Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.24 น.
40 ตอน
0 วิจารณ์
34.18K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) บทที่27ศัตรูผูกพันง่ายดาย(6)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่27ศัตรูผูกพันง่ายดาย(6)
ลั่วจื่อหานคือใครอี้เป่ยซีก็เคยได้ยินมา คนคนนั้นอายุเพียงสิบห้าเข้าสู่วงการธุรกิจ อายุยี่สิบปีห้าก็เป็นคนสร้างแผนงานธุรกิจของตัวเองในประเทศCเพียงแต่คนที่มีความสามารถสมัยนี้แปลกแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า?
ไม่สิ พี่ชายเธอก็เก่งมากนะ ดีกว่าคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งเยอะ อี้เป่ยซียังคงพยักหน้า
ทั้งสี่คนยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
'ความสัมพันธ์ระหว่างเป่ยซีกับประธานลั่วก็ไม่ธรรมดางั้นเหรอ?’ สายตาของถังเสวี่ยมองพวกเขาสองคนไปมา มือกำชายเสื้อตัวเองแน่น ตัวเองเป็นถึงคุณหนูใหญ่บ้านถัง ยังทำได้ไม่ดีเท่าเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเลย
“จื่อหาน เป่ยซี” เสียงของหลานฉือเซวียนทำลายการเผชิญหน้าที่อึดอัดของทั้งสี่คน“เอ่อ จื่อเซี่ยเธอก็มาด้วยเหรอ”
หลิงจื่อเซี่ยกลับสู่ท่าทางปกติ ยิ้มหวานให้เขา“รุ่นพี่หลาน”
“อืม ถังเสวี่ย ถังเฉิงเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เรียกให้เธอไปทางนู้นหน่อยน่ะ จื่อหาน ตอนนี้นายสะดวกออกไปก่อนไหม?”
ลั่วจื่อหานละสายตาของตัวเองไปอย่างสงบและพยักหน้า ก่อนจะออกไปจากที่นั่น
‘เป่ยซีกับลั่วจื่อหาน พวกเขารู้จักกันได้ยังไง’หลานฉือเซวียนกวาดตามองสาวน้อยด้วยความสงสัย เห็นแต่อี้เป่ยซียักไหล่อย่างเหนื่อยหน่าย ‘ช่างเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้อี้เป่ยเฉินกังวลไปคนเดียวแล้วกันว่ามีความสัมพันธ์กับเขามากแค่ไหน’ หลังจากส่งสายตาว่าอย่าออกนอกลู่นอกทางให้แล้วก็ตามคนข้างหน้าไป
เขาเอ่ย “เป่ยซี ฝากจื่อเซี่ยกับเธอด้วยนะ ฉันไปก่อนล่ะ”
“อืม ได้” อี้เป่ยซีถอนหายใจโล่งอก ทำไมทุกครั้งที่คนคนนั้นอยู่ด้วยมักจะรู้สึกกดดันแบบนี้ หลีกเลี่ยงเขาไปให้ไกลจะดีกว่า พอเธอเหลือบตาขึ้นก็เห็นความสงสัยและรังเกียจวูบผ่านในดวงตาของหลิงจื่อเซี่ย
เธอไปสร้างความรำคาญไว้เมื่อไหร่กัน? ยังไม่ได้ทำอะไร ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
“คือว่า…”
“อี้เป่ยซี?”
“ใช่ค่ะ”
อีกฝ่ายกระแอมไอ“คงมาร่วมปาร์ตี้แบบนี้ครั้งแรกสินะ จะเสียมารยาทก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าคราวหน้าได้ยินคนอื่นเรียกชื่อเธอต้องขานรับนะ”
พี่ชายเธอทำท่าทางเหมือนเรียกชื่อคนอื่นหรือไง?
“อืม ฉันจะพาเธอไป…”
หลิงจื่อเซี่ยตัดบทเธอทันที“วันนี้ยุ่งมาทั้งวันคงเหนื่อมากล่ะสิ เรื่องนี้ฉันรู้ เธอไปพักผ่อนทางนั้นเถอะ พอดีได้ยินว่าเค้กคืนนี้เชิญเชฟของหวานมาจากประเทศU มาเลยนะ เธอก็ตามไปชิมแล้วกัน”
หาเรื่องเหรอ? อี้เป่ยซีกัดฟันข่มเอาไว้“งั้นก็ขอบคุณคุณหนูหลิงที่เป็นห่วงค่ะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน” เธอหมุนรอบตัวอี้เป่ยซีรอบหนึ่ง“เสื้อตัวนี้น่ะไม่ค่อยเข้ากับเธอเท่าไร ดูเหมือนว่าจะป่องไปหน่อยหนึ่ง อีกอย่างงานที่เป็นทางการแบบนี้ เธอใส่ตามใจก็เท่ากับไม่ให้ความเคารพเท่าไรนะอีกอย่าง หน้าผากเธอกว้างไปหน่อย ทรงผมแบบนี้ทำให้หน้าบวมชัดๆ”
“อืม เธอไม่ได้แต่งหน้าเหรอ พื้นฐานผิวก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เมื่อกี้อยู่ไกลมองไม่ค่อยถนัด ไฝใต้ตาเม็ดนี้น่ะทำลายบุคลิกภาพของเธอมากเลย แต่เดิมทีก็ไม่ได้มีบุคลิกโดดเด่นอะไร ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก”
อี้เป่ยซีตอกกลับ“หนวกหูชะมัด คุณหนูคะ คุณเป็นแขกฉันก็เป็นแขก ที่ฉันมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อให้เธอเล่นเป็นคุณหนูใหญ่หรอกนะ”
“ฉันทำแบบนี้เพราะหวังดีกับเธอ ทำไมถึงตะคอกเสียงดังเสียมารยาทใส่ฉันล่ะ”
“มารยาท มารยาทของเธอก็คือพูดแทรกคนอื่นตามใจชอบ มารยาทของเธอก็คือวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นตั้งแต่หัวจรดเท้า มารยาทของเธอก็คือคิดว่าตัวเองเหนือกว่างั้นเหรอ?”
“งั้นฉันจะไม่หยาบคายป่าเถื่อนเหมือนผู้หญิงปากร้ายอย่างเธอ ฉันแค่บอกเธอว่าต้องทำตัวให้เข้ากับคนที่นี่ยังไง ช่วยเธอบินให้สูงขึ้นไง ไม่ใช่เป้าหมายที่เธอมาที่นี่หรอกเหรอ แม่นกกระจอกน้อย”
ไร้เหตุผลจริงๆ อี้เป่ยซีส่ายหัว“คุณหนูใหญ่ที่มีดีแต่ภายนอกจะไปสอนอะไรคนอื่นได้? ท่าทางมีการศึกษาที่แสดงออกมาก็หลอกได้เฉพาะคนที่ต้องการความสวยงามแค่เปลือกนอกเท่านั้นแหละ เข้ากับคนอื่นเหรอ? ก็มีแต่คนประเภทที่ต้องการตุ๊กตาสวยแต่รูปจูบไม่หอมอย่างคุณมาต้อนรับขับสู้ ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณเป็นสาวสังคมจนชิน หรือเรียนรู้หลักความประพฤติของผู้หญิงมากเกินไปกันแน่”
“เธอ…”
“อย่าเชียวนะ ตุ๊กตาสวยๆ โมโหแล้วเจ้าของจะไม่รักนะ” อี้เป่ยซีหัวเราะหึๆ“เธอดูสิ คนทั้งงานหันมามองเธอแล้วน่ะ ใครๆ ก็อยากได้ตุ๊กตาอย่างเธอทั้งนั้นแหละ แต่น่าเสียดายนะ น่าเสียดายว่าคนที่เธออยากเจอที่สุดคนนั้นไม่มีทางชูป้ายเลขประมูลของเขาหรอก” เธอทำท่าส่ายหัวอย่างเสียดาย
“อี้เป่ยซี” หลิงจื่อเซี่ยเพิ่งจะเข้าใจว่าตัวเองถูกแกล้งแล้ว จู่ๆ ก็พูดเสียงดัง“ต่อให้ในสายตาพี่จื่อหานไม่มีฉัน เขาก็ไม่มีทางชอบเธอหรอก”
ลั่วจื่อหาน ลั่วจื่อหาน ผู้หญิงคนนี้ทำไมเอาแต่พูดถึงแต่เขา ดูไม่ออกหรือไงว่าฉันไม่อยากพูดถึงเขาเลยแม้แต่นิดเดียว “งั้นเหรอ เธอไม่ได้สังเกตสายตาที่พี่จื่อหานของเธอมองฉันเมื่อกี้เหรอ ฉันกลับรู้สึกว่าเขาชอบฉัน ชอบเอามากๆ ด้วย”
“ทำไมเธอถึงได้กล้าแบบนี้…จื่อ จื่อ…”อี้เป่ยซีเห็นอีกฝ่ายมัวแต่ ‘จื่อ’ ตั้งนานแต่ไม่พูดอะไร นึกว่าโดนตัวเองทำให้โมโหจริงๆ ซะแล้ว จึงอารมณ์ดีมาก
“หืม? งั้นอยากให้ฉันสอนเธอไหมล่ะ สอนว่าจะดึงดูดสายตาของพี่จื่อหานได้ยังไง” เธอพูดคำว่า‘พี่’ พร้อมแสร้งทำสีหน้าอ่อนโยน“น่าเสียดายจริงๆ แต่ฉันไม่สนใจ”
“แต่ผมสนใจจะขอคำแนะนำจากคุณหนูอี้สักหน่อย”
ลั่วจื่อหาน...อี้เป่ยซีรู้สึกว่าตัวเองตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว เขาอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร เธออวดเก่งอะไรกัน ไม่รู้จักความพอดีหรืออย่างไร? เขามาตั้งแต่เมื่อไร ได้ยินไปแค่ไหน แย่แล้ว ทำไงดี ทำไงดี ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรก็แล้วกัน
พอหันกลับมาก็เห็นผู้ชายสองคนที่หล่อเหลาทรงเสน่ห์ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่ต่างกัน คนหนึ่งเหมือนแสงอาทิตย์ อีกคนสง่างาม
'หลานฉือเซวียน ต้องโทษนายคนเดียว บัญชีนี้ฉันบันทึกไว้แล้ว’
“เอ่อ ห้องโถงนี่อึดอัดชะมัด ฉันจะออกไปเดินเล่น เดินเล่น” พูดจบอี้เป่ยซีก็วิ่งออกไปข้างนอกแล้ว
ยัยคนนี้ยิ่งบ้าบิ่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกมา หลานฉือเซวียนกระแอมไอ“จื่อหาน เด็กคนนั้นถูกพี่ชายเขาตามใจจนเสียคนแล้ว ฉันขอโทษนายแทนเธอด้วย”
“ไม่ต้องหรอก” เธอก็ไม่ได้พูดอะไรผิด เขาเองก็สงสัยเหมือนกัน ทำไมถึงได้ถูกเธอดึงดูดความสนใจโดยไม่รู้ตัว
หลิงจื่อเซี่ยมองไปยังทิศทางที่อี้เป่ยซีหายไปอย่างไม่พอใจ “พี่จื่อหาน เขาก็เพ้อเจ้อเกินไปจริงๆ พูดจาไร้สาระ คิดว่าคนอื่นจะถูกหลอกง่ายๆ รึยังไง ยิ่งกว่านั้นก็คือพูดให้พี่เสียหายด้วย”
ในเวลานั้นเอง สัญชาตญาณการปกป้องสิ่งหวงแหนของหลานฉือเซวียนถูกปลุกขึ้นมา เขามองผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ตอนแรกคิดว่าเป็นคนการศึกษาดีมีเหตุผล ตอนนี้ทำไมยิ่งมองยิ่งขัดสายตา เพียงแค่เอ่ยปากพูดก็ได้ยินน้ำเสียงดูถูกของเธอแล้ว
“หลิงจื่อเซี่ย นี่คือสิ่งที่เธอเรียนมาจากอาจารย์เหรอ?”
เธอก้มหน้าน้อยใจ“ฉันรู้แล้วน่ะพี่จื่อหาน”
“เป่ยซีเอาแต่ใจ จื่อเซี่ยก็อย่าไปทำตามเขาสิ”หลานฉือเซวียนบอก
“ไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ก็เป็นคุณหนูบ้านลั่วไม่ได้หรอกนะ” ลั่วจื่อหานเอ่ยน้ำเสียงเรียบๆ หลิงจื่อเซี่ยกัดริมฝีปากตอบว่าค่ะ ชื่อของอี้เป่ยซีถูกสลักไว้ในใจด้วยความเกลียดชังแล้ว
เสียงของพิธีกรดังขึ้นในห้องโถงพิธีการ ดึงดูดความสนใจของทุกคนไป งานวันเกิดวันนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ…
------------
ลั่วจื่อหานคือใครอี้เป่ยซีก็เคยได้ยินมา คนคนนั้นอายุเพียงสิบห้าเข้าสู่วงการธุรกิจ อายุยี่สิบปีห้าก็เป็นคนสร้างแผนงานธุรกิจของตัวเองในประเทศCเพียงแต่คนที่มีความสามารถสมัยนี้แปลกแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า?
ไม่สิ พี่ชายเธอก็เก่งมากนะ ดีกว่าคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งเยอะ อี้เป่ยซียังคงพยักหน้า
ทั้งสี่คนยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
'ความสัมพันธ์ระหว่างเป่ยซีกับประธานลั่วก็ไม่ธรรมดางั้นเหรอ?’ สายตาของถังเสวี่ยมองพวกเขาสองคนไปมา มือกำชายเสื้อตัวเองแน่น ตัวเองเป็นถึงคุณหนูใหญ่บ้านถัง ยังทำได้ไม่ดีเท่าเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเลย
“จื่อหาน เป่ยซี” เสียงของหลานฉือเซวียนทำลายการเผชิญหน้าที่อึดอัดของทั้งสี่คน“เอ่อ จื่อเซี่ยเธอก็มาด้วยเหรอ”
หลิงจื่อเซี่ยกลับสู่ท่าทางปกติ ยิ้มหวานให้เขา“รุ่นพี่หลาน”
“อืม ถังเสวี่ย ถังเฉิงเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เรียกให้เธอไปทางนู้นหน่อยน่ะ จื่อหาน ตอนนี้นายสะดวกออกไปก่อนไหม?”
ลั่วจื่อหานละสายตาของตัวเองไปอย่างสงบและพยักหน้า ก่อนจะออกไปจากที่นั่น
‘เป่ยซีกับลั่วจื่อหาน พวกเขารู้จักกันได้ยังไง’หลานฉือเซวียนกวาดตามองสาวน้อยด้วยความสงสัย เห็นแต่อี้เป่ยซียักไหล่อย่างเหนื่อยหน่าย ‘ช่างเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้อี้เป่ยเฉินกังวลไปคนเดียวแล้วกันว่ามีความสัมพันธ์กับเขามากแค่ไหน’ หลังจากส่งสายตาว่าอย่าออกนอกลู่นอกทางให้แล้วก็ตามคนข้างหน้าไป
เขาเอ่ย “เป่ยซี ฝากจื่อเซี่ยกับเธอด้วยนะ ฉันไปก่อนล่ะ”
“อืม ได้” อี้เป่ยซีถอนหายใจโล่งอก ทำไมทุกครั้งที่คนคนนั้นอยู่ด้วยมักจะรู้สึกกดดันแบบนี้ หลีกเลี่ยงเขาไปให้ไกลจะดีกว่า พอเธอเหลือบตาขึ้นก็เห็นความสงสัยและรังเกียจวูบผ่านในดวงตาของหลิงจื่อเซี่ย
เธอไปสร้างความรำคาญไว้เมื่อไหร่กัน? ยังไม่ได้ทำอะไร ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
“คือว่า…”
“อี้เป่ยซี?”
“ใช่ค่ะ”
อีกฝ่ายกระแอมไอ“คงมาร่วมปาร์ตี้แบบนี้ครั้งแรกสินะ จะเสียมารยาทก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าคราวหน้าได้ยินคนอื่นเรียกชื่อเธอต้องขานรับนะ”
พี่ชายเธอทำท่าทางเหมือนเรียกชื่อคนอื่นหรือไง?
“อืม ฉันจะพาเธอไป…”
หลิงจื่อเซี่ยตัดบทเธอทันที“วันนี้ยุ่งมาทั้งวันคงเหนื่อมากล่ะสิ เรื่องนี้ฉันรู้ เธอไปพักผ่อนทางนั้นเถอะ พอดีได้ยินว่าเค้กคืนนี้เชิญเชฟของหวานมาจากประเทศU มาเลยนะ เธอก็ตามไปชิมแล้วกัน”
หาเรื่องเหรอ? อี้เป่ยซีกัดฟันข่มเอาไว้“งั้นก็ขอบคุณคุณหนูหลิงที่เป็นห่วงค่ะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน” เธอหมุนรอบตัวอี้เป่ยซีรอบหนึ่ง“เสื้อตัวนี้น่ะไม่ค่อยเข้ากับเธอเท่าไร ดูเหมือนว่าจะป่องไปหน่อยหนึ่ง อีกอย่างงานที่เป็นทางการแบบนี้ เธอใส่ตามใจก็เท่ากับไม่ให้ความเคารพเท่าไรนะอีกอย่าง หน้าผากเธอกว้างไปหน่อย ทรงผมแบบนี้ทำให้หน้าบวมชัดๆ”
“อืม เธอไม่ได้แต่งหน้าเหรอ พื้นฐานผิวก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เมื่อกี้อยู่ไกลมองไม่ค่อยถนัด ไฝใต้ตาเม็ดนี้น่ะทำลายบุคลิกภาพของเธอมากเลย แต่เดิมทีก็ไม่ได้มีบุคลิกโดดเด่นอะไร ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก”
อี้เป่ยซีตอกกลับ“หนวกหูชะมัด คุณหนูคะ คุณเป็นแขกฉันก็เป็นแขก ที่ฉันมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อให้เธอเล่นเป็นคุณหนูใหญ่หรอกนะ”
“ฉันทำแบบนี้เพราะหวังดีกับเธอ ทำไมถึงตะคอกเสียงดังเสียมารยาทใส่ฉันล่ะ”
“มารยาท มารยาทของเธอก็คือพูดแทรกคนอื่นตามใจชอบ มารยาทของเธอก็คือวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นตั้งแต่หัวจรดเท้า มารยาทของเธอก็คือคิดว่าตัวเองเหนือกว่างั้นเหรอ?”
“งั้นฉันจะไม่หยาบคายป่าเถื่อนเหมือนผู้หญิงปากร้ายอย่างเธอ ฉันแค่บอกเธอว่าต้องทำตัวให้เข้ากับคนที่นี่ยังไง ช่วยเธอบินให้สูงขึ้นไง ไม่ใช่เป้าหมายที่เธอมาที่นี่หรอกเหรอ แม่นกกระจอกน้อย”
ไร้เหตุผลจริงๆ อี้เป่ยซีส่ายหัว“คุณหนูใหญ่ที่มีดีแต่ภายนอกจะไปสอนอะไรคนอื่นได้? ท่าทางมีการศึกษาที่แสดงออกมาก็หลอกได้เฉพาะคนที่ต้องการความสวยงามแค่เปลือกนอกเท่านั้นแหละ เข้ากับคนอื่นเหรอ? ก็มีแต่คนประเภทที่ต้องการตุ๊กตาสวยแต่รูปจูบไม่หอมอย่างคุณมาต้อนรับขับสู้ ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณเป็นสาวสังคมจนชิน หรือเรียนรู้หลักความประพฤติของผู้หญิงมากเกินไปกันแน่”
“เธอ…”
“อย่าเชียวนะ ตุ๊กตาสวยๆ โมโหแล้วเจ้าของจะไม่รักนะ” อี้เป่ยซีหัวเราะหึๆ“เธอดูสิ คนทั้งงานหันมามองเธอแล้วน่ะ ใครๆ ก็อยากได้ตุ๊กตาอย่างเธอทั้งนั้นแหละ แต่น่าเสียดายนะ น่าเสียดายว่าคนที่เธออยากเจอที่สุดคนนั้นไม่มีทางชูป้ายเลขประมูลของเขาหรอก” เธอทำท่าส่ายหัวอย่างเสียดาย
“อี้เป่ยซี” หลิงจื่อเซี่ยเพิ่งจะเข้าใจว่าตัวเองถูกแกล้งแล้ว จู่ๆ ก็พูดเสียงดัง“ต่อให้ในสายตาพี่จื่อหานไม่มีฉัน เขาก็ไม่มีทางชอบเธอหรอก”
ลั่วจื่อหาน ลั่วจื่อหาน ผู้หญิงคนนี้ทำไมเอาแต่พูดถึงแต่เขา ดูไม่ออกหรือไงว่าฉันไม่อยากพูดถึงเขาเลยแม้แต่นิดเดียว “งั้นเหรอ เธอไม่ได้สังเกตสายตาที่พี่จื่อหานของเธอมองฉันเมื่อกี้เหรอ ฉันกลับรู้สึกว่าเขาชอบฉัน ชอบเอามากๆ ด้วย”
“ทำไมเธอถึงได้กล้าแบบนี้…จื่อ จื่อ…”อี้เป่ยซีเห็นอีกฝ่ายมัวแต่ ‘จื่อ’ ตั้งนานแต่ไม่พูดอะไร นึกว่าโดนตัวเองทำให้โมโหจริงๆ ซะแล้ว จึงอารมณ์ดีมาก
“หืม? งั้นอยากให้ฉันสอนเธอไหมล่ะ สอนว่าจะดึงดูดสายตาของพี่จื่อหานได้ยังไง” เธอพูดคำว่า‘พี่’ พร้อมแสร้งทำสีหน้าอ่อนโยน“น่าเสียดายจริงๆ แต่ฉันไม่สนใจ”
“แต่ผมสนใจจะขอคำแนะนำจากคุณหนูอี้สักหน่อย”
ลั่วจื่อหาน...อี้เป่ยซีรู้สึกว่าตัวเองตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว เขาอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร เธออวดเก่งอะไรกัน ไม่รู้จักความพอดีหรืออย่างไร? เขามาตั้งแต่เมื่อไร ได้ยินไปแค่ไหน แย่แล้ว ทำไงดี ทำไงดี ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรก็แล้วกัน
พอหันกลับมาก็เห็นผู้ชายสองคนที่หล่อเหลาทรงเสน่ห์ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่ต่างกัน คนหนึ่งเหมือนแสงอาทิตย์ อีกคนสง่างาม
'หลานฉือเซวียน ต้องโทษนายคนเดียว บัญชีนี้ฉันบันทึกไว้แล้ว’
“เอ่อ ห้องโถงนี่อึดอัดชะมัด ฉันจะออกไปเดินเล่น เดินเล่น” พูดจบอี้เป่ยซีก็วิ่งออกไปข้างนอกแล้ว
ยัยคนนี้ยิ่งบ้าบิ่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกมา หลานฉือเซวียนกระแอมไอ“จื่อหาน เด็กคนนั้นถูกพี่ชายเขาตามใจจนเสียคนแล้ว ฉันขอโทษนายแทนเธอด้วย”
“ไม่ต้องหรอก” เธอก็ไม่ได้พูดอะไรผิด เขาเองก็สงสัยเหมือนกัน ทำไมถึงได้ถูกเธอดึงดูดความสนใจโดยไม่รู้ตัว
หลิงจื่อเซี่ยมองไปยังทิศทางที่อี้เป่ยซีหายไปอย่างไม่พอใจ “พี่จื่อหาน เขาก็เพ้อเจ้อเกินไปจริงๆ พูดจาไร้สาระ คิดว่าคนอื่นจะถูกหลอกง่ายๆ รึยังไง ยิ่งกว่านั้นก็คือพูดให้พี่เสียหายด้วย”
ในเวลานั้นเอง สัญชาตญาณการปกป้องสิ่งหวงแหนของหลานฉือเซวียนถูกปลุกขึ้นมา เขามองผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ตอนแรกคิดว่าเป็นคนการศึกษาดีมีเหตุผล ตอนนี้ทำไมยิ่งมองยิ่งขัดสายตา เพียงแค่เอ่ยปากพูดก็ได้ยินน้ำเสียงดูถูกของเธอแล้ว
“หลิงจื่อเซี่ย นี่คือสิ่งที่เธอเรียนมาจากอาจารย์เหรอ?”
เธอก้มหน้าน้อยใจ“ฉันรู้แล้วน่ะพี่จื่อหาน”
“เป่ยซีเอาแต่ใจ จื่อเซี่ยก็อย่าไปทำตามเขาสิ”หลานฉือเซวียนบอก
“ไม่มีคุณสมบัติข้อนี้ก็เป็นคุณหนูบ้านลั่วไม่ได้หรอกนะ” ลั่วจื่อหานเอ่ยน้ำเสียงเรียบๆ หลิงจื่อเซี่ยกัดริมฝีปากตอบว่าค่ะ ชื่อของอี้เป่ยซีถูกสลักไว้ในใจด้วยความเกลียดชังแล้ว
เสียงของพิธีกรดังขึ้นในห้องโถงพิธีการ ดึงดูดความสนใจของทุกคนไป งานวันเกิดวันนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ…
------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ