Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.
14 ตอน
0 วิจารณ์
12.95K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Trap Demons : 03
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ3
“เย็นนี้ว่างป่ะวาโย”
เจ้าทัพถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งข้างๆ มหาลัยที่นี่เป็นร้ายเล็กๆ ไม่ค่อยมีคนมากเท่าไหร่แต่เรื่องรสชาติอาหารและบรรยากาศบอกเลยว่าโดนใจสุดๆ ร้านนี้เลยเป็นร้านประจำของพวกฉันไปโดยไม่ต้องสงสัย
“อื่อ ว่างทำไม”
ฉันมองหน้าเจ้าทัพด้วยความสงสัยเพราะว่าปกติหมอนี่ไม่ค่อยจะชวนฉันไปไหนซักเท่าไหร่เพราะว่าเวลาฉันเดินไปด้วยทีไรผู้หญิงมันหายทุกทีไง เขาเลยหาว่าฉันเป็นคนไล่ผู้หญิงเขาไป ซึ่งจริงๆ แล้วฉันไม่ได้ทำอะไรสักนิด
“นี่แกล้งลืมหรือว่ายังไง”
เจ้าทัพพูดแล้วกอดอกมองหน้าฉันด้วยท่าทางงอนๆ อะไรของหมอนี่กัน เขากำลังจะสื่ออะไรให้ฉันรู้เนี่ย
“อะไรก็พูดมาดิ”
ใช่ว่าเขาจะหงุดหงิดเป็นคนเดียวหรือไงฉันก็หงุดหงิดเป็นน่ะไม่พูดอะไรออกมาซะที
“วันนี้วันเกิดฉัน”
และแล้วเจ้าทัพก็เปิดปากพูดออกมา อ้าว วันนี้วันเกิดเจ้าทัพหรือฉันลืมไปสนิทเลย ว่าแล้วทำไมวันนี้หมอนี้มาเซ้าซี้ฉันตลอดทั้งวัน แล้วตอนนี้ก็นั่งงอนฉันไปเรียบร้อยแล้ว
“อ่ะ ขอโทษฉันลืม”
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะลืมวันเกิดของเจ้าทัพจริงๆ น่ะ พอดีมีเรื่องของปักษาเขามาฉันก็เลยลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย
“ไม่รู้แหละยังไงคืนนี้เธอต้องมาปาร์ตี้วันเกิดฉันเป็นการไถ่โทษ”
เจ้าทัพยื่นข้อเสนอ
“ปาร์ตี้วันเกิดเหรอ ได้ๆ”
ฉันตอบตกลงไปเจ้าทัพที่นั่งหน้าบึ้งอยู่เลยยิ้มออกมา พักหลังมานี่ฉันไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวซักเท่าไหร่ ยังไงวันนี้ก็ขอละกัน
“รับอะไรเพิ่มอีกไหม”
เสียงของ เกรย์ เอ่ยขึ้นเขาเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ ฉันกับเขาก็พอที่จะรู้จักกันบ้างเพราะว่าพวกฉันก็มาที่นี่กันบ่อย เกรย์นี่ก็เก่งเนอะอายุแค่นี้ก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว
“ไม่ล่ะ ขอบใจน่ะ”
ฉันตอบแล้วก็ยิ้มให้
“เออ วาโยฉันฝากนี่ไปให้ไอ้ปักษาหน่อยสิ มันลืมไว้”
ทันทีที่เกรย์เอ่ยชื่อนั้นออกมารอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าฉันก็หายไป เขายังไม่รู้สิน่ะว่าฉันเลิกกับปักษาแล้ว
“ฉันเลิกกับปักษาแล้วละ”
ฉันตอบไปแล้วส่งยิ้มให้เกรย์
“เฮ้ย ขอโทษน่ะ ไม่รู้จริงๆ”
ทันทีที่เกรย์ได้ยินในสิ่งที่ฉันได้บอกไป เขาก็รีบกล่าวขอโทษฉันทันที ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้โกรธอะไรรู้อยู่แล้วละว่าคนที่รู้เรื่องนี้ต้องตกใจกันอยู่แล้ว
“อือ ไม่เป็นไร”
ฉันกล่าวแล้วเกรย์ก็ส่งยิ้มมาเพื่อขอโทษอีกครั้งแล้วก็เดินไปทำงานต่อ แต่พอฉันหันกลับมาสนใจที่โต๊ะของตัวเองฉันก็โดนจ้องด้วยสายตาของเทวา เจ้าทัพแล้วก็นาวาที่กำลังมองฉันด้วยสายตาสงสัยอยู่
“อะ อะไรของพวกนาย”
พอฉันโดนจ้องแบบนี้ก็ตกใจเหมือนกันน่ะ
“สารภาพออกมาให้หมด”
เทวากล่าวแล้วจ้องฉันเขม่ง เฮ้อ จริงสิพวกนี้ยังไม่รู้ว่าฉันเลิกกันกับปักษาแล้ว มีแต่เมืองเหนือคนเดียวเท่านั้นแหละที่รู้ แต่ที่ผ่านๆ มาเหล่าบรรดาผู้ชายสี่คนนี้ก็ไม่ได้สนับสนุนให้ฉันคบกับปักษาอยู่แล้ว พวกนี้เป็นฝ่ายค้านมาตลอดแต่คนอย่างฉันก็ไม่เคยฟังสักครั้ง โง่จริงๆ ฉัน
“ก็เลิกกันแล้วแค่นั้น”
ฉันพูดแล้วก็มองไปทางอื่น
“นานแค่ไหน”
นาวาถามเสียงเข้ม
“สามอาทิตย์แล้ว”
ฉันทำอะไรผิดเหรอที่ต้องมาสารภาพบาปกับผู้ชายพวกนี้ด้วย
“แล้วพึ่งบอก”
เจ้าทัพเสริม
“ฉันขอโทษ”
ฉันพูดแล้วก็ทำหน้าสำนึกผิดออกมา พร้อมกับก้มหน้าลงบนโต๊ะเพราะตอนนี้ฉันไม่กล่าที่จะสบตากับพวกเขาจริงๆ
“อือ ดีแล้วละที่เลิกกับมัน”
นาวาพูดแล้วก็ยิ้มให้ฉันแล้วเขาก็เอื้อมมือมาจับมือฉันไว้เพื่อให้กำลังใจแล้วทุกคนก็ทำตามเขา ดีจริงๆ ที่ฉันยังมีเพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ
“แล้วนี่มึงรู้นานแล้ว”
เจ้าทัพหันไปถามเมืองเหนือที่นั่งทานข้าวเงียบๆ อยู่
“อือ รู้แล้วไง”
เมืองเหนือตอบกลับไป แต่คำตอบของเขากำลังทำให้เพื่อนในกลุ่มเดือด เพราะคำตอบที่ดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจที่จะพูดเท่าไหร่มันเหมือนกำลังกวนประสาทพวกเขาอยู่อย่างไรอย่างงั้น
“ไอ้เหี้ยแล้วไม่บอก ปล่อยให้พวกกูโง่ตั้งนาน”
เทวาพูดแล้วจ้องหน้าเมืองเหนืออย่างหงุดหงิด ฉันได้แต่นั่งมองดูพวกเขาแล้วก็ยิ้มไปเพราะภาพตรงหน้ามันช่วยให้ฉันลืมผู้ชายคนนั้นได้
ในเวลาต่อมา
หลังจากที่พึ่งแยกจากเพื่อนจากเพื่อนในกลุ่มได้ในนานฉันต้องออกจากห้องไปอีกแล้ว แต่ห้องที่ว่าก็ยังไม่ใช่ห้องฉันอยู่ดี ตอนนี้ฉันก็ยังอยู่ที่ห้องของเมืองเหนือฉันยังไม่อยากที่จะกลับไปที่ห้องของตัวเองเพราะว่าถ้ากลับไปภาพของผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาวนเวียนในหัว มันทำให้ฉันคิดถึงเขา ไม่สิวาโยเธอต้องไม่คิดถึงผู้ชายคนอีกเด็ดขาด
“เสร็จยัง จะได้ไปซื้อของขวัญให้ไอ้เจ้าทัพอีก”
เมืองเหนือที่ดูเหมือนจะแต่งตัวเสร็จแล้วเดินเข้ามาถามฉันที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องนอน
“ยัง”
ฉันกล่าวออกไปแล้วบรรจงแต่งหน้าอย่างช้าๆ แล้วผู้ชายที่กำลังยืนรอฉันแต่งตัวอยู่นั้นก็คงต้องหงุดหงิดตามนิสัยของเขา ต่อมาเขาคงต้องมายืนบ่นฉันอีกแน่
“จะแต่งอะไรกันนักกันหนา”
คิดแล้วไม่มีผิดหมอนี่กำลังจะเริ่มบ่นแล้วไง
“ฉันก็ผู้หญิงน่ะ”
ฉันก็ทนไม่ได้ที่จะต้องหันไปเถียงเมืองเหนืออยู่ดี
“ก็ต้องมีบ้าง”
ฉันกล่าวเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ฉันใช้เวลาไม่นานก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชุดสุดแสนจะเซ็กซี่ที่อยู่บนตัวฉัน นานๆ ครั้งฉันถึงจะได้ออกไปเที่ยวแบบนี้สักทีระหว่างที่ฉันคบกับปักษาฉันก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนซักเท่าไหร่ แต่ก็ไปบ้างเห็นฉันโง่ที่ทนรักอยู่กับปักษาอยู่นั้นฉันก็ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอ เรียบร้อย เที่ยวไม่เป็นน่ะ แต่ฉันตรงข้ามกับของพวกนั้นทุกอย่าง
“ไม่ใส่ดีกว่าไหม”
เมืองเหนือที่ยีนรออยู่ก็บ่นออกมาอีกครั้ง หมอนี่เป็นเพื่อนหรือพ่อฉันกันแน่เนี้ย แค่แต่งตัวปิดนิดเปิดหน่อย คนเขาใส่กันเยอะแยะ ทำเป็นบ่น
“เอางั้นเหรอ”
ฉันก็แกล้งแหย่ไปก็เท่านั้น ใครมันจะกล้าที่จะเดินโดยไม่ใส่เสื้อผ้ากันละ
“เธอจะกล้าเดินไหมล่ะ”
“ล้อเล่นน่า ไปกันเถอะน่ะเดี๋ยวสาย”
ฉันพูดเสร็จก็เดินหัวเราะออกไปด้วยความชอบใจ
ณ Live club
กว่าฉันกับเมืองเหนือจะมาถึงผับได้ก็เล่นเอาซะดึก เพราะว่าพวกเรามัวแต่ไปเลือกของขวัญให้เจ้าทัพอยู่แต่กว่าจะเลือกได้เวลามันก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว เมืองเหนือจะเป็นคนที่คอยขับรถรับส่งฉันมาตลอดตั้งแต่ที่รู้จักกันมา พวกเราเลยตัวติดกันนิดหน่อย ตอนนี้ฉันก็เดินเข้าผับมาพร้อมกันกับเมืองเหนือทันทีที่เข้ามาภายในผับเราทั้งสองคนก็ตกเป็นที่สนใจของคนภายในผับทันทีไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือว่าพวกฉันเป็นพวกแปลกหน้าที่พึ่งมา และผับนี้ฉันพึ่งเคยมาเป็นครั้งแรกเพราะปกติแล้วพวกฉันจะไปอีกผับหนึ่งแต่วันนี้ไม่รู้ว่าเจ้าทัพคึกอะไรชวนมาที่นี่แทน
“มาสักทีนึกว่าไม่มา”
ทันทีที่เดินมาถึงที่ที่เจ้าทัพนัดหมาย พวกฉันก็ถูกทักขึ้นทันที
“ทำไมไม่ไปผับเดิมว่ะ หาพวกมึงยากชิบ”
เมืองเหนือบ่นทันทีที่เดินมาถึง ก็ถูกของเมืองเหนือกว่าจะหาพวกนี้ได้เจอก็เล่นเอาซะพวกฉันเดินหลงไปรอบหนึ่ง
“เปลี่ยนบรรยากาศโว๊ย เป็นไงโอเคไหม”
“ก็โอ”
บรรยากาศที่นี่เหมาะแก่การปลดปล่อยทุกข์มาก แต่ส่วนรวมที่นี่พอใช้ได้ น่าสนุกดี
“อ่ะ แฮปปี้เบิร์ดเดย์”
ฉันพูดแล้วยื่นกล่องของขวัญขนาดพอดีมือที่ถูกห่ออย่างบรรจงให้กับเจ้าทัพ ทันทีที่หมอนั่นเห็นฉันยื่นของขวัญให้ก็ฉีกยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ อะไรจะดีใจขนาดนั้น
“ขอบคุณน่ะ ไม่เห็นต้องให้เลย”
เจ้าทัพพูดอย่างเกรงใจ แต่มือของเขากลับกำลังแกะของขวัญอย่างตื่นเต้นอยู่ พวกปากไม่ตรงกับใจ
“งั้นเอาคืน”
“โห่ อยากได้พอดีเลย ขอบคุณน่ะ วาโย”
ทันทีที่เจ้าทัพเห็นของขวัญที่ฉันให้เขาก็อุทานออกมาด้วยความดีใจเพราะสิ่งที่ฉันให้คือนาฬิกาข้อมือยี่ห้อหรูที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด และฉันก็รู้ว่าเจ้าทัพกำลังอยากได้มัน แต่เจ้าทัพไม่ใช่แค่เพียงขอบคุณเท่านั้นเขากลับดึงฉันไปหอมแก้มฟอดหนึ่งเพื่อตอบแทนสิ่งที่ฉันให้ไป
“ทำไรของนาย อี๋ ขนลุก”
ฉันยืนลูบแก้มตัวเองไปพร้อมกับชี้หน้าบ่นเจ้าทัพอย่างหงุดหงิด หมอนี่เล่นเป็นเด็กไปได้ เดี๋ยวฉันก็โดนแฟนคลับเขาเข้าใจผิดอีกหรอก ดูดิจ้องหน้าฉันเขม่งอยู่เนี่ย
“ทำอย่างกับไม่เคย”
เจ้าทัพแหย่
“ขอหอมบ้างดิ วาโย”
เทวาที่ยืนดูพวกเราอยู่ก็เข้ามาประชิดตัวฉัน แต่ก่อนที่ฉันจะโดนเทวาหอมแก้มเทวาก็โดนผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันลากออกไปก่อน จะใครล่ะ เจ้าพ่อมาเฟียของเราไง นาวา
“ไอ้นาวาขัดกูตลอด”
เทวาบ่นทั้งๆ ที่ตัวเขาก็โดนนาวากันไว้อยู่
“ก็มึงมากไป”
นาวาพูดแค่นั้นก็ชัดเจนสำหรับเทวา ใครกันจะไปกล้าหือกับเจ้าพ่อมาเฟีย
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนน่ะ”
ฉันบอกเพื่อนๆ ก่อนที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำ
“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม”
เมืองเหนือถาม ฉันส่ายหน้าแล้วก็เดินออกมากว่าจะฝ่าฝูงของผู้คนที่เต้นเบียดกันในผับมาได้ก็เล่นเอาซะฉันเหงื่อตกกันเลยทีเดียว แต่พอมาถึงห้องน้ำฉันก็ต้องต่อคิวเพื่อเข้าห้องน้ำอีก ผับนี่คนเยอะจริงๆ เลยสงสัยที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจแน่เพราะไม่งั้นที่แห่งนี้ไม่เป็นที่นิยมหรอก ฉันได้แต่มองดูรอบๆ พับไปพลางๆ ขณะที่รอเข้าห้องน้ำแต่สายตาเจ้ากรรมฉันดันไปปะทะเข้ากับสิ่งที่ไม่น่ามองเข้า
“เฮ้อ เสียสายตาจริงๆ”
ฉันบ่นพึมพำขณะที่มองชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มตรงข้างห้องน้ำที่เป็นที่มืดๆ ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่เห็นว่ามีคนกำลังทำอะไรกันอยู่ แต่บังเอิญฉันเป็นคนช่างสังเกตยังไงละ ตามจริงฉันก็จะไม่มองหรอกถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ ปักษา
ผู้แก๊งนี้เขารักเพื่อนมาก
อิจฉาวาโยที่มีเพื่อนแบบนี้
แต่อีปักษาแกทำอะรายยยยยย
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ