Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.
20 ตอน
0 วิจารณ์
15.94K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) Trap Evil : 07
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ07
ฉันไม่รู้ว่าฉันลงมาอยู่ที่หน้าคอนโดได้ยังไงทั้งๆที่ตัวฉันเองมองอะไรไม่เห็นเลยสักนิด หรือเพราะว่าเมื่อกี้ฉันมัวแต่คิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับคนแปลกหน้าที่ฉันบังเอิญมารู้จักกัน มันเลยทำให้หัวของฉันข้างในมันว่างเปล่าเหมือนมีแต่ฟองอากาศลอยอยู่เต็มไปหมด กว่าฉันจะรู้ตัวอีกทีฉันก็ออกมาอยู่ที่หน้าคอนโดแล้ว
แต่ทันทีที่ฉันเดินออกมาถึงหน้าคอนโด สายตาของฉันมันก็เห็นใครคนหนึ่งที่รูปร่างคุ้นตา พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็จำได้ทันทีว่าคนคนนั้นคือใคร เขขาคือพันแสง พี่ชายฝาแฝดของฉัน ตอนนี้เขากำลังยืนทำหน้าบึ้งอยู่ข้างรถคันหรูคู่ใจของเขาอยู่
“พัน”
ฉันเรียกชื่อเขาพร้อมกับยิ้มให้พันแสงหลังจากที่เห็นหน้าเขาทันที แต่ทันทีที่ฉันเดินถึงตัวพันแสงเท่านั้นแหละ พันแสงก็รีบกระชากตัวฉันเข้าไปกอดไว้แน่น จนฉันหายใจแทบไม่ออกแต่ก็ปล่อยให้พันแสงกอดตัวเองอยู่อย่างนั้นจนกว่าเขาจะพอใจ พันแสงนะห่วงฉันยิ่งกว่าอะไรดี เห้นเขาขี้บ่นแบบนั้นก็เถะอ เขานะรักฉันมากนะจะบอกให้ ฉันเลยกอดตอบพันแสงพร้อมกับตบหลังเขาเบาๆเพื่อให้เขาสบายใจขึ้นมา
“ฉันห่วงเธอแทบบ้า ติดต่อเธอไม่ได้ทั้งคืน ยังจะมีหน้ามายิ้มให้อีก”
พันแสงบ่นพึมพำอยู่ข้างหูฉัน ฉันได้แต่ส่ายหัวให้กับความขี้บ่นของพี่ชายฉันด้วยความเอือมระอา
“พอดีโทรศัพท์ฉันสลับกับคนอื่นนะ เลยเอามาคืนเขา แล้วทีนี้….”
แต่ฉันจะบอกพันแสงยังไงดีว่าโดนแฟนเพื่อนของตัวเองมอมเหล้าแล้วยกฉันให้ผู้ชายคนอื่น ถ้าโกหกฉันก็โกหกคนไม่เนียนอีก ทำไงดีเนี้ย
“ยังไงต่อ เล่ามาห้ามโกหก”
หมอนี่ก็รู้ทันฉันทุกเรื่องเลย ฉันคงโกหกเขาไม่ได้จริงๆนั่นแหละ คงต้องบอกความจริงไป เพราะถ้าพันแสงรู้เข้าทีหลังไม่ใช่แค่ฉันที่จะซวยคนอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยอาจจะซวยไปตามๆกันแน่
“ก็แฟนของมิลาก็เอาน้ำอะไรไม่รู้ให้ฉันกิน หลังจากนั้นฉันก็สลบไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เจอกับผู้ชายที่อยู่คอนโดนี้เขาบอกว่าแฟนของมิลาติดหนี้พนันเขาเลยเอาฉันมาเป็นของใช้หนี้”
ฉันเลยเล่าออกไปซ่ะหมดเปลือก ก็ดูสายตาของพันแสงสิ ตอนนี้เขากำลังจับผิดฉันอยู่ถ้าไม่เล่าไปตามความจริงฉันโดนระเบิดลงแน่
“shit ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใครวะ”
พันแสงดูหัวเสียมากกับเรื่องที่ฉันพึ่งเล่าให้เขาฟัง พี่ชายฉันคนนี้นะจะเป็นแบบนี้ตลอดเวลาที่รู้ว่าฉันโดนแกล้งหรือว่าโดนอะไรที่มันอันตราย
“แล้วเธอ เป็นไรไหม”
พันแสงหันมาถามฉันจับแก้มฉันไว้สองข้างด้วยความเบามือแล้วมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ดูเป็นห่วงฉันอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันสบายดีไม่มีส่วนไหนเสียหายเลย”
ฉันบอกแล้วฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้คนตรงหน้าฉันนั้นเลิกทำหน้าเหมือนจะฆ่าใครสักที
“งั้นก็แล้วไป”
“อือ กลับเถอะ หิวอ่ะ”
ฉันบอกแล้วเดินเกาะแขนพันแสงไปที่รถของเขา ก่อนที่รถของพันแสงจะเคลื่อนออกจากคอนโดที่ฉันมาพักอาศัยเมื่อคืน ฉันก็เผลอมองกลับดูคอนโดนั้นอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมฉันต้องรู้สึกอาลัยอาวรกับมันนัก คงไม่ได้เจอกันแล้วแหละ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันอาจจะได้เจอกับผู้ชายคนนั้น เฮ้อ รูสึกใจหายเหมือนกันสิ เอ๊ะ แล้วฉันจะรู้สึกแบบนั้นทำไมกันเนี้ย เขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉันสักหน่อย บ้าไปแล้ว ยัยบุหลัน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
Phansang :เลิกเรียนเดี๋ยวไปรับ
Buran : Ok
"เฮ้อ"
ฉันตอบกลับข้อความที่พันแสงส่งมาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ จนยัยมิลาที่นั่งอยู่ข้างๆต้องหันมามองด้วยความสงสัย
“เป็นอะไร”
“ก็พันแสงจะมารับนะสิ”
ฉันตอบแล้วก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ตอนนี้เรานั่งอยู่ใต้ตึกคณะที่เป็นที่นั่งประจำของพวกฉัน ตอนนี้คนไม่ค่อยพุ่งพล่านเท่าไหร่ เรียกได้ว่าแทบแทบจะไม่มีคนเลยละ มันสงบดีฉันชอบที่เงียบๆแบบนี้เลยเลือกที่จะมานั่งเล่นแถวนี้เพื่อฆ่าเวลาแทน
“พันแสง พี่ชายเธอนะเหรอ จริงดิ ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าพี่แกเลย”
ส่วนมากเวลาที่พันแสงมาหาฉันมิลาจะไม่อยู่ตลอดและพันแสงเป็นพวกที่รำคาญคนง่ายไม่ชอบให้ใครมองหรือพูดมากกับเขา และนานๆทีเขาจะมาหาฉันที่มหาลัยเพราะเราเรียนกันคนล่ะที่ เราอาศัยอยู่คอนโดเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวันเลยไม่จำเป็นที่เราสองคนต้องมาหากันข้างนอกบ่อยๆ แต่ตอนนี้เนี่ยดิ พันแสงตัวติดฉันอย่างกับตังเมตั่งแต่เกิดเรื่องนั่นขึ้นกับฉัน และฉันก็ยังกล่าที่ไม่เล่าเรื่องนั้นให้มิลาฟังเลย ฉันกลัวเรื่องนี้มันจะทำให้เธอกับแฟนทะเลาะกัน ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมีปัญหาเพราะฉันเลยเลือกที่จะเงียบเอาไว้ก่อน
“แล้วทำไมแกทำหน้าแบบนั่น”
“ไม่รู้สิ เบื่อๆ ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย”
เวลาส่วนตัวของฉันตอนนี้โดนผู้ชายที่ชื่อว่าพันแสงเอาไปหมดแล้วละ หมอนั่นไม่ยอมปล่อยให้ฉันออกไปข้างนอกคนเดียวอีกแล้ว ไม่รู้จะห่วงอะไรกันนักกันหนา
“ดีออกที่มีพี่ชายคอยตามห่วง”
“ฮึย ไม่พูดกับแกแล้ว ฉันไปซื้อน้ำดีกว่า เอาอะไรไหม”
ฉันตัดบท แล้วลุกขึ้นเพื่อทีี่จะเดินออกไปซื้อน้ำเพราะจู่ๆก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมา สงสัยฉันคงนินทาพันแสงมากไปมั้ง
“ไม่อะ”
มิลาตอบเสร็จฉันก็เดินออกมา ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่เห็นเตชินณ์อีกเลยเขาหลบหน้าฉันตลอดไม่รู้ทำไหม เขาต้องคอยหลบหน้าฉัน ฉันไปทำอะไรผิดไว้หรือไง เขาต่างหากสิทีี่เป็นคนทำผิดกับฉัน
ตุบ!
“อะ ขอโทษค่ะ”
แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังเดินคิดเกี่ยวกับเรื่องของเตชินณ์อยู่นั้นฉันก็บังเอิญไปชนเข้ากับใครอีกครั้งก็ไม่รู้ ความซุ่มซ่ามมักมาคู่กับฉันเสมอ แต่พอฉันได้สบตากับคู่กรณีที่แันเดินชนเมื่อกี้เท่านั้นแหละ ตาของฉันมันก็เบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจทันที ใบหน้านี้มัน
ฉันมองหน้าคนตรงหน้าไม่รู้ว่านานเท่าไหร่รู้แค่ว่าฉันไม่สามารถถอนสายตาจากใบหน้านี้ได้เลย ใบหน้าที่ตามหลอกหลอนฉันมาทั้งอาทิตย์ ใบหน้าของคนที่บอกฉันว่าไม่ให้มาเห็นหน้าอีก และคนๆนั้นตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้าฉัน และกำลังมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ฉันไม่สามารถอธิบายได้
“เออ”
และฉันก็สามารถละสายตาออกมาจากใบหน้านั้นได้เลย บ้าจริง บุหลันแกจะยืืนมองหน้าเขาแบบนี้ไม่ได้นะ
“ฉันบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ทำไมเธอถึง..”
คนตรงหน้ากล่าวออกมาแล้วจ้องหน้าฉันเขม่ง
“ขอโทษ ฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก”
ฉันพูดแล้วก้มหน้ามองดูพื้นเพื่อไม่ให้เขาเห็นหน้าฉัน
“ภูเบศ จะไปไม่ไป”
จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาสะกิดไหล่ของคนตรงหน้าฉัน อ่า เขาชื่อ ภูเบศ เหรอ พึ่งรู้เลยนะเนี้ยวว่าเขาชื่อนี้
“ไม่ต้องรอกู”
ภูเบศพูดกับเพื่อนแต่ตาเขายังมองมาที่ฉันโดยไม่ละสายตาไปไหน เขาดูไม่สนใจผู้ชายข้างๆเขาเลยสักนิด พวกเขาน่าจะเป็นเพื่อนกันนะเพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ทำตัวสนิทสนมกันแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเขาก็เลื่อนสายตามามองฉันก่อนที่เขาจะส่งยิ้มมาให้ฉันทีหนึ่ง
“อ่อ เบาๆหน่อยละ”
ผู้ชายคนนั้นพูดทิ้งท้ายเพียงแค่นั้น แล้วเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขาที่รออยู่ก่อนแล้ว แต่..สิ่งที่เขาพูดมาเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ
“ส่วนเธอ มันสายไปแล้วที่จะขอโทษ”
ภูเบศยังคงจ้องหน้าฉันไม่เลิก ฉันเลยก้มมองพื้นอีกครั้ง แต่มือของเขาก็ยังจับหน้าฉันให้เงยหน้าขึ้น ไหนบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วที่ทำมันคืออะไร หรือว่าเขาจะแกล้งฉัน ฉันเลยยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเพื่อปิดใบหน้าไม่ให้เขาเห็น
“เอามือออก”
“ไม่”
ฉันยังคงดื้อที่จะเอามือปิดหน้าไว้อยู่อย่างนั้น ก็เขาเป็นคนบอกฉันเองว่าไม่อยากเห็นหน้าฉัน ฉันก็ปิดหน้าอยู่นี่ไง จะเอาอะไรอีก
“เอาออก”
ภูเบศสั่งเสียงเย็นแล้วเอามือมาดึงมือฉันออกจากหน้า ลองคิดภาพตามสิว่าตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในท่าไหนกัน ตอนนี้เรากำลังอยู่ในท่าที่ฉันยืมก้มหน้าเอามือปิดหน้าอยู่ส่วนภูเบศก็กำลังก้มมองดูฉันแล้วเอามือมาแกะมือฉันออกอยู่ มันไม่น่ามองจริงๆแหละ
“ก็นายบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าฉัน ฉันก็ทำอยู่นี่ไง จะเอาอะไรอีก”
“เอา มือ ออก”
ภูเบศกล่าวเสียงเรียบช้าๆชัดๆทีละคำ ฉันเลยต้องเอามือออกจากหน้าฉันหลังจากที่จับรังสีอะไรสักอย่างได้ และตอนนี้เขาก็กำลังจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่อ่านยากอยู่
“หน้าแบบนี้ใครจะไปลืมลง ไปไหนมาไหนฉันก็เห็นแต่หน้าเธอ”
ตึกตัก ตึกตัก
ฮ่า หัวใจเจ้ากรรมของฉันมันเต้นแรงอีกแล้ว ฉันควรไปหาหมอแล้วแหละช่วงนี้ไม่รู้หัวใจเป็นไรต้นผิดจังหวะแปลกๆ
555 ขำความเอ๋อของบุหลันจริงๆ
บทนี้คิดถึงเฮียพันเลย
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ