยที่มากินข้าวกับคเชนทร์นั้นหน้าตาน่ารักทีเดียว         แต่ก็น่าแปลกใจเพราะนพคุณทำหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง           หรืออาจจะเป็นคเชนทร์ก็ได้ เขาอาจจะไม่ได้ไม่พอใจเด็กคนนี้ แต่อาจจะเป็นคเชนทร์ บางทีหล่อนอาจจะมองผิด

            “อร่อยไหมลูกแก้ว? เมื่อกี้ยังเห็นกินเอากินเอา ทำไมตอนนี้นั่งเขี่ยข้าวเล่นซะแล้วล่ะ” คเชนทร์ถามยิ้มๆ เพราะเขานั่งตรงนี้จึงเห็นสายตาของนพคุณ

            “เอ่อ...” พริมาเงยหน้าจากจานข้าวเอียงคอมองคนถาม แต่หล่อนก็ไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร

                “โอ๊ย! อย่ามาทำหน้าน่ารักใส่พี่นะ หัวใจจะวาย” คเชนทร์แกล้งพูดเสียงดัง

            “ลูกแก้วก็น่ารักเสมอแหละ พวกผู้ชายน่ะชอบลูกแก้วตั้งหลายคน     ยิ่งพวกในห้องนะยิ่งคลั่งกันใหญ่ ทั้งน่ารักทั้งนิสัยดีใครจะไม่ชอบล่ะ”

            “ปลาทู” พริมาส่ายหัวเป็นเชิงบอกให้ยามาหยุด แต่ดูเพี่อนของหล่อนจะกำลังสนุก

            “ถ้าพี่ตุลย์ชอบลูกแก้วก็ต้องขยันทำคะแนนหน่อยนะ ปลาทูขอเตือน” ยามายังสนุกไม่เลิก วันนี้หล่อนยอมลงทุนเรียกคเชนทร์ว่า “พี่” ทั้งที่ปกติไม่เคยเรียกเขาด้วยสรรพนามนี้ด้วยซ้ำ

            “แน่นอนสิ งั้นเรามากินข้าวด้วยกันทุกวันเลยดีไหม พวกผู้ชายคนอื่นๆ จะได้เห็น...ประกาศตัวกันไปเลย”

            “ดีค่ะดีๆๆๆ” ยามาตบมือเห็นด้วย เล่นเอาพริมาสำลักข้าว

            “แค่ก...” พริมาไอจนน้ำตาเล็ด เล่นเอาแพรวพณิตที่นั่งอยู่ข้างๆ เขยิบตัวหนีด้วยความรังเกียจ นพคุณเห็นแล้วว่าหล่อนสำลักข้าวจริงๆ          จึงหยิบขวดน้ำของเขาส่งให้ ขณะที่คนต้นเรื่อง (ยามากับคเชนทร์) ยังนั่งงงทำอะไรไม่ถูก

            “ขอบคุณค่ะ” หล่อนหันไปบอกนพคุณขณะที่รับขวดน้ำมาดื่ม

            “ลูกแก้วเป็นไงมั่ง?” คเชนทร์เลิกเล่นแล้ว ตอนนี้เขาเป็นห่วงสาวน้อยจริงๆ ขณะที่ถามเขาก็เอามือลูบหัวลูบหลังหล่อนไปด้วย ยามาเองก็ลุกขึ้นยืนดูจากฝั่งตรงข้าม

            “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” พริมาโบกมือบอกให้รู้ว่าหล่อนดีขึ้นแล้ว

            “เฮ้อ...” ยามาถอนหายใจโล่งอก...นึกว่าจะฆ่าเพื่อนเสียแล้ว

            “พี่ตุลย์ขา...เราไปกินไอศครีมตรงโน้นกันดีกว่าค่ะ ลูกแก้วชอบ”     ยามาทำเสียงออดอ้อน เล่นเอาคนฟังหมั่นไส้ทีเดียว แพรวพณิตเบะปากเบาๆ ส่วนนพคุณได้ยินแล้ว...ขนลุก! พวกพริมาเดินไปแล้ว นพคุณมองตาม ตั้งแต่นั่งกินข้าวมาเขาคงไม่เห็นหน้าตัวเองว่ามันหงิกขนาดไหน เขาไม่ชอบใจเลย...แต่เขาไม่ชอบใจอะไรเขาเองยังไม่รู้ ไม่ชอบใจที่เห็นพวกคเชนทร์ หรือไม่ชอบใจที่พริมาไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา...หล่อนไม่ทักทายเขาไม่พอ แต่ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ

 

นพคุณกลับเข้าบ้านมาก็เกือบสองทุ่มแล้ว เขาติดงานที่           โรงเรียนและต้องซ้อมฟุตบอลด้วย ที่โรงเรียนเก่าเขาก็เป็นนักกีฬาฟุตบอล...พอที่โรงเรียนใหม่มีคนมาชวน เขาเลยไม่ลังเลสักนิดที่จะตอบตกลง หลายคนไม่คิดว่าเด็กเรียนอย่างเขาจะเล่นกีฬาได้ด้วยซ้ำ แต่พอคนที่ไม่เชื่อในตอนแรกได้เห็นลีลาแล้วก็เบาใจ บางคนถึงขนาดออกปากชมว่าพวกเขาได้เพชรน้ำงามมาไว้ในทีมเลยทีเดียว

“ไอ๊ย๊ะ! เพชรน้ำงามเลยเหรอวะ” คเชนทร์ทำท่าเจ็บปวด เพราะเขาเคยเป็นดาวเด่น แต่ทุกคนดูออกว่าหมอนี่ทำท่าทำทางไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้เสียใจหรือเจ็บปวดจริงอย่างที่โอดครวญเลยสักนิด นพคุณกลอกตา เขาสงสัยว่าหมอนี่ไปได้เชื้อการแสดงมาจากไหน และต้องเป็นละครเวทีด้วย เพราะมัน “เล่นใหญ่” กว่าปกติ

“โดนโค่นบัลลังก์แล้วไอ้ตุลย์” เพื่อนนักฟุตบอลคนหนึ่งแซว

“สาวๆ ก็โดนแบ่งไปด้วย น่าเจ็บใจที่สุด” คเชนทร์ยังไม่หยุด (เล่นใหญ่) พวกเขาก็ซ้อมฟุตบอลกันอีกเป็นชั่วโมง นพคุณแวะกินข้าวหน้าปากซอย    กว่าจะเสร็จกลับเข้าบ้านก็เกือบสองทุ่ม เขาไขประตูเข้าบ้านพลันสายตาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ในซุ้มดอกเล็บมือนางหน้าบ้าน...หล่อนไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามีคนไขประตูบ้านเข้ามา คงเพราะพริมากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคน นพคุณเหลือบมองรถ...ครบ แสดงว่าพริมาไม่ได้โทรศัพท์คุยกับแม่ แล้วหล่อนคุยกับใคร? อาจจะเป็นยามา นพคุณยักไหล่ความจริงพริมา จะคุยกับใครก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขา ขณะที่กำลังจะสาวเท้าเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงพริมาเรียกชื่อคนปลายสาย

“ค่ะพี่ตุลย์...ได้สิ แล้วจะให้ลูกแก้วไปเมื่อไหร่ อาทิตย์หน้าเหรอคะ? จะทันไหม? ลูกแก้วไม่แน่ใจแต่จะลองดูนะคะ อืมถ้าไม่ทันก็ไปดูลาดเลาก่อน ฮ่าๆ ได้ค่ะ” พริมายังคุยอะไรอีกยืดยาว แต่นพคุณไม่ได้อยู่ยืนฟัง เขาหงุดหงิดหัวใจบอกไม่ถูก

“เมื่อตอนเที่ยงก็เจอกันแล้ว ดึกแล้วยังจะโทรคุยกันอยู่อีก” นพคุณ หันไปมองทางซุ้มก่อนที่เขาจะเข้าบ้านเห็นเงาตะคุ่มนั่นก็ไม่มีท่าทีว่าจะเดินกลับเข้าบ้านมา เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วมองไปข้างบน ภารดีคนงามจะรู้ไหมว่าลูกสาวหล่อนแอบไปนั่งเล่นคุยโทรศัพท์กับผู้ชายอยู่ในซุ้มมืด ๆ หน้าบ้านคนเดียว ตอนเขาเข้าบ้านไปนั้นแม่เลี้ยงกับพ่อเขานั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก คุณนพรักษ์หันมาเห็นลูกชายเดินหน้ายุ่งเข้าบ้านมาก็อดสงสัยไม่ได้

“ซ้อมหนักเหรอตาคุณ? เหนื่อยรึเปล่า...ถ้าเหนื่อยเกินไปลูกเลิกก็ได้นะ” นพคุณรู้ว่าพ่อเป็นห่วง แต่ที่เขาเหนื่อยมันไม่ใช่เรื่องเรียนหรือกีฬา

“ไม่เหนื่อยหรอกครับพ่อ ดูแล้วไม่น่าจะกลับมืดแบบนี้ทุกวัน อาจมีบ้างบางวันครับ” นพคุณเดินเข้าครัวไปหยิบขวดน้ำแล้วออกมานั่งคุยกับบิดาหน้าทีวี เขาเห็นภารดีขยับตัว หล่อนคงแปลกใจเพราะปกติแล้วนพคุณไม่ค่อยจะเข้ามาร่วมวงสนทนากับพวกเขาเท่าไหร่นัก ไม่ใช่แค่แม่เลี้ยงเขาที่แปลกใจแต่ดูเหมือนพ่อเขาก็แปลกใจเช่นกัน นพคุณทำเฉยเสีย เขานั่งดูข่าวกับพ่อไปสักพัก คุณนพรักษ์ก็หันไปถามภรรยาที่ตอนนี้เข้าเว็บช้อปของ นพคุณได้ยินหล่อนบอกสามีอย่างตื่นเต้นว่าวันนี้ลดกระหน่ำ

“ผมก็เห็นมันลดกระหน่ำทุกเดือนแหละไอ้เว็บนี้ของคุณน่ะ...เว็บนี้ใช่ไหม?ที่คุณสั่งไก่แจ้ให้ลูกแก้ว?” ภารดีพยักหน้าหงึกๆ แต่สายตาหล่อนจดจ้องอยู่หน้าจอ...มือก็เลื่อนผ่านไปอย่างไว นพคุณเพิ่งรู้วันนี้เองว่าไอ้ไก่ผีนั่นเป็นไก่ออนไลน์แถมเป็นไก่ที่รวยมาก มันมาพร้อมบ้าน (ประกอบ) แต่มาใช้ที่ดินบ้านเขา

“เดี๋ยวนี้อะไรๆ มันก็สะดวกจริงๆ นะ ขนาดไก่ยังส่งตรงถึงบ้านได้    แล้วนี่ลูกสาวคุณอยู่ไหน? ผมไม่เห็นมาสักพักแล้ว ที่เล้าไก่ก็เงียบเชียว” คุณนพรักษ์ ชะเง้อไปมองทางหลังบ้าน เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงลูกเลี้ยงมาพักใหญ่แล้ว ปกติเวลานี้พริมาจะมาคุยเล่นกับไก่ของหล่อนอยู่เป็นประจำ

“ไปคุยโทรศัพท์ค่ะ” ภารดียังขะมักเขม้นกับการหาของที่ถูกใจในเว็บที่หล่อนช้อปประจำอย่างเคร่งเครียดแต่ก็ไม่วายมีน้ำใจตอบคำถามสามี

“อ้าวเหรอ...ไปตอนไหนผมไม่ยักเห็น ก็นั่งอยู่นี่ด้วยกันแท้ๆ”

“แม่คะพี่ตุลย์....อ้าว! พี่คุณ...มาถึงเมื่อไหร่คะเนี้ย?” พริมายิ้มสดใส วันนี้หล่อนไม่ได้ปล่อยผมแต่ผูกหางม้าไว้หลวมๆ ใส่ชุดนอนสีฟ้าลายเป็ดสีเหลือง นพคุณไม่แน่ใจว่าชุดนอนนี้หล่อนใช้ตั้งแต่เรียนประถมหรือเปล่า เพราะดูจากตัวแล้ว พริมาน่าจะหยุดโตตั้งแต่ตอนนั้น พริมาแปลกใจว่านพคุณเข้าบ้านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนออกไปนั่งรอเขาตั้งนานก็ไม่เจอ ...อ้อ สงสัยมาตอนที่กำลังคุยโทรศัพท์...เผลอแป๊บเดียวเอง หล่อนสังเกตเห็นแล้วตอนนี้คุณชายใหญ่หน้าคว่ำ โกรธอะไรใครมาอีกหนอ แล้วดูเหมือนเขาจะเมินคำทักทายของหล่อนเสียด้วย หรือว่าโกรธหล่อน? อืม... ก็ไม่น่าจะใช่ เข้าบ้านมาก็ยังไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน เจอเมื่อเที่ยงก็ปกติ หล่อนไม่ได้ทักทายเขาตามที่เขาสั่งเป๊ะ ทำดีทุกอย่างแล้วจะมาโกรธหล่อนได้ยังไง ไม่น่าจะใช่หรอก พริมานั่งลงข้างนพคุณเอียงคอมองก็เห็น เด็กหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาดูทีวีไม่หันมามองหล่อนสักนิด สาวน้อยทำปากยื่นอย่างลืมตัว ก็แค่โฆษณาเขาจะตั้งใจดูอะไรขนาดนั้น แปลกๆ กลิ่นไม่ดีแล้ว

“พี่คุณกินข้าวรึยังคะ?” พริมาลองถามดูอีกทีให้แน่ใจ ตอนแรกเขาอาจจะไม่ทันได้ยิน เพราะกำลังคุยกับคุณลุงอยู่ แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่ตอบ     ยังนั่งจ้องทีวีเหมือนเดิม จนภารดีที่เล่นมือถือตั้งใจ F ของอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง นพคุณสัมผัสไว เขาเห็นแล้วว่าทุกคนเริ่มสังเกต...ท่าจะไม่ดี เขาจะมาเหวี่ยงวีนใส่พริมาต่อหน้าทุกคนมันคงจะดูไม่ดีนัก ต้องเก็บอาการหน่อย

“กินมาจากปากซอยแล้ว...พ่อครับผมขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ” เขาตอบคำถามหล่อน แต่ไม่มองหน้า และหันไปบอกบิดาก่อนลุกขึ้นและเดินอย่างไวหายขึ้นไปข้างบน ภารดีขมวดคิ้วอดไม่ได้หันไปถามลูกสาว

“งอนอะไรกันรึเปล่า?” พริมาส่ายหน้า หล่อนก็จนปัญญาไม่เข้าใจว่าหล่อนจะไปทำให้นพคุณโกรธตอนไหน คิดยังไงก็ไม่มีสักตอน แต่ก็อาจจะปกติ เพราะคุณชายใหญ่โมโหได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ปล่อยไว้สักพักเดี๋ยวก็ดีเอง

“อย่านอนดึกนักนะ” ภารดีหันมาบอกลูกสาวขณะหล่อนเดินขึ้นข้างบน หลังจากช้อปของออนไลน์สาแก่ใจแล้ว สามีหล่อนขอตัวขึ้นไปนอนได้สักพักแล้ว เหลือแต่สองสาวที่อยู่ข้างล่าง พริมาขอแม่นั่งเล่นอีกสักพักภารดี   ก็ไม่ได้ว่าอะไร

“ลูกแก้วว่าพี่คุณต้องโกรธอะไรลูกแก้วแน่เลย...แต่วันนี้เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยนะ นพคุณรู้ไม๊? วันนี้ลูกแก้วเจอพี่คุณที่โรงอาหารด้วย         อืม...น่าจะมากับแฟน ลูกแก้วก็ทำตามที่พี่คุณสั่งทุกอย่างเลยนะ ทำเป็นไม่ทักไม่รู้จัก นี่นะ! ลูกแก้วเกือบหลุดทักไปแล้วแหนะ ไม่งั้นพี่คุณต้องโกรธลูกแก้วมากกว่านี้อีก แต่พอมาเจอแบบนี้ลูกแก้วยิ่งงงเข้าไปใหญ่ พี่คุณโกรธอะไรอีกล่ะทีนี้” พริมากอดไก่แจ้ของหล่อนไว้บนตัก มันเอียงคอมองเหมือนตั้งใจฟังเต็มที่

“ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” เสียงมาจากในครัว นพคุณลงมาเมื่อไหร่กันนะหล่อนไม่ทันสังเกต แต่ที่รู้ๆ พริมานินทาเขากับไก่อย่างลืมตัว เด็กหญิงสะดุ้งหันไปมองก็เห็นเด็กหนุ่มยืนกอดอกมองหล่อนอยู่ที่ประตูแล้ว...หน้าหงิกตาคว่ำ เหมือนเมื่อตอนหัวค่ำไม่มีผิด!

“คะ?” เขาพูดอะไรหล่อนไม่ค่อยเข้าใจนัก

“ก็เธอบอกไอ้ไก่ผีนั่นว่าฉันไปนั่งกินข้าวกับแฟน...ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” เด็กหญิงถึงบางอ้อ นี่นพคุณได้ยินหล่อนคุยกับไก่ตั้งแต่ตอนแรกเลยสินะ   เฮ้อ! ลูกแก้วเอ๋ยลูกแก้ว เดี๋ยวเขาก็หาเรื่องโกรธหล่อนได้อีกหรอก

“ฉันไม่เหมือนเธอหรอกนะ มืดๆ ค่ำๆ ไปแอบนั่งโทรศัพท์คุยกับแฟน” พูดแล้วเขาก็เดินทำท่าจะขึ้นข้างบน เขาได้ยินพริมาคุยกับไก่แล้ว ว่าที่หล่อนไม่ทักเขาวันนี้ เพราะเขาสั่งไว้...จริงสิ! เขาลืมไปได้อย่างไรกัน เขาเป็นคนสั่ง พริมาไว้เองว่าอยู่ที่โรงเรียนให้ทำเป็นไม่รู้จักกัน...แต่พอหล่อนทำแบบนั้นจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่ชอบใจนักก็ไม่รู้ งั้นเรื่องวันนี้เขาไม่โกรธหล่อนแล้วก็ได้ แต่เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำก็ยังเคืองอยู่ อย่างน้อยเขาก็เป็นพี่...ถ้าน้องทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็ควรต้องตักเตือน (เพราะดูแล้วแม่ของหล่อนจะไม่สนใจนัก) พริมาตาโตหล่อนหรือไปแอบนั่งคุยโทรศัพท์กับแฟน...ใครกันแฟน? และก่อนที่    เด็กหนุ่มจะเดินขึ้นบันไดไปนั้น พริมารีบลุกตามจนเจ้าไก่แจ้กระเด็นหล่นจากตัก มันตกใจแต่ก็ขยับปีกได้ทันก่อนที่จะหล่นลงพื้น แต่ก็ไม่วายส่งเสียงประท้วงให้เจ้าของได้รู้ว่ามันไม่พอใจ พริมาเองก็ตกใจหันไปขอโทษขอโพยไก่แจ้แสนรัก ของหล่อนแล้วรีบวิ่งตามนพคุณเข้าบ้าน

“พี่คุณว่าใครมีแฟนนะคะ?” และเพราะหล่อนรีบวิ่งมาเท้าจึงสะดุดกับขอบประตู...นพคุณรออยู่แล้ว เขารับพริมาไว้ได้ทันก่อนที่หล่อนจะล้มกระแทกพื้นพอดี...ถ้ารับไม่ทันเขาไม่อยากจะคิดภาพ หน้าพริมาคงจะจมไปกับพื้นแน่ๆ

“จะวิ่งทำไม!!!” นพคุณเผลอตวาดเสียงดังจนสาวน้อยสะดุ้งโหยง พริมาเข่าอ่อนหล่อนตกใจ...ตกใจที่จะล้มและตกใจเสียงตวาดของเด็กหนุ่ม เขาช่วยรับหล่อนไว้ได้ทันพอดีหล่อนจึงไม่ได้บาดเจ็บอะไรแต่พอเจอเสียงดุกับหน้าเข้มๆ อยู่ๆ น้ำตาก็มา

“ขอโทษค่ะ” นพคุณตกใจ เขาไม่เคยตวาดใครเสียงดังแบบนี้มาก่อน พอเห็นหน้าเด็กหญิงแล้ว ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ โชคดีที่เขาคาดเดาไว้แล้วว่า     เด็กหญิงอาจจะล้มได้...และก็เป็นจริงตามคาด

“เฮ้อ...ช่างเถอะทีหลังก็ระวังนะ ไม่เห็นต้องรีบวิ่งอะไรแบบนี้”       เขาเสียงอ่อนลง พริมากระพริบตาไล่น้ำตา ในชีวิตหล่อนไม่ค่อยถูกใครตำหนินัก แม่ก็ไม่เคย ยิ่งคุณตาคุณยายยิ่งตามใจหล่อนที่สุด จะมีก็แต่นพคุณคนเดียว ที่หาเรื่องว่าหล่อนได้ตลอด เวลาอยู่กับเขาทีไรหล่อนเสียน้ำตามากี่ครั้งแล้วนะ? พริมากัดปากตัวเอง...เจ็บใจที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ นพคุณเห็นเด็กหญิงเงียบไปเขาก้มหน้าลงมามอง...ร้องไห้อีกแล้ว เด็กนี่ร้องไห้บ่อยมากเมื่ออยู่กับเขา      ทีกับไอ้ตุลย์นี่ยิ้มร่าเลย นพคุณปล่อยมือทำให้พริมา เซเล็กน้อย สาวน้อยสูดจมูกหล่อนถอยหลังออกมาเล็กน้อยเพื่อจะได้ไม่ต้องเงยหน้ามองเขา           ไม่รู้เพราะหล่อนตัวเล็กหรือเขาตัวสูงเกินไปกันแน่

“ลูกแก้วไม่ได้มีแฟนเสียหน่อย ทำไมพี่คุณชอบใส่ร้ายลูกแก้วอยู่เรื่อย หลายครั้งแล้วนะคะ” พริมาหน้ายุ่ง...ปลายจมูกยังแดงๆ อยู่ ภาพที่เห็นตรงหน้าเหมือนเด็กน้อยร้องไห้ที่ถูกแม่ขัดใจเวลาอยากได้ของเล่น...น่าเอ็นดู นพคุณส่ายหน้านี่เขาคิดบ้าอะไร พริมายังยืนสูดจมูกอยู่ตอนนี้...หล่อนหยุดร้องไห้แล้ว และหล่อนต้องบอกให้เขาเข้าใจ อยู่ๆ จะมาว่าหล่อนมีแฟน...แอบไปนั่งคุยโทรศัพท์กับแฟนแบบนี้ไม่ได้ นพคุณเลิกคิ้ว...นี่ที่วิ่งหน้าตื่นมา เพราะ   เหตุนี้หรือนี่? เด็กหนุ่มอมยิ้มแต่พอรู้ตัวเขาก็รีบกลับมาทำหน้าเข้มเหมือนเดิม

“ลูกแก้วสงสัยตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วว่าพี่คุณงอนอะไร?” นพคุณหันควับ “งอน” เขานี่นะงอน ในชีวิตเขาไม่เคยงอนใคร คำว่างอนช่างห่างไกลนัก

“พูดอะไรของเธอ?” เด็กหนุ่มทำเสียงเข้ม หน้าที่หงิกอยู่แล้วมันยิ่งหงิก เข้าไปใหญ่ พริมาคิดว่าคนเราจะหน้าหงิกได้อะไรขนาดนี้

“รู้ไหมคะ? หน้าพี่คุณตอนนี้กองรวมกันอยู่เท่านี้” เด็กหญิงยกมือขึ้นมาแล้วเอานิ้วทุกนิ้วมารวมกัน...ถ้าหล่อนทำสลับข้างกันไปมาก็เหมือนท่าปอบหยิบจากหนังดังสมัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่นี่หล่อนยกมือขึ้นมาข้างเดียวเปรียบเทียบให้เห็นว่าหน้านพคุณตอนนี้ยุ่งเหยิงขนาดไหน นพคุณคิดตาม ถ้าหน้าคนเรากองรวมกันได้แบบที่พริมาบอกจริงคงจะน่าเกลียดพิลึก นี่หล่อนว่าเขาน่าเกลียด?

“ฮึ!” นพคุณทำเสียงฮึดฮัด

“พี่ตุลย์กับลูกแก้วไม่ได้เป็นแฟนกัน...ลูกแก้วขอโทษทีคิดไปเองว่าพี่คุณกับพี่คนสวยๆ นั่นเป็นแฟนกันแล้วก็เอามาเล่าให้นพคุณฟังทั้งที่ไม่รู้ความจริง เดี๋ยวลูกแก้วจะไปบอกเรื่องนี้กับนพคุณใหม่ค่ะ นพคุณจะได้ไม่เข้าใจผิด     แต่พี่คุณเองก็ผิดเหมือนกันที่สรุปเอาเองว่าลูกแก้วกับพี่ตุลย์เป็นแฟนกันและแอบไปคุยโทรศัพท์กันดึกๆ ดื่นๆ เสาร์นี้ลูกแก้วนัดกับพี่ตุลย์ไว้ค่ะว่าจะไปดูแข่งไก่แถวบ้านพี่ตุลย์ แล้วลูกแก้วก็ขออนุญาตแม่แล้วด้วย เพราะฉะนั้นพี่คุณห้ามมาว่าลูกแก้วอีก แค่นี้แหละค่ะที่อยากบอก” ว่าแล้วสาวน้อยก็เดินกลับไปหลังบ้าน คุยกับไก่แจ้ของหล่อนสองสามคำ (เหมือนจะไปแก้ข่าว) เก็บไก่เข้าเล้าแล้วก็เดินกลับเข้าบ้าน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนนพคุณที่ยืนงงอยู่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก พริมาเดินผ่านเขาขึ้นบันได...หล่อนหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เหมือนจะนึกอะไรได้ ก่อนจะหันหน้ามุ่ยๆ ที่บอกให้รู้ว่าหล่อนเองก็ไม่พอใจเขาเหมือนกัน

“ฝากปิดประตูครัว...ปิดไฟด้วยนะคะ ลูกแก้วไม่รู้ว่าพี่คุณจะขึ้นบ้านตอนไหน”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา