Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) Trap Evil : 08

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
 
08
 
 
 
“สาบานเลยฉันไม่ได้โผล่หน้าไปให้นายเห็นเลยสักครั้ง”
ฉันรีบแก้ตัวทันที หลังจากที่ภูเบศกล่าวประโยคนั้นออกมาว่า ไม่ว่าเขาไหนก็เห็นแต่ฉัน ฉันสาบานเลยว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นเขาเลยสักครั้ง แล้วเขาจะเห็นฉันได้ไง ทุกวันนี้ฉันเรียนเสร็จพันแสงก็รีบมารับฉันกลับห้อง ฉันไม่มีเวลาโผล่หน้าไปให้เขาเห็นหรอก และอีกอย่างมันไม่มีเหตุผลไหนเลยที่ฉันต้องโผล่ไปให้เขาเห็นหน้า หมอนี่ต้องมั่วไปแล้วแน่ๆที่กล่าวหาฉันมาแบบนั้น 
“เธอนี่มัน..”
ภูเบศทำหน้าเหนื่อยหน่ายทันทีหลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่ฉันพูดออกไป อ้าว ฉันทำอะไรผิดอีกละ ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจในทุกอย่างที่ฉันทำหรือพูดออกมาเลยสักครั้งนะ
“มานี่มา”
แต่แล้วจู่ๆคนตัวสูงกว่าฉันอย่างภูเบศก็ลากฉันไปที่ที่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นที่ที่รถของเขาจอดอยู่เพราะฉันเห็นรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่ตรงนั้นคันเดียว และเขาก็ถือกุญแจรถอยู่ด้วย ฉันเลยคิดว่ารถคันนั้นคงน่าจะเป็นรถของเขา แต่เขาพาฉันมาด้วยทำไม
“เธอควรจะขัดขืนบ้างนะ ถ้าโดนลากไปแบบนี้”
ภูเบศหันมาดุฉันเสียงเข้ม แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเหมือนกำลังควบคุมอะไรสักอย่างอย่างที่เขาต้องการไม่ได้ นี่ฉันทำอะไรผิดอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ ก็ยอมเดินมาด้วยดีๆยังจะมาดุฉันอีก นี่ฉันควรขัดขืนใช่ไหม
“อ้าวเหรอ ขัดขืนตอนนี้ทันไหม”
คำพูดของฉันเมื่อกี้แทบทำให้คนตรงหน้าฉันกระโดดมางับคอฉันได้ถ้าเขาทำได้คงทำไปแล้วดูจากสีหน้าของเขาที่อยากจะฆ่าฉันเต็มทนนี่แล้วนะ ฉันเปล่ากวนนะคือฉันไม่รู้จริงๆเลยถามไปแบบนั้น
“ยัยบื่อเอ๊ย”
ภูเบศสบถออกมาแล้วเอานิ้วดันหน้าผากฉันไปด้านหลังแรงๆครั้งหนึ่งจนฉันแทบหงานหลัง ฉันเลยได้แต่ลูบหน้าผากของตัวเองปอยๆเพราะความเจ็บที่ได้จากการกระทำของคนตรงหน้าเมื่อกี้นี้
“แล้วพามาทำไรอ่ะ”
“ไปกับฉัน”
คนตรงหน้าพูดพร้อมกับเปิดประตูรถคันดังกล่าว เห็นไหมละว่านี่ต้องเป้นรถเขา ฉันนี่เดาแม่นจริงๆเลย แต่จะว่าไปรถเขาดูแพงมากแน่ๆสงสัยเขาคงเป็นคนมีเงิน
“ไม่ไป”
ฉันกล่าวปฏิเสธเพราะไม่กี่นาทีข้างหน้านี้พันแสงก็จะมารับฉันแล้ว ฉันไม่อยากให้พวกเขามีเรื่องกันเพราะพันแสงจะชอบหาเรื่องผู้ชายที่อยู่ใกล้ฉันทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามพันแสงเขาก็ไม่สน
“อย่าดื้อ”
ภูเบศตำหนิฉันเสียงเข้มพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแขนฉันไว้ แต่ฉันหรือจะยอมฉันเดินถอยหลังออกไปให้ห่างเขาเท่าที่จะทำได้
“ฉันไปกับนายไม่ได้”
ฉันพูดแล้วก็มองคนตรงหน้า ภูเบศก็ทำสีหน้าสงสัยกลับมาแทน
“เพราะ?”
“เราไม่รู้จักกัน”
ฉันก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนทำให้คนตรงหน้าใจอ่อนไม่พาฉันไปได้เลยต้องเอาวิธีนี้ไปใช้ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลน่ะ หลังจากที่ฉันพูดประโยคนั้นออกไปคนตรงหน้าฉันก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าที่ดุดันกว่าเดิม
“แล้วทำยังไงเราถึงจะรู้จักกัน”
ภูเบศถามเสียงเย็นแล้วเดินเข้ามาประชิดตัวฉัน ฉันก้าวถอยหลังทันทีแต่ก็ถอยไปได้ไม่มากเพราะด้านหลังฉันเป็นต้นไม้ซึ่งฉันไม่ทันได้สังเกตว่าตรงนี้ก็มีด้วย มันเลยทำให้การหลบหนีของฉันเป็นไปได้ยากกว่าเดิม
“มะ ไม่รู้”
ฉันตอบแล้วหลบหน้าเขา เพราะภูเบศยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันมาก จนฉันสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆที่เบารดหน้าฉันอยู่
“อืม ทำไงดีน้า”
“อือ..”
หลังจากที่จบประโยคนั้นไป ภูเบศก็เลื่อนริมฝีปากมาประกบกับริมฝีปากของฉันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากนุ่มๆของเขาค่อยๆไล่ตามริมฝีปากของฉันอย่างช้าๆ ตอนนี้ฉันได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเพรระาไม่คิดว่าฉันคนนี้จะมาจูบในเวลากลางวันแสกๆแบบนี้ หัวสมองของฉันตอนนี้มันขาวโพรนไปหมด คิดอะไรไม่ออก รู้สึกแค่ริมฝีปากที่ค่อยๆรุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ และลมหายใจของเขาที่เป่ารดหน้าฉันฉันรู้สึกเหมือนได้กลิ่นเหมือนกลิ่นมิ้นล์
ปึก!
ฉันใช้มือทุบอกเขาหลังจากที่สัมผัสได้ว่ามีอะไรกำลังดุนเข้ามาในปากฉันนอยู่ และสิ่งนั้นมันทำให้สติฉันกลับคืนมา ดูเหมือนภูเบศจะรำคาญมือของฉันที่กำลังทับตีเขาอยู่เขาเลยรวบมือฉันทั้งสองข้างไว้ด้วยมือข้างเดียวของเขาทั้งๆที่ริมฝีปากของเขากำลังรุกล้ำริมฝีปากของฉันอยู่ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนฉันมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อริมฝีปากของภูเบศค่อยๆผละออกห่างอย่างช้าๆ และอ้อยอิงเหมือนไม่ค่อยอยากจะผละออกสักเท่าไหร่
“ทีนี้เรารู้จักกันได้ยัง”
ร่างสูงที่ยืนค่อมฉันอยู่ถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไม่รู้สิ สงสัยฉันถูกจูบจนหน้ามืดตาลายมั้งเลยเห็นว่าคนตรหน้าของฉันตอนนี้เขาดูหล่อกว่าทุกครั้ง ให้ตายสิ บุหลัน สติ อย่าไปคล้อยตามเขาแบบนี้สิ
“เออ….”
ผลั๊ก!
ฉันได้แต่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่นี้ เพราะจู่ๆร่างของภูเบศก็ล้มลงไปนอนกับพื้น สิ่งที่ฉันเห็นต่อมาคือเท้าของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ แต่พอฉันมองไปที่ใบหน้าของเจ้าของเท้านี้ มันทำเอาฉันถึงกับอ้าปากค้างทันทีด้วยความตกใจ
“พันแสง”
ฉันเปล่งเสียงออกมาเสียงเบา ตอนนี้พันแสงกำลังโกรธมากแน่เพราะหน้าตาของเขากำลังบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ
“เหี้ยเอ๊ย มึงเป็นใครว่ะ”
พันแสงสบถออกมาแล้วกระชากตัวฉันไปไว้ด้านหลังของตัวเอง ตอนนี้ภูเบศก็ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้ว สีหน้าของเขาไม่แสงดสีหน้าเจ็บปวดออกมาเลยสักนิดทั้งๆที่เขาพึ่งถูกถีบไปแท้ๆ แต่เขากลับยิ้มออกมาแทบ และนั้นยิ่งทำให้พันแสงยิ่งเดือดหนักกว่าเดิม
“หึ เป็นใครดีล่ะ”
ภูเบศตอบพร้อมกับมองหน้าพันแสงด้วยสายตาท้าทาย  ไม่ได้การแล้ว พวกเขาจะมีเรื่องกันไม่ได้น่ะ
“มึง!”
“ไม่เอา พัน”
ฉันกอดแขนของพันแสงไว้แน่นยื้อไว้ไม่ให้เขาพุ่งเข้าใส่ภูเบศ
“บุหลัน อย่าห้าม”
พันแสงหันมาดุใส่ฉัน อารมณ์ของพันแสงตอนนี้มันยากที่จะทำให้เย็นลงได้ ฉันต้องทำยังไงดี
“มึงทำอะไรยัยนี่”
พันแสงหันไปถามภูเบศเสียงดังพร้อมกับชี้หน้าภูเบศไปด้วย
“ทำไร ก็แค่จูบ”
ส่วนคนที่ถูกถามก็ตอบมาอย่างไม่สะทกสะท้านกับเสียงที่ถามมาเลย
“จูบ มึง!”
“พัน พัน ไม่เอา”
ตอนนี้ฉันไม่ได้แค่กอดแค่แขนของพันแสงแต่ฉันกอดเขาไว้ทั้งตัวเพื่อยื้อตัวเขาไว้ พันแสงไม่เย็นลงเลยสักนิด ตอนนี้เขาเดือดกว่าเดิมเสียอีกหลังจากที่รู้ว่าภูเบศทำอะไรฉัน และตอนนั้นเองฉันก็เผลอไปสบตาเข้ากับดวงตาแข็งก้าวที่กำลังมองมาที่ฉันอยู่ก่อนแล้ว เขามองดูหน้าฉันแล้วก็มองไปที่แขนของฉันที่โอบกอดพันแสงแล้วจ้องหน้าฉันเขม่ง เป็นไรไปอีกคนเนี่ย
“มันจูบเธอน่ะยัยบ้า”
“แล้วไงทีนายยังจูบฉันเลยไม่เห็นเป็นไร”
ฉันตอบกลับใบทำให้พันแสงถึงกับทำหน้าเหนื่อยกับประโยคที่ฉันพึ่งพูดไป ทำไมอ่ะ เราจูบกันออกบ่อย ทั้งแก้ม ทั้งหน้าผาก ไม่เห็นเป็นไรเลย
“ฉันทำกับเธอมันไม่แปลก แต่มันทำกับเธอสิแปลก”
พันแสงหันมาบอก รู้สึกว่าตอนนี้เขาดูไม่เหมือนจะโกรธภูเบศเลยแต่กลับกลายมาโกรธฉันแทนนี่ดิ
“ยังไงอ่ะ”
ช่วยอธิบายฉันที
“เกิดมาเป็นเธอนี่มันบื้อจริงๆ”
พันแสงพูดพร้อมกับทำหน้าอ่อมระอากับฉัน
“เกิดมาเป็นฉันแล้วไง”
แล้วตอนนี้กลายเป็นว่าฉันกับพันแสงหันมาทะเลาะกันเอง ฉันปล่อยมือออกจากพันแสงแล้วยืนกอดอกด้วยท่าทางที่เอาเรื่องเต็มที เป็นพี่ชายฉันแท้ๆมาว่าฉันแบบนี้ เป็นใครใครจะชอบ
“ไม่แล้วไงล่ะ”
พันแสงพูดแล้วหันหน้าหนีฉันไปทางอื่น หมอนี่ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครหลบหน้าฉัน
“พัน ฉันโกรธนายแล้วน่ะ”
“ฉันต่างหากต้องเป็นฝ่ายโกรธเธอ”
ฉันไม่รู้ว่าจะเถียงเขายังไง ความโกธรที่มีต่อพี่ชายแท้ๆของฉันตอนนี้กำลังปะทุขึ้นเรื่อยๆจนมาสามารถกักกั้นมันไว้ได้ แล้วน้ำตาเจ้ากรรมฉันก็ดันไหลออกมาไม่ถูกเวลา เวลาฉันโกรธมากๆจนทำอะไรไม่ถูกฉันก็ร้องให้ออกมาแบบนี้ตลอด ฉันเป็นคนที่น้ำตาไหลง่ายมาก
“ฮึก”
ฉันมองหน้าพันแสงพร้อมกับสะอื้นไปด้วย ตอนนี้พันแสงเริ่มลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูกหลังจากที่เห็นน้ำตาของฉัน
“ไม่เอาไม่ร้องดิ บุหลัน”
พันแสงพูดในน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมแล้วเดินเข้ามาเอื้อมมือมาเหมือนจะกอดฉัน แต่ฉันโกธรอยู่มีหรือจะยอม ฉันเบี่ยงตัวถอยห่างจากเอื้อมมือของพันแสง พร้อมกับมองหน้าขาด้วยสายตาโกธรๆ พันแสงแพ้น้ำตาของฉันตลอดแหละ
“ขอโทษ จะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว ดีกันน่ะ”
และฉันก็ทนลูกง้อของพันแสงไม่เคยได้สักที คิดดูมีผู้ชายหล่อมาอ้อนต่อหน้าเป็นคุณจะใจอ่อนไหม
“แน่น่ะ”
“อื้อ”
แล้วฉันก็ยอมให้พันแสงกอดจนได้ เราทะเลาะกันบ่อยมากไม่ว่าจะผิดหรือถูกฉันก็เป็นฝ่ายชนะตลอดเพราะน้ำตาฉันไง แล้วพันแสงก็จะยอมฉันตลอด เขาเรียกกันว่าพี่น้องรักกันดี
“พี่ขอโทษ”
พันแสงกระซิบพร้อมกับลูบหัวฉันเบาๆเพื่อปลอบโยนฉัน แต่ดูเหมือนเราทั้งคู่จะลืมใครนะ เออใช่ ภูเบศ
“ฉันจะไม่ยกโทษให้จนกว่าพันจะไม่มีเรื่องกับเขาอีก”
ฉันเลยยื่นข้อเสนอให้ แล้วมองไปที่ภูเบศที่มองดูเราอยู่ พันแสงทำสีหน้าลำบากใจแต่ก็ยอมทำตามที่ฉันบอก แล้วฉันเลยลากพันแสงออกจากบริเวณนั้น
“ส่วนมึงอย่ายุ่งกับน้องกูอีก”
พันแสงหันไปชี้หน้าภูเบศเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็เดินตามแรงลากของฉันออกมาอย่างว่าง่าย มีพี่ขี้ห่วง นี่มันลำบากเนอะ
 
 
 
 
 
5555 ขำกับพี่น้องคู่นี้จริงๆ
ภูเบศฝากมาบอกว่า กูยืนอยู่ตรงนี้เห็นหัวกูบ้าง
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา