DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ

10.0

เขียนโดย winnerella

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.

  17 บท
  0 วิจารณ์
  16.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) จากฝัน...ถึงเธอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

...(ปอ)...
ร่างกายของผมตอนนี้แทบไม่มีแรงจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว ผมได้แต่นั่งนิ่งๆทบทวนเรื่องราวที่ผมได้รับรู้มา เวลาผ่านไปเรื่อยๆ นานขึ้นเรื่อยๆ แต่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่เคยขาดสาย ผมยังจมอยู่กับเรื่องราวที่ผมได้รับรู้ อดีตที่นับว่าเลวร้ายมากที่สุดในชีวิตผม ผมเหนื่อย ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
การที่ผมหายไปนาน นั่งอยู่ในห้องเก็บของใต้บันได คงทำให้คนในบ้านผิดสังเกตความผิดปกติได้
"ปอ มากินข้าวได้แล้วลูก" ผมได้ยินเสียงแม่เรียกผม แต่ผมแทบจะไม่มีแรงจะลุกยืนเลย ผมตั้งสติ หยิบซองจดหมายนั้นขึ้นมา พยายามใช้แรงที่มีในการพยุงตัวเองลุกขึ้นเดิมไปตามเสียงเรียกนนั้น
“หายไปนาน แม่นึกว่าเป็นไรไปแล้วซะอีก” แม่ของผมยังคงก้มหน้าจัดการกับโต๊ะอาหาร
ผมค่อยๆเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหารนั้นเรื่อยๆ โดยที่แม่เองก็ไม่ได้สังเกตถึงการมาของผม
"แม่ครับ ป่านคือใคร"
ผมถามคำถามกับผู้หญิงตรงหน้าผมที่กำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหาร เธอหยุดสิ่งที่ทำครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองผม แววตาของเธอดูตกใจกับสิ่งที่ผมได้พูดไป
"ว่า งะ ไง นะลูก"
"ผมถามว่า ป่านคือใคร!" ผมถามประโยคนั้นซ้ำ น้ำตาผมยังคงไหลออกมา แม้แต่ผู้หญิงตรงหน้าผม
"ผมรู้ความจริง หมดแล้ว...” เพียงแค่คำพูดของผมเท่านี้ คนตรงหน้าผมถึงกับนิ่งทำอะไรไม่ถูก
“...ทำไมแม่ไม่บอกผม"
เสียงเงียบเกิดขึ้นครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงของพัดผมที่มันยังคงหมุนอยู่ บรรยากาศตอนนี้เต็มไปด้วยความกดดัน ทั้งผมและแม่คงรู้สึกถึงมันได้
"คือ มะ แม่"
"ผมมีแฝด แฝดที่ผมไม่เคยได้เจอหน้า ไม่เคยได้อยู่ด้วยกัน ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องนี้" น้ำเสียงผมค่อนข้างดุดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในหัวของผมคิดอะไรไม่ออก มีเพียงความรู้สึกโกรธที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย หน้าผมชา มือผมเกร็งจนเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจน ผมไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ผมหันหลังให้กับผู้หญิงตรงหน้าผม ก่อนจะทำในสิ่งที่ผม ไม่เคยคิดจะทำมาก่อนกับคนตรงหน้า ผมวิ่งออกจากบ้านไปเพื่อหนีปัญหาทั้งหมดที่เจอในตอนนี้
“ปอลูก อย่าไป ปอ”
เสียงตะโกนของแม่เรียกผมอยู่อย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงที่อ้อนวอนนั้นผ่านเข้ามาในหูของผม แต่ผมยังคงที่จะเลือก วิ่งหนีและหันหลังให้กับปัญหานี้
ผมได้เพียงพูดว่า “ขอโทษครับ” โดยไม่รู้ว่าคนที่ยืนร้องไห้ข้างหลังผมจะได้ยินสิ่งที่ผมพูดหรือเปล่า
ตลอดห้าปีที่ผ่านมา มีเพียงความฝันเท่านั้นที่บอกใบ้ให้กับผมรู้ว่าป่านคือใคร ป่านเคยเจอเรื่องราวอะไรมาบ้างในชีวิตของเธอ ตอนนี้ผมควรทำอย่างไรต่อไปดี ผมวิ่งออกมาจากบ้าน ผ่านถนนเล็กๆในหมู่บ้าน แสงไฟจากเสาไฟฟ้าตามทางของหมู่บ้านพอส่องสว่างเห็นผมเห็นทางที่วิ่งอยู่ตอนนี้ ให้ผมวิ่งไปเรื่อยๆ บรรยากาศเงียบสงัด ฟ้ามืดครึม ไม่มีผู้คนอยู่บนเส้นทางที่ผมวิ่งอยู่ตอนนี้ ผมอ่อนล้าเหลือเกิน ตอนนี้ไม่รู้เลยว่ากี่โมงแล้ว เวลาผ่านไปนานเท่าไร ผมออกมาหน้าหมู่บ้าน บริเวณที่ป้ายรถเมล์ ผมภาวนะว่ามันยังพอที่จะมีรอบรถให้ผมได้ขึ้นไป เดินทางไปให้ไกลจากตรงนี้
ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมภาวนะมันเกิดขึ้นจริงหรือว่าแค่เป็นเรื่องบังเอิญ มันยังพอมีรถเมล์รอบสุดท้ายให้แก่คนที่หนีปัญหาอย่างผม ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน ถึงจะหลุดพ้นกลับความรู้สึกนี้ ผมได้แต่นั่งรถเมล์ไปเรื่อยๆ มองดูบรรยากาศยามค่ำคืนที่มีแสงไฟสดใสตามทาง แต่ใจของผมไม่ได้สดใสตามสิ่งที่ผมเห็นเลย
รถเมล์ขับไปเรื่อยๆจนถึงป้ายสุดท้าย คือที่หน้ามหา’ลัยของผม มันคงสุดทางแล้วจริงๆ ผมควักเงินจากกระเป๋ากางเกงผม โชคดีที่มันพอจะมีเศษเงินที่จะจ่ายค่ารถเมล์ได้
ผมเดินลงจากรถเมล์ เดินต่อเข้าไปในมหา’ลัยเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ตอนนี้เรี่ยวเเรงของผมแทบจะหมดลง น้ำตาไม่มีพอที่จะให้ร้องไห้ออกมาอีกแล้ว ผมมีแต่คำถามที่เกิดขึ้นในหัวของผมว่า ทำไมแม่ไม่บอกผม ทำไมผมถึงกลายเป็นคนโง่ที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย
ผมเดินเลาะตามถนนของมหา’ลัยไปเรื่อยๆ แสงไฟจากเสาไฟข้างถนนส่องนำทางให้กับผมเป็นช่วงๆ บรรยากาศตอนนี้เงียบสนิท มองไปทางใดก็มืดไปหมด สายลมพัดมาเบาๆกระทบใบหน้าผมพอให้ได้รู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้า ไม่มีน้ำตาเหลือพอที่จะร้องไห้ให้กับความรู้สึกแบบนี้ คราบน้ำตาบนแก้มเริ่มที่จะแห้งแล้ว
ผมเดินไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของผมคือที่ใด จนมาถึงสวนแห่งหนึ่งในมหา’ลัย ในตอนเช้ามันคงเป็นสวนที่สวยงามไม่ใช่น้อย เพียงแต่ตอนนี้ผมไม่เห็นลายอะเลียดความสวยงามของมันได้ชัดเจน ผมนั่งลงข้างสระน้ำในสวน มองดูเงาของพระจันทร์ที่สะท้อนให้ผมเห็นจากผืนน้ำ ทำไมมันเหงาอย่างนี้
ตอนนี้ผมควรจะต้องทำอย่างไรดี...
...(ดิว)...
กริ๊งงงงงง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะที่ผมนั้นนอนก่ายหน้าผากตากแอร์อยู่บนเตียง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรายชื่อของเสียงเรียกเข้านั้นแสดงให้เห็นว่าคนที่โทรเข้ามา คือใคร แม่ของปอ!!! ผมรีบดันตัวลุกขึ้นมา รับสายทันทีไม่อยากให้คนปลายสายรอนาน
“สะ สวัสดีครับ แม่”
"ดิว ใช่ไหมลูก" น้ำเสียงที่ผมได้ยินนั้นรู้สึกว่าคนที่อยู่ปลายสายกำลังร้องไห้อยู่แน่ๆ คุณแม่ปอเป็นอะไรหรือเปล่า
"ครับๆ"
ในใจผมสงสัยว่าทำไมแม่ปอถึงโทรหาผมในช่วงเวลาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว เพราะปกติมีแต่ไอ้ปอเท่านั้นที่จะโทรหาผม
"มีอะไรหรอครับ แม่"
"ปอ หนีออกจากบ้านไป"
"หะ!!!"
ผมถึงกับตะโกนด้วยความตกใจ อะไรของมันว่ะ คนอย่างไอ้ปอนี่นะหนีออกจากบ้าน เมื่อเช้ามันยังบอกจะกลับบ้านอยู่เลย แล้วไงตอนเย็นนี้ออกจากบ้านว่ะ
"แม่ไม่รู้ ว่าปอออกไปไหน ฮือๆ"
เสียงร้องไห้ของปลายสายยังคงดังต่อเนื่อง จนทำให้ผมคิดว่าต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ แต่ผมก็มีมารยาทที่จะไม่ไปรู้เรื่องราวนั้นหรอกครับ ต่อให้จริงๆผมอยากรู้ใจจะขาด
"คุณแม่ใจเย็นๆก่อนนะครับ ลองโทรหาปอหรือยังครับ”
"ปอไม่ได้เอามือถือไปด้วย แม่ไม่รู้จะติดต่อยังไง"
ชิบหายและ ผมได้แต่อุทานในใจ แล้วทีนี้จะตามหามันยังไง ติดต่อก็ติดต่อไม่ได้ โอ๊ยวันนี้มันเป็นวันอะไรของผมเนี่ย
"เอางี้ครับ คุณแม่รออยู่ที่บ้านก่อน เผื่อปอกลับมาบ้าน เดี๋ยวผมลองขับรถดูรอบมอให้ครับเผื่อมันกลับมา"
"แม่ฝากปอด้วยนะลูก"
"ครับ"
ตอนนี้ชีวิตผมเหมือนสุภาษิตที่ว่า ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก เรื่องแพรวก็ยังไม่เคลียร์ ผมถามแพรวเรื่องขอเป็นแฟนหลังจบเฟรชชี่ไนท์ก็ยังไม่ได้คำตอบ แถมโดนด่าว่ายุ่งอีก เฮ้อ แล้วยังมีเรื่องไอ้ปออีก วันนี้มันเป็นวันอะไรว่ะ
แต่เพื่อนที่ดีอย่างผมก็ต้องเลือกเพื่อนสนิทของผมก่อน ผมรีบแต่งตัว คว้ากุญแจรถ มือถือ วิ่งลงมาจากหอ เพื่อจะไปเอารถมอเตอร์ไซค์ขับตามหาปอ โชคร้ายในโชคดีของผม ผมเจอคนที่จะช่วยผมได้แล้ว พี่ธาร..
ผมเห็นพี่ธารกำลังเดินกลับมาที่หอ พี่เขายังคงแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา บ่าข้างขวาพาดด้วยเสื้อกาวน์มือซ้ายถือถุงพลาสติดที่ภายในเต็มไปด้วยของกิน หน้าตาพี่เขาดูเหนื่อยไม่ใช่น้อยคงเพิ่งกลับมาจากการราวน์วอร์ดแน่ๆ ผมรีบวิ่งไปหาพี่เขาทันที
"พี่ธารครับ คะ คือ ผมมีเรื่องให้ช่วย ผมว่าเรื่องนี้มันอาจจะเกี่ยวกับพี่" ผมพูดเกิ่นประเด็นเล็กน้อยเพื่อให้คนฟังเกิดความสนใจ แต่นั้นทำให้คนอย่างพี่ธารโมโหผม
"มีเรื่องอะไร!" เสียงของพี่ธารตะคอกกลับมาที่ผม จ้องผมเหมือนผมทำอะไรผิด หรือว่ากูทำผิดจริงๆว่ะ ทำไมดุจังว่ะ ไม่เห็นเหมือนตอนที่คุยกับไอ้ปอเลย หวานจนมดขึ้น
"คือเมื่อกี้ แม่ปอโทรมาหาผม บอกว่าปอหนีออกจากบ้าน ผมกะจะออกไปตามหารอบมอดูก่อนเผื่อปอมันกลับมาที่นี่"
ทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นจบ มือของพี่ธารปล่อยถุงพลาสติดนั้นตกลงกับพื้น ข้าวกล่องเอ่ย น้ำเอ่ยกระจายเต็มพื้น ผมนี้รู้สึกเสียดายแทนจริงๆ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่พี่ธารกังวลในตอนนี้เลย
พี่ธารหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรไปหาปอทันทีก่อนผมจะได้พูดประโยคนี้
“คะ คือ แม่ปอบอกว่าปอไม่ได้เอามือถือติดตัวครับ”
“แล้วทำไมแก เพิ่งมาบอก!!!”
กูผิดอีกแล้วหรอนี้
หลังจากที่พี่ธารได้ยินที่ผมพูด พี่เขารีบวิ่งออกจากหน้าหอไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ขับออกไปโดยไม่รอผมแม้แต่น้อย ผมทำได้เพียงขับตามไปเท่านั้นเอง
เวลาตอนนี้ก็เกือบสามทุ่มเเล้ว บรรยากาศรอบมืดสนิด ถนนในมหา’ลัยที่มีแสงไฟจากเสาไฟเป็นช่วงๆ เท่านั้น ที่เหลือก็มีแค่แสงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์ของเราที่พอจะส่องเห็นทาง ไม่มีเสียงใดๆตลอดเส้นทาง ยกเว้นแค่เสียงของพี่ธารที่ตะโกนเรียกชื่อของไอ้ตัวดีที่หนีออกจากบ้าน
“ปอ ปอ อยู่ไหน”
“ปอ ตอบพี่ด้วย”
“ปอ!!!”
เสียงตะโกนของพี่ธารดังเป็นระยะๆ ตามทางที่เราได้ขับรถไป เสียงพี่เขาเริ่มแหบ แทบจะไม่เหลือเสียงให้ตะโกนอีกต่อไปแล้ว แต่พี่เขายังตะโกนต่อไปเรื่อยๆ
“ปอ...”
ผมสงสารกล่องเสียงของพี่เขาจริงๆ
เราขับรถมอเตอร์ไซค์ไปทุกที่รอบมอแล้วครับ จนมาถึงที่สวนของมหา’ลัย เราจอดรถลงดูคิดว่าปออาจจะมาที่นี้ก็ได้ โชคดี เราพอจะเห็นเงาของคนนั่งอยู่ในริมสระน้ำในสวนนั้น เราพอจำลักษณะของคนคนนั้นได้
พี่ธารหันมามองผม ผมตกใจเล็กน้อย ในใจคิดว่ากูจะโดนอะไรอีกไหมว่ะ ก่อนที่พี่เขาจะพูดประโยคหนึ่งกับผม
"เดี๋ยวพี่เขาไปเอง"
"คะ ครับ"
ผมได้เเต่เพียงตอบสั่นๆ พอจะรับรู้สิ่งที่พี่ธารต้องการจะบอกกับผมว่า มึงไม่ต้องเข้าไปหรอกเดี๋ยวกูไปเอง ครับผมรับทราบแล้ว
สิ่งที่ผมควรทำตอนนี้คือโทรหาแม่ของปอ เพื่อบอกว่าตอนนี้ปอปลอดภัย
ตื้ด...ไม่นานปลายสายก็รับ
“ว่าไงลูก” เสียงของแม่ปอยังคงมีความกังวลอยู่
“ผมเจอปอแล้วครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขอบใจมากนะลูก ฝากดูแลปอด้วย”
“ครับ”
ปลายสายดูคลายกังวลลงไปมากเมื่อได้ยินคำพูดของผม ตอนนี้ผมว่าผมไม่ควรอยู่ตรงนี้ ผมควรให้เวลาเขาสองคนได้คุยกันมากกว่า คนที่ดูแลปอได้ดีที่สุดตอนนี้คงไม่ใช่ผม คนนั้นน่าจะเป็นพี่ธาร ผมค่อยๆขับรถออกไปจากสถานที่นั้น...โดยทิ้งความอยากรู้อยากเห็นไว้ตรงนั้นด้วย

... (ธาร)...
ตั้งแต่ผมได้ยินเรื่องปอจากดิว ในหัวของผมคิดว่า หรือว่าปอจะรู้ความจริงแล้ว มือผมไม่สามารถจับสิ่งของใดได้เลย ผมรีบวิ่งไปที่จอดรถเพื่อขับมอเตอร์ไซค์หาปอ ผมตะโกนสุดเสียงเรียกชื่อปอ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาหาผมเลย เงาของคนที่นั่งอยู่ข้างสระนั้นผมจำลักษณะได้ดี ปอ...
ผมค่อยๆเดินเข้าไปหา พอได้ยินเสียงสะอื้อจากการร้องไห้ ที่ดูเหนื่อยล้า
"ปอ"
ผมเอ่ยทักคนที่นั่งริมสระน้ำ คนที่ถูกทักค่อยๆหันมาหาผมอย่างช้าๆ ต่อให้รอบข้างมันจะมืดเท่าไร แต่ก็ยังมีแสงจากดวงจันทร์ที่ช่วยทำให้ผมเห็นใบหน้าอันเหนื่อยล้า และคราบน้ำตาของปออย่างชัดเจน
"พะ พี่ธาร" เสียงแหบแห้งของปอตอบกลับ
ทันใดนั้นคนที่นั่งอยู่กลับลุกขึ้นพร้อมอ้าแขนมากอดที่ลำตัวผม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและเสียงสะอื้นที่ดังอย่างแผ่วเบาซบลงบนกลางอกของผม ความแน่นของแรงกอดมันบ่งบอกว่าเจ็บปวดเหลือเกิน ผมทำได้แต่เพียงใช้อ้อมแขนของผมกอดตอบ เสียงร้องไห้ยังคงดังขึ้นตลอดเวลา มันคงเป็นเรื่องที่หนักในชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่รู้ความจริง ความจริงที่เรื่องทุกอย่างมันผ่านมาหลายปีแล้ว
ผมยังยืนกอดคนตรงหน้าผม อ้อมกอดมันเริ่มผ่อนคลายลงจากตอนแรกแต่อ้อมแขนยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วผมก็ไม่รู้ มันไม่สำคัญกับผม สิ่งที่สำคัญกับผมตอนนี้คือคนที่กอดผมอยู่ตรงหน้า ความเงียบของบรรยากาศรอบๆกายยังคงเหมือนเดิม ก่อนที่เสียงสะอื้นของปอหายไป พร้อมประโยคคำถามของเขาดังขึ้นมา
"พี่ธาร ผมรู้แล้วป่านคือใคร..." เสียงของปอดังขึ้น ขณะที่อ้อมกอดยังอยู่เหมือนเดิม
“...” ผมได้แต่ยืนนิ่ง รอให้คนตรงหน้าพูดให้จบ
“ป่านคือคนที่พี่รักใช่ไหม”
คำถามที่ดูเหมือนธรรมดาของปอ มันก็ตอบได้ไม่ยากถ้าผมจะตอบ แต่ถ้าผมตอบไปคนที่รับฟังจะรู้สึกอย่างไร ผมตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามนั้น
"ใช่ ป่านคือคนรักของพี่"
ทันทีที่ผมพูดคำตอบจบ อ้อมกอดที่เคยแน่นก็เริ่มคลายออก ทำให้สามารถเห็นสีหน้าของคนที่รับฟังคำพูดของผมได้ สายตาของปอจ้องมองมาที่ผม
"พี่รู้เรื่องป่านมาตลอดใช่ไหม"
"ใช่" ผมได้แต่เพียงตอบแค่นั้น
อันที่จริงเรื่องราวของป่านก่อนหน้าที่หลายปีผมก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับป่านเท่าไรเลย เพิ่งจะมารู้เรื่องราวต่างๆมากขึ้นเมื่อกลับไปหาคุณย่าครั้งนั้น คำตอบของผมมันคงทำให้ใจของคนฟังอย่างปอผิดหวังในตัวผม ที่ผมไม่ยอมบอกความจริง ทั้งๆที่เขาไว้ใจผม
"ทำไมพี่ทำอย่างนี้ พี่ไม่สงสารผมบ้างหรอ ที่ต้องเป็นคนโง่"
"..."
"ที่พี่ทำดีกับผม เพราะผมเหมือนป่านใช่ไหม"
"..."
"ทำไมพี่ทำอย่างนี้ ทำไม!!!!!" เสียงตะโกนอย่างสุดเสียง พร้อมกำปั้นน้อยๆของปอ ที่ไม่มีแรง ทุบไปทั่วลำตัวของผม เสียงร้องไห้ ต่อจากประโยคคำถามที่ผมได้ยินมันทำให้ผมเจ็บปวดมากเหลือเกิน
ผมทำได้เพียงใช้ฝ่ามือของผมสองข้างจับใบหน้าที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของคนตรงหน้าผม ก่อนจะดันใบหน้าเขาขึ้น จรดริมฝีปากของผมลงบนริมปีปากอันนุ่มๆอุ่นๆของปอ ความรู้สึกตื่นเต้นวิ่งไหลผ่านไปทุกส่วนของร่างกาย ผมรู้สึกถึงขนตามแขนลุกชัน ร้อนที่ใบหูสองข้าง ความรู้สึกนี้ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน ครั้งนี้มันคือ จูบแรกของผม
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบ ให้ได้ยินเสียงของหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงไปพร้อมๆกับหัวใจของคนตรงหน้าผม มือของคนที่ทุบผมผ่อนแรงลง วางแขนทั้งสองข้างลงข้างตัว ยอมให้ริมฝีปากของผมประกบกับริมฝีปากเขา สิ่งรอบตัวเหมือนหยุดเคลื่อนไหว ก่อนที่ผมจะค่อยๆนำริมฝีปากของผมออกมา เพื่อมองใบหน้าของคนตรงหน้า สายตาของปอมองมาที่ผมพร้อมอยากจะฟังคำตอบจากผม
"ฟังพี่ นะปอ ใช่ ปอเหมือนป่านมาก เหมือนมากจนพี่คิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน ทั้งสิ่งที่ชอบ ทั้งท่าทาง ทั้งแวดตาคู่นี้"
"..."
“ตอนแรกพี่คิดว่าความรู้สึกที่มีให้กับปอ มันเป็นความรู้สึกที่พี่มีให้กับป่าน”
“...” คนตรงหน้าผมยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร สายตายังคงมองมาที่ผม
“แต่ตอนนี้ พี่รู้แล้ว มันไม่ใช่ความรู้สึกที่พี่มีให้ป่าน แต่มันเป็นความรู้สึกที่พี่มีให้ปอ”
คนตรงหน้าผมยังคนจองตาผม รับฟังสิ่งที่ผมกำลังจะบอกทุกอย่าง
"พี่ไม่ได้รักปอเพื่อมาแทนป่าน พี่ไม่ได้ทำดีกับปอเพราะพี่คิดว่าปอเป็นป่าน แต่พี่รักปอที่เป็นปอคนนี้แล้ว พี่ทำทุกอย่างเพื่อปอคนนี้คนเดียว..."
“แล้วพี่ผู้หญิงคนนั้นล่ะครับ...”
ผมได้แต่คิดว่าคนไหน ปอไปเห็นอะไรมาถึงพูดแบบนี้
“...คนกอดแขนพี่ คนที่ดูสนิทกับพี่ พี่แก้วนั้นอ่ะ”
ผมพอจะค่อยๆจับเรื่องราวต่างๆมาผูกกันเป็นเรื่องราวเดียวกันได้มากขึ้น หรือสิ่งที่ทำให้ปอเปลี่ยนไปไม่ยอมตอบแชทผม อยากให้ผมออกไปจากชีวิต อาจจะเป็นเรื่องนี้ก็ได้
ผมจับไหล่สองข้างของปอ พร้อมจ้องตาคนตรงหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
“ฟังนะปอ พี่แก้วเป็นพี่ลีด เป็นเพื่อนสนิทพี่ อีกอย่างพี่แก้วเป็นแฟนกับสายฟ้า”
“...!”
หลังจากที่ผมพูดประโยคนั้นจบ คนตรงหน้าผมค่อยๆหลบสายตาจากผมไป
“ฟังนะปอ ตอนนี้ความรู้สึกพี่มีแต่ปอคนเดียว พี่รักปอนะ...”

... (ปอ)...
ผมได้ยินประโยคของพี่ธารดังอยู่ในหัว ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มเข้ามาที่หัวใจของผม จากเดิมที่หัวใจผมเหมือนถูกแช่ในน้ำเเข็งไว้ตลอด น้ำแข็งที่หนาวเหน็บมันได้ละลายออกจากหัวใจของผมแล้ว
ผมรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผมทำทั้งหมดในวันนี้ที่ทำกับแม่ ทำไมผมถึงหนีปัญหาแบบนี้ รวมทั้งยังทำผิดกับคนตรงหน้าผมอีก ผมนี่มันโง่จริงๆ
เราสองคนนั่งลงข้างสระน้ำ พูดคุยเรื่องราวทั้งหมดที่ได้รับรู้มา ความรู้สึกห่วงใยของพี่ธารต่อความรู้สึกผม ผมรับรู้ได้ดี
“พี่ธารผมขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไร แต่วันหลังมีอะไรปอต้องบอกพี่เสมอนะ”
“คะ ครับ”
รอยยิ้มและน้ำเสียงของพี่ธารแสดงให้เห็นว่าพี่เขา ไม่เคยโกรธผมเลยด้วยซ้ำ แถมใส่ใจผมมากกว่าอีก คงมีแต่ผมนี้แหละที่ทำร้ายจิตใจของพี่ธาร ผมเพิ่งเข้าใจสิ่งที่ไอ้ดิวมันพูด ‘ของบางอย่างถ้าเราเสียมันไปแล้ว มันจะแก้ไขอะไรไม่ได้เลย แก้วที่แตก ต่อให้เราพยายามที่จะเก็บเศษแก้วที่กระจายตามพื้นขึ้นมาเพื่อประกอบใหม่ มันก็เป็นแก้วที่ไม่สมบูรณ์’
ต่อไปผมจะรักษาแก้วใบนี้ของผมอย่างดี
ค่ำคืนนี้ยังคงผ่านไปอย่างช้าๆ รอบตัวยังคงสงบเงียบ ผมรู้สึกถึงของสิ่งหนึ่งเข้ามาอยู่ในหูซ้ายของผม ผมเห็นพี่ธารกำลังใส่หูฟังข้างหนึ่งให้กับผม ก่อนที่จะหยิบอีกข้างใส่ให้ตัวเอง บทเพลงที่เล่นผ่านหูผมมันผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก มันอบอุ่นมาก ผมเหนื่อยมากตอนนี้ ศรีษะของผมค่อยๆโน้มลงไปที่ไหล่ของคนข้างผม ผมค่อยๆหลับตาลง
“พี่ธาร คิดถึงป่านไหม”
“พี่คิดถึงสิ ก็เหมือนเราคิดถึงคนทั่วไปๆ เราเคยมีความทรงจำที่ดีให้แก่กัน จะให้ลืมมันก็คงไม่ได้”
“ผมขอโทษที่ถามนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่แค่อยากให้ปอรู้ไว้ว่า ตอนนี้คนเดียวที่เปิดหัวใจของพี่อีกครั้งคือ ปอ”
ผมรู้สึกถึงผมมืออุ่นๆของพี่ธารที่ลูบหัวผมอยู่ในตอนนี้...

"ปอ"
เสียงเรียกของผู้หญิงดังขึ้น ผมลืมตาตื่นขึ้นมา บรรยากาศที่ผมเห็นตอนนี้ไม่คุ้นเคยเลย มันดูมีแสงสว่างรอบตัวผม มันทั้งดูอบอุ่น มันทั้งมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก
"ปอ" เสียงเรียกดังอีกครั้ง ผมหันไปหาเสียงเรียก
หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม เธอผมยาวตรง เส้นผมสีดำสนิท ใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอดูท่าทางอ่อนโยน เธอส่งยิ้มให้ผม แววตาของเธอที่มองมาที่ผม ผมคุ้นมันอย่างดี มันคือเเววตาดวงเดียวกับที่ผมมักจะเห็นตอนผมส่องกระจก
"ขอบคุณมากนะปอ ที่ทำให้คนอย่างพี่ธารเปิดใจ ไม่ปิดกั้นตัวเองอีกต่อไป”
“ป่าน” ผมได้แต่เรียกชื่อเธออย่างเบาๆ
“ตัวฉันเอง เห็นความเศร้าของพี่ธารมานานหลายปี ฉันไม่รู้จะทำยังไง จนหัวใจฉันมันสัมผัสได้ถึงปอ”
มือของผมสัมผัสที่แผลเป็นตรงกลางอก มันไม่ได้เจ็บเหมือนทุกครั้ง แต่มันสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมาทะลุรอยแผลเป็นนั้น
“ป่าน เธอรู้เรื่องราวมาตลอดเลยหรือเปล่า”
“ฉันเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของปอมากนักหรอก ฉันรู้เพียงเราเคยมีหัวใจที่เชื่อมถึงกัน ชั้นสัมผัสมันได้”
“...”
“ฉันคิดถึงเธอนะ ปอ”
“ผมก็คิดถึง”
“สักวันเราคงได้อยู่ด้วยกันนะ”
น้ำตาของผมไหลออกมา แต่กับไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นของหยดน้ำเหล่านั้นเหมือนอย่างเคย
"ความรู้สึกของฉันที่บอกปอในความฝัน ขอบคุณที่ปอส่งไปให้ถึงพี่ธาร ฉันพยายามทำให้ปอรู้เรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับพี่ธาร ฉันเชื่อว่ามีแต่ปอเท่านั้นที่จะช่วยพี่ธารได้”
“คะ คือ” ผมพยายามที่จะพูดโต้ตอบ แต่เธอกับส่ายหน้าให้กับผม พร้อมพูดในสิ่งที่เธอต้องการบอกกับผมต่อ
“ต่อไปนี้ทุกความรู้สึกที่ปอมีให้กับพี่ธาร มันไม่ใช่ความรู้สึกของป่านอีกแล้ว แต่มันจะเป็นความรู้สึกจริงๆของปอเองทั้งหมด”
ความรู้สึกของผมเอง ตุบ ตุบ ตุบ
“ต่อจากนี้หัวใจสองดวง มันจะรวมเป็นดวงเดียวอยู่ที่ปอ ขอบคุณที่ทำตามสัญญาที่ป่านเคยให้กับพี่ธาร อยู่เคียงข้างพี่ธารไปเรื่อยๆนะ"
“แล้วสร้อยข้อมือนี้ล่ะ”
เธอค่อยเดินเข้ามาใกล้ๆผม ฝ่ามือสองข้างของเธอโอบจับข้อมือผมที่ใส่สร้อยข้อมือเส้นนั้น มันอบอุ่นเหลือเกิน
“มันเป็นของปอ มานานแล้ว เก็บมันไว้ให้ดีๆนะ”
ผมได้แต่มองมือของเธอที่โอบจับสร้อยข้อมือนี้ ผมสัญญาจะรักษามันอย่างดี
“สักวันเราคงได้เจอกันนะ น้องชายของพี่”
"ป่าน ป่าน ป่าน อย่าเพิ่งไป" เสียงอ้อนวอนของผมไม่สามารถฉุดรั้งเธอไว้ได้ ร่างของเธอค่อยๆเลือนลางจางหายไป ทิ้งเพียงคำพูดและรอยยิ้มสุดท้ายให้กับผม
ก่อนที่เธอจะจากผมไปตลอดการ
"ฝากพี่ธารด้วยนะ..."

ผมรู้สึกขยับตัวไม่ค่อยได้ เหมือนมีอะไรรัดผมไว้อยู่ แสงแดดจากนอกหน้าต่างส่องมาที่ตาของผมพอดี ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา มองไปรอบๆสถานที่มันยังคงไม่คุ้นสำหรับผมอยู่ดี มองไปยังเตียงของไอ้ดิวแต่กลับไม่พบไอ้ดิว หรือได้ยินเสียงกรนของมัน ผมได้แต่ยินเสียงหายใจเบาๆอยู่ที่ข้างหูของผม
ผมหันหน้าไปทางเสียงนั้น ก่อนผมจะเจอใบหน้าของคนคุ้นเคยของผม พี่ธาร คนคนนั้นหลับตาสนิท อ้อมแขนของเขาเป็นสิ่งที่เหนียวรั้งไม่ให้ผมขยับตัว ผมพยายามขยับออกจากอ้อมแขนของพี่ธาร
“อือ” มีเพียงแต่เสียงตอบในลำคอออกมาจากคนที่กำลังหลับตา อ้อมกอดของเขาขยับโอบกอดลำตัวผมให้พอดีกับความต้องการเขา
“พี่ธาร ผมรู้ว่าพี่ตื่นแล้ว ปล่อยผมได้แล้วครับ”
เสียงขอร้องของผมไม่เคยจะใช้ได้กับพี่ธารเลย อ้อมกอดยังคงขยับรัดผมแน่นเรื่อยๆตามแรงที่ผมพยายามจะดิ้นให้หลุดออก
“ผมต้องไปเรียนนะครับ ปล่อยได้แล้ว”
“วันนี้วันอาทิตย์นะปอจะมีเรียนอะไร”
เสียงตอบของพี่ธารทำให้ผมนึกออก ใช่ วันนี้วันอาทิตย์ ผมไม่สามารถหาข้ออ้างที่จะออกไปจากตรงนี้ได้อีกแล้ว
“พี่ธาร ไม่ไปราวน์หรอ”
“ไม่อ่ะ วันนี้พี่ลาป่วย เดี๋ยวพี่ให้ค่อยไปห้องฉุกเฉิน”
ข้ออ้างต่างๆนานาออกมาไม่หยุด ผมไม่รู้จะหาอะไรมันสู้อีกแล้ว จึงปล่อยให้พี่ธารทำตามอย่างที่ต้องการ
“อุ่นไหม” เสียงกระซิบเบาๆข้างหูผม ทำให้ผมรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว หูร้อนขึ้น ไม่รู้ว่าใบหน้าของผมจะแดงหรือเปล่า ผมเพียงได้แต่หลับตา ทำตัวนิ่งๆ ปล่อยให้อ้อมกอดของพี่ธารรัดตัวผมอยู่อย่างนั้น
กริ๊ง
เสียงเรียกเข้ามาจากมือถือของพี่ธารช่วยผม พี่ธารคายอ้อมกอดจากผมก่อนเอามือเอื้อมไปคว้ามือถือ
“ฮาโหล”
ผมพอได้ยินประโยคจากไปสายเบาๆ เป็นเสียงของเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มของพี่ธาร
“เป็นไรหรือเปล่า ทำไมเมื่อเช้าไม่มาราวน์”
“ท้องเสียหนักไปหน่อย ถ่ายเป็นน้ำเลย เดี๋ยวจะไปอีอา”
“โอเค ถ้าไม่ไหวยังไงบอกนะ”
“ขอบใจมาก”
พี่ธารลุกขึ้นนั่ง ผมจึงใช้โอกาสที่มีลุกนั่งตามเพื่อไม่ให้โดนกอดอีก
“ทำไมพี่ต้องโกหกด้วยเนี่ย ไม่น่ารักเลย”
“ถ้าพี่ไม่ทำ พี่จะได้อยู่กับปอตอนนี้หรอ”
“...” ผมได้แต่นั่งอึ้งกับคำตอบของพี่ธาร
“อ่ะ พี่ยอมปอแล้วก็ได้”
“งั้นผมขอตัวกลับห้องผมก่อนนะครับ ส่วนพี่ก็ไปอีอาได้แล้ว”
“ครับผม” ยิ้ม
(ห้องฉุกเฉิน= Emergency room หรือ ER [อีอา])
ผมค่อยๆเปิดประตูห้องของพี่ธาร มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าจะไม่มีคนมาเห็นก่อนขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนของผม เมื่อคืนผมจำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไร หลังจากที่เรานั่งคุยกันที่ริมสระน้ำ ผมก็มานอนที่ห้อง เพียงแต่ห้องที่ผมนอนมันไม่ใช่ห้องของผมเอง
เมื่อถึงห้องพักของผม ผมค่อยๆแง้มประตู เผื่อไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนไอ้ดิวมันถ้ามันกำลังนอนอยู่ แต่ความปรารถนาดีของผมกับผิดคาด ไอ้ดิวมันตื่นแล้วมันกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะของมัน ดูหนังทางอินเทอร์เน็ต ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง สายตามันกลับจับจ้องมองมาที่ผมทันที
“เมื่อคืนมึงไปนอนที่ไหนมา”
ประโยคคำถามของมันทำเอาผมไปไม่เป็นเลย ได้แต่ทำตัวแข็งทื่อ ยืนนิ่ง ก่อนจะพูดเปลี่ยนประเด็น
“วันนี้มึงไม่ไปซ้อมลีดหรอ” ผมพยายามถามมันเบาๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประโยคคำถามก่อนหน้านี้ แต่คงเป็นที่รู้กันดี ความเป็นนักสืบในสายเลือดของไอ้ดิวที่สอดรู้สอดเห็นในทุกๆเรื่องไม่ยอมละจากคำถามแรกของมันอย่างแน่นอน
“มึงแหกตาดูเวลา ดูแสงแดดบ้าง ตอนนี้เวลาบ่ายสองแล้ว วันนี้ซ้อมลีดเลิกเที่ยง”
“หะ” ผมได้แต่อุทานเสียงดังใส่มัน ใช่ ผมไม่รู้เวลาเลยว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผมออกจากบ้านมา ผมก็ไม่รู้เลยว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไรแล้ว มือถือผมก็ดันลืมไว้อยู่บ้าน
“พอ อย่าเปลี่ยนเรื่อง ตอบคำถามกูมา เมื่อคืนมึงไปนอนที่ไหนมา”
“หะ ห้องพี่ธาร” คำตอบของผมไม่ได้ทำให้คนที่ถามคำถามนั้นตกใจอะไร แต่กลับอมยิ้มออกมา
“มึงได้ป้องกันหรือเปล่า”
“ไอ้สัส ทะลึ่งแหละ” ผมได้แต่ด่ามันกับความคิดบ้าบอๆของมัน เมื่อคืนเราไม่ได้มีอะไรกันถึงขั้นขนาดนั้น เพียงแค่ผมนอนในอ้อมกอดของพี่ธารเท่านั้นเอง
“เมื่อเช้าแม่มึงมา ฝากของมาให้มึง อยู่บนโต๊ะมึงอ่ะ”
ผมมองไปยังโต๊ะอ่านหนังสือของผม มันมีสมุดไดอารี่ของผมวางอยู่ พร้อมแฟ้มใสๆที่ภายในมีกระดาษของสมุดที่ถูกฉีก ผมค่อยหยิบแฟ้มนั้นขึ้นมาดู กระดาษเหล่านั้นคือ ไดอารี่ของป่านที่ผมเขียนไว้ ผมนึกได้แล้ว ผมได้ทำสิ่งที่แย่ที่สุดกับคนที่ผมรักไป ผมจึงตัดสินใจหยิบมือถือเพื่อโทรกลับไปหาแม่
“ฮาโหล” ผมไม่ต้องรอนาน ปลายสายก็รับพร้อมเสียงของแม่ที่ดูดีใจ
“แม่ครับ ผมขอโทษนะครับ ผมขอโทษจริง”
ผมไม่ได้มีคำพูดอะไรนอกจากคำว่าขอโทษกับสิ่งที่ผมทำลงไป มันเกินจะให้อภัยจริงๆ กับความงี่เงาของผมที่หนีปัญหา
“ไม่เป็นไรลูก อย่าคิดมาก แม่ผิดเอง”
เสียงตอบของแม่ผมทำให้ผมน้ำตาไหล ผมพยายามไม่อยากจะร้องไห้เสียงดัง ไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงความอ่อนแอของผมตอนนี้
“ไว้เจอกันนะลูก มีอะไรโทรหาแม่ได้เสมอ จะสอบมิดเทอมแล้ว ตั้งใจอ่านหนังสือนะ”
“ครับแม่ ไว้เจอกันครับ”
อย่างน้อยตอนนี้ มันทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่สำคัญในชีวิต มันไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวเราเลย
แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา อยู่กับเราเสมอมา นั้นคือ... ‘ครอบครัว...’

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา