Trap Evil กับดักร้อน กับดักร้าย

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.34 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 08.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) Trap Evil : 14

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
 
14
 
 
หลายวันมานี้ฉันก็โดนภูเบศกักขังฉันไว้อยู่แต่ในห้องกับเขา เขาไม่ยอมปล่อยฉันให้ออกไปไหนเลย ฉันที่มีเรียนก็ต้องขาดเรียนโดยไม่มีสาเหตุ แต่ว่าวันนี้ภูเบศก็ยอมปล่อยให้ฉันมาเรียนได้แต่โดยดี แต่กว่าจะยอมเล่นเอาซะเหงื่อตกเลยแหละ และวันนี้ฉันคิดไว้ว่าฉันจะหนีกลับห้องตัวเองเพราะว่าวันนี้พันแสงจะกลับมาจากการไปเที่ยวของเขาแล้วและเขาต้องแวะมาหาฉันที่คอนโดแน่นอน แล้วฉันก็ห่วงเจ้ายักษ์ด้วยป่านนี้คงหิวแย่เลย คงไม่หิวตายไปแล้วมั้งเนี้ย
“บุหลัน หายไปไหนมา ไม่มาเรียนตั้งหลายวัน”
เสียงของมิลาเอ่ยทักฉันขึ้นมาหลังจากที่เห็นฉันเดินเข้ามาในห้องเรียน คำถามที่เธอถามมาเล่นเอาซะฉันชะงักไปทันทีเพราะฉันไ่ม่รู้ว่าจะตอบเธอไปยังไงดี ถ้าบอกไปว่าอยู่กับภูเบศก็ต้องเป็นเรื่องอีกแน่ เอาไงดีน่ะ
“อ่อ ไม่สบายนิดหน่อยอ่ะ”
ฉันบอกแล้วก็ยิ้มแห้งๆส่งไปให้มิลา ส่วนมิลาเองก็กำลังจ้องหาฉันนิ่งๆเหมือนไม่เชื่อ ตายสิงานนี้
“งั้นเหรอ แล้วหายแล้วเหรอถึงมาได้”
แต่ไม่น่าเชื่อมิลากลับเชื่อฉันยังไม่พอเธอยังดูเป็นห่วงฉันจนฉันเองก็สึกผิดแล้วล่ะ ขอโทษนะมิลา
“อือ สบายมาก”
“แล้วทำไมไม่โทรบอกว่าไม่สบายจะได้ไปเยี่ยม”
เอาไงล่ะทีนี้ยัยบุหลัน จะบอกยังไงดี
“เกรงใจอ่ะ”
“เกรงใจอะไร บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามีอะไรให้บอกกันตรงๆ”
จึก เหมือนคำพูดของมิลาจะแทงเข้าใจฉันตรงๆเลยน่ะ รู้สึกว่าฉันจะเป็นเพื่อนที่แย่มากเลยใช่ไหม
“อือ ไว้ค่อยโทรตอนป่วยคราวหน้าก็แล้วกัน”
ฉันกล่าวแล้วก็ยิ้มให้มิลา  ส่วนมิลาก็ยิ้มตอบกลับมา เสร็จไปแล้วเรื่องหนึ่งยังเหลืออีกเรื่องที่ต้องสะสางคือ ฉันจะหนีภูเบศกลับห้องยังไงดี
หลังเลิกเรียน
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
มิลาพูดขึ้นหลังจากที่เราเรียนกันเสร็จ นี่ก็เป็นวิชาสุดท้ายแล้วและก็ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านแล้วด้วย
“อื้อ”
ฉันตอบกลับมิลาไปพร้อมกับโบกมือลาเธอไปด้วย แล้วมิลาก็เดินออกไปจากห้องเรียนด้วยความเร่งรีบสงสัยนัดกับเตชินณ์ไว้มั้งถึงดูรีบๆขนาดนี้ แล้วต่อมาโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น ฉันเลยยกมันขึ้นมาดู แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากที่เห็นว่าใครโทรมา นึกว่าภูเบศจะโทรมาเสียอีกจะได้ไม่ต้องรับ แต่เป็นพันแสงที่เป็นฝ่ายที่โทรหาฉัน
“ว่าไง”
ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างร่าเริง
[นี่ฉันโทรมาถูกเบอร์หรือเปล่าเนี่ย]
ที่พันแสงดูแปลกใจหลังจากที่ฉันกดรับโทรศัพท์นั้นก็เป็นเพราะว่าฉันไม่เคยจะดูดีใจในเวลาที่เขาโทรมาเลยสักครั้งยังไงล่ะ ส่วนมากจะติดรำคาญเสียมากกว่า
“ถูกแล้วยะ”
[เป็นไรถึงอารมณ์ดี]
ก็เพราะว่านานโทรมาถูกเวลาไงพันแสง
“เปล่า”
ฉันตอบแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง
[งั้นเหรอ เดี๋ยวเข้าไปรับอีกห้านาทีถึง]
แล้วพันแสงก็วางสายไป ฉันเลยรีบเก็บข้าวของของตัวเองใส่กระเป๋าแต่ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของฉันก็สั่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีคนโทรเข้า แต่ครั้งนี้ไม่ใช่พันแสงที่โทรมาแต่เป็นภูเบศที่โทรมา ฉันเลยเลี่ยงที่จะคุยกับเขาเลยเลือกที่จะกดตัดสายเขาทิ้งไปแทน
หลังจากที่เก็บของเสร็จฉันก็มายืนรอพันแสงที่หน้าตึกคณะขณะที่รอฉันก็มองไปรอบเพื่อมองดูว่าภูเบศมาวนเวียนอยู่แถวนี้หรืเปล่า หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าภูเบศไม่ได้อยู่แถวนี้ฉันก็ยืนรอพันแสงด้วยความสบายใจ แต่รอได้ไม่นานรถที่แสนจะคุ้นตาของพันแสงก็มาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันเลยยิ้มให้กับพี่ชายของตัวเองที่ลงจากรถคู่ใจของเขาด้วยท่าทางที่สบายๆ
“คิดถึงฉันไหม”
พันสงกล่าวประโยคนี้เป็นประโยคแรกหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์แต่ฉันเหรอจะใส่ใจกับคำพูดของเขาตอนนี้ฉันคิดแค่ว่าต้องรีบออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“อือ รีบกลับกันเถอะ”
ฉันพูดแล้วก็ดันให้พันแสงขึ้นรถเพราะเริ่มรู้สึกว่าปัญหากำลังจะมาหาฉันอีกแล้ว
หมับ!
คิดยังไม่ขาดคำมือของฉันก็โดนมือปริศนาคว้าไว้ก่อนพอฉันหันไปดูก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นเจ้าของมือนั่นเป็นใคร
“ภูเบศ”
ฉันพึมพำเสียงเบาเมื่อเห็นว่าภูเบศกำลังจับมือฉันไว้อยู่ด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตัวโตนี่กำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่
“จะไปไหน โทรหาก็ตัดสาย”
ภูเบศถามเสียงเย็นพร้อมกับจ้องหน้าฉันนิ่ง
“มึงอีกแล้วเหรอ”
แต่เสียงนี้เป็นเสียงของพันแสงที่ดังอยู่ข้างหลังฉัน
“เคยบอกแล้วไงว่าห้ามยุ่งกับยัยนี่”
พันแสงพูดต่อแต่ไม่ใช่แต่พูดเท่านี้นั้นมือของเขายังเอื้อมมาจับมือของฉันอีกขางไว้พร้อมกับดึงให้ฉันไปทางเขา เลยทำให้มือของภูเบศที่จับฉันอยู่หลุดไป ตอนนี้ฉันเลยหลบอยู่ด้านหลังของพันแสงโดยมีพันแสงบังฉันไว้อยู่
“จะยุ่งแล้วทำไม”
ตอนนี้ผู้ชายสองคนกำลังจ้องหน้ากันอย่างกินเลือดกินเนื้อกันอยู่โดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมกันเลย
“ก็จะโดนนี่ไง”
ผลั๊ว!
พันแสงพูดจบก็ชกไปที่ใบหน้าของภูเบศทันที ฉันได้แต่ยืนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยลืมห้ามพวกเขา ตอนนี้ใบหน้าหล่อๆของภูเบศเริ่มฉายความช้ำขึ้นมาให้เห็นแต่คนตรงหน้ากลับไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็นเลยซักนิด
“พัน อย่าทำ”
ฉันเอ่ยปากห้ามขึ้นพร้อมกับจับแขนพันแสงไว้แน่นเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองกำลังจะถลาเข้าไปชกภูเบศอีก
“ปกป้องมันทำไม รักมันเหรอ”
คำถามที่พันแสงถามฉันมาทำเอาฉันเงียบไปซักพักหนึ่ง รักเหรอ คงไม่ใช่แค่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี ความรักมันเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันไว้ใจในตัวของภูเบศมากเหมือนกับที่ไว้ใจพันแสง มันคงยังไม่ใช่ความรักหรอกมั้ง ฉันเลยเลือกคำตอบที่คิดว่านี่ดีที่สุดแล้วว่า
“เปล่า แค่สงสาร”
คำตอบที่ฉันพึงพูดไปเมื่อกี้ทำให้พันแสงยิ้มออกมาด้วยความสะใจ ส่วนภูเบศก็เอาแต่เงียบใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลย ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า
“หึ สงสารเหรอ”
ภูเบศพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนานเขามองหน้าฉันด้วยสายตาตัดพ้อพร้อมกับยิ้มเยอะให้ตัวเองอย่างสมเพศ
“ที่ผ่านมาแค่สงสารเหรอ สงสารตัวเองดีกว่ามั้ง ที่เธอยอมมีอะไรกับฉันง่ายๆไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ฉันวางยาเธอเอง”
หลังจากที่ฉันได้ฟังประโยคที่ภูเบศพูดเมื่อกี้มันทำเอาซ่ะฉันจุกจนพูดไม่ออก เขาบอกว่าเขาวางยาฉันใช่ไหม เขาทำไปเพื่ออะไร เขาต้องการแค่นี้ใช่ไหม ตอนนี้ฉันได้แต่คิดหาเหตุผลอยู่ในใจคนเดียว
“มึง!”
พันแสงถลาเข้าไปชกภูเบศอีกครั้งโดยครั้งนี้ปราศจากการห้ามจากฉัน ตอนนี้หัวสมองฉันไม่มีอะไรให้คิดอีกแล้วล่ะ มันขาวโพรนไปหมด
“มึงกล้ามากที่ทำน้องกู ผลั๊วๆ”
พันแสงกระหน่ำชกภูเบศฉันได้แต่งงยืนมองพวกเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“พัน หยุดก่อน เรื่องนี้ผิดที่ฉัน”
ฉันพูดขึ้นทำให้พันแสงหยุดการการทำที่กำลังทำอยู่ลง แต่ที่ฉันพูดไปฉันไม่ได้มองหน้าพันแสงเลยฉันมองหน้าภูเบศด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกอย่างมาก
“ผิดที่ฉันไปไว้ใจเขา”
ฉันพูดจบก็หันหลังเดินไปขึ้นรถของพันแสงที่จอดรออยู่โดยไม่หันกลับไปมองว่าภูเบศจะโดยพันแสงทำอะไรบ้าง ตอนนี้ขอฉันอยู่ในโลกของฉันคนเดียวดีกว่า
“เธอนี่มัน”
พันแสงพูดขึ้นหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถ ส่วนฉันได้แต่มองออกไปข้างหน้าด้วยสายตาเหม่อลอยเหมือนกับว่าวิญญาณฉันได้หลุดลอยออกไปแล้ว
“เธอโอเคนะ”
พันแสงถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปนานและสังเกตดูฉันอยู่เรื่อยๆ
“ขอฉันอยู่เงียบๆสักพัก”
ฉันพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนานเพื่อไม่ให้พี่ชายของตัวเองต้องห่วงไปมากกว่านี้ เรื่องนี้มันผิดที่ฉันเองที่ซื่อบื่อที่โง่ไปเชื่อใจคนอย่างภูเบศ ผู้ชายมันก็เหมือนๆกันหมด
 
 
 
 
 
 
ดราม่าเฉย ไม่รู้จะสงสารใครดี
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา