Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.96K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Trap Demons : 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 

10


 


 


“ฉันเจ็บ”


“ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเธอไม่เคย”


ผมมองหน้าของวาโยที่กำลังแสดงความเจ็บปวดออกให้เห็นอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองซักเท่าไหร่ ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับผม แต่อาการบีบรัดและความแน่นที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันกำลังเตือนผมอยู่ว่านี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน ถึงผมจะนิสัยนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแต่ผมก็ไม่เคยที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงบริสุทธิ์เลยสักครั้ง ทำไมผมถึงไม่ยุ่งนะเหรอ ก็ผู้หญิงที่บริสุทธิ์นะเรื่องมากประสบการณ์ก็ไม่มีและที่สำคัญยังน่ารำคาญอีก แต่ผู้หญิงที่นอนทรมานอยู่ใต้ร่างผมตอนนี้เธอไม่น่าจะบริสุทธิ์นี่


“เอามันออกไป คนเลว”


วาโยกล่าวออกมาอย่างโกรธเคืองพร้อมกับจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ฉายแต่ความเกลียดชังส่งมาให้ผม มันยิ่งจุดชนวนความโกรธในตัวของผมเพิ่มมากขึ้นไปอีก ในเมื่อตอนนี้เธอเกลียดผมนัก ผมก็จะทำให้เธอเกลียดผมมากขึ้นกว่าเดิม


“เลวเหรอ ฉันจะแสดงให้ดูว่าเลวจริงๆ มันเป็นยังไงวาโย”


พอผมพูดจบประโยคผมก็กระแทกร่างกายเข้าใส่วาโยด้วยอารมณ์โกรธที่มีอยู่ ถ้าเธอพูดดีๆ กับผมกว่านี้สักนิดเธอคงไม่มานอนร้องไห้แบบนี้หรอก เธอทำตัวเองทั้งนั้นวาโยมาโทษฉันก็ไม่ได้


“ฉันเกลียดนาย”


“เชิญเกลียดไปเถอะยังไงตอนนี้ฉันก็เป็นผัวเธอ”


ผมพูดแล้วก็ยิ้มเยอะออกมา พร้อมกับกระแทกร่างกายเข้าใส่วาโยไม่ยั้งโดยไม่สนใจเลยว่าร่างที่ผมกำลังกระแทกอยู่นั้นจะนอนทรมานแค่ไหน ตอนนี้อารมณ์ผมอยู่เหนืออะไรทุกอย่าง แต่การร่วมรักครั้งนี้มันยากว่าที่ผมเคยทำมาเพราะว่าร่างกายของวาโยนั้นมันแน่นจนผมขยับตัวแทบไม่ได้


“อ้าขาออก”


ผมสั่งวาโย เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังบีบขาของเธอเข้าหากันอยู่มันยิ่งทำให้ผมขยับตัวได้ยากกว่าเดิม แต่คนตัวเล็กที่นอนอยู่ได้ร่างผมใช่ว่าจะยอมทำตาม ผมเลยใช้มือของผมอ้าขาเธอออกด้วยแรงของผมเอง


“กรี๊ด!”


วาโยกรีดร้องออกมาเมื่อผมเข้าไปในตัวเธอลึกกว่าเดิม อ่า ยิ่งผมเข้าไปลึกเท่าไหร่เธอยิ่งบีบรัดผมแน่นกว่าเดิม แบบนี้มันอันตรายแล้วสิ


ผมเลยเอื้อมมือไปบีบเคล้นหน้าอกคู่โตของวาโยด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายความตึงเครียดตรงส่วนนั้นของร่างกายเพื่อไม่ให้มันบีบรัดผมไปมากกว่านี้ไม่งั้นคนที่จะเป็นฝ่ายแพ้มันจะเป็นผม


“อ่า”


เสียงครางหวานๆ ของวาโยลอยเข้าหูผมมันยิ่งทำให้ร่างกายผมยิ่งร้อนกว่าเดิมไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้ผมเป็นเอามากถึงขนาดนี้ ผมอดใจไม่ไหวเลยก้มลงไปบดขยี้ริมฝีปากของวาโยอย่างอดใจไม่อยู่ แม้ตอนแรกวาโยจะไม่ค่อยเต็มใจให้ผมจูบนักแต่ร่างกายของเราที่กำลังเชื่อมต่อกันอยู่นั้นมันทำให้สติของเธอไม่เหลืออยู่กับตัว


เมื่อก่อนผมไม่รู้ว่าการเสพติดอะไรมันจะทำให้ผมคลั่งได้ขนาดนี้ ตอนนี้ผมกำลังเสพติดวาโยเข้าอย่างจังไม่ว่าจะเป็นรสจูบนี้ที่ผมกำลังลิ้มรสอยู่ในตอนนี้นี้ มันทำให้ผมไม่อยากที่จะถอนจูบออกเลย เรื่องแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับคนอย่างผมคุณว่ามันแปลกไหมล่ะ


“อ่า .... ปักษา ... ฉัน”


เมื่อผมถอนจูบออกวาโยก็ครางออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ และตอนนี้สะโพกของผมก็กำลังทำงานเป็นอย่างดีเมื่อความอ่อนนุ่มของวาโยที่เคยบีบรัดตัวตนของผมไว้แน่นมันเริ่มคลายตัวออก มันทำให้ผมขยับตัวเข้าออกได้ง่ายขึ้น


“ฮึ”


ผมขานรับเพราะเมื่อกี้วาโยเรียกชื่อผมออกมา


“ฉันทรมาน อ่า” ”


วาโยพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจิกแขนผมแน่นเพื่อบรรเทาความทรมานของเธอ


“เดี๋ยวก็หาย อ่า แน่นชิบ”


คราวนี้เป็นผมที่ครางออกมาแทนเพราะผมทนไม่ได้แล้วที่จะอดกลั้นเสียงของตัวเอง เหงื่อเม็ดใหญ่เริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้าของวาโยส่วนผมก็ไม่ต่างกับเธอสักเท่าไหร่


“ฉันไม่ไหวแล้ว อ่า”


วาโยควาญครางออกมาอย่างสุดจะทนเมื่อความทรมานของเธอถึงขีดจำกัด และต่อมาไม่นานร่างกายของวาโยก็กระตุกออกมาพร้อมกับความอ่อนนุ่มของเธอที่บีบรัดผมมากกว่าเดิมจนผมต้องกระตุกตามเธอไปติดๆ พร้อมกับร่างกายผมปล่อยสายธารที่เป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิตเข้าไปในร่างกายของวาโยทุกอยาดหยด


“กรี๊ด”


“อ่า”


บทรักของผมกับวาโยจบลงไปแล้วตอนนี้ในห้องนี้มีแต่เสียงหอบหายใจของผมกับวาโยและเสียงเพลงที่ดังจากข้างนอกที่เข้ามาให้ได้ยิน แต่ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของพวกผมเลยแม้แต่เสียงเดียว สถานการณ์ตอนนี้เลยตกอยู่ในความเงียบ


“เสร็จแล้วก็ลุกออกไปจากตัวฉัน”


วาโยเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นมาก่อนพร้อมกับดันร่างกายผมที่นอนซบกับหน้าอกเธออยู่ออกด้วยท่าทางรังเกียจในตัวผมอย่างเต็มที่


“ถ้าไม่แล้วจะทำไม”


ผมไม่ได้ทำตามที่เธอสั่งแต่ผมกลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกันโดยการซุกหน้าเข้ากับหน้าอกนุ่มๆ ของวาโยแทน


“นายได้ทุกอย่างแล้วจะเอาอะไรอีก”


วาโยพูดเสียงแข็งพร้อมกับพยายามดึงหัวผมออกจากหน้าอกคู่โตของเธอ


“ก็จะเอาเธอต่อไง”


ทันทีที่วาโยได้ยินในสิ่งที่ผมพึ่งพูดออกไปเธอก็ทำตาโตออกมาด้วยความตกใจ


“แค่นั้นไม่พอหรอก”


“ไม่น่ะ อย่า”


แล้วบทรักของผมกับวาโยก็เริ่มต้นมาอีกครั้งในห้องๆ เดิมที่เป็นที่ประจำที่ผมชอบมานั่งดื่ม ห้องห้องนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาแน่ถ้าผมไม่สั่งผมเลยมาบรรเลงบทรักที่นี่ได้อย่างหายห่วงยังไงล่ะ ผมบรรเลงบทรักจนจบวาโยก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ทั้งๆ ที่ตัวผมยังตื่นตัวอยู่เลย แต่ช่างเถอะวันพระไม่ได้มีหนเดียว


“มึงจัดหนักไปไหม”


ทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องที่ผมพึ่งทำกิจกรรมไปเมื่อสักครู่โดยในอ้อมอกของผมมีวาโยนอนหลับอยู่อย่างสบายใจโดยบนร่างกายของเธอมีเสื้อของผมปกปิดไว้เพียงแค่ชิ้นเดียวเพราะเสื้อผ้าของเธอโดนผมฉีกทิ้งไปหมดแล้ว ผมเลยต้องเสียสละเสื้อของผมไปให้เธอใส่ ผมเลยต้องได้ใส่กางเกงตัวเดียวเดินออกมาจากห้องยังไงละ


“เก็บกวาดให้กูด้วย กูกลับล่ะ”


ผมบอกกับไอ้ไตรทศที่นั่งเฝ้าพวกผมอยู่หน้าห้องมาตลอด มันหันมามองหน้าผมอย่างงอนๆ ที่ผมไปสั่งมัน แต่แล้วมันก็ต้องฉีกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้งเมื่อสายตามันไปเห็นกองเสื้อผ้าของวาโยที่มีชุดชั้นในวาโยวางปนอยู่ด้วยสายตาหื่นๆ


“กูขอน่ะ เอาไว้คลายเหงา”


ผมเกือบลืมไปเลยว่าไอ้ไตรทศเป็นแฟนคลับของวาโย และตอนนี้ในมือมันกำลังถือชุดชั้นในของวาโยด้วยสายตาหื่นๆ อยู่


“กูไม่ให้ ของกู”


ผมอยากเอามือไปกระชากชุดชั้นในนั้นมาจริงๆ แต่มือไม่ว่างผมเลยส่งสายตาไปแทน ไอ้ไตรทศอิดออดพักหนึ่งแต่ด้วยที่มันรู้นิสัยผมดีมันก็ยอมส่งชุดชั้นในของวาโยมาให้ผมแต่โดยดี


“เพื่อนขอแค่นี้ก็ไม่ให้”


มันพูดแล้วก็ทำหน้าเซ็งๆ ออกมา เฮ้อ อยากรู้จริงๆ ว่าใครจะหยุดความแรดของไอ้ไตรทศได้กันน่ะ


“ถ้านี่เป็นของเมียมึง แล้วกูขอมึงจะให้กูไหมล่ะ”


ผมถามส่วนไอ้ไตรทศก็รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว


“เรื่องอะไร กูต้องให้”


“ทีนี่ก็เข้าใจน่ะ บอกไอ้ราพณ์ด้วยว่ากูกลับแล้ว”


ผมพูดแต่นั้นก็เดินออกมาทันทีเพราะเริ่มมีสายตาหลายคู่มองมาที่คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดผมอยู่ด้วยสายตาที่ผู้ชายด้วยกันก็ดูออก ไอ้พวกระยำ


เช้าวันต่อมา


แสงแดดยามเช้าที่ส่องมากระทบกับใบหน้าฉันและมันก็เป็นการรบกวนการนอนของฉันเป็นอย่างมาก ฉันทนไม่ไหวต่อแสงสว่างเลยลืมตาขึ้นตื่นจากห้วงนิทรา เมื่อคืนมันเป็นฝันร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอฉันได้แต่หวังว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ความฝันฉันต้องสลายไปเมื่อฉันลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าของคนที่ทำร้ายฉันมาตลอดอยู่ห่างเพียงไม่กี่เซน


ฉันมองดูใบหน้าของคนใจร้ายที่กำลังนอนหลับตาพริ้มเหมือนกับว่าเขากำลังมีความสุข แต่เขาคงไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำกับฉันนั้นมันเลวร้ายแค่ไหน ฉันมองหน้าปักษาผ่านม่านน้ำตาที่ไหลอาบแก้มด้วยความเสียใจไม่คิดว่าเขาจะโหดร้ายกับฉันถึงขนาดนี้ ผู้ชายไม่มีหัวใจ


“ร้องไห้ทำไม”


ฉันสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะตื่นแล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังมองหน้าฉันอยู่


“เรื่องของฉัน”


ฉันตอบแล้วก็ขยับตัวออกห่างจากปักษาพร้อมกับนอนหันหน้าไปทางอื่น


“มีใครเคยบอกเธอไหมว่าน้ำตาเธอมันน่ารำคาญ”


คนที่พูดได้เจ็บกว่านี้คงไม่มีหรอก หมอนี่ถนัดนักเรื่องพูดทำร้ายจิตใจคนอื่นนี่ ตอนนี้ไม่ว่าปักษาเขาจะพูดพร่ำทำเพลงอะไรฉันก็ไม่คิดที่จะหันไปสนทนากับเขาเลย เพราะตอนนี้หน้าเขาฉันยังไม่อยากจะมองเลย


“และที่เธอกำลังทำอยู่มันเรียกว่าเสียมารยาท”


คนอย่างหมอนี่รู้จำคำว่ามารยาทด้วยเหรอ เฮอะ มารยาททรามละสิไม่ว่า


“วาโย”


ปักษาเรียกฉันอย่างหงุดหงิดเพราะฉันไม่ทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ แค่หายใจร่วมห้องตอนนี้ฉันก็ขื่นใจเต็มทนแล้ว


“โย”


“อ่ะ”


ฉันต้องอุทานออกมาเมื่อปักษาพลิกตัวฉันกลับพร้อมกับดึงร่างฉันไปกอดไว้เพื่อไม่ให้ฉันกลับไปทำแบบเดิมได้อีก ตอนนี้ฉันเลยเลี่ยงที่จะมองหน้าเขาไม่ได้เพราะหน้าเราห่างกันเพียงไม่กี่เซน และตอนนี้เราทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดออกมาสักคนส่วนปักษาก็ได้แต่มองหน้าฉันนิ่งๆ ไม่พูดอะไร สถานการณ์ตอนนี้อึดอัดชะมัด


“ฉันจะกลับบ้าน”


ฉันเลยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนพร้อมกับผลักอกของปักษาออกไปให้ห่าง


“ไม่ให้กลับ”


ฉันต้องหันไปมองปักษาอย่างไม่เข้าใจเมื่อเขากล่าวคำพูดที่แสนเอาแต่ใจนั่นออกมา เขาจะรั้งฉันไว้ทำไมในเมื่อเขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว แล้วเขายังคิดจะเอาอะไรกับฉันอีก


“นายไม่มีสิทธิ์ห้ามฉัน”


“อ่อ ไม่รู้สิน่ะ เมื่อคืนฉันพึ่งทวงสิทธิ์ฉันกลับมา”


นี่เขาไม่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เขาทำสักนิดเลยหรือไงกัน หัวใจของผู้ชายคนนี้ทำด้วยอะไรกันทำไมเขาถึงได้ใจร้ายใจดำกับฉันได้ถึงขนาดนี้


“สิทธิ์ของนายมันหมดไปแล้ว”


ผลั๊ก!


ฉันพูดแล้วรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักปักษาให้ออกห่างแล้วฉันก็รีบลุกออกไปจากเตียงเพื่อที่จะออกไปจากที่นี่ให้พ้น แต่ทันทีที่เท้าฉันแตะโดนพื้นห้องความเจ็บแปล๊บที่ใจกลางลำตัวก็เข้าจู่โจมฉันจนฉันทรงตัวไม่อยู่ ตอนนี้ฉันเริ่มรู้แล้วละว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าฉันต้องล้มลงไปกองบนพื้นแน่ ฉันเลยหลับตาลงเพื่อรับความเจ็บแต่ เอ๊ะ เมื่อกี้ฉันมั่นใจว่าฉันล้มลงไปแล้วนี่น่า แล้วทำไมมันถึงไม่รู้สึกเจ็บสักนิดเลยล่ะ ฉันเลยลืมตาขึ้นมองตอนนี้ฉันกำลังนอนทับร่างของปักษาอยู่


“ไม่ไหวแล้วยังทำอวดเก่ง”


ปักษาบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดตามนิสัยของเขา แต่เมื่อกี้เขาช่วยฉันไว้เหรอ คนอย่างเขาไม่น่าจะทำแบบนี้น่ะ ฉันเห็นว่าตัวเองไม่สมควรที่จะอยู่ในท่านี้กับเขาไปนานกว่านี้จึงรีบลุกออกจากตัวของปักษาด้วยความรวดเร็วราวกับว่าตัวเองกำลังนอนทับของร้อนอยู่ยังไงยังงั้น


“ถึงร่างกายฉันไม่ไหวแค่ไหนฉันก็ต้องออกจากที่นี่ให้ได้”


ฉันพูดแล้วจ้องหน้าปักษานิ่งๆ


“ไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ”


ปักษาถามด้วยสีหน้าที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันเหมือนกับสีหน้าชิงตัดพ้อเหมือนไม่พอใจปนน้อยใจไปด้วย ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม


“ที่ไหนที่มีนาย ที่นั่นต้องไม่มีฉัน”


ฉันกล่าวคำพูดที่แสนจะเจ็บแสบออกไปโดยไม่แคร์ความรู้สึกของผู้ฟังเลยแม้แต่น้อย ฉันมั่นใจเลยว่าผู้ชายคนนี้ที่ฉันกำลังด่าอยู่เขาไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดแค่นี้ของฉันหรอก


“งั้นเหรอ”


ปักษาพูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องนอนไปเงียบๆ และมันก็สร้างความแปลกใจให้ฉันเป็นอย่างมาก แต่ก็ช่างเขาเถอะ ตอนนี้ขอแค่ฉันได้ออกจากที่นี่ไปได้ก็พอแล้ว ฉันเลยรีบหาเสื้อผ้าที่มิดชิดกว่านี้ใส่ โดยการเดินเข้าไปค้นหาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของปักษาอย่างถือวิสาสะ ผู้ชายที่ผ้าผู้หญิงมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้าอย่างเขาน่าจะมีเสื้อผู้หญิงหลงเหลืออยู่บ้างล่ะ แต่สิ่งที่ฉันนิดไว้ว่าจะมีก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ในตู้เสื้อผ้าของปักษาไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว ฉันเลยต้องจำใจใส่เสื้อและกางเกงบอกเซอร์ของปักษาแก้ขัดไปก่อน ดีกว่าเดินตัวเปล่ากลับห้องล่ะว่ะ


หลังจากที่ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จฉันก็เดินออกมาจากห้องนอนเพื่อมุ่งหน้าไปที่ประตูทางออก แต่สายตาฉันก็ต้องไปสะดุดกับร่างสูงกำยำของปักษาที่ใส่แค่กางเกงยีนตัวเดียวยืนทำอาหารอยู่ในห้องครัวแทน


“กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับ”


ปักษาหันมาสั่งฉันแล้วก็ถือจานที่บรรจุไข่ดาวและไส้กรอกอยู่เดินเข้ามาหาฉัน


“ฉันไม่กิน”


ฉันบอกเสียงแข็งแล้วมุ่งหน้าเดินไปทางประตูทางออก แต่ต่อมาแขนของฉันก็ถูกกระชากโดนคนที่ตัวโตกว่าให้กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง


“กิน”


ปักษากล่าวแล้วยัดจานข้าวใส่มือฉัน มีเหรอว่าฉันจะยอมทำตามที่เขาสั่ง ฉันจึงโยนจานข้าวที่เขาพึ่งยัดใส่มือฉันมาเมื่อกี้ทิ้งอย่างไร้เยื่อใย


“ทีนี่ก็กินไม่ได้แล้ว ฉันกลับละ”


ปักษาที่ยังมองไปยังจานข้าวที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาที่ฉันเองก็อ่านไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน ต่อมาฉันก็ได้ยินเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา แล้วเขาก็ตวัดสายตามามองฉันนิ่งๆ


“เกลียดฉันมากไหม”


จู่ๆ ปักษาก็ถามในสิ่งที่เขาเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว


“มาก”


ฉันตอบโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับจ้องหน้าเขานิ่งๆ เพื่อยืนยันคำตอบของฉันว่ามันเป็นเรื่องจริง


“แล้วทำไงถึงจะหายเกลียด”


หมอนี่กำลังพล่ามอะไรอยู่กันแน่


“ออกไปจากชีวิตฉัน”


ฉันตอบออกไปพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่าประโยคที่ตัวเองพึ่งพูดออกไปมันทำให้ใจฉันสั่นแปลกๆ ไม่เอาสิวาโยหมอนี่ไม่มีความหมายกับเธออีกต่อไปแล้ว ใช่ ฉันไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว หมอนี่ก็แค่คนที่เธอเคยรักอย่าไปสนใจเขาเลยวาโย


“ยากไป ฉันทำไม่ได้”


“ทำไม่ได้ฉันก็จะเกลียดนายอยู่อย่างนี้”


ฉันพูดแล้วก็แกะมือของปักษาออกจากแขนฉันแล้วเดินผ่านร่างเขาไป แต่ร่างกายฉันก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อปักษากอดฉันไว้จากทางด้านหลังพร้อมกับซบหน้าลงบนบ่าฉันแล้วไม่พูดอะไรออกมา ส่วนฉันได้แต่ยืนตกใจในสิ่งที่เขาทำ ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดหัวสมองมันขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก


“ฉันจะทำให้เธอกลับมารักฉัน”


ปักษากระซิบเสียงเบาพร้อมกับกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิมเหมือนกับกลัวว่าฉันจะหายไปยังไงอย่างนั้น


‘ฉันจะทำให้เธอกลับมารักฉัน’


คำพูดนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวของฉันอยู่ทั้งๆ ที่มันก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วหลังจากที่ฉันออกมาจากห้องของปักษา ตอนนี้ฉันอยู่ที่คอนโดของฉันและฉันอยู่นั่งอยู่ที่โซฟามาหลายชั่วโมงแล้วมั้งก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกรู้จะทำอะไรดีเป็นอย่างแรก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ฉันหลุดออกมาจากห้วงความคิด ฉันเลยรีบเดินออกไปเปิดประตูโดยลืมสนิทเลยว่าบนร่างกายฉันตอนนี้ยังสวมเสื้อของปักษาอยู่ และคนที่ยืนอยู่หน้าห้องฉันตอนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ตรีภพ คู่หมั้นฉันยังไงละ ตอนนี้เขากำลังมองฉันด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความโกรธอยู่


“พี่ตรีภพ”


“อธิบายมาว่าไอ้เหี้ยเมื่อคืนมันเป็นใคร”


พี่ตรีภพพ่นคำถามใส่ฉันทันที่ด้วยสีหน้าโกรธจัด ตอนนี้ฉันไม่พร้อมที่จะเจอใครทั้งนั้น


“โยเหนื่อย ค่อยคุยกันได้ไหมคะ”


“เมื่อคืนคงเสร็จมันไปแล้วสิ ถึงได้เหนื่อยมาอย่างนี้”


มากไปแล้ว พี่ตรีภพจะก้าวก่ายชีวิตฉันมากเกินไปแล้ว


“บอกมาว่าไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใคร”


พี่ตรีภพพูดพร้อมกับจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันไว้แน่น จนฉันรู้สึกเจ็บไปหมด


“ตอนนี้พี่ตรีภพพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ค่อยมาคุยกับโยวันหลังนะคะ”


ขอเหอะ ตอนนี้ฉันอยากพักผ่อนมากๆ เลยเหมือนโลกรอบๆ ตัวฉันกำลังหมุนอยู่เลย แล้วหัวฉันตอนนี้ก็ปวดจนแทบจะระเบิดออกมา ไหนจะต้องมายืนตอบคำถามพี่ตรีภพอีกฉันไม่ไหว


“ไม่ พี่จะคุยให้รู้เรื่องวันนี้”


พี่ตรีภพยังคงดื้อด้านที่จะถามฉันต่อ


“ตอนนี้โย....”


“โย”


ฉันพูดได้แค่นั้นสติฉันก็หายไป สิ่งสุดท้ายที่ฉันได้ยินคือเสียงร้องตกใจของพี่ตรีภพและหลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรอีกต่อไป


 


 


 


 


โปรดติดตามตอนต่อไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา