Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.
14 ตอน
0 วิจารณ์
12.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) Trap Demons : 12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ12
ตกดึก
ไม่รู้ว่าฉันนอนไปนานแค่ไหนหลังจากที่เลิกเรียนมาแล้วมาทำโปรเจคที่ห้องของเมืองเหนือ พอรู้สึกตัวอีกทีทุกสิ่งรอบตัวฉันตกอยู่ในความมืดไปหมดแล้ว และสิ่งที่ก่อกวนการนอนของฉันตอนนี้คืออาการเจ็บหน่วงๆ ที่ช่องท้องเหมือนมีอะไรมาบีบท้องฉันยังไงยังงั้น อาการแบบนี้ผู้หญิงอย่างเราๆ ก็รู้ดีเลยว่ารอบเดือนมา
“เฮ้อ”
ฉันนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกบนเตียงใหญ่ของเมืองเหนือที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมานอนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่าฉันนอนที่โซฟาที่ห้องนั่งเล่นไม่ใช้เหรอ ถ้าให้เดาน่ะคงมีใครสักคนอุ้มฉันเข้ามานอนในนี้เป็นแน่
ปกติแล้วถ้ารอบเดือนมามันจะเป็นการสร้างความรำคาญให้แก่ฉันเป็นอย่างมาก แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกดีใจที่มันมาเพราะว่าฉันซื้อยาคุมฉุกเฉินมายังไม่ได้กินเลยดีที่รอบเดือนฉันมาตัดหน้าไปก่อน ตอนนี้ฉันเลยเหมือนอีบ้าที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืด
“โอ๊ย ตายล่ะ”
ฉันอุทานขึ้นมาหลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าฉันไม่ได้อยู่ที่ห้องตัวเองแต่นี่เป็นห้องของเมืองเหนือห้องของผู้ชายจะไปมีผ้าอนามัยเหรอ ถ้าจะใช้ให้พวกมันไปซื้อให้ก็คงไม่ได้เพราะตอนนี้ห้องนี้มีแต่ความเงียบ และความเงียบที่ฉันว่านั้นคือถ้าห้องเงียบแสดงว่าพวกนั้นมันไม่อยู่ยังไงล่ะ และฉันก็คงต้องลงไปซื้อเองซิน่ะ
ฉันเดินไปเปิดไฟห้องด้วยความทุลักทุเล พอไฟห้องสว่างฉันก็เหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังและมันกำลังบอกว่าเวลาตอนนี้คือทุ่มครึ่ง ถือว่ายังไม่ดึกเท่าไหร่ที่ฉันจะลงไปซื้อของ ดึกกว่านี้ก็เคยลงไปแล้วแค่นี้จะไปกลัวอะไรถึงตอนนั้นจะไม่ได้ลงไปคนเดียวก็เถอะ ฉันเดินออกจากห้องนอนแต่สายตาฉันก็ไปสะดุดโน๊ตที่แปะไว้ตรงประตูที่เชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นอยู่พอดี ดูเหมือนเพื่อนตัวแสบฉันจะทิ้งโน้ตไว้น่ะ
‘พวกฉันออกไปกินข้าวข้างนอกประมาณสามทุ่มถึงจะกลับ เดียวซื้อข้าวเข้าไปให้เลย เมืองเหนือ’
ฉันอ่านโน้ตเสร็จแล้วก็เอาไปแปะไว้อีกที่หนึ่งเพื่อให้รู้ว่าฉันอ่านแล้ว แต่ตอนนี้ฉันขอไปซื้อผ้าอนามัยก่อนก็แล้วกัน ฉันลงมาถึงข้างล่างคอนโดในสภาพที่ยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่ แต่บริเวณนี้ไม่มีร้านขายของหรือเซเว่นเลย ถ้าจะมีก็ต้องเดินไปอีกซอยหนึ่ง เฮ้อ มีไหลแน่งานนี้ฉัน อย่าพึ่งน่ะคุณประจำเดือนรอก่อนซักแป๊บ
ปักษา Talk
วันนี้เป็นวันอีกวันหนึ่งที่แสนน่าเบื่อของผม พวกเพื่อนตัวดีผมเลยลากผมมาเล่นที่ห้องเมียของไอ้ภูเบศและที่นี่เป็นที่เดียวที่จะมีโอกาสเห็นตัวมันร้อยเปอร์เซ็นต์ ช่วงนี้ไอ้ภูเบศมันกำลังหลงเมีย ไม่ใช่ว่ากำลังซิมันหลงเมียตั้งแต่พวกมันยังไม่ได้เสียกันด้วยซ้ำ และตอนนี้ผมก็อยากมีเมียให้หลงเหมือนมันบ้างแล้วล่ะ แต่เมียผมเหรอ เฮอะ เธอเทผมแล้วล่ะ
“เฮ้ย แยกกันตรงนี้เลยไหมว่ะหรือจะไปต่อที่ผับไอ้ราพณ์”
ไอ้ไตรภพที่ถามขึ้นหลังจากที่เราเดินลงมาถึงหน้าคอนโดเมียของไอ้ภูเบศ
“ไม่ว่ะ กูกลับห้องดีกว่า”
ผมกล่าวปฏิเสธไปไอ้ไตรภพที่ยิ้มหน้าระรื่นอยู่เมื่อก็ทำหน้าหงิกทันทีที่ได้ยินคำตอบ ส่วนไอ้ราพณ์ที่ยืนมองอยู่ก็ไม่พูดอะไร
“ชิ ไม่สนุกเลย”
ไอ้ไตรภพพูดแค่นั้นเป็นประโยคสุดท้ายแล้วสะบัดหน้าขึ้นรถตัวเองไป
“แล้วเจอกันมึง”
“อืม”
ผมกับไอ้ราพณ์ล่ำลากันเสร็จมันก็ขึ้นรถของตัวเองไปแล้วก็ขับตามรถของไอ้ไตรทศออกไปติดๆ ผมว่าจะสูบบุหรี่สักมวลก่อนแล้วค่อยกลับเพราะเมื่อกี้ที่ห้องของเมียไอ้ภูเบศพวกผมดันสูบบุหรี่ไม่ได้เพราะเมียมันแพ้กลิ่นบุหรี่น่ะสิ งานนี้ไอ้ภูเบศเล่นเลิกบุหรี่เพื่อเมียมันเลยน่ะ ถือว่ามันรักของมันจริงๆ นั่นแหละ
“shit”
ผมสบถออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าบุหรี่หมด ผมเลยเดินไปหาที่ซื้อบุหรี่แทนที่จะขับรถออกไปก็ผมไม่ได้มีธุระที่ไหนไม่จำเป็นต้องรีบกลับ
ในขณะระหว่างทางที่ผมเดินไปซื้อบุหรี่นั้นมันเป็นซอยค่อนข้างมืดและเปลี่ยวและตอนนี้มันก็ค่ำมากแล้ว ตอนนี้ตรงหน้าผมกำลังมีพวกขี้เมากำลังพยายามฉุดผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ที่ผมใช้คำว่าฉุดก็เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังพยายามขัดขืนพวกนั้นอยู่ยังไงล่ะ ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรแต่การที่มีคนกระทำอะไรไม่ดีต่อหน้าแบบนี้ ผมก็มีใจที่จะช่วยอยู่น่ะ
“อย่าขัดขืนไปเลยน้องสาว ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมาสนุกกับพี่ดีกว่ามา”
ไอ้ขี้เมาคนหนึ่งพูดขึ้นกล่าวคำพูดที่น่าขยะแขยงออกมาแล้วพยายามลากผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในตรอกแคบๆ ที่อยู่ไม่ห่างจากตัวพวกมันซักเท่าไหร่ ส่วนผู้หญิงคนนั้นที่ตกเป็นผู้โชคร้ายดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาเพราะผมดูจากเครื่องแบบที่เธอสวมเธอพยายามใช้แรงอันน้อยนิดของเธอต่อต้านพวกขี้เมาบ้ากามอย่างสุดกำลัง
ผลัวะ!!
ถามว่าเสียงอะไร เสียงเท้าผมโดนหน้าของหนึ่งในสามขี้เมายังไงล่ะ หลังจากที่ผมเตะยอดหน้าของไอ้ขี้เมาคนหนึ่งไปพวกมันก็หันมามองผมเป็นตาเดียว ส่วนไอ้คนที่ผมพึ่งเตะไปเมื่อกี้ก็นอนโอดโอยก็กับพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมหันไปยิ้มกวนๆ ให้พวกมันครั้งหนึ่งแต่แล้วรอยยิ้มผมก็ต้องหายไปเมื่อผมดันไปสบตาเข้ากับผู้หญิงโชคร้ายที่กำลังโดนพวกมันกระชากอยู่
“วาโย”
“มึงเป็นใครวะ”
ตอนแรกผมกะว่าแค่จะสั่งสอนให้พวกนี้หลาบจำสักหน่อย แต่ทันทีที่ผมเห็นว่าพวกมันกำลังฉุดใครอยู่นั้นความคิดที่เคยคิดว่าจะแค่สั่งสอนมันกลายเป็นคำว่าฆ่าแทน
“ช่วยฉันด้วย”
วาโยหันมาขอความช่วยเหลือผมด้วยสายตาหวาดกลัวสุดขีด ยิ่งผมเห็นแค่นั้นความโกรธของผมก็ยิ่งปะทุขึ้นมากกว่าเดิม
“เงียบไปเลย อีนี่”
ไอ้ขี้เมาคนที่กระชากวาโยอยู่หันไปตะคอกเธอเสียงดังจนเธอสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว
“มึงเป็นใคร เสือกอะไรด้วย”
“ตามจริงว่าจะไม่เสือกหรอกน่ะ ถ้าผู้หญิงที่มึงกำลังกระชากอยู่นั้นไม่ใช่ เมียกู”
ผมกล่าวเสียงเย็นพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ พวกมันอย่างไม่กลัว ถึงพวกมันจะมาซักสิบคนผมก็ไม่กลัว ตอนนี้ผมขอฆ่าพวกมันสักคนก่อนให้หายแค้นเถอะ
“มึงอย่ามาล้อเล่นกับกู”
“เล่นไม่เล่นดูหน้ากูด้วย ว่ากูเล่นกับมึงไหม”
ผลัวะ ผลัวะ
ผมตวัดปลายเท้าเตะพวกมันอย่างไม่ยั้งแรงจนพวกมันกระเด็นออกไปไกลพอสมควร ผมเดินไปจับมือวาโยที่ยืนมองอยู่ให้เธอเดินมาหลบอยู่ด้านหลังผม
“มึง ตาย”
หลังจากที่พวกมันตั้งหลักได้พวกมันทั้งสามคนก็วิ่งเข้าใส่ผมพร้อมกัน เมื่อกี้ผมสังเกตเห็นว่ามีคนหนึ่งที่มีมีดเป็นอาวุธอยู่ในมือ แค่มีดเหรอ คิดว่าผมคงกลัว
ผมหลบหมัดของไอ้คนแรกแล้วถีบเข้ายอดอกของไอ้คนที่สองอย่างแรงจนมันลงไปนอนกับพื้นด้วยความจุก แล้วผมหันกลับไปกระชากคอเสื้อของไอ้คนแรกอีกครั้งแล้วเหวี่ยงมันลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับกระทืบเข้าที่ท้องมันอย่างไม่ยั้งแรง
“จะเข้ามาหรือจะให้กูเข้าไป”
ผมถามเสียงเย็นกับไอ้ขี้เมาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ที่กำลังยืนมองผมอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่
“มึงถอยออกไปน่ะถ้ามึงไม่อยากตาย”
ขี้เมาคนนั้นกล่าวพร้อมกับยกมีดขึ้นมาขู่ผม ส่วนผมแทนที่จะกลัวในคำขู่ของมันกลับเดินเข้าไปหามันพร้อมกับคว้ามีดมาไว้ที่มือตัวเองแทน พร้อมกับเตะให้ขี้เมาคนสุดท้ายให้ล้มลงไปนอนกับพื้น ต่อมาผมก็ลงไปนั่งข้างๆ มันพร้อมกับกำคอเสื้อมันไว้แน่น
“มือไหนที่จับเมียกู”
ผมกล่าวพร้อมกับลากสายตามองมือมันข้างที่กระชากแขนวาโยอย่างใจเย็น ส่วนไอ้ขี้เมาเจ้าของมือก็ได้แต่นอนมองผมด้วยความกลัวพร้อมกับดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของผม แต่มันช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี
“มึงจะทำอะไรมือกู”
ผมไม่ตอบแต่ลากปลายมีดไปที่ข้อมือมันอย่างใจเย็น ส่วนไอ้คนเจ้าของคำถามได้แต่มองผมตาค้าง
“อย่าน่ะ ปักษา อย่าทำอะไรเขา”
เสียงของวาโยที่ดังอยู่ทางด้านหลังของผมกล่าวห้ามผม ทำไมเธอต้องห้ามทั้งๆ ที่พวกนี้คิดที่จะทำร้ายเธอ
“อย่าห้าม”
ผมกล่าวแล้วกรีดมีดลงบนแขนของไอ้ขี้เมาที่นอนมองผมด้วยสายตาหวาดกลัวอยู่จนเลือดซึมออกมานิดหนึ่ง
“อย่าทำอะไรแขนฉัน อ๊า!!!”
“อย่า ฉันขอร้อง”
หลังจากที่วาโยกล่าวคำนั้นออกมาการเคลื่อนไหวที่ผมกำลังทำอยู่นั้นก็หยุดชะงักลง เพราะเธอไม่ได้ทำเพียงแค่พูดเธอกลับใช้มือของเธอมาจับมือข้างที่ผมกำลังใช้มีดกรีดแขนไอ้ขี้เมาอยู่
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”
ไอ้ขี้เมาอ้อนวอนอย่างหมดหนทาง ส่วนผมก็หันไปมองหน้าที่ซีดเซียวของวาโยอย่างไม่เข้าในการกระทำของเธอ
“ก็ได้”
ผมตอบแค่นั้นแล้วไอ้ขี้เมาที่นอนอยู่ใต้การเกาะกุมของผมก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นแล้วก็รีบวิ่งหนีออกไปพร้อมกับเรียกเพื่อนฝูงของมันไปด้วยจนหมด ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมกับวาโยที่อยู่ในซอยมืดๆ นี้กับแค่สองคน
ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาเลยในนี้ตกอยู่ในความเงียบ ผมมองหน้าวาโยเธอก็รีบหลบหน้าผมด้วยความรวดเร็ว ผมหันไปโยนมีดที่อยู่ในมือทิ้งแทนเพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ไม่คิดเลยว่าผมต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้
“เอ่อ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันน่ะ”
วาโยกล่าวขึ้นหลังจากที่เธอเงียบไปนาน ตอนนี้ผมสงสัยอยู่ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่นี่มันไม่ใช่คอนโดเธอนี่น่า
“ฉันไปส่งที่คอนโด”
ผมกล่าวพร้อมกับลากที่ให้เดินมาที่รถผม ตอนนี้บุหรี่ไม่สำคัญเท่าวาโยแล้วละ
“ไม่ ฉันไม่ไปกับนาย”
วาโยกล่าวแล้วสลัดมือที่ผมจับมือเธออยู่จนมือเราหลุดออกจากกัน
“จะอะไรของเธออีกว่ะ”
ผมถามเธอขึ้นอย่างหงุดหงิด และสายตาผมก็ดันไปเหลือบเห็นเลือดที่ไหลลงมาตามขาของเธอ เมื่อกี้เธอโดนพวกมันทำร้ายร่างกายเหรอ
“เธอบาดเจ็บเหรอ”
ผมถลาเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับถกกระโปรงนักศึกษาของวาโยขึ้นดู แต่ก็โดนมือของวาโยจับกระโปรงตัวเองไว้แน่นจนผมไม่สามารถเปิดดูได้ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหน
“กรี๊ด นายทำบ้าอะไร”
“เธอบาดเจ็บฉันจะดูแผลให้”
ผมกล่าวพลางพยายามถกกระโปรงของวาโยขึ้น แต่มันทำได้ยากมากเมื่อมือน้อยๆ ของวาโยกำกระโปรงตัวเองไว้แน่นอยู่
“ฉันไม่ได้บาดเจ็บ”
และอีกครั้งที่คำพูดของวาโยทำให้ผมหยุดชะงัก ผมมองเลือดที่ไหลลงมาอาบขาของวาโยพร้อมกับมองหน้าเธอไปด้วยอย่างไม่เข้าใจในเมื่อเลือดมันก็ไหลออกมาให้เห็นอยู่จะว่าไม่บาดเจ็บได้ยังไง
“แล้วเลือดนี่มันคืออะไร”
ผมถาม ส่วนวาโยที่มองตามสายตาผมก็ได้แต่เงียบไม่ยอมบอกออกมาสักทีว่ามันคืออะไร
“คือ”
“อะไรบอกมาเร็วๆ สิวะ”
ผมเร่งเธอเมื่อเห็นเลือดที่ไหลออกมาแบบนี้ผมใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้ ผมบอกจากใจเลยตอนนี้ว่าผมห่วงผู้หญิงคนนี้มาก
“เลือดประจำเดือนฉันเอง”
วาโยตอบแล้วก็หันหน้าไปมองทางอื่นเหมือนอายๆ เมื่อกี้เธอบอกว่าเลือดอะไรน่ะ ประจำเดือนเหรอเกิดมาก็พึ่งเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละ
“แล้วทำไมมันไหลออกมาแบบนั้นล่ะ”
ผมถามแต่ตายังคงจ้องที่เลือดนั้นอยู่อย่างไม่วางตา
“ก็ฉันไม่ได้ใส่ผ้าอนามัย แล้วนายจะจ้องอะไรกันนักหนา ไม่เคยเห็นหรือไง”
วาโยหันมาตอบอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจตอบนัก พร้อมกับส่งสายตาต่อว่ามาให้ผมอีก อ้าว เมื่อกี้ผมพึ่งช่วยชีวิตเธอมาไม่ใช่เหรอแทนที่จะส่งสายตาขอบคุณซึ้งๆ มาให้แล้วไหนกลับเป็นสายตาแบบนี้มาแทนล่ะ
“อือ ใช่ไม่เคยเห็น”
ผมตอบกลับอย่างหน้ามึน วาโยก็เอาแต่มองผมอย่างหงุดหงิด เป็นอะไรของเธอไปว่ะ
“ฉันอยากจะบ้าตาย”
วาโยพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย ผมทำอะไรผิดไปงั้นเหรอก็แค่ถามเฉยๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ต้องอยากรู้เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ
“นาย ไปซื้อผ้าอนามัยให้ทีดิ”
วาโยหันมาสั่งผมเสียงห้วน เมื่อกี้เธอบอกให้ผมไปซื้ออะไรน่ะ
“อะไรน่ะ”
“ไปซื้อผ้าอนามัยให้ฉันที”
ชัดเต็มสองหู แล้วไอ้ผ้าอนามัยเนี่ยมันเป็นแบบไหนกันว่ะ เกิดมาเคยแต่ซื้อถุงยางอนามัยแล้วมันจะเหมือนกันไหม
“บ้าไปแล้ว ฉันไม่มีวันซื้อให้เธอแน่”
ผมกล่าวปฏิเสธไปเมื่อนึกคำพูดของไอ้ไตรทศได้ว่า ลูกผู้ชายที่แท้จริงเขาไม่ซื้อผ้าอนามัยให้ผู้หญิงหรอก อย่างเราซื้อเป็นแต่ถุงยางก็พอมันเคยบอกมาอย่างนี้ ผมไม่มีทาที่จะซื้อของบ้าๆ นั้นแน่
“นายจะปล่อยให้ฉันเลือดไหลจนหมดตัวตายหรือไง”
นั่นเป็นประโยคที่เธอกล่าวก่อนที่ผมจะได้มายืนอยู่ในร้านขายของชำในเวลาต่อมา ทำไงได้ก็ต้องยอมเขาใช่ไหมล่ะ ตอนนี้ผมได้แต่ยืนถอนหายใจในร้านขายของชำอย่างหมดหนทาง เพราะไม่รู้ว่าผ้าอนามัยนั่นมันหน้าตาเป็นยังไง
“เหี้ยเอ๊ย แล้วกูจะรู้ไหมเนี้ย”
ผมสบถออกมาอย่างหัวเสียเพราะไม่คิดว่าวันนี้จะมาเยือนผมเร็วขนาดนี้
“เอ่อ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
จู่ๆ ก็เหมือนมีเสียงของสวรรค์ทรงโปรด รอดตายแล้วกู
“ผ้าอนามัย ช่วยหาให้ที”
ผมกล่าวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาให้ความช่วยเหลือผม ผมไม่รู้ว่าเธอจะทำหน้าแบบไหนที่ผมมาซื้อของแบบนี้เธอคงว่าผมเป็นโรคจิตไปแล้วล่ะ ช่างเถอะตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรใครที่ไหนที่ไหนทั้งนั้น ป่านนี้วาโยคงรอผมแล้วล่ะ นานๆ ผู้หญิงคนนั้นจะรอผมสักทีต้องรีบทำคะแนนหน่อยแล้ว ปกติเธอเอาแต่ไล่ผมตลอด นาทีทองมาถึงก็รีบคว้าไว้สิ
“อ่อ ค่ะ”
เสียงของเธอตอบรับเหมือนกับจะตกใจในสิ่งที่ผมร้องของอยู่ไม่น้อยทำไงได้ละก็มันจำเป็นจริงๆ
“นี่ค่ะ ผ้าอนามัย”
ต่อมาไม่นานเธอก็ยื่นห่อพลาสติกทรงสี่เหลี่ยมมาให้ผม อ่อ แบบนี้นี่เองผ้าอนามัย
“ขอบใจ”
ผมกล่าวคำขอบคุณพร้อมกับมองหน้าเธอเป็นครั้งแรก ตอนนี้เธอกำลังยิ้มและมองผมอย่างกับเปิดเผยความรู้สึกออกมา ผมรู้จักเธอเหรอก็ไม่ ถ้าเมื่อก่อนมีคนให้ท่าผมแบบนี้เรียบร้อยไปนานแล้วแต่ตอนนี้วาโยคือที่สุดของผม
“ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ ปักษาคะ”
อ้าวยัยนี่ดันรู้จักผม
“รีบพูด รีบ”
ผมให้ไปตอบเธอเสียงห้วนอย่างหงุดหงิด
“พอจะมีเวลาว่าง...”
“ไม่มีเมียรออยู่ จบน่ะ”
ผมกล่าวแค่นั้นก็รีบเดนไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ด้วยความรวดเร็วโดยไม่สนใจสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิดว่าเธอจะหน้าเสียขนาดไหน
ผมเดินกลับไปที่รถก็เห็นวาโยนั่งหน้าซีดเอามือกุมท้องตัวเองอยู่ข้างๆ รถผม ผมเห็นอย่างนั้นเลยรีบวิ่งเข้าไปหาเธอด้วยความรวดเร็ว
“เธอไหวไหม”
ผมถามแล้วประคองวาโยขึ้น หลังจากที่ผมประคองวาโยลุกขึ้นยืนได้เธอก็รีบแกะมือผมออกจากตัวเธอด้วยความรวดเร็วอย่างกับว่ามือผมมันเป็นของร้อน อ่า แบบนี้เจ็บดีแฮะ
“ไหว ขอบใจ”
เธอตอบพร้อมกับถอยหลังออกไปให้ห่างจากผม ผมเลยยื่นถุงผ้าอนามัยให้เธอ เธอก็รับไปอย่างไม่รีรอ
“นี่เธอจะไปไหน ไม่กลับห้องเธอเหรอ”
ผมถามเมื่อเห็นวาโยกำลังตั้งท่าจะเดินเข้าไปในคอนโดที่เป็นคอนโดเดียวกันกับคอนโดเมียไอ้ภูเบศ
“เรื่องของฉัน”
คำพูดที่เธอกล่าวออกมามันช่างกรีดหัวใจผมจริงๆ
“ที่ไม่กลับเพราะมานอนที่ผู้ชายใช่ไหม”
ผมว่าเธอออกไปอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีเหินห่างของวาโยที่เธอแสดงออกมา แต่ผมไม่เพียงแค่พูดผมกลับเดินเข้าไปกระชากตัวเธอเข้ามาใกล้อย่างแรงจนวาโยเซเข้ามาซบอกผมอย่างแรง
“ถ้าใช่ แล้วจะทำไม ปล่อยฉันน่ะ”
วาโยกล่าวพร้อมกับใช้หน้าซีดๆ ของเธอมองหน้าผมด้วยสายตาแข็งกร้าว
“เธอนี่มันร่านจริงๆ”
“นี่มึงจะทำอะไรเพื่อนกูว่ะ”
มันไม่ได้มาแค่เสียงแต่หมัดหนักๆ ก็ลอยเข้าใส่ใบหน้าผมอย่างจังจนทำให้ผมปล่อยวาโยให้เป็นอิสระ คนที่ต่อยผมเป็นหนึ่งในสามของเพื่อนของยัยนี่ ตอนนี้พวกมันกำลังช่วยกันประคองร่างของวาโยอยู่ หึ เห็นผู้ชายแล้วทำเป็นสำออย มารยาจริงๆ ผู้หญิงคนนี้
“เพื่อนมึงก็เมียกูล่ะว่ะ”
ผมตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัวต่อพวกมัน
“มึงพูดแบบนี้อยากตายเร็วหรือไง”
หนึ่งในสามพูดขึ้นมาอย่างหัวเสียพร้อมที่จะวิ่งเข้ามาชกผมได้ตลอดเวลา
“เฮ้ย โย เป็นไรไปว่ะ”
แต่ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะวิ่งเข้ามาต่อยผมเสียงของเพื่อนมันคนหนึ่งที่ประคองร่างวาโยอยู่ก็อุทานขึ้นมาอย่างตกใจ มันเลยทำให้หยุดการกระทำทุกอย่างไว้ทุกคนที่เหลือก็รีบวิ่งเข้าไปดู ส่วนผมได้แต่ยืนมองดูผู้หญิงเจ้ามารยาแสดงความสำออยออกมาล่อผู้ชายอย่างใจเย็น
“ฉัน..”
“เฮ้ย โยๆ มึงพาโยไปโรงพยาบาลเหอะ”
ผมมองดูความวุ่นวายที่อยู่ต่อหน้าด้วยสีหน้าที่งงๆอยู่ ร่างที่ซีดเซียวของวาโยที่ไร้สติในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่นกำลังผ่านหน้าผมไป นี่ตกลงยัยนั่นไม่ได้แกล้งสำออยใช่ไหม ผมมองตามร่างของวาโยไปด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับจะวิ่งตามไปอยู่แล้ว แต่หนึ่งในเพื่อนของเธอเดินเข้ามาขวางผมไว้ก่อน
“ถ้าโยเป็นอะไรไป กูสาบานเลยจะมายำมึงให้เละ”
ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจคำขู่นั้นเลยแม้แต่น้อยตอนนี้ผมสนใจแค่ว่ายัยนั่นจะเป็นอะไรมากไหว ไม่น่าเลยปักษามึงนี่มันโง่จริงๆ
อีปักษาโดนเละแน่ 5555
ฝากเรื่องนี้ไว้ในดวงใจด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบเม้นบอกกันได้
เม้นให้กำลังใจหน่อยก็ดี อิอิอิ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ