Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.
14 ตอน
0 วิจารณ์
13.00K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) Trap Demons : 04
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4
ฉันมองดูปักษานัวเนียอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูกเหมือนกันตอนนี้ความรู้สึกของฉันที่มีต่อปักษาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเราจะเลิกกันไปแล้วก็ตามฉันก็ยังรู้สึกรักเขาอยู่ดีซึ่งฉันก็พยายามตัดใจจากเขาแล้วแต่พอมาเห็นเขาอย่างนี้แล้วหัวใจเจ้ากรรมฉันก็ดันไปเต้นแรงกับผู้ชายคนนี้อยู่ พอซะทีกับความรู้สึกโง่ๆ แบบนี้ของเธอวาโย
“เลิกโง่สักทีวาโย”
ฉันพูดบอกตัวเองเสียงเบาแล้วสายตาของฉันก็ดันไปบังเอิญสบเข้ากับสายตาที่มีแต่ความเจ้าเล่ห์ของปักษา แล้วตอนนี้เขาก็กำลังมองมาที่ที่ฉันยืนอยู่ สายตาของเขามองมาที่ฉันทั้งๆ ที่เขากอดกับผู้หญิงอื่นอยู่ ผู้ชายคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่น่ะ
ฉันล่ะสายตาไปจากปักษาเพราะว่าถึงคิวที่ฉันจะเข้าห้องน้ำพอดี เขาคงจำฉันไม่ได้หรอกเพราะปกติเขาไม่เคยเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้ ฉันคิดได้แค่นั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ฉันทำธุระอยู่ประมาณสิบห้านาทีได้ก็ออกมาข้างนอกห้องน้ำ แต่สิ่งทำให้ฉันต้องตกใจขึ้นมาคือ ปักษายังยืนอยู่ตำแหน่งเดิมแต่ข้างกายเขาไม่มีผู้หญิงอยู่ด้วย ตอนนี้เขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่อย่างใจเย็นแต่ตาของเขากลับจ้องมองมาทางที่ฉันยืนอยู่
ฉันเลยทำเป็นไม่สนใจเขาแล้วเดินออกมาให้ห่างจากตรงที่เขายืนอยู่ แต่แล้วแขนฉันก็โดนกระชากกลับไปอยู่ที่เดิม ฉันหันกลับไปมองดูว่าใครกระชากแขนฉันไว้ พอหันกลับไปฉันก็ถึงกลับต้องเบิกตากว้างเพราะความตกใจ
“ปักษา”
ฉันอุทานออกมาเสียงเบา เมื่อกี้เขายังอยู่ตรงนั้นอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่ตรงนี้ได้กันน่ะ
“หึ ใช่เธอจริงๆ สิน่ะ วาโย”
ปักษากล่าวแล้วยิ้มเย็นๆ ให้ฉัน พร้อมกับไล่สายตามองฉันอย่างจาบจ้วงแต่สายตาเขากลับมาหยุดที่หน้าอกฉัน หมอนี่หยาบคายจริงๆ
“ใช่ฉันแล้วไง”
ฉันตอบกลับแล้วจ้องหน้าเขานิ่ง พร้อมกับแกะมือปักษาที่จับแขนฉันไว้อยู่ออก
“ก็ไม่แล้วไง ก็แค่มาทักทายคนเคยรู้จัก”
“งั้นเหรอ ทักทายเสร็จแล้วก็ไปสิ”
ฉันเอ่ยปากไล่เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาอีกแล้ว
“อย่าใจดำไปหน่อยเลยวาโย”
ปักษาพูดแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ ฉัน ฉันเลยถอยออกห่างจากปักษาให้มากกว่าเดิมเพราะการอยู่ใกล้เขานั้นมันไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย
“ถอยไปห่างๆ ปักษา”
ฉันบอกเสียงเข้มแล้วขยับออกจากปักษาให้ห่างกว่าเดิมอีก แต่ที่นี่คือผับและข้างหลังฉันก็มีผู้คนเต้นเบียดกันไปมา พื้นที่ที่จะยืน ยังจะไม่มี
“อ่ะ”
ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อร่างของฉันถูกใครก็ไม่รู้เดินมาชน แต่ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นร่างกายฉันตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของปักษา และลมหายใจร้อนๆ ของเขากำลังเป่ารดใบหน้าฉันอยู่
“ปล่อยฉัน”
ฉันบอกแล้วยื่นหน้าของตัวเองออกให้ห่างจากหน้าของปักษา เพราะตอนนี้มันอยู่ใกล้จนฉันแทบจะไม่กล้าที่จะหายใจ
“ตัวเธอนิ่มดีน่ะ รู้อย่างนี้ไม่เลิกหรอก”
ปักษาพูดออกมาอย่างเอาแต่ใจ ตอนที่เราคบกันอยู่เขาไม่คิดที่จะแตะตัวฉันเลยสักครั้ง เพราะเรากำลังเล่นเกมกันอยู่ยังไงล่ะ และคนอย่างเขาก็อยากเอาชนะฉันอยู่ตลอด
“พูดอะไรบ้าๆ”
“ไม่บ้าน่ะวาโย เราไปสนุกกันซักคืนไหม”
ผู้ชายอย่างปักษานี่มันน่าขยะแขยงจริงๆ วันๆ คิดได้แต่เรื่องพรรณนี้ ฉันไม่น่าไปหลงรักคนอย่างหมอนี่เลย
“นายมันทุเรศ”
ฉันพูดแล้วผลักปักษาออกไปด้วยแรงที่มีแต่หมอนี่มันมือปลาหมึกเขาเล่นกอดฉันไว้ซะแน่นจนฉันดิ้นแทบไม่ได้ แล้วสายตาฉันก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของเมืองเหนือที่ดูเหมือนขากำลังตามหาฉันอยู่เพราะฉันออกมานานแล้ว
“เหนือ เหนือ”
ฉันตะโกนเรียกเมืองเหนือเสียงดัง
“ร้องเรียกผู้ชายคนอื่นทั้งที่ฉันกอดเธออยู่ เธอนี่มันจริงๆ น่ะ”
ปักษากระซิบข้างหูฉันเสียงเย็น พอดีกับเมืองเหนือหันมาเห็นฉันพอดี เขากำลังเดินมาทางที่ฉันยืนอยู่แล้วปักษาก็ปล่อยฉันที่รัดฉันไว้แน่นออกแล้วเขาก็เดินหายจากไป
“อยู่นี่นี่เอง เป็นไรไหม”
เมืองเหนือคงไม่ทันที่จะสังเกตเห็นปักษา ดีแล้วล่ะ ถ้าเมืองเหนือเห็นก็มีเรื่องกันขึ้นมาอีก
“เปล่าแค่หลงทางนะ”
ฉันบอกแล้วยิ้มให้เมืองเหนือ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกเขาน่ะ มันจำเป็นจริงๆ
“ดีแล้ว”
แล้วเมืองเหนือก็โอบไหล่ฉันไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ฉันหายไปอีก เฮ้อ นี่มันวันอะไรของฉันกันน่ะ
Paksa Talk
ผมมองดูผู้หญิงที่เคยเป็นแฟนเก่าของผมเดินไปกับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน บอกเลยผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เลยสักอย่าง เรามาเป็นแฟนกันได้เพราะเธอท้าพนันผม ผมก็เล่นไปตามน้ำเพราะคนอย่างผมมันท้าไม่ได้ และแล้วการพนันโง่ๆ นั้นก็จบลงโดยมีผมเป็นฝ่ายชนะ ผมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองชนะไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม แรกๆ มันก็สนุกอยู่หรอกที่เห็นผู้หญิงคนนี้ต้องร้องไห้ทุกครั้งตอนที่ผมไปนอนกับคนอื่น แต่พักหลังมานี่เธอกลับเย็นชากว่าที่คิด เธอไม่ร้องไห้ ไม่พูด ไม่ต่อว่าผมเหมือนอย่างเช่นที่เธอเคยทำ แต่เธอกลับทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือเธอบอกเลิกผม เธอเป็นฝ่ายแพ้ ผมควรที่จะดีใจใช่ไหม แต่เปล่าเลยผมไม่มีความรู้สึกนั่นสักนิด กลับตรงข้ามกันเหมือนผมเป็นคนแพ้เองเสียมากกว่า
วันนี้ผมก็มาผับของไอ้ราพณ์ เหมือนอย่างเช่นทุกวัน แต่ที่ทำให้วันนี้ไม่ปกติก็คือ วาโย เธอมาปรากฏตัวให้เห็นหลังจากที่เราเลิกกันไปแล้วสามอาทิตย์ บอกเลยผมเห็นเธอครั้งแรกผมจำเธอไม่ได้แต่แววตาที่ไม่ยอมใครของเธอนั้นมันกลับทำให้ผมจำเธอได้ วันนี้เธอทำให้ผมประหลาดใจมากผมเคยเห็นเธอลุคนี้มาก่อน ปกติเธอจะเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีใบหน้าที่สวยกว่าใคร วันๆ เอาแต่ร้องไห้หึงหวงผม แต่วันนี้เธอไม่ใช่วาโยคนเดิมที่ผมเคยรู้จักอีกแล้ว
ตอนนี้ผมได้แต่หงุดหงิดไม่รู้ว่าเพราะอะไร พักหลังที่ผมคบกับเธอนั้นมีแต่คนสนใจเธอจนออกหน้าออกตาจนมันทำให้ผมหงุดหงิดแปลก โดยเฉพาะเวลาที่มีผู้ชายอยู่กับเธอแล้วผมยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม
“เป็นบ้าอะไรของมึง”
ไอ้ไตรทศทักขึ้นหลังจากที่เห็นผมเดินเข้ามา มันคงสังเกตเห็นว่าผมทำสีหน้าแบบไหนอยู่มันเลยถาม
“ก็ไม่เป็นไรปกติดี”
ผมตอบแล้วกรอกน้ำสีอำพันเข้าปาก
“ปกติเหี้ยอะไรของมึง หน้ามึงนี่ยุ่งเชียว”
ไอ้ไตรทศยังคงเซ้าซี้ถาม แต่แล้วไอ้ราพณ์ผู้เป็นเจ้าของผับก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“เหี้ย พวกมึงต้องไม่เชื่อแน่ว่ากูไปเห็นอะไรมา”
ไอ้ราพณ์พูดออกมาด้วยความแตกตื่น และไอ้ความแตกตื่นของมันนี่ก็ทำให้พวกผมลุ้นไปด้วยว่ามันไปเห็นอะไรมา
“อะไรของมึงหน้าตาตื่นเชียว”
ไอ้ไตรทศถามเพราะความอยากรู้อยากเห็นของมันนั้นเป็นที่หนึ่งเลยละ
“กูเห็นวาโย”
คำพูดของไอ้ราพณ์ที่พูดออกมาทำให้ผมที่นั่งดื่มอยู่ต้องหันไปมองหน้ามัน
“วาโย ใครว่ะ”
“ก็คนที่หักอกไอ้ปักษาไง”
คำที่ไอ้ราพณ์พูดออกมามันทำให้ผมแทบสำลักเหล้าที่พึ่งกลืนเข้าไปออกมา ไอ้นี่ก็พูดมากวาโยไม่ได้หักอกผมซะหน่อย เธอแค่ชิงบอกเลิกก่อนผมเองก็เท่านั้น ปกติแล้วผู้ชายที่นิสัยแบบผมควรต้องเป็นฝ่ายบอกเลิกผู้หญิงก่อนใช่ไหมล่ะ แต่วาโยเธอเป็นคนแรกที่บอกเลิกผม ถึงเราจะอยู่ในเกมกันก็เถอะ
“อ่อ คนนั้นเอง”
“เงียบไปเลยพวกมึง”
ผมเลยหันไปตะคอกพวกมันด้วยความหงุดหงิดแทน พวกนี้พอรู้ว่าผมเลิกกันกับวาโยแล้วก็พากันล้อผมกันใหญ่ มันน่าตลกกันหรือไงที่โดนผู้หญิงบอกเลิก
“แล้วไงว่ะ”
ใช่ว่าพวกมันจะเงียบตามที่ผมบอก ผมมันกับผมกันโดยไม่สนใจคนที่นั่งหัวโด่อยู่อย่างผมเลย
“เธอมากับผู้ชายโว๊ย”
ไอ้ราพณ์ยังคงพูดอยู่อย่างสนุกปาก
“เพื่อนมั้ง”
“เพื่อนที่ไหนเขาหอมแก้มกันว่ะ”
“เออว่ะ แฟนใหม่แน่ๆ เฮ้ย ปักษาไปไหนว่ะ”
ทันทีที่ผมได้ยินคำว่าหอมแก้มผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งที่นั่งอยู่แล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนเลย อารมณ์หงุดหงิดที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนมันกำลังไหลเข้ามาในตัวผมทะลัก จนแทบผมเก็บกั้นเอาไว้ไม่อยู่ งานนี้เธอต้องชดใช้ วาโย
ตอนนี้ผมคิดได้แค่ว่ามันเป็นความผิดของเธอที่มาปรากฏตัวให้ผมเห็นหลังจากที่หายไปนาน แค่เห็นหน้าเธอผมก็หงุดหงิดแล้วแต่นี่ผมกลับเห็นเธอกำลังเต้นอยู่ข้างผู้ชายมากหน้าหลายตา ผู้หญิงคนนี้จริงๆ แล้วเป็นแบบนี้ซิน่ะ
“หึ”
ผมยิ้มอย่างสมเพชให้กับวาโยแต่เธอคงไม่เห็นรอยยิ้มนี้หรอกเพราะว่าที่ที่เธอยืนอยู่นั้นไม่สามารถมองเห็นผมได้ แต่ผมเห็นเธอชัดเลยล่ะ ผมค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว และแล้วผมก็ประชิดตัวเธอในที่สุด กลิ่นหอมที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเธอลอยมาเตะจมูกผมมันทำให้ผมคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่คอยมีเธอคอยตามตอแย
Vayo Talk
หลังจากที่ฉันดื่มได้ไม่นานอาการมึนๆ ก็เข้ามาแทนที่ พร้อมกับดนตรีมันๆ ในผับที่เริ่มกระหน่ำเปิดอย่างเร้าใจทำให้ฉันหยุดร่างกายตัวเองไว้ไม่ไหว
“เฮ้ ไปเต้นกัน”
ฉันเอ่ยปากชวนหนุ่มๆ ที่นั่งรวมโต๊ะก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็สี่สหายของฉันยังไงละ
“เอางั้นเหรอ”
“อือ”
แล้วพวกเราก็มาเต้นกันโดยมีเจ้าพ่อมาเฟียนาวาเป็นคนนั่งเฝ้าโต๊ะถ้าหมอนั่นเต้นมีหวังโลกแตกแน่ๆ แค่คิดก็สยองแล้ว
“เธอเมาแล้วน่ะวาโย”
เมืองเหนือที่เต้นอยู่ข้างๆ ฉันก้มมากระซิบข้างหู
“ก็ใครละ มอมฉัน ถ้าไม่ใช่พวกนาย”
“ฮ่าๆ”
ฉันพูดแค่นั้นพวกนั้นก็พร้อมใจกันหัวเราะฉันอย่างสนุก เพราะที่ฉันมึนเร็วขนาดนี้ก็เพราะพวกเขาแหละที่รุมแกล้งฉัน เวลาฉันเมายิ่งไม่เหมือนคนอื่นอีก อยากให้แม่ฉันออกมาหรือไง
“อ่ะ”
ฉันอุทานออกมาเสียงเบาเหมือนร่างกายของฉันตอนนี้กำลังถูกลวนลามจากคนที่เต้นอยู่ข้างหลังฉัน ฉันมองหน้าเพื่อนๆ ฉันที่เต้นอยู่ด้านหน้าเพื่อดูว่าหนึ่งในนี้มีใครแกล้งฉันไหม แต่เปล่าเลยพวกเขากำลังสนุกกันอยู่โดยไม่มีใครอยู่ใกล้ฉันเลย
มือปริศนากำลังไต่อยู่บนหน้าท้องฉันอย่างจาบจ้วงฉันยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับตัวไปไหน มองดูเพื่อตัวเองเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือแต่ทุกคนไม่หันมาทางฉันสักคน ถ้าตะโกนบอกเดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่อีก ฉันเลยพยายามจับมือปริศนานั่นไว้เพื่อไม่ให้มันรุกล้ำไปมากกว่านี้
“ปล่อยน่ะ”
ฉันบอกเสียงเย็น แต่คนด้านหลังฉันกลับไม่ทำตามที่ฉันบอกมือของเขากำลังกอดรัดฉันไว้แน่นจนฉันขยับตัวไม่ได้ พร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ ที่มีกลิ่นบุหรี่ลอยปะปนจางๆ ที่กำลังเป่ารดต้นคอฉันอยู่
“เธอชอบไม่ใช่เหรอ”
เสียงนี่มัน
“ปักษา”
ฉันอุทานชื่อนั้นออกมาพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ดีใจจัง จำฉันได้ด้วย”
ปักษากระซิบข้างหูฉันพร้อมกับก้มลงมาใกล้ซอกคอฉันมากขึ้นกว่าเดิม หมอนี่กำลังลวนลามฉัน
“ก็ไม่ได้อยากจะจำหรอก”
ฉันกล่าวเสียงเรียบแล้วพยายามแกะมือปักษาออกจากหน้าท้องฉัน แต่การพยายามครั้งนี้ก็ล้มเหลวเหมือนกับครั้งที่แล้ว ปักษากลับกอดฉันไว้แน่นไปกว่าเดิมจนฉันรู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
“งั้นเหรอ”
“ถอยออกไปห่างๆ ฉัน”
“ไม่อ่ะ กำลังได้ที”
ฉันจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี ชุดที่ฉันใส่วันนี้เหมือนจะช่วยให้ปักษาแตะเนื้อต้องตัวฉันได้มากกว่าเดิมอีกรู้งี้ไม่ใส่มาดีกว่า
“นี่นายต้องการอะไร”
ฉันถามแล้วหยุดการต่อต้านทุกอย่างเพราะห้ามไปผู้ชายอย่างเขาก็ทำอยู่ดี ห้ามไปก็ทำให้เหนื่อยเสียเปล่าๆ
“ไม่ห้ามแล้วเหรอ”
ปักษาหยุดกอดรัดฉันแล้วคลายอ้อมกอดเขาออกแต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยฉันออกจากอ้อมกอดของเขาอยู่ดี ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าฉันยืนให้ปักษากอดจากทางด้านหลังมันเป็นท่าที่โรแมนติกถ้าคนอื่นมองแต่ใครจะรู้ว่านี่เป็นการบังคับกอด
“ห้ามไปนายก็ทำอยู่ดี”
ฉันบอกเสียงเรียบพยายามบังคับไม่ให้ใจของตัวเองหวั่นไหวไปกับเขา
“เธอนี่รู้ใจฉันจริง”
ปักษาพูดแล้วกดริมฝีปากของเขาแนบลงบนลำคอของฉัน สัมผัสนี่มันทำให้ขนฉันลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่เมื่อริมฝีปากร้อนๆ แนบลงมาฉันก็เริ่มดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขาทันที
“ทำบ้าอะไรของนาย”
แต่ใช่ว่าฉันจะดิ้นออกมาได้ มือของปักษาเหมือนกับหนวดปลาหมึกดิ้นยังไงก็ไม่หลุดออกมาอยู่ดี
“ก็แค่ปากมันไปโดนเอง แค่นั้น”
ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังแสดงสีหน้ายังไงตอนนี้ ถ้าให้เดาเขาคงกำลังตีหน้ามึนใส่ฉันอยู่ ฉันรู้ว่าที่เขาทำไปเมื่อกี้มันตั้งใจทำชัดๆ
“ฉันรู้ว่านายตั้งใจปักษา”
“รู้แล้วยังถาม”
ขอร้องละตอนนี้ใครก็ได้เอาหมอนี่ออกไปให้ห่างๆ ฉันเสียที ฉันทนไม่ไหวแล้วน่ะ เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรทั้งๆ ที่เรานั้นก็เลิกกันไปนายแล้ว ฉันไม่เข้าใจเขาจริงๆ ไม่เข้าใจจริงๆ ปักษาว่านายรู้สึกยังไงกันแน่
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ