Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) Trap Demons : 13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ13
“ฉันเป็นแค่นี้เอง ไม่เห็นจำเป็นต้องไปถึงโรงพยาบาลเลย”
ฉันกล่าวกับเมืองเหนือหลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาล ตอนนี้ก็ดึกมากพอสมควรคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันกลับกันหมดแล้ว วันนี้ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะกลับห้องด้วย เพราะนอนที่ห้องเมืองเหนือก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“แค่นี้ที่ไหนของเธอเล่นเป็นลมต่อหน้าพวกฉันแบบนั้นไม่ให้พาไปโรงพยาบาลได้ไง เธอเป็นอะไรไปพวกฉันจะทำยังไงกันละ”
ถ้าเมืองเหนือไม่บ่นก็คงจะไม่ใช่หมอนี่แล้วละ ผู้ชายอะไรบ่นฉันยิ่งกว่าแม่ฉันเสียอีก
“เออน่า ฉันรู้ว่าพวกนายห่วงฉัน”
ฉันหันหน้าซีดๆ ของตัวเองไปยิ้มให้กับเจ้าของห้อง
“ถ้ารู้ตัวว่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงทีหลังก็อย่าทำ”
เมืองเหนือกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เหมือนหมอนี่ไม่ได้จะสื่อในเรื่องที่ฉันป่วยเลยฉันรู้ว่าเขากำลังพยายามสื่ออะไรกับฉัน แต่เขาไม่ถามมันออกมา หมอนี้รู้ดีว่าถ้าถามออกมาแล้วมันจะทำให้ฉันหนักใจเขาก็จะไม่คิดที่จะถามมันออกมาหรอก นั่นแหละเมืองเหนือแหละ
“นอนเหอะ อย่ามัวแค่พูดมาก”
หมอนี่จะดีทุกอย่างน่ะแต่เสียที่ปากเน่าๆ ของเขานั่นแหละ
“ค่ะ คุณแม่”
ฉันแหย่ไปแต่ก็โดนเมืองเหนือทำหน้าดุส่งกลับมาให้แทน แหย่นิดแหย่หน่อยก็ไม่ได้ ชิ หลังจากที่เมืองเหนือชักหน้าดุใส่ฉันเขาก็เดินออกจากห้องนอนที่เป็นของเขาไป เพราะว่าเมื่อไหร่ที่ฉันมานอนที่นี้ห้องนอนของเขาจะตกเป็นของฉันไปโดยปริยาย
ฉันเอนหลังลงนอนแล้วหลับตาลงเพื่อทำให้หัวสมองมันโล่งตอนนี้ในหัวฉันเหมือนกำลังมีสงครามอยู่ยังไงยังงั้น ในสงครามนั้นมีปักษาเป็นคนเปิดศึก ฉันบอกเขาไปแล้วว่าไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก แต่วันนี้มันบังเอิญเกินไปที่เขามาช่วยฉันจากพวกขี้เมาไว้ทันเวลาพอดี แต่คำพูดร้ายๆ ที่เอาแต่ดูถูกฉันของเขาก็ยังเหมือนเดิม เขายังคงเห็นเป็นแค่ผู้หญิงร่านๆ คนหนึ่งทั้งๆ เขาเองก็รู้ดีว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น
หลังจากที่คิดถึงเรื่องของปักษาน้ำตาฉันก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันเจ็บน่ะที่โดนปักษาเขาพูดแบบนั้นใส่ทุกครั้งที่เจอกัน แต่ฉันโดนจนชินจนมากลายเป็นความด้านชาไปแล้ว ผู้ชายอย่างเขาไม่สมควรที่จะมีความรักหรอก
หลายวันต่อมา
ตอนนี้ร่างกายฉันกลับมาเป็นปกติทุกอย่างแล้วรวมทั้งหัวใจร้าวๆ ของฉันด้วย ตอนนี้โลกของฉันกำลังสงบเพราะไม่มีผู้ชายที่ชื่อว่าปักษามาแวะเวียนอยู่ในโลกของฉันอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้หลังจากวันนั้นผ่านมาพวกเมืองเหนือก็ไม่ยอมปล่อยฉันให้ห่างจากตัวพวกเขาเลย อย่างรู้จังว่าพวกนี้เป็นเพื่อนหรืออะไรกันแน่
“ฉันว่าพวกนายจริงจังกันเกินไปน่ะ”
ฉันกล่าวขึ้นหลังจากที่พวกเพื่อนตัวแสบของฉันยืนเฝ้าฉันที่หน้าห้องน้ำหญิงหลังจากที่ฉันไปทำธุระส่วนตัวเสร็จ ฉันเหมือนนักโทษเลยแหละตอนนี้
“ที่ทำก็เพื่อตัวเธอเองนั่นแหละวาโย”
เมืองเหนือเป็นคนกล่าวขึ้น หมอนี้ไปเห็นดีเห็นงามกับพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติไม่เห็นเขาจะยุ่งเสียด้วยซ้ำ
“จ้า แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วก็ได้ วันนี้พี่ตรีภพมารับฉันนะ ตอนนี้จะถึงมอแล้ว พวกนายกลับกันเถอะ”
ฉันบอกไป แต่พวกนี้ยังคงทำท่าทางลังเลอยู่นิดหน่อยเหมือนไม่ค่อยไว้วางใจให้ฉันอยู่คนเดียวซักเท่าไหร่
“ไม่ให้พวกฉันรอเป็นเพื่อนเหรอ”
เจ้าทัพกล่าว
“ฉันรอได้แค่แป๊บเดียวเอง พวกนายกลับเหอะ”
“ระวังไอ้ปักษาด้วยล่ะ”
“รู้แล้วนะ”
พวกนั้นกล่าวย้ำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะพากันแยกย้ายกันกลับ ส่วนฉันก็เดนไปรอพี่ตรีภพในที่ที่นัดหมายกันไว้แต่ร่างของฉันก็โดนรั้งเอาไว้ก่อน การกระทำแบบนี้มีคนเดียวที่ทำแหละ ปักษา ยังไงละ หมอนี่หาทางมาเจอฉันจนได้หลังจากที่หายหน้าไปเกือบๆ อาทิตย์
ฉันหันไปมองหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำของปักษาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าสุดๆ หมอนี่คงจะไปฟัดกับใครมาแน่ๆ แผลเต็มตัวขนาดนี้ แล้วนี่จะไปสนใจผู้ชายอย่างหมอนี่ให้รกสมองไปทำไมกัน
“เธอ เป็นไงบ้าง”
ปักษาถามฉันหลังจากที่เรามองหน้ากันได้สักพัก ถึงคำถามจะเหมือนแสดงถึงความเป็นห่วงตาการที่ฉันเป็นแบบนั้นก็เพราะเขาทั้งหมดและ
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก”
ฉันตอบแล้วสลัดมือที่เขาจับแขนฉันออกแล้วยกขึ้นมากอดอกไว้แน่น
“ฉันถามเธอดีๆ”
ปักษาโต้กลับมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
“ตอนนี้ตอบดีได้เท่านี้”
ฉันพูดแล้วเบื้องหน้าหันมองไปทางอื่น
“เธอจะโกรธฉันไปถึงไหน”
“ฉันไม่ได้โกรธนายเลยปักษา แต่ฉันเกลียดนายเลยต่างหาก”
ฉันไม่เพียงแค่พูดแต่กลับตวัดสายตาไปมองปักษาด้วยสายตาที่เกลียดเขาสุดๆ ปักษาเห็นฉันพูดแบบนั้นไปแววตาของเขาก็แสดงความเสียใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดมันเป็นแววตาที่ฉันไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน หมอนี่เสียใจเป็นด้วยเหรอ
“เธอจะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าแผลบนหน้าฉันมันมาได้ยังไง”
“อะไรที่เกี่ยวกับนายฉันไม่อยากรู้หรอก”
ฉันกล่าวแล้วจ้องหน้าปักษานิ่งๆ ส่วนปักษาก็มองหน้าฉันเชิงตัดพ้อ
“เฮอะ คงเกลียดฉันมากสิน่ะ”
“ใช่ฉันเกลียดนายมาก”
ถึงปากฉันจะบอกคำว่าเกลียดไปแต่ใจฉันดันเจ็บจี๊ดขึ้นมานี้สิ
“เกลียดมากถึงขนาดให้เพื่อนมารุมฉันเลยว่างั้น”
ถึงคำพูดของปักษาจะเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาเหมือนกับคนที่กำลังเจ็บปวด แต่สิ่งที่เขากล่าวออกมานั้นมันทำให้ฉันงงเข้าไปใหญ่ ว่าแผลที่อยู่บนหน้าเขาจะเป็นฝีมือเพื่อนฉันได้ยังไง ถ้าเป็นจริงทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเพราะปกติแล้วพวกนั้นจะไม่ทำอะไรโดยไม่ปรึกษาฉันก่อน หรือว่าพวกนั้นทำอะไรลับหลังฉัน
“นายพูดเรื่องอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“อ่อ ฉันคงไม่ได้อยู่ในหัวเธอเลยไหม เธอถึงจำในเรื่องที่ตัวเองทำกับฉันไม่ได้”
“นายจะคิดยังไงก็เชิญ แต่ฉันไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ”
ฉันกล่าวแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ก็โดนปักษากระชากให้กลับไปอยู่ที่เดิมอีกอยู่ดี
“เธอจะหนีความผิดเหรอวาโย”
ปักษากล่าวพร้อมกับจ้องหน้าฉันเขม่ง หมอนี่จะอะไรกันนักกันหนา ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่รู้เรื่องยังจะตามรังครวญฉันอีก
“ฉันไม่รู้เรื่องก็บอกไปแล้ว แล้วก็ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่านายพูดจริงไม่ใช่ว่านายกล่าวหาเพื่อนฉันมั่วๆ หรอกเหรอ”
ใช่ ยังไงเรื่องนี้ก็ฟันธงไม่ได้ว่าเพื่อนฉันเป็นคนรุมเขา หมอนี่จะมากล่าวหาแบบนี้ไม่ได้
“จะยังไงก็ช่างเรื่องนี้เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบอยู่ดี”
“นายกลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็หลังจากที่เธอบอกเลิกฉันนั่นแหละ”
คำตอบที่ฉันไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะตอบออกมา เล่นเอาฉันอึ้งไปพักนึ่งเพราะไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ฉันบอกเลิกเขา แต่ปักษาเขาเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนจริงๆ จากผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยที่จะเห็นหัวฉันเลยตอนนี้กลับตามฉันแจอย่างกับคนโรคจิตที่ฉันไปไหนมาไหนก็เจอแต่เขา
“อย่าพูดถึง มันจบไปนานแล้ว”
“ฉันไม่อยากจบ”
ปักษากล่าวคำพูดที่แสนจะเอาแต่ใจออกมาพร้อมกับจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่จริงจังเอาเรื่อง
“ฉันตามง้อเธออยู่ เธอไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอ”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดของปักษาทำให้ฉันเป็นบ้า เพราะดันหลงไปคิดว่าผู้ชายคนนี้อาจจะรักฉันจริงๆ แต่อดีตที่เคยฝังใจฉันเมื่อก่อนมันทำให้ฉันล้มเลิกความคิดนั้นไป ผู้ชายคนนี้รักใครไม่เป็นหรอก
“อย่าพูดอะไรที่เพ้อเจ้อไปหน่อยเลย”
“ฉันไม่ได้พูดเล่น”
“ถึงนานจะพูดเล่นหรือพูดจริงตอนนี้อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิมแล้วปักษา นายกับฉันตอนนี้เป็นแค่คนแปลกหน้ากัน เราอย่ามารู้จักกันอีกเลย”
ฉันกล่าวพร้อมกับจ้องหน้าปักษาที่มองมาที่ฉันด้วยสายตาเชิงตัดพ้ออยู่
“คนแปลกหน้าสิน่ะ”
ปักษาบ่นพึมพำเสียงเย็นจนดูน่ากลัว
“เธอเอากับคนแปลกหน้าอย่างฉันอีกสักครั้งจะเป็นไรไป”
ปักษาไม่ได้เพียงแค่พูดแต่กลับกระชากร่างของฉันเข้าไปชิดกับตัวเขาจนหน้าอกของฉันเบียดกับแผ่นอกของเขาเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ปักษานี่นายจะทำบ้าอะไร นี่มันมหาลัยน่ะ”
ฉันกล่าวขึ้นอย่างตกใจพร้อมไปมองไปรอบๆ ตอนนี้ก็มีคนมองมาที่พวกฉันอยู่แต่ก็ไม่มากซักเท่าไหร่เพราะบริเวณนี้ไม่ค่อยจะมีคนซักเท่าไหร่ แต่ถึงจะไม่มีคนเลยฉันก็ไม่อบให้เขาทำกับฉันแบบนี้ในที่สาธารณะแบบนี้หรอกน่ะ
“อ่อ ถ้าฉันเปลี่ยนที่เธอจะให้ฉันเอาอยู่ใช่ไหม”
เพี๊ยะ!
ฉันตบเข้าไปที่หน้าของปักษาอย่างทนไม่ไหวที่เขายังคงพูดเรื่องบ้าๆ ที่ดูถูกฉันอยู่ออกมา นี่ยังคงเป็นปักษาคนที่ที่คอยเอาแต่ดูถูกฉัน
ฉันมองหน้าปักษาด้วยสายตาที่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก ใช่ตอนนี้ฉันโกรธเขาจนแทบจะห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เคยเป็นไหมที่โกรธใครมากๆ แล้วน้ำตามันไหล ฉันคนหนึ่งไงที่เป็นแล้วตอนนี้มันก็ไหลออกมาแล้วด้วย
ฉันผลักปักษาออกไปห่างๆ หลังจากที่เขาคลายมือออกจากตัวฉันหลังจากที่ฉันตบหน้าเขาไป และตอนนี้ปักษายังคงหันไปไปตามแรงตบของฉันแต่ไม่กล่าวอะไรออกมา
“ไม่ดูถูกฉันก็คงไม่ใช่นาย”
ฉันยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มขึ้นมาเช็ดอย่างลวกๆ พร้อม ส่วนปักษาก็หันมามองหน้าฉันด้วยสายตาที่อ่านได้ยากว่าตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ไหนพร้อมกับใช้ลิ้นของเขาดุนแก้มข้างที่ฉันพึ่งตบเขาไปหมาดๆ ด้วยท่าทางที่น่าเดินเข้าไปตบอีกครั้ง
“แบบนี้ไงเลยทำให้ฉันเกลียดนาย”
“ง้อดีๆ ไม่ชอบ ต่อไปฉันจะง้อแบบเลวๆ ให้เธอเห็นเองวาโย”
ปักษากล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ฉันแล้วเอื้อมมือของเขามาปาดน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้าฉันออกจนหมด
“เธอคงเกลียดฉันมากกว่าเดิมแน่”
คำพูดของเขาช่างตรงข้ามกับการกระทำของเขาทุกอย่าง เขาทำเหมือนกำลังปลอบฉันอยู่ถ้ามองจากทางด้านนอก แต่เขากำลังขู่ฉันอยู่ต่างหากล่ะ ปักษายังคงใช้มือของเขาลูบแก้มฉันอยู่อย่างนั้นแต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อมือของเขาโดนจับไว้ด้วยมือของใครอีกคน
“มึงกล้าดียังไงที่เอามือเน่าๆ ของมึงมาแตะหน้าผู้หญิงของกู”
เสียงที่ถูกกล่าวออกมาจากปากของเจ้าของมือแสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ฉันเลยหันไปมองว่าเจ้าของมือเป็นใครก็เจอเข้ากับพี่ตรีภพที่กำลังแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา ฉันลืมไปเลยว่านัดพี่เขาไว้เพราะปักษาเลยแท้ๆ ที่ทำให้ฉันลืมเรื่องพวกนี้ไปได้
“พี่ตรีภพ”
ฉันอุทานออกมาเสียงเบา ส่วนพี่ตรีภพมองมาที่ฉันนิดหนึ่งก่อนที่จะหันไปมองหน้าปักษาต่อ พร้อมกับผลักตัวปักษาออกไปให้ห่างจากตัวฉัน
“มากกว่าหน้ากูก็จับมาแล้ว”
แทนที่ปักษาจะเกรงกลัวสายตาที่พี่ตรีภพมองมาที่เขา เขากลับกล่าวคำพูดที่แสนจะอวดดีออกไป แต่คำพูดที่เขากล่าวออกมานั้นมันทำให้หน้าฉันชาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“มึง”
“พี่ตรีภพอย่าไปยุ่งกับคนอย่างเขาเลยค่ะ”
ฉันเห็นท่าทีว่าพี่ตรีภพจะพุ่งเข้าใส่ปักษาก็รีบเข้าไปห้ามไว้ก่อนโดยการจับแขนเขาไว้เพื่อนกันไม่ให้เขาทั้งสองคนปะทะกันตรงนี้ เพราะถ้าเกิดมีเรื่องขึ้นมาเนี่ยพวกเราก็โดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยกันพอดีดิ
“กลับกันเถอะนะคะเดี๋ยวคุณแม่รอนาน”
ฉันพูดเกลี้ยกล่อมให้พี่ตรีภพเย็นลง แต่พี่เขากลับจ้องหน้าปักษาไม่เลิก และปักษาเองก็กำลังมองมาที่เราสองคนอยู่ด้วยเหมือนกัน สายตาของเขาไม่ได้จับจ้องที่ใบหน้าของพี่ตรีภพเลยแม้แต่น้อยเขากำลังมองมาที่มือของฉันที่จับแขนของพี่ตรีภพอยู่ด้วยสายตาที่ฉันเองก็ไม่รู้ความหมายของมันเหมือนกัน
“โอเค แต่ก่อนจะกลับพี่ขอถามอะไรก่อน”
ฉันมองหน้าพี่ตรีภพอย่างงงๆ เพราะสงสัยว่าพี่เขาจะถามอะไรฉันมากันแน่
“ไอ้นี่เป็นใคร”
“เอ่อ เดี๋ยวโยบอก ตอนนี้ไปจากที่นี่ก่อนได้ไหม”
และแล้ววันที่สองคนนี้จะมาพบกันก็ต้องมาถึง ฉันอุตส่าห์นึกว่าจะรอดพ้นจากคำถามนี้แล้วซ่ะอีก ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอกสิน่ะ
“ไม่ พี่อยากรู้เดี๋ยวนี้”
แต่ฉันลืมไปเลยว่าคนที่ฉันกำลังบอกเขาอยู่เป็นพี่ตรีภพผู้ชายที่มีความดื้อด้านเป็นที่สุด
“ว่าไอ้นี่มันเป็นไร”
“มึงอยากรู้มากใช่ไหมว่ากูเป็นใคร”
ปักษาที่ยืนดูพวกเราอยู่ก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หมอนี้ต้องการให้เกิดเรื่องบ้าๆ ขึ้นที่นี้เหรอ ทำไมต้องหาเรื่องใส่หัวตัวเองด้วยน่ะ
“กูบอกแทนก็ได้ว่ากูเป็นใคร”
ปักษากล่าวประโยคนั้นเสร็จแล้วหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาของคนที่เหนือกว่า แล้วเขาก็หันกลับไปจ้องหน้าพี่ตรีภพอีกครั้ง
“กูเป็นแฟนเก่าที่เลื่อนขั้นมาเป็นผัวยัยนี่ยังไงล่ะ”
คำตอบที่ปักษากล่าวออกมานั้นทำให้พี่ตรีภพมองหน้าปักษาไปอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อแล้วก็หันมามองฉันว่าหมอนี่พูดจริงไหม ฉันได้แต่หลบสายตาที่ดูน่ากลัวนั้นอย่างหมดทางสู้เพราะสิ่งที่ปักษากล่าวมานั้นมันก็เป็นเรื่องจริง
“มึงคงเป็นคู่หมั้นของยัยนี่สิน่ะ เอาของของคนอื่นไปกินนี่มันคงอร่อยมากสิน่ะ”
ทันทีที่ปักษากล่าวจบพี่ตรีภพก็แสดงสีหน้าโกรธจัดออกมาให้เห็นทันที มันเป็นสีหน้าที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิตนี้ ส่วนปักษาก็ได้แต่ยิ้มเยอะเหมือนกับคนที่กำลังอยู่เหนือกว่า แต่ต่อมาฉันก็ต้องแปลกใจเมื่อพี่ตรีภพดึงตัวฉันไปโอบไว้ด้วยท่าทางห่วงแหนพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังคิดแผนอะไรดีๆ ได้ที่จะเอาปักษาคืน
“มากไม่มากก็เล่นเอาซะติดใจเลยล่ะ”
พี่ตรีภพกล่าวออกมาปักษาที่เคยยิ้มอย่างผู้ชนะก็ต้องหุบยิ้มลงไปทันทีหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น พร้อมกับมองมาที่มือของพี่ตรีภพที่โอบกอดฉันไว้อย่างไม่พอใจ
“มึง”
“ตอนนี้โยก็เป็นของกูเต็มตัวแล้ว ของเก่าๆ อย่างมึงเขาไม่กลับไปกินหรอก”
พี่ตรีภพพ้นคำพูดที่แสนร้ายกาจออกมาใส่ปักษา บอกเลยคำพูดที่พี่เขาพึ่งพูดไปเล่นงานปักษาให้เดือดได้อย่างดีเลยละ
“อ่อ อันนี้มึงคงยังไม่รู้ กูมาก่อนมึง”
พี่ตรีภพกล่าวแล้วยิ้มเยอะปักษาอย่างสะใจ ปักษาได้แต่จ้องหน้าพี่ตรีภพด้วยสายตาที่โกรธเคืองพร้อมกับกำหมัดไว้แน่นด้วยความโกรธ
“อ่อ มึงก็อย่าลืมไปว่ากูได้ก่อนมึง”
ปักษายังคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เรื่องแบบนี้มันสมควรเอามาแข่งกันหรือไงคนที่เสียหายมีแต่ฉันทั้งนั้น ฉันได้แต่กำเสื้อของพี่ตรีภพไว้แน่นเพื่อระบายความอัดแน่นที่อยู่ในใจฉันตอนนี้ให้มันทุเลาลงไป เพราะตอนนี้ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยกับสถานการณ์ตอนนี้
“เฝ้าไว้ให้ดีล่ะ เผลอเมื่อไหร่ของหายไม่รู้ด้วย”
ปักษากล่าวเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินจากไป บอกเลยเขาทิ้งระเบิดก้อนโตไว้ให้ฉันรับเคราะห์เลยละ
“มันสิน่ะ”
พี่ตรีภพกล่าวขึ้นหลังจากที่ปักษาเดินจากไปแล้ว
“ค่ะ”
“มันสิน่ะที่ทำร้ายโย”
“ช่างมันเถอะค่ะ”
ฉันกล่าวเพราะอยากให้เรื่องนี้มันจบๆ ลงไปเสียที ฉันอยากมีชีวิตดีๆ อย่างคนอื่นบ้างก็เท่านั้น ชีวิตฉันตอนนี้มันโคตรที่จะวุ่นวายเลยว่าไหม
“พี่ว่าเรื่องนี้พี่ช่างไม่ไหวแล้วละโย”
พี่ตรีภพกล่าวพร้อมกับทำสีหน้าที่จริงจัง ฉันมองหน้าพี่ตรีภพกลับไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเพราะตอนนี้ฉันยังคงมึนงงกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่เลย ให้มารับเรื่องที่น่าปวดหัวใหม่คงจะไม่ไหว
“พี่คงต้องเด็ดขาดกับเรื่องนี้แล้วละ”
“พี่ตรีภพจะทำอะไร”
“ทุกอย่างที่ทำให้โยสบายใจ”
มันดูเหมือนคำพูดที่น่าดีใจน่ะแต่ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้ละ
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ