DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ
เขียนโดย winnerella
วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.
แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) ส่งท้ายความรู้สึก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เฮ้อ สอบเสร็จสักทีโว๊ยยยย” เสียงตะโกนของไอ้ดิวดังขึ้นทันทีหลังจากหมดเวลาสอบวิชาสุดท้ายของการสอบมิดเทอมนี้ วันนี้คงเป็นวันศุกร์ที่สุขจริงๆของไอ้ดิวมัน
เหล่านักศึกษาต่างทยอยเดินออกห้องสอบ ตอนนี้บันไดทางลงต่างเต็มไปด้วยผู้คนอย่างคับคั่ง เราจึงต้องรอคิวนานกว่าจะได้เดินลงไปชั้นหนึ่ง
“ข้อสอบยากเนาะ วิชาภาษาสังคมเนี่ย” พาวพูดบ่น
“เอาน่าอย่างน้อยมันก็ผ่านไปแล้ว ดูอย่างดิวดิ มันไม่อ่านหนังสือมาสอบมันยังสบายใจแล้ว”
ผมได้แต่พูดปลอบโดยอ้างไอ้ดิวมัน เอาตามตรงนอกจากวิชาสายคำนวณที่ไอ้ดิวมันถนัดแล้ว วิชาอื่นๆมันไม่ค่อยสนใจอ่านเท่าไรหรอก ก่อนสอบผมต้องบังคับให้มันอ่านหนังสืออยู่ทุกวัน ต้องเอาโน้ตย่อของผมให้มันอ่านเพื่อให้มันพอเอาตัวรอดได้
“เฮ้ยพูดอีกก็ถูกอีก ฮ่าๆ” ไอ้เจ้าตัวมันยังคงคิดว่าสิ่งที่มันทำคือสิ่งที่ถูก ผมจะคอยดูเกรดเทอมนี้ของมัน
“เราไปกินข้าวด้วยกันไหม” ผมรีบหันไปหาต้นเสียงพูดนั้น ดวง รูมเมทของพาวพูดแล้ว
“ไปสิ ไปกินหมดนี้เลย”
“แพรวไปด้วยกันกับเราไหม” พาวถามแพรวย้ำเพราะสีหน้าพราวดูกังวลใจ
“เออ วันนี้เราขอตัวก่อนนะ พอดีเราจะกลับบ้านนะ”
“โอเค ไม่เป็นไร กลับดีๆล่ะ”
“ไปก่อนนะ” แพรวเพียงโบกมือลา แล้วหันหลังหลบสายตาของไอ้ดิวไป
“จ๊ะ”
ผมสังเกตสีหน้าของไอ้ดิวมันดูเศร้าแปลกๆ หลังจากที่แพรวเดินจากไป ผมไม่รู้ว่ามันจะบอกผมเมื่อไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมันกับแพรว ผมว่ามันต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ ผมอยากจะช่วยมันนะ
“ดิว มึงจำที่มึงเคยบอกกูได้ไหม ถ้าแก้วมันแตกแล้วมันเอามาประกอบใหม่มันไม่เหมือนเดิมนะ” ประโยคของผมคงเข้าไปในสมองอันน้อยนิดของมันที่มีอยู่ตอนนี้
“ไอ้ปอ กูขอบใจมึงมากนะ”
หลังจากมันพูดจบ มันเลยวิ่งตามแพรวไป โดยไม่หันหลังกลับมามองพวกผมเลย ผมได้แต่ภาวนาขอให้มันโชคดีสมหวังในความรัก...เหมือนกับผม มื้อกลางวันนี้ก็เหลือเพียงแค่ ผม พาวและดวงเท่านั้นที่ยังคงไปกินข้าวด้วยกัน
“เออ กินเสร็จแล้วไปไหนหรอ” พาวถามผม
“เรานัดกับคนคนหนึ่งไว้นะ ยังไงเราแยกกันตรงนี้เนาะ”
“โอเค ไว้เจอกันจันทร์หน้าเลยและกันเนาะ”
“อืม”
หลังจากที่ผมแยกกับพวกพาว ผมก็ต้องนั่งรถเมล์ประจำทางของมหา’ลัยไปสถานที่ที่นัดหมายกับคนคนหนึ่งไว้ รถเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆตามถนน ที่สองข้างทางมีต้นไม้สูงที่กิ่งไม้สองฝั่งข้างทางโน้มเข้าหากันตรงกลางสร้างเงาที่ร่มเย็นให้แก่ถนนสายนี้
รถจอดที่จุดหมายของผม มันสวยงามจริงๆสถานที่นี้ ผมเพิ่งได้เห็นมันในช่วงเวลากลางวัน สวนกลางมหา’ลัยแห่งนี้เต็มไปด้วยพุ่มไม้ที่โตตามโครงรูปร่างต่างๆ มีแปลงดอกไม้เล็กๆกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ดอกไม้บานสะพรั่งสู้กับแสงแดดยามบ่าย ผมเดินไปเรื่อยๆเลือกที่จะนั่งลงที่ใต้เงาของต้นไม้ใหญ่เพื่อรอคนที่ผมนัดหมาย ผมไม่รู้ว่าต้นนี้มีชื่อว่าอะไร แต่มันก็สร้างเงาให้ผมหลบแสงแดดได้ดีทีเดียว
ไม่นานผมได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาจากถนน ผมหันไปหาตามเสียนั้น ชายร่างสูงแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเดินลงมา สายตาเขามองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา ส่งยิ้มอันแสนอบอุ่นมาให้กับผม
“พี่ธาร ทางนี้ครับ”
คนที่ผมเรียกเพียงยกมือโบกกลับเป็นสัญญาณว่ารู้ตำแหน่งของผมแล้ว พี่ธารเดินมานั่งลงข้างผม โดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมต่อจากนั้น เพียงแค่หยิบมือถือของพี่เขา พร้อมเอาหูฟังข้างหนึ่งมาเสียบที่หูผมอีกข้างหนึ่งเสียบที่หูของพี่เขา
“ฟังเพลงนี้ เพราะดีนะ”
“...”
ผมได้เพียงนั่งฟังเพลงข้างๆคนที่ผมรักไปเรื่อยๆ มองบรรยากาศของสวนแห่งนี้ที่แตกต่างออกไปจากวันนั้น ภาพที่ผมเห็นตอนนี้เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่เบ่งบานตัดกับสีเขียวของใบไม้ มันไม่เหมือนวันนั้นที่ผมเห็นเพียงแต่ความเงามืดของสิ่งรอบตัวผม
“พี่ธารครับ” เสียงเรียกผมทำให้พี่ธารหันมาสนใจผม ผมหยิบแฟ้มใสสีขาวที่ภายในบรรจุกระดาษที่ผมฉีกออกมาจากไดอารี่ผมขึ้นมา
“นี่คือไดอารี่ความฝันของป่านครับ”
พี่ธารรับแฟ้มนั้นไป หยิบกระดาษไดอารี่ความฝันนั้นออกมาอ่าน ใบหน้าของพี่ธารไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากเดิมเลย พี่ธารค่อยหยิบมันออกมาอ่านเรื่อย ทีละแผ่นๆ
“พี่คิดถึงมันบ้างไหม” ผมถามความเห็นของพี่ธารที่กำลังอ่านไดอารี่ความฝันนั้น
“...”
“ถ้าพี่คิดถึงพี่เอาไปเลยได้นะ ผมให้”
สายตาอันอ่อนโยนของพี่ธารมองมาหาผมทันทีเมื่อผมพูดประโยคนั้นจบ สีหน้าพี่ธารไม่ได้เปลี่ยนอะไรเหมือนเดิม แต่กลับดูมีความสุข
“พี่คิดถึงนะ พี่รู้แล้วว่าพี่จะทำยังไงกับไดอารี่เหล่านี้”
ผมตั้งใจรอฟังสิ่งที่พี่ธารจะพูดกับผม สีหน้า น้ำเสียง ท่าทางของพี่ธารดูมีความสุขจริง
“เสาร์อาทิตย์นี้ เราไปหาคุณย่ากันดีไหม”
ประโยคเชิญชวนของพี่ธารในครั้งนี้ ผมแทบไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย ในการตอบตกลง
“ครับ”
หลังจากแยกย้ายกับพี่ธาร ผมกลับมาที่หอจัดกระเป๋าข้าวของเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปหาคุณย่า โดยผมเสนอว่าอยากให้คุณแม่ไปเจอคุณย่าด้วย แม่คงคิดถึงคุณย่ามากเหมือนกัน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คงมีเรื่องมากมายที่อยากจะคุยกัน
เช้านี้ผมกับพี่ธารเลือกที่เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางหน้ามหา’ลัยไปลงหน้าหมู่บ้านผม เพื่อจะมาเจอกับคุณแม่ที่บ้านของผม โดยคุณแม่จะเป็นคนขับรถยนต์พาเราไปบ้านคุณย่าเอง
“คุณแม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”
“จ้า เดี๋ยวแม่เปิดประตูให้”
ทันทีที่ประตูหน้าบ้านถูกเปิดขึ้น ผมเห็นใบหน้าของคุณที่ผมรัก จากวันนั้นที่ผมวิ่งหนีออกจากบ้านไป ผมก็ยังไม่เคยได้เจอหน้าแม่เลย มีเพียงได้คุยทางโทรศัพท์บ้าง ไลน์บ้างเท่านั้นเอง เพราะต้องอยู่เตรียมสอบมิดเทอมของมหา’ลัย นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอหน้าแม่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อผม เราสองแม่ลูกสวมกอดกันทันที อ้อมกอดอันอบอุ่นรัดร่างของเราสองคนอยู่ครู่หนึ่ง จนสายตาของแม่เหลือบไปเห็นพี่ธารที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
“ธาร ใช่ไหม”
“ครับ”
หลังจากนั้นเราก็เข้ามาในบ้าน พี่ธารยังดูเกร็งๆเมื่อเข้ามานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ผมได้แต่ขำกับท่าทางของพี่ธาร จากที่ท่าทางดูเท่ เป็นที่หลงใหลของใครหลายคนในคณะ แต่พอมาตอนนี้นั่งนิ่งตัวเกร็งแข็งทื่อเหมือนเสาหิน ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของพี่ธารเลย
“พี่ธารเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ปะ เปล่า”
“แม่ผมไม่ดุ แม่ผมใจดีมาก” ยิ้ม
“โอเค” พี่ธารพูดพร้อมถอนหายใจยาวๆ
ไม่นานหลังจากคุณแม่เตรียมของที่จะไปเสร็จ เราก็ออกเดินทางกัน เราใช้เวลาเดินทางไปยังบ้านคุณย่าประมาณเกือบสามชั่วโมง ผมมองไปข้างทาง บรรยากาศก็ยังเหมือนเดิมกับครั้งก่อนที่ผมเคยมา
“เดี๋ยวจอดตรงนี้ครับ”
“โอเคจ๊ะ”
คุณแม่จอดรถที่หน้ารั้วสีน้ำตาลเก่าของบ้านหลังเดิมที่ผมคุ้นเคยดี ไฟในบ้านยังคงเปิดอยู่เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่ามีคนในบ้านอยู่ตอนนี้
“คุณย่าครับ คุณย่า” พี่ธารตะโกนเรียกเสียงดัง ไม่นานคุณย่าก็ค่อยๆเดินออกมาเปิดรั่ว
สายตาของคุณย่าไม่ได้มองมาที่ผมหรือมองมาที่พี่ธารเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับมองไปที่คุณแม่ของผม น้ำตาจากดวงตาคุณย่าไหลออกมา พร้อมกับแม่ที่วิ่งเข้าไปกอดเธอ น้ำตาของเธอคงเต็มไปด้วยความผูกพันกับคุณแม่มาก ไม่ต่างจากแม่ของผมที่น้ำตาก็ไหลออกมาเช่นกัน
“ฝ้ายคิดถึงคุณแม่มาก คุณแม่เป็นสบายดีไหม”
“สบายดี แม่คิดถึงฝ้ายเหลือเกิน”
ต่อให้มันเป็นบทสนทนาสั้นๆแต่ก็พอทำให้คนที่ได้ยินอย่างผมกับยิ้มไม่หุบ หลายปีแล้วที่ผู้หญิงสองคนตรงหน้าผมไม่ได้เจอกัน หลายเรื่องราวในชีวิตทำให้พวกเขาไม่ได้เจอกัน เราจึงปล่อยให้เขาสองคนพูดคุยกันในบ้านหลังเล็กๆที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนอบอุ่นแห่งนี้ตามลำพัง
หลังจากนั้นคุณแม่กับคุณย่าก็ไปเตรียมอาหารมื้อเย็นกันในห้องครัวกัน ส่วนผมก็เดินดูภายในบ้านไปเรื่อยๆ ห้องนั่งเล่นของบ้านหลังนี้ดูเรียบง่าย ดูสะอาดบ่งบอกว่าคนดูแลมันเป็นอย่างดี ผมมองไปที่รูปเก่าบนฝาผนัง สีมันค่อนข้างซีด แต่ก็พอเห็นลายละเอียดของรูปได้ คุณย่า พี่ธาร ผู้หญิงอีกคนหนึ่งในรูปนั้นก็คือ...ป่าน
ผมยกมือข้างขวาขึ้นมาใช้นิ้วสัมผัสที่รูปเก่านั้นตรงตำแหน่งรูปของพี่ป่าน มือซ้ายอยู่บนกลางอกของผม ฝ่ามือสัมผัสได้ถึงรอยนูนของแผลเป็นผ่านเสื้อบางๆได้ชัดเจน ความรู้สึกผูกพันเข้ามาในหัวใจของผม
ตุบ ตุบ ตุบ
เสียงหัวใจมันเต้นดังอย่างชัดเจน พี่ป่านคงรู้สึกแบบเดียวกับผมตอนนี้
มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมเพียงได้แค่พูดน้ำเสียงเบาๆผ่านปากของผม
“ขอบคุณนะ พี่ป่าน”
เสียงดนตรีดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน ทำให้ผมละความสนใจจากรูปถ่าย เสียงกีตาร์ของพี่ธารผมคุ้นเคยมันเป็นอย่างดี ผมค่อยๆเดินออกไปตามเสียงนั้น นั่งลงข้างชายที่ทำให้หัวใจของผมอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ บทเพลงที่พี่ธารร้องมันฟังดูเพลิน ทำนองเบาสบาย เสียงนุ่มๆของพี่ธารดังอยู่ในหูของผม
“พี่ธารเล่นเก่ง เหมือนเดิมเลยเนาะ”
เสียงกีตาร์หยุดลงครู่หนึ่ง สายตาของพี่ธารดูสงสัยกับคำพูดของผม
“เหมือนเดิมของปอ หมายความว่าอะไร”
ผมถึงกับสะดุ้งกับคำถามของพี่ธารเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบความจริงไป
“ก็วันที่เรากลับจากค่าย ผมลงมาชั้นหนึ่งจะมาซักผ้า ผมได้ยินเสียงกีตาร์ดังขึ้นมา ผมเลยแอบไปดูไง คนที่เล่นก็เป็นพี่ธาร”
“แอบ ดูพี่หรอหะ”
“ปะ เปล่าครับ”
พี่ธารว่างกีตาร์ในมือทันที หันมาจั๊กจี้ที่เอวผม ผมถึงกับล้มตัวลงนอนเพราะสู้แรงของพี่ธารไม่ไหว ก่อนที่สภาพตอนนี้พี่ธารค่อมอยู่บนตัวผม สายตาพี่ธารจ้องมองมาที่ผม ใบหน้าค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงริมฝีปากนุ่มๆของพี่ธารมากระทบที่ริมฝากผมเบาๆชั่วครู่หนึ่งก่อนมันจะเลื่อนออกไป สายตาของผมและพี่ธารยังมองจองกันอยู่โดยไม่ละสายตา เสียงพี่ธารดังขึ้นเบาๆ
“อยู่กับพี่ไปนานๆนะ ปอ”
“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าตอบรับคำชวนนั่นเท่านั้นเอง
ผมรีบพลักพี่ธารออก ก่อนจะรีบลุกนั่ง กลัวจะมีใครมาเห็นเราในสภาพแบบนี้
“ปอ ธาร มากินข้าวกันลูก” เสียงแม่เรียกจากในห้องครัว ทำให้เราสองคนสะดุ้งเล็กน้อย เหมือนเราเพิ่งไปทำอะไรผิดมา เราจ้องตากันพร้อมกับอมยิ้มให้สิ่งที่เราเพิ่งทำลงไป
“คะ ครับ”
เรานั่งกินข้าวที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องนั่งเล่น กลับข้าวมื้อนี้ไม่ได้มีเมนูอะไรเป็นพิเศษ เป็นเมนูเดิมๆที่คุ้นชิน อย่างไข่เจียวหมูสับใส่ดอกอันชัญที่เป็นเมนูโปรดของผม และพี่สาวของผม เรานั่งกินข้าวกันพูดคุยกันเรื่องต่างๆเล็กน้อย ก่อนที่คุณแม่จะเอ่ยคำชวน
“ปอ เดี๋ยวพรุ่งนี้ เราไปเยี่ยมคุณพ่อกับป่านกันนะ”
คำว่าเยี่ยมของคุณแม่ก็คงหมายถึงการไปสถานที่ที่เก็บอัฐิของคุณพ่อและพี่ป่าน ผมไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เพียงโน้มตัวไปกอดคุณแม่ที่นั่งข้างผมเท่านั้นเอง
เช้าวันอาทิตย์นี้ คุณย่าและแม่ตื่นเช้ามาเพื่อเตรียมดอกไม้เอาไปวางให้คุณพ่อกับพี่ป่าน เราออกจากบ้านกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า บรรยากาศของถนนในหมู่บ้านเงียบสงบ แสงแดดยามเช้าอ่อนๆพอสร้างความอบอุ่นให้กับเรา
“เดี๋ยวผมขี่จักรยานไปเองนะครับ”
“อ้าวทำไม ล่ะธาร ไปกับรถแม่ก็ได้”
“อ๋อ ผมอยากชมบรรยากาศรอบๆ อ่ะครับ”
“โอเคจ๊ะ ขับตามแม่นะ”
“ครับ”
“ปอจะนั่งรถไปกับแม่หรือว่ายังไง” แม่หันมาถามผมทันทีเมื่อเห็นพี่ธารกำลังจะขี่รถจักรยานออกไป
“อะ เออ”
“ซ้อนพี่ธารไปก็ได้นะ เราจะได้ชมวิวไง”
“...”
หลังจากนั้นคุณแม่ก็พาคุณย่าขึ้นรถแล้วขับออกไป ไม่มีใครรู้ทางที่จะไปสถานที่แห่งนั้นมีเพียงคุณย่าเท่านั้นที่รู้ ผมก็ซ้อนจักรยานคันเก่าที่พี่ธารเป็นคนขี่ตามรถคุณแม่ไป ผมรู้ดีว่าผมต้องทำยังไงเมื่อต้องซ้อนพี่ธาร ผมทำโดยที่คนขี่ไม่ต้องบอกผมอีกต่อไป
สายลมที่พัดสวนทางกับเส้นทางที่เรากำลังไปนั้นทำให้รู้สึกเย็นสบาย เราเดินทางบนถนนเส้นเดียวกับทางไปน้ำตกหลังโรงเรียน สถานที่ที่คุณพ่อกับพี่ป่านอยู่เลยทางเข้าน้ำตกไปอีกไม่ไกลมาก
เรามาถึงสถานที่ที่เงียบสงบ บรรยากาศรอบๆกายเราเย็นสบาย สายลมพัดมาโดนตัวเราเป็นระยะๆ ทุ่งหญ้าแห่งนี้เต็มไปด้วยป้ายหินเรียงรายกันเป็นระเบียบจนสุดลูกตา ซึ่งแต่ละป้ายจะมีรูปถ่ายของคนที่จากไปติดอยู่ พร้อมกับตัวอักษรที่บ่งบอกวันที่เกิด...และวันที่จากไป ภายใต้พื้นดินเหล่านี้มีอัฐิของคนที่จากไปหลับไหลอยู่
คุณย่าพาเราเดินมาที่ป้ายของคุณพ่อ มันไกลจากทางเข้าไม่ใช่น้อย ป้ายหินบนพื้นที่ที่พ่ออยู่นั้นดูเก่า รูปของคุณพ่อซีดจางไปตามเวลา ชื่อยังคงชัดเจน ‘ชล ฤทัยภัทร’ เพียงแต่วันเดือนปีของวันที่จากไปเริ่มเลื่อนลาง เรายืนสงบนิ่งกันอยู่ที่หน้าป้ายนี้ครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณแม่จะวางดอกไม้สีสันสดใสลงบนพื้นหญ้าที่ภายใต้นั้นมีคุณพ่อที่หลับไหลอยู่ ก่อนพี่คุณแม่จะพูดประโยคที่แสดงถึงความรักที่มีให้กับคุณพ่อเสมอมา
“ฝ้ายรักพี่เสมอนะ พี่ชล”
เราเดินออกมาจากจุดนั้นจนมาถึงป้ายของคนที่มีความผูกพันกับผมมาก อักษรทุกอย่างบนป้ายยังชัดเจน รูปภาพของพี่ป่านยังคงยิ้มอย่างมีความสุข
ธารมิกา ฤทัยภัทร
ชะตะ 4 เมษายน พ.ศ. 2545
มรณะ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2559
ผมนำดอกไม้ที่เตรียมมาวางลงพื้นหญ้าหน้าป้ายของพี่สาวผม ช่อดอกไม้นี้คุณย่าเป็นคนเตรียมให้ ท่านไม่ลืมที่จะเอาดอกอัญชันมันรวมกับดอกไม้อื่นๆ คงเป็นเพราะพี่ป่านคงชอบดอกอัญชันมาก ผมรู้สึกรักพี่สาวคนนี้ ต่อให้ผมไม่เคยเจอ ไม่เคยได้อยู่ใกล้กัน แต่ความผูกพัน ความทรงจำ รวมทั้งความฝันของเธอจะอยู่ในใจของผมเสมอและตลอดไป
“เออคุณแม่ครับ คุณย่าครับ ผมขอพาปอไปเที่ยว ก่อนกลับนะครับ” เสียงคำขอของพี่ธารดังขึ้น
“เออ ได้เลยลูก งั้นเจอกันที่บ้านเลยนะ”
“ครับ”
หลังจากบทสนทนานั้นเราสองคนแยกกับคุณแม่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่ธารจะพาผมไปไหน ผมรู้เพียงสถานที่นั้นต้องมีความหมายกับพวกผมสองคนอย่างแน่นอน
ทางที่เราไปนั้นผมคุ้นเคยอย่างดี พี่ธารขี่จักรยานเข้าไปทางน้ำตกหลังโรงเรียน สถานที่นี่ยังคงสวยงามเหมือนเดิม เสียงน้ำจากที่สูงกระทบกับน้ำด้านล่างยังคงเป็นเสียงที่คุ้นเคยเหมือนเดิมทุกครั้งที่ผมได้ยิน ละอองน้ำยังปกคลุมทั่วบริเวณที่เราผ่าน ดอกอัญชันป่ายังคงเบ่งบานสีน้ำเงินอมม่วงตัดกับสีเขียวของใบไม้สวยงามเหมือนเดิม
ลำธารที่เชื่อมต่อจากน้ำตกเล็กลงเรื่อยๆตลอดทางที่เราขี่ผ่าน พี่ธารยังคงขี่จักรยานโดยมีธารน้ำเคียงคู่กับเส้นทางที่เราไปตลอด เรามาถึงสถานที่แห่งความผูกพันของเรา
เนินเขาสูงลาดชันไปยังธารน้ำที่เชื่อมต่อกับน้ำตก เนินเขาที่ปกคลุมด้วยดอกหญ้าสีน้ำตาลปะปนกับหญ้าสีเขียวที่พัดโบกตามกระแสลม สายลมเบาๆพัดมากระทบที่ใบหน้าของผม นกร้องส่งเสียงเป็นเพื่อนเรา ผมลงจากรถจักรยานนั้น ยืนมองบรรยากาศรอบๆ แต่ครั้งนี้มันมีความสุขมากกว่าทุกครั้ง
“ปอ เอาไดอารี่ป่านมาหน่อย”
ผมหยิบกองกระดาษที่ผมฉีกออกจากสมุดไดอารี่ของผมในกระเป๋าสะพายให้กับพี่ธาร พี่ธารรับสิ่งนั้นไป ก่อนจะค่อยๆเดินลงไปที่ธารน้ำข้างล่าง ผมค่อยๆเดินตามหลังลง เราสองคนยืนอยู่ริมธารน้ำสายนี้ พี่ธารยังคงมองสิ่งของที่อยู่บนมือของตัวเอง
ผมเอื้อมมือไปสัมผัสกับมือของพี่ธาร สายตาที่พี่ธารมองผม ผมรับรู้ได้ดีถึงความรู้สึกนี้ ก่อนที่พี่ธารจะค่อยๆย่อตัวนั่งลง หยิบกระดาษทีละแผ่นๆ วางลงบนสายน้ำที่ไหลอย่างช้าๆ กระดาษเหล่านั้นค่อยๆลอยห่างจากเราไปเรื่อยๆ ไกลจนสุดสายตา
“ป่านคงอยากจะอยู่ที่แห่งนี้” เสียงคำพูดของพี่ธารพูดอย่างแผ่วเบา ผมเพียงได้แต่มองใบหน้าของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างผม
“ความทรงจำ ความฝันของป่านคงไหลไปเรื่อยๆตามกระแสน้ำ ต่อให้มันไม่ไหลย้อนกลับมา แต่มันก็ยังไหลไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับชีวิตเรา”
เราเดินขึ้นมาจากธารน้ำมานั่งอยู่บนเนินเขา เราไม่ได้มีคำพูดอะไรมากไปกว่านี้ กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้
“พี่เชื่อเรื่องแฝดสยามคนละเพศไหม” คำถามของผมเป็นสิ่งที่ทำให้พี่ธารหันมามองผมอีกครั้งหนึ่ง
“ตอนแรกพี่ก็ไม่เชื่อหรอก พี่เคยอ่านเจอว่ามันเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น แต่ว่า...”
พี่ธารมองจองมาที่ผมด้วยสายตาอันอ่อนโยนเหมือนเดิม
“แต่ว่าอะไรครับ”
“แต่ว่า เมื่อพี่ได้มาเจอกับปอ พี่ก็เชื่อนะ ต่อให้มันมีโอกาสน้อยมากก็ตาม พี่เชื่อเพราะมีปออยู่ข้างๆพี่ตอนนี้ไง”
“...” ผมไม่ได้มีคำพูดอะไรต่อจากนี้ เพียงตอนนี้ผมรู้สึกดีมากที่ผมมีพี่ธารอยู่ข้างๆผม
“รู้ไหม ทำไมพี่ถึงพาปอมาที่แห่งนี้”
คำถามของพี่ธาร กับทำให้ผมสงสัยมากขึ้น
“ทำไมล่ะครับ”
“สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่พี่เคยพาคนรักคนแรกของพี่มา และมันจะเป็นสถานที่ที่พี่จะพาคนรักของพี่คนสุดท้ายมาด้วย”
"..."
"พี่พาปอมา ในฐานะที่ปอเป็นปอ ไม่ใช่ปอเป็นคนอื่น"
"..." ผมได้แต่เงียบฟังสิ่งที่พี่ธารพูด
"ปอจะอยู่ข้างพี่แบบนี้ไปตลอดได้ไหม"
"..." ผมได้แต่พยักหน้า
"พี่รักปอนะ"
...
ถึงแม้เรื่องราวในอดีตมันจะเลวร้ายเพียงใด
ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว
สายน้ำมันยังคงไหลไปเรื่อยๆ ไม่มีวันย้อนกลับมา
ความฝัน ถูกส่งต่อจากคนหนึ่งถึงอีกคนแล้ว
ความรู้สึกผมหยุดอยู่ตรงนี้ อยู่ที่คนที่เคียงข้างผมในตอนนี้
...ตอนนี้ผมรู้แต่เพียงว่า
"ผมรักพี่ธารครับ"
*************
ติดตาม บทที่ 17 ไดอารี่หน้าสุดท้าย ลงวันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563 กันด้วยน้า
ไอดารี่ของปอ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ