Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.24 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
39) บทที่39 ถูกโจมตีทุกทาง(3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่39 ถูกโจมตีทุกทาง(3)
เมื่อได้รับข้อความจากลั่วจื่อหาน มู่ลี่ไป๋ลากตัวนักจิตวิทยาที่กำลังหยอกล้อเล่นอยู่ในแผนกออกไปทันที ยัดเข้าไปในรถแล้วออกจากโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็วเหมือนจรวด
“ลี่ เธอเป็นคนใส่ใจเรื่องมารยาทไม่ใช่เหรอ วันนี้ทำไมถึงหยาบคายแบบนี้ล่ะ” คุณหมอที่ไรผมขาวทั้งสองข้างจัดแจงเสื้อของตัวเอง ตำหนิด้วยภาษาประเทศC ที่ไม่ได้มาตรฐานนัก
มู่ลี่ไป๋ยิ้มกระอักกระอ่วน “อาจารย์ เรื่องมันเร่งรีบจนใส่ใจเรื่องมารยาทไม่ได้แล้ว สถานการณ์ก็ประมาณนี้แหละ อาจารย์ลองไปดูก่อนนะครับ”
“นี่ไม่ใช่ลี่ที่ผมรู้จัก” เขารับโทรศัพท์มือถือที่ส่งมาให้ รถหักเลี้ยวกะทันหันทำให้คุณหมอแทบจะถูกเหวี่ยงออกไป“ลี่ เธออย่าตื่นเต้นเร้าใจแบบนี้ได้ไหม มันผิดกฎจราจรนะ”
“ครับ” มู่ลี่ไป๋ไม่ได้อธิบาย อาจารย์ ถ้าคุณตกอยู่ในสภาพเดียวกับผม ไม่แน่ว่าคุณอาจจะขับเร็วกว่านี้
ไม่ช้าสติงก็ดูสถานการณ์ปัจจุบันของอีกฝ่ายเสร็จสิ้น เขาดันกรอบแว่นด้วยท่าทางค่อนข้างจริงจัง ตอนนี้เกรงว่าคนคนนี้จะไม่ให้ความร่วมมือ เขาปวดหัวเล็กน้อย จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยรักษาที่ประเทศU ครั้งหนึ่ง เด็กสาวคนนั้นชวนให้ปวดหัวจริงๆ เธออาจจะเป็นคนที่เขาเคยตรวจเมื่อหลายปีก่อน คนที่รับมือยากที่สุดก็คือคนที่จัดการได้ดีที่สุดสินะ
หลังจอดรถดับเครื่องยนต์ มู่ลี่ไป๋มองเวลาที่ข้อมือ โชคดีที่ถนนเส้นนี้รถไม่ติด เขาพาสติงเข้าไปในอพาร์ทเมนต์ ตรงไปยังห้องให้คำปรึกษาที่พ่อบ้านเตรียมไว้ให้ล่วงหน้า
พ่อบ้านเฉินปิดประตูห้องนอนใหญ่เบาๆ แล้วจากไปทันที
“เป่ยซี” ลั่วจื่อหานตบๆ หลังของเธอ แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ“เป่ยซี เป่ยซี” เขาเรียกอีกสองครั้ง สาวน้อยยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว
'หลับไปแล้วหรือเปล่า?’ เขาลุกขึ้นเล็กน้อย คลายมือที่จับเสื้อของเขาออก เห็นคิ้วของอี้เป่ยซีที่ผูกกันแน่น ความทรมานยังวนเวียนอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม ลั่วจื่อหานกำลังจะจากไป แต่เธอกลับลืมตาขึ้นทันใด จ้องเขาที่กำลังจะไปตาเขม็ง ลั่วจื่อหานต้องปีนกลับขึ้นไปบนเตียง ยกมือลูบหัวเธอ
“นาย นายจะไปแล้วเหรอ?”
“เปล่า ฉันแค่คิดว่าป่านนี้เป่ยซีคงจะหิวแล้ว ฉันไปเตรียมโจ๊กให้เธอดีไหม”
อี้เป่ยซีสีหน้าสับสน“แต่ว่า ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”
เขาหยิกแก้มของเธอเบาๆ รู้สึกสงสารมาก“งั้นก็ไม่ไปแล้ว”
“ฉันไปกับนายได้ไหม?”
ลั่วจื่อหานอึ้งไปครู่หนึ่งจึงค่อยพยักหน้า ช่วยเธอจัดแต่งผมพลางจูงมือเธอไปที่ห้องครัว อี้เป่ยซีกอดหมอนที่อ่อนนุ่มมองอยู่ข้างกายเขา มองอยู่เงียบๆ อย่างนั้น
ในอีกห้องหนึ่ง มู่ลี่ไป๋มองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งคราว เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ว่ายังไม่เห็นมีใครมา สติงก็มองเขาแปลกๆ เล็กน้อย
สถานการณ์น่าจะไม่ร้ายแรงมากเหรอ ทำไมป่านนี้แล้วยังไม่เห็นมีใครมา มู่ลี่ไป๋เปิดประตูออกไป ก็ได้กลิ่นหอมของข้าวลอยอยู่ในอากาศจางๆ เมื่อเดินมาถึงบันไดจึงเห็นอี้เป่ยซีที่กินโจ๊กอยู่บนโต๊ะอาหารกับลั่วจื่อหานซึ่งอยู่ข้างเธอ เขากำลังจะลงไปข้างล่างเพื่อถามสถานการณ์ แต่กลับถูกอาจารย์ดึงไว้จากด้านหลัง
“ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งเข้าไปเลย” ความเมตตาปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา“ทำไมพวกคุณไม่บอกผมตั้งแต่แรกล่ะว่าเป็นเสี่ยวซีซี”
“หืม?”
สติงส่ายหัวกับลูกศิษย์ตัวเอง “อย่าเพิ่งไปรบกวนพวกเขาเลย รอให้เสี่ยวซีซีรู้สึกดีกว่านี้หน่อย พวกคุณค่อยพาเขามาหาผมเถอะ ตอนนี้เรากลับไปที่ห้องเล็กก่อน รอให้พวกเขากลับแล้วค่อยออกไป”
มู่ลี่ไป๋พยักหน้า ตามสติงกลับเข้าไป เดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นสติงก็เอ่ยขึ้น“ไม่แน่ว่าเพื่อนเธอคนนี้อาจจะช่วยให้เสี่ยวซีซีเดินออกมาได้จริงๆ”
'เดินออกมา?’ มู่ลี่ไป๋เอียงศีรษะชำเลืองมองด้านล่าง แม้มองไม่ค่อยถนัด แต่ก็รู้สึกได้ชัดเจนถึงบรรยากาศเงียบสงบและอบอุ่นของพวกเขาที่โต๊ะกินข้าว แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ยังเอียงศีรษะแล้วยิ้ม ไม่รู้ว่าใครจะพาใครเดินออกมากันแน่
“ร้อนหรือเปล่า?” อี้เป่ยซีจับเขาไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือช้อนก้มหน้ากินโจ๊ก เมื่อได้ยินคำถามของคนข้างๆ จึงส่ายหัวช้าๆ ไอน้ำล่องลอยอยู่ตรงหน้า อบอุ่นเสียจนทำให้กระบอกตาแสบร้อน
ลั่วจื่อหานขมวดคิ้ว จะไม่ร้อนได้ยังไง เขายื่นมืออีกข้างไปหยิบช้อนในมือของเธอมา อี้เป่ยซีมองเขาอย่างทำตัวไม่ถูก
“ฉันป้อนเธอดีไหม?” เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยมนตร์สะกด ผ่านไปเนิ่นนานอี้เป่ยซีจึงผงกศีรษะน้อยๆ
หลังจากนั้นพักใหญ่ ก้นถ้วยสีขาวก็เผยออกมาให้เห็น อี้เป่ยซีมองถ้วยในมือเขาตาปริบๆ
“เอาอีกไหม?” เธอพยักหน้าหงึกหงัก หนึ่งถ้วย สองถ้วย สามถ้วย ลั่วจื่อหานวางมือ“เป่ยซี กินอีกไม่ได้แล้วนะ”
สายตาอี้เป่ยซีเปี่ยมด้วยคำถาม เธอกำลังจะลุกขึ้นก็อาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปออกมาทั้งหมด กลิ่นเหม็นเปรี้ยวกลบกลิ่นหอมของข้าว ลั่วจื่อหานตบแผ่นหลังของเธอเบาๆ ไม่ใส่ใจสิ่งปฏิกูลที่อยู่บนตัวเขาและเธอ
อาเจียนไม่ทันไร เธอก็ซบลงบนตัวของเขาแล้วร้องไห้ ลั่วจื่อหานอุ้มเธอกลับไปห้องนอน เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนของตัวเอง แล้วพาเธอไปห้องน้ำเพื่อเช็ดเอาสิ่งสกปรกบนใบหน้าและตัวเธอออก
“เป่ยซี ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครทำร้ายเธอได้ ทุกอย่างเรียบร้อยดี เธอสบายใจได้เลย”
อี้เป่ยซีกัดริมฝีปาก ร้องไห้อยู่บนไหล่เขาเนิ่นนาน
ลั่วจื่อหานไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนคนหนึ่งจะมีน้ำตาได้มากถึงเพียงนี้ เหมือนกับว่าร้องไห้เท่าไรก็ร้องไห้ไม่หมดสักที เขาก็ดีใจที่เธอร้องไห้ได้มากมาย ร้องเอาความไม่สบายใจและความหวาดกลัวออกมาให้หมด ร้องไห้ออกมาให้สาแก่ใจ
“ลั่วจื่อหาน ขอบคุณนะ” แม้เสียงจะเบาแต่กลับได้ยินชัดเจน ทุกๆ คำออกเสียงชัด ดวงตาใสกระจ่างที่ยังเปื้อนน้ำตาก็ชัดเจน
ลั่วจื่อหานจึงค่อยหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ เขาเอาผ้าขนหนูเปียกเช็ดหน้าให้เธอ“ที่บ้านมีกระต่ายน้อยเพิ่มมาตัวหนึ่ง”
เธอดูกระจก แล้วสบสายตากับคนที่อยู่ข้างหลัง รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
“เธอไปพักผ่อนเถอะ ฉันบอกพี่ชายเธอแล้ว พรุ่งนี้ค่อยส่งเธอกลับไป เธอก็คงไม่อยากให้พี่ชายเห็นเธอในสภาพนี้หรอกใช่ไหม”
“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเลยดีกว่า รบกวนนายมากขนาดนี้แล้ว ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ” เธอหันกลับมามองเขา ท่าทางแน่วแน่
ลั่วจื่อหานพยักหน้า“ฉันจะไปส่งเธอกลับ”
ที่เขตจิ่นหยวน
อี้เป่ยเฉินที่ได้รับข่าวจากลั่วจื่อหานโมโหมาก โมโหที่ลั่วจื่อหานพาอี้เป่ยซีไป โมโหที่ตัวเองไม่สามารถปกป้องอี้เป่ยซีให้ดีได้ เรื่องในอดีตเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็เพียงพอแล้ว เขาไม่อาจเห็นสภาพที่ใจสลายไร้ที่พึ่งของอี้เป่ยซีได้อีก เขาเองก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน หลังจากเด็กสาวที่ตัวเองชอบเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว ตัวเองกลับเป็นเหมือนคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น ได้แต่ร้อนใจอยู่ที่นี่ รอคอยอย่างว่างเปล่า
เมื่อเขาได้รับข้อความที่สองก็ออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว คอยมองไปยังทิศทางที่รถจะขับมาตลอดเวลา เป่ยซี เขาทำได้แค่รอเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร เขาไม่สามารถเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวเมื่อเธอเกิดเรื่องตั้งแต่เมื่อไรกัน
เขากำหมัดแน่น สูดลมหายใจแรง
------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ